ความคิดเห็นที่ 1   E-book ก็ต้องใช้พลังงานเหมือนกันนะครับ พลังงานก็ต้องมาจากไฟฟ้า ก็ต้องไปผลิตไฟฟ้า สร้างเขื่อน , โรงไฟฟ้าถ่านหิน ฯลฯ ก็ทำให้โลกร้อนเหมือนกัน จากคุณ : น้ำค้างหยกเก้าบุปผา (Jade Dew) เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 12:17:13

ความคิดเห็นที่ 2   โอ่ย..แล้วถ้าที่บ้านไม่มีคอมพิวเตอร์ ไม่มีไฟฟ้าใช้ ก็อดอ่าน e-book หนะสิครับ อีกประการหนึ่ง คุณลองอ่านหนังสือบนจอคอมพิวเตอร์ดูสิครับ อ่านไปนานๆจะรู้ว่ามันไม่สะดวกด้วยประการทั้งปวง แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 53 12:46:38 จากคุณ : สัญญาณหางปลา เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 12:45:42

ความคิดเห็นที่ 3   คนที่คิดเรื่องนี้คงไม่เคยเห็นเด็กเล็กๆ อ่านหนังสือ เวลาเด็กโยนหนังสือเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา คิดดูนะ ถ้าเป็นเล่มกระดาษยังพอทน ถ้าเป็น e-book โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : Canossa เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 13:22:48

ความคิดเห็นที่ 4   ยังคงชอบอ่านหนังสือเป็นเล่มๆ มากกว่า e-book นะคะ หนังสือเป็นสื่อที่เข้าถึงคนทุกกลุ่ม ทุกวัยและทุกแห่งหนได้ง่าย e-book เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้นค่ะ สรุปว่า...ไม่เห็นด้วยนะคะ จากคุณ : Clear Ice เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 14:07:25

ความคิดเห็นที่ 5   ชอบอ่านหนังสือเป็นเล่มมากกว่าค่ะ e-bookอ่านไม่นานก็ปวดตาแล้วค่ะ จ้องตัวหนังสือเป็นพรืดบนจอคอม แล้วกว่าจะอ่านจบเป็นหลายร้อยหน้า สลบพอดีค่ะ อีกอย่างก็อย่างที่หลายคนบอก ไม่ใช่ทุกคนจะสะดวกให้คอมมาอ่านe-bookกันค่ะ หนังสือเข้าถึงคนได้มากกว่า จากคุณ : Emotion-P เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 14:21:04

ความคิดเห็นที่ 6   บริษัทผมเคยมีโครงการลดการใช้กระดาษ ให้หันมาใช้การสื่อสารภายในทาง Intranet แทน เรียกว่าโครงการ paperless วันหนึ่งๆ ผมได้รับเมล์เยอะแยะเลย ทนอ่านจากจอคอมพิวเตอร์ไม่ไหว เดี๋ยวสายตาเสีย เลย print ลงบนกระดาษ อ่านแล้วก็โยนทิ้งถังขยะไป ส่วนข้อมูลนั้นยังอยู่ในเครื่อง ตกลงว่า เสียสองต่อ จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 14:39:24

ความคิดเห็นที่ 7   e-book เป็นทางเลือกของคนกลุ่มนึงเท่านั้นล่ะครับ คงยังเป็น mainstream ไม่ได้ ตอนนี้ปัญหาเรื่องความเมื่อยตาตอนอ่านนี่ได้รับการแก้ไปแล้วนะครับด้วยเทคโนโลยี e-ink ที่ amazon นำมาใช้ใน Kindle แต่ก็ยังมีปัญหาอื่นๆอีก เช่นต้องใช้อุปกรณ์เพิ่มเติมในการอ่าน ราคาของอุปกรณ์ ซึ่งผมว่าเป็นปัญหาใหญ่สุดที่จำกัดวงให้ e-book อยู่ในที่แคบๆเท่านั้น ส่วนเรื่องช่วยลดโลกร้อน ก็ต้องดูว่าอุปกรณ์อ่าน e-book นั้นใช้พลังงานมากแค่ไหน หนังสือเมื่อพิมพ์ออกมาแล้ว ส่งถึงมือผู้อ่านแล้ว ก็แทบจะไม่ต้องใช้พลังงานใดอีกแล้วครับ (ไม่นับการเปิดไฟอ่านนะครับ ฮ่าฮ่า) แต่ถ้าอ่านเป็น e-book นั้นก็ต้องใช้พลังงานเรื่อยๆ ทุกๆครั้งที่อ่าน ถ้าไม่มีการศึกษาเปรียบเทียบทั้งวงจรตรงนี้ (Life Cycle Assessment: คือตั้งแต่ผลิต ส่งจำหน่าย ใช้ ทำลาย) ก็พูดไม่ได้หรอกครับว่า e-book จะมี carbon footprint ที่น้อยกว่า จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 15:09:39

ความคิดเห็นที่ 8   ถ้าผลิตเป็นหนังสือ ก็ควรแบ่งคนอื่นอ่านด้วยจะได้ไม่ต้องพิมพ์หลายเล่ม หรือถ้าเป็น e-book ตัวอ่านก็น่าจะ charge จากพลังงานแสดงอาทิต หรือพลังงานเคมี น่าจะช่วยได้ จากคุณ : atpp007 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 15:34:08

ความคิดเห็นที่ 9   เราชอบหนังสือเป็นเล่มมากกว่า บ้าหอบฟาง e-bookก็ดีนะ แต่สายตาเสียน่ะสิ จากคุณ : Neophillia เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 16:04:54

ความคิดเห็นที่ 10   แบบ I-pad น่ะหรอ คิดว่าถ้าทำให้ไม่ปวดตาได้ หนังสือโดนโละแน่นอน โรงเรียนอินเตอร์แถวบ้านมีนโยบายจะเอามาใช้ในโรงเรียนด้วยซ้ำ เรื่องลิขสิทธ์ ต้องมีวิธีกันระดับหนึ่ง เพราะหนังสือมันก็เอาไปซีร็อคได้เหมือนกันไง ทำเป็นจอบางๆ ถือสะดวก เหมือนไอพอคที่ใหญ่หน่อย อ่าน นสพ. อ่านทุกอย่างจากในจอนั้น อย่านึกว่าคนจะไม่ใช้กัน เด็กวัยรุ่นสมัยนี้โหลดนิยาย+การ์ตูนกัน ทางไอพอค มานั่งอ่านเป็นเรื่องๆ เราเห็นยังปวดตาแทน แต่เด็กพวกนี้มันเป็น life style ของเค้า จากคุณ : กกก เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 18:48:07 A:124.122.182.4 X: TicketID:178919

ความคิดเห็นที่ 11   เรายังชอบเป็นเล่มกระดาษมากกว่า เด็กรุ่นใหม่น่าจะรับ ebook ได้มากกว่าแต่เราไม่ไหว ปวดตา เราอยากจะเริ่มให้พวกโฆษณาเป็นเล่มๆ,  แผ่นๆที่ส่งมาทางไปรษณีย์ มาบ้านมากมายก่ายกอง ชั่งกิโลขายได้เยอะมาก เสียดายกระดาษ จากคุณ : สารภีดง เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 19:40:51

ความคิดเห็นที่ 12   เวรกรรม โหวดไม่ได้ เซงจริง สมาชิกมือถือ น่าลองนะ แต่ผมว่า แบบหนังสือ น่าจะดีกว่าอะ จากคุณ : Guiman เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 20:42:50

