ความคิดเห็นที่ 1   เราเป็นคนที่เห็นหนังสือไม่ได้เลย ต้องขอแวะหน่อย ไม่พ้นเรื่องนิยายและหนังสือภาษาอังกฤษ (เอามานอนกอด) แต่น้องสาวหรือเพื่อนเราไม่มีใครชอบหนังสือเลย ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ชวนน้องไปงานสัปดาห์หนังสือก็ไม่ไป มันบอกไม่ต้องมาชวนเลย โห..เราอยากให้คนอื่นรู้ว่า อ่านหนังสือแล้วมันมีความสุข ถึงแม้บางเล่มเราจะซื้อมาบ่นแล้วบ่นอีกว่าไม่หนุก แต่ก็ยังไม่เข็ดที่จะซื้อ จากคุณ : พันลิบลิบ (พันลิบลิบ) เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 13:42:58

ความคิดเห็นที่ 2   ส่วนตัวคิดว่าคงเพราะความสนใจของคนเรามันไม่เหมือนกันค่ะ เราเป็นคนที่ชอบอ่านนิยาย เคยแนะนำให้น้องชายเหมือนกันแต่น้องเราไม่แลเลย แต่ถ้าเป็นนิตยสารตกแต่งรถอะไรนี่ เห็นอ่านจนกระดาษแทบทะลุ พอเราลองไปเปิดๆดูบ้างกลับมองว่าไม่เห็นมีอะไรเลย จากคุณ : ใต้เงาจันทร์ทรา เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 14:40:28

ความคิดเห็นที่ 3   ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรครับ อย่างกลุ่มผมมี3คน ผมชอบอ่านนิยายแปลญี่ปุ่น อีกคน อ่านนิยายจีน ส่วนอีกคนอ่าน นิยายตะวันตก แต่ทั้งหมด ไม่อ่านนิยายไทย จากคุณ : slamer เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 14:41:59

ความคิดเห็นที่ 4   มันอยู่ที่ความชอบน่ะครับ มันเหมือนกับว่า มีคนประหลาดใจ ถ้าคุณไม่ดูฟุตบอล จากคุณ : EITHER เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 14:53:04

ความคิดเห็นที่ 5   เราเป็นคนที่แทบไม่อ่านนิยายเลยