ความคิดเห็นที่ 1
The Nightmare of Reason : A Life of Franz Kafka by Ernst Pawel Farrar, Straus & Giroux, 466 pages
"Had one to name the author who comes nearest to bearing the same kind of relations to our age as Dante, Shakespeare, and Goethe bore to theirs, Kafka is the first one would think of." - W. H. Auden
ผมรู้จักฟรันซ์ คาฟคา จากการอ่าน The Trial, The Castle และ The Metamorphosis งานเขียนของคาฟคาเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ ผู้อ่านสามารถตีความไปได้หลายรูปแบบ อาจมองว่าเป็นการการสะท้อนภาวะแปลกแยกของปัจเจกชนในสังคมสมัยใหม่ หรือมองว่าพูดถึงระบบราชการอันน่าอึดอัด ไร้ประสิทธิภาพ หรือนึกไปถึงระบบรวมศูนย์อำนาจอันฉ้อฉลทางการเมือง รับประกันได้ว่าหนังสือของคาฟคาจะถูกตีความต่อไปอย่างไม่มีวันจบสิ้น
คาฟคาเกิดในครอบครัวชาวยิวที่กรุงปรากในปี1883 เขาเป็นพี่ชายคนโต มีน้องชาย 2 คนและน้องสาว 3 คน คาฟคารับรู้ถึงความโศกเศร้าจากการสูญเสียตั้งแต่อายุ 4-5 ปี เมื่อน้องชายทั้งสองคนได้เสียชีวิตลง
เอิร์นสท์ ปาเวล ผู้เขียนหนังสือชีวประวัติคาฟคา (The Nightmare of Reason : A Life of Franz Kafka) บอกว่า ถ้าคาฟคาไม่ได้กำเนิดและถูกเลี้ยงดูแบบยิว เขาจะไม่มีทางเป็นคาฟคาในแบบที่เรารู้จัก ชีวิตวัยเยาว์ของคาฟคาอยู่ในสังคมชาวยิวเป็นหลัก เป็นชีวิตอันน่าเบื่อหน่ายคับข้องใจทั้งในบ้านและชุมชนที่แวดล้อม เขาเคยเขียนไว้ว่า I still remember.. how as a child I quite literally drowned in the horrible boredom and mindlessness of the hours spent at the synagogue.
ชีวิตวัยเรียนในโรงเรียนมัธยมก็สร้างความเบื่อหน่ายแก่คาฟคา เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อะไรจากโรงเรียน ความรู้สึกของคาฟคาต่อโรงเรียน ทำให้ผมนึกถึง Stefan Zweig ที่เขียนไว้ใน The World of Yesterday ทั้งคู่โตมากับระบบการศึกษาในจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ในยุคสมัยเดียวกัน และรู้สึกสูญเปล่ากับหลักสูตรการสอนในโรงเรียน
คาฟคาไม่ชอบวิชาคณิตศาสตร์ เขาสนใจวรรณคดี ปาเวลเขียนถึงเกร็ดชีวิตตอนที่คาฟคามีอายุ 17 ปี ได้ชอบพอกับหญิงสาวคนหนึ่ง เขาคุยกับเธอโดยอ่าน นิตช์เช่ ให้ฟัง! (ครั้งนั้นเป็นเพียง Platonic Love คาฟคามีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกกับหญิงโสเภณีเมื่ออายุ 20)
เขาเป็นคนที่ค่อนข้างโดดเดี่ยว ไม่ชอบงานสังสรรค์ตามวงสังคม ใช้เวลาส่วนใหญ่อ่านหนังสือ หนังสือจึงเป็นครูที่แท้จริงและมีอิทธิพลอย่างสูงต่อชีวิตของเขา มักซ์ โบรด ซึ่งเป็นเพื่อนของคาฟคา บอกว่า คาฟคาชื่นชอบ เกอเธ่, โทมัส มันน์, ฮัมซุน , ดอสโตเยฟสกี้, เฮสเส และโฟลแบรต์
เมื่อสำเร็จการศึกษา คาฟคาทำงานที่บริษัทประกันภัย ซึ่งเป็นงานออฟฟิศที่น่าเบื่อ งานในบริษัทประกันสร้างความกดดันอย่างสูงให้คาฟคา ถึงขนาดเคยคิดฆ่าตัวตาย ต่อมาเขาเปลี่ยนงานใหม่เป็นหน่วยงานกึ่งราชการที่เกี่ยวข้องกับการประกันอุบัติเหตุแก่คนงาน ข้อดีของที่ทำงานใหม่คือ ใช้เวลาทำงานเพียง 6 ชั่วโมง (8 โมงเช้าถึงบ่าย 2 โมง) ทำให้เขามีเวลาเหลือในแต่ละวันสำหรับงานเขียน คาฟคาทำงานที่นี่จนกระทั่งเสียชีวิต
ตอนที่มักซ์ โบรด เขียนประวัติคาฟคาในปี 1937 โบรดมองว่าคาฟคาไม่ควรใช้เวลาสูญเปล่าไปกับงานแบบนั้น (มักซ์ โบรด เริ่มต้นชีวิตการทำงานในออฟฟิศ แต่ต่อมาเปลี่ยนอาชีพเป็นนักวิจารณ์ดนตรีและละคร) สำหรับประเด็นนี้ ปาเวลให้ทัศนะว่า มุมมองของมักซ์ โบรด เป็นมุมมองแบบคนทั่วไป สำหรับคาฟคา เขาไม่ต้องการเขียนหนังสือเป็นอาชีพ เขาต้องการเขียนเนื่องมาจากแรงผลักดันอันลึกซึ้งของการดำรงชีวิต เป็นการเขียนที่เหมือนกับการภาวนาถึงพระเจ้า
ปาเวลเขียนหนังสือเล่มนี้ได้น่าสนใจ แม้หนังสือจะยาว แต่ก็อ่านเพลิน น่าติดตาม เขาบรรยายได้ดีถึงบริบททางประวัติศาสตร์ในสมัยนั้น และให้ความเห็นเชิงจิตวิทยาในหลายประเด็น จุดเด่นของหนังสือเล่มนี้คือการให้ภาพในมุมกว้าง แต่ไม่ได้ลงลึกถึงรายละเอียดชีวิตของคาฟคา
จากคุณ :
BlueWhiteRed
- [
3 มี.ค. 51 17:14:09
]
|
|
|