ความคิดเห็นที่ 13   นึกถึงยามที่เลิกใช้แล้วด้วยนะคะ E-book คงกลายเป็นขยะอิเลคโทรนิคชิ้นเขื่องที่คงกำจัดไม่ได้ง่ายๆ เราว่าทุกวันนี้โลกเองยังไม่มีคำตอบสำหรับที่ไปของเหล่าคอมพวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือมากมายที่จะปลดระวางในอนาคตเลยค่ะ ส่วนหนังสือเล่มหนึ่งนั้นอายุการใช้งานถ้าเก็บกันจริงๆ ก็อยู่ไปได้อีกหลายสิบปีแถมการกำจัดทำลายก็น่าจะง่ายกว่า บางส่วนอาจถูกนำกลับไปรีไซเคิลด้วยซ้ำ ต่อให้จำนวนมากกว่า (ซื้อหนังสือหลายๆ เล่ม vs ซื้อ E-book หนึ่งชิ้น) แต่ถ้าการจัดการทำได้ดีกว่าก็อาจจะคุ้มค่าและเหมาะสมกับการนำมาใช้งานมากกว่า ถ้าคิด carbon footprint ก็น่าจะเอาตรงส่วนนี้ไปคิดด้วยไม่งั้นก็ไม่ยุติธรรมกับหนังสือกระดาษ ในส่วนของการผลิตนั้นต้องไปดูรายละเอียดเปรียบเทียบกันจริงจังก็น่าจะเห็นภาพว่าใครมีส่วนส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมมากกว่ากัน แต่ต้องดูให้ครบทั้งหมดนะคะ อย่างหลายๆ ความเห็นข้างบนว่า E-book เองก็ต้องใช้พลังงานซึ่งหนังสือนั้นหลังผ่านกระบวนการผลิตจนถึงมือผู้บริโภคแล้วก็แทบไม่ต้องการพลังงานอีกเลย (อ่านหนังสือภายใต้แสงอาทิตย์ได้ค่ะ :P) แต่จะเอาผลกระทบที่เกิดจากการผลิตพลังงานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการขุดเจาะ-กลั่นน้ำมันหรือก๊าซ มาเหมารวมว่าเป็นผลกระทบของ E-book ทั้งหมดก็ไม่ถูก ต้องแบ่งตามส่วนซึ่งอาจจะมีตัวเลขไม่สูงเท่าไหร่ สำหรับการผลิตเราว่าถ้าเทียบกันจริงๆ ไม่น่าจะต่างกันเท่าไหร่แต่ถ้าใครอยากรู้ตัวเลขจริงๆ ก็คงต้องไปหาข้อมูลมาดูกันล่ะค่ะ ส่วนเรื่องการใช้งานเราสนับสนุนหนังสือแบบดั้งเดิมสุดตัวค่ะ ไม่ชอบการอ่านผ่านทางจอเอามากมันไม่ทำให้รู้สึกถึงการพักผ่อนเลย การใช้ E-book น่าจะยังจำเป็นต้องมีการทำวิจัยศึกษาถึงผลกระทบระยะยาวที่มีต่อร่างกายมนุษย์นะคะ อย่าลืมว่ามันเพิ่งเริ่มมีการใช้งานไม่นานนักซึ่งผลกระทบที่เห็นตอนนี้ก็เป็นแค่แบบที่เกิดทันที ส่วนระยะยาวคงต้องรูดูกันไปอีกไม่ต่ำกว่าหนึ่งช่วงอายุคนล่ะค่ะ นอกจากนี้หนังสือแบบดั้งเดิมที่ทำจากกระดาษยังน่าจะเข้าถึงผู้คนได้ง่ายกว่า E-book ที่มีข้อจำกัดเรื่องพลังงานอีกด้วยค่ะ ยังไม่นับว่าถ้าในอนาคตมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้พลังงานของทั่วโลกแล้ว E-book จะหมดค่าไปเลยหรือเปล่า? จากคุณ : AYLIT เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 53 09:54:43

