หนอนหนังสือ : วันเยาว์ของคนใหญ่ หนังสือดีส่งท้ายปีเีก่า
|
|
หนังสือชื่อ วันเยาว์ของคนใหญ่ เล่มนี้โปรยท้ายปกว่า ... เชื่อหรือไม่ว่าในวัยเยาว์ อัครศิลปิน เลโอนาร์โด ดาวินซี เป็นลูกนอกกฎหมาย จึงไม่มีสิทธิ์เข้าโรงเรียนมหาประติมากร ไมเคิลแอนเจลโล มีของเล่นชิ้นเดียวเป็นเครื่องมือสลักหิน จอมทัพนโปเลียน เป็นจอมท้าตีท้าต่อยที่ถูกเพื่อนนักเรียนเตรียมทหารตั้งฉายาว่า ไอ้จ่าจิ๋ว ...ฯลฯ
และนี่คือบางส่วนแห่งชีวิตวัยเยาว์ของบุคคลผู้มีชื่อเสียงที่มิได้เกิดมาบนความมั่งคั่ง ตรงข้ามกลับตกอยู่ในวงจรแห่งความขาดแคลนและบกพร่องในรูปแบบต่างๆกัน แต่พวกเขาก็สามารถนำตัวเองผ่านพ้นอุปสรรคเหล่านั้น ขึ้นเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จได้อย่างน่าทึ่ง... ชาลี แชปลิน
...เมื่ออายุแค่แปดขวบ ชาลีก็เริ่มรับงานแสดงแล้ว แม้จะเป็นบทตัวประกอบเล็กๆน้อยๆที่ไม่สำคัญอะไรเลย แต่ก็ช่วยให้มีเงินซื่ออาหารได้บ้าง
แม่(ป่วย)เป็นๆหายๆอยู่หลายปี แต่ครั้งสุดท้ายที่แม่เกิดอาการเสียสติและไม่กลับดีอีกเลยนั้น ชาลีเป็นคนค่อยๆปลอบแม่ให้สงบ แล้วจูงแม่ซึ่งไม่รู้เรื่องแล้วไปส่งที่โรงพยาบาลโรคจิตด้วยตัวเอง
ชีวิตในช่วงนั้นสำหรับหนูน้อยชาลี แค่การต่อสู้ให้อยู่รอดในแต่ละวันก็สาหัสมากแล้ว การเรียนหนังสือจึงกระท่อนแกระแท่น ได้เรียนบ้าง ไม่ได้เรียนบ้าง ทำให้ชาลีอ่านหนังสือไม่แตก
เขาได้งานแสดงละครเป็นเรื่องเป็นราวเมื่ออายุ 12 โดยไปปดกับหัวหน้าคณะละครว่าอายุ 14 ตามที่กฎหมายสมัยนั้นอนุญาตให้ทำงาน
ในละครนั้นมีบทพูด ชาลีต้องไปตามพี่ชายมาช่วยอ่านบทให้แล้วตัวเขาท่องตาม โชคดีว่าชาลีมีสมองที่สามารถจำบทละครยาวๆได้ง่ายดาย โดยพี่ชายแทบไม่ต้องอ่านซ้ำสองเลย ราวกับว่าสวรรค์ส่งมาเกิดเพื่ออาชีพนี้โดยเฉพาะ
เพียงเล่นละครเรื่องแรก หนังสือพิมพ์ในลอนดอนก็ชมเชยเจ้าหนูชาลีเป็นการใหญ่ บอกว่าเป็นนักแสดงรุ่นเยาว์ที่มีอนาคตสดใส จะต้องมีชื่อเสียงต่อไปในภายหน้า...