ความคิดเห็นที่ 14   ความดีของอีบุ๊คที่ใช้กับเครื่องอ่านพิเศษอย่างคินเดิลของอเมซอน ก็คือขยายขนาดตัวอักษรได้ อ่านนานๆก็ไม่ปวดตา เหมาะสำหรับผู้สูงวัยเท่านั้นเองค่ะ  ส่วนการอ่านตรงจากคอมพิวเตอร์ไม่สะดวกอย่างที่ความเห็นอื่นๆบอกมาแล้ว แต่ราคาเครื่องและราคาอีบุ๊คที่ต้องซื้อ โดยเฉลี่ยแล้วแพงกว่าซื้อหนังสือเป็นเล่มมาก ดูเหมือนจะมีโปรแกรมที่ทำให้เอาหนังสืออีบุ๊คที่ซื้อให้เพื่อนยืมได้ในเวลาจำกัด แต่คงไม่มีใครคิดเอาเครื่องอ่านไปให้ใครยืมแน่เพราะมันแพง สรุปว่าหนังสือเป็นเล่มๆยังดีที่สุด ซื้อเ่ล่มนึงแบ่งกันอ่านหลายๆคนก็คุ้มกับที่โลกร้อนแล้ว และวิธีที่จะแก้ปัญหาโลกร้อนผ่านทางหนังสือ คือพิมพ์เรื่องไร้สาระให้น้อยลงหน่อยกระมังคะ จากคุณ : วัชรวิชญ์ เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 53 14:57:33

ความคิดเห็นที่ 15   ขอเสริมนิดนึงนะครับเรื่องการผลิต เพราะนอกจากจะดูที่พลังงานที่ใช้ในการผลิต (และการขนส่ง)แล้ว ยังมีเรื่องสารเคมีที่ใช้ในการผลิตอีก ถ้าเป็น e-book ก็จะมีสารพวกกรดที่ใช้กัดแผ่นวงจร แต่หนังสือก็มีสารเคมีที่ต้องใช้เหมือนกันที่มากับหมึก นอกจากนี้ก็สามารถพิจารณาเรื่องการบรรจุหีบห่อได้อีกว่าใช้พลาสติคที่ย่อยสลายได้ง่ายหรือเปล่า ตอนทำลายหรือนำกลับมาใช้ สารบางอย่างทำลายหรือนำกลับมาใช้ไม่ได้ หรือมีพิษถ้าทิ้งไปเฉยๆ (เช่นปรอท) ก็ต้องพิจารณาตรงนี้อีก อย่างที่บอกครับ ว่าควรดูทั้งวงจรของสินค้าเลย บริษัทที่ให้ความสนใจเรื่องนี้ เช่น Apple ก็จะมีรายละเอียดเรื่องผลกระทบจากการใช้งานผลิตภัณฑ์ของเขาไว้ ลองเข้าไปดูกันได้ครับ http://www.apple.com/environment/complete-lifecycle/ http://images.apple.com/environment/report/docs/iPad_Environmental_Report.pdf  <--- ของ iPad จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 53 14:15:00

ความคิดเห็นที่ 16   ไม่ชอบอีบุ้คเพราะสายต่าไม่ค่อยดี จ้องคอมมากๆไม่ได้ และเรื่องของโลกร้อน สามารถลดได้จากวิธีอื่น จากคุณ : agaligo77 เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 53 21:35:57

ความคิดเห็นที่ 17   ความคลาสสิกคงจะหายไปอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว จากคุณ : เด็กหญิงหลงทาง เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 53 22:57:02

ความคิดเห็นที่ 18   การอ่านหนังสือเป็นเล่มเป็นความคลาสสิคอย่างหนึ่งครับผม แถมหนังสือเดี๋ยวนี้ทำมาพกพาสะดวก ไม่ต้องมาเปิดเครื่อง แค่เปิดหน้าก็อ่านได้เลย ทุกที่ทุกเวลา จากคุณ : Ryou-kung เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 53 16:33:00

ความคิดเห็นที่ 19   การอ่านหนังสือเป็นเล่มเป็นความคลาสสิคอย่างหนึ่งครับผม แถมหนังสือเดี๋ยวนี้ทำมาพกพาสะดวก ไม่ต้องมาเปิดเครื่อง แค่เปิดหน้าก็อ่านได้เลย ทุกที่ทุกเวลา จากคุณ : Ryou-kung เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 53 16:35:12