มาร์ค ทเวน ...เด็กจอมซนอย่างแซม(ชื่อเล่นของเขา)นั้น ครูไม่โปรด แซมเองก็ไม่ปลื้มครูเหมือนกัน เมื่อเขากลายเป็นนักประพันธ์ใหญ่ แซมเคยเขียนไว้ว่าอะไรๆที่สำคัญในชีวิตเขา...ไม่ได้เรียนจากโรงเรียนเลยสักอย่าง
ไม่น่าเชื่อ แต่แซมเบื่อโรงเรียนจนเคยแกล้งทำตายเพื่อที่จะไม่ต้องไปโรงเรียน แต่พ่อและแม่รู้ทันจึงใช้ไม่เรียวสะกิดให้ ศพลุกขึ้นวิ่งไปโรงเรียนได้
แม้จะเป็นเด็กแก่นที่เกลียดโรงเรียน แต่เด็กชายแซมรักห้องสมุดเป็นที่สุด เขาลุยอ่านทุกอย่างในห้องสมุดเล็กๆของหมู่บ้าน และจะมีหนังสือติดมือเสมอไม่ว่าจะไปไหน นิทานและเรื่องผีคือส่งที่แซมโปรดเป็นพิเศษ...
ล้อต๊อก กับ บ๊อบ โฮป ...ในวัยเด็กทั้งเด็กชายสวง(ล้อต๊อก)และเด็กชายเลสลี่(บ๊อบ โฮป)ไม่ค่อยชอบโรงเรียน ซึ่งก็น่าเห็นใจ เพราะดูจากไหวพริบปฏิภาณที่ใช้ในอาชีพเมื่อตอนโต ทั้งสองคงเป็นเด็กฉลาดที่ต้องไปทนอยู่ในห้องเรียนแผนโบราณ-ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอเมริกาหรือเมืองไทย-ครูส่วนใหญ่ก็แค่จับให้เด็กทำเลข ท่องหนังสือกับคัดลายมือเท่านั้น อะไรที่สร้างสรรค์ไปกว่านั้นโรงเรียนแผนโบราณไม่มีให้
ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ทางแก้ก็มีง่ายๆคือต้องหนีเรียน ไปหาอะไรที่สนุกกว่าทำดีกว่า ไม่ได้หนีเรียนไปเสพยาหรือมั่วกามาอย่างเด็กสมัยต่อๆมา แต่ไปทำอะไรที่ ปลอดสารพิษ ตามประสานรุ่นคุณทวด
เด็กชายสวงชอบหนีเรียนไปช่วยงานบุญ งานบวช ไปช่วยเขาตีกลอง ช่วยการละเล่นต่างๆส่อแววตลกมาให้เห็นตั้งแต่ต้น
เด็กชายเลสลี่นั้นปลื้มดาราหนังเงียบชาลี แชปลิน มักพยายามทำท่าทางให้เหมือนที่เห็นจากในภาพยนตร์ชวนให้เพื่อนฝูงฮากัน ว่างๆก็ไปประกวดกับเขาตามงาน แฟร์ ที่เทียบได้กับงานวัดของบ้านเรา เพราะในครั้งโน้นฝรั่งนิยมจัดการประกวดเลียนแบบดารา...
ทอม ครูซ ...มีปัญหาทางการเรียน เพราะมีอาการของดิสเลกเซีย (dyslexia) ซึ่งเป็นความผิดปกติทางสมองอย่างหนึ่ง
แม่และพี่น้องผู้หญิงของเขาก็เป็นกันหมดทั้งบ้าน คนที่มีลักษณะบกพร่องเช่นนี้จะมองเห็นอักษรกลับไปมาหรือสับสนวุ่นวาย แทนที่จะเรียงกันเป็นระเบียบอย่างปกติ บางครั้งสีขาวของกระดาษอาจดูจ้าจนเห็นอักษรไม่ชัด ทำให้อ่านไม่ได้
แม่ซึ่งผ่านการฝึกฝนมาเป็นครูสอนเด็กที่มีความบกพร่องด้านนี้ต้องช่วยลูกทั้งสี่คนของตัวเองอย่างสุดความสามารถ แต่บรรดาลูกๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งทอมซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวรู้สึกมีปมด้อยอย่างมากเมื่ออยู่กับเพื่อนและครูในโรงเรียน
นอกเหนือจากการอ่านหนังสือแล้ว ทอมและพี่น้องเป็นปกติเหมือนกับเด็กอื่นๆ เวลาอยู่บ้านทอมชอบเลียนแบบตัวแสดงในโทรทัศน์ให้พ่อแม่พี่น้องดูเป็นประจำ...
ฯลฯ
วันเยาว์ของคนใหญ่ไม่ใช่หนังสือแปล แต่เป็นงานเขียนของ ศุภาศิริ สุพรรณเภสัช ที่ค้นคว้าเรื่องราวในชีวิตวัยเยาว์ของคนใหญ่ของโลก 50 คนมาเรียบเรียงเป็นหนังสือที่น่าอ่านเป็นอย่างยิ่ง เธอเขียนไว้ในคำนำว่าเป็น หนังสือเรียกกำลังใจ เพื่อคนเป็นลูกที่ไม่ถูกใจพ่อแม่ และคนเป็นพ่อแม่ที่ไม่ถูกใจลูก
รวมทั้งเพื่อเตือนใจ มือที่สามคือบรรดาครูอย่างตัวป้าต่าย(คุณครูที่ขอให้เขียนหนังสือเล่มนี้)เองว่า
เด็กไม่เอาไหนวันนี้
ก็มีสิทธิ์ได้ดีในวันข้างหน้า
หากครูมอบความเมตตาควบคู่ไปกับความรู้...
สำหรับผมแล้ว หนังสือเล่มนี้ยังเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น เพราะสามารถเป็นกำลังใจให้ผู้อ่านโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนหรือหนุ่มสาวที่กำลังเริ่มก้าวแรกๆบนถนนแห่งอาชีพให้เกิดความหวังว่า เส้นทางแห่งความสำเร็จข้างหน้านั้นมิได้ถูกจำกัดอยู่เฉพาะเด็กที่เรียนเก่งหรือฐานะร่ำรวยพร้อมมูลเท่านั้น แต่ทุกคนล้วนมีโอกาส ขอเพียงค้นหาตัวเองให้พบแล้วบากบั่นมุ่งมั่นโดยไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ เหมือน 50 คนที่คัดเลือกมาเล่าไว้อย่างน่าอ่านในหนังสือเล่มนี้
คุณศุภาศิริเขียนหนังสือสนุก อ่านเพลิน ไม่มีเบื่อ และจบเป็นตอนๆ จึงไม่จำเป็นต้องอ่านรวดเดียวจบ (แต่ผมอ่านรวดเดียวจบ-เพราะวางไม่ลง) จึงเป็นหนังสือที่พ่อแม่ควรติดไม้ติดมือไว้ในช่วงเทศกาลแห่งการทบทวนชีวิตของปีที่ผ่านมาเพื่อย่างก้าวใหม่ในปีถัดไป...อ่านเสร็จแล้วก็ส่งให้ลูกอ่านต่อ หรือจะผลัดกันอ่านก็ยังได้
สำนักพิมพ์มติชนจัดพิมพ์และจำหน่าย เล่มละ 180 บาท(เท่านั้น).
ปล. คุณศุภาศริ มีคอลัมน์ประจำ For a Song ท่องโลกผ่านเพลงในมติชนรายวันฉบับวันอาทิตย์ครับ เป็นคอลัมน์แรกๆที่ผมเลือกอ่าน.
ติดตามอ่านเพิ่มเติมและพูดคุยกับผมได้ที่ http://www.bunchon.net/Bunchon/BookWorm/Bookwarm5/Bookwarm5.html ครับ
จากคุณ |
:
Gen.Bunchon
|
เขียนเมื่อ |
:
27 ธ.ค. 52 07:03:25
|
|
|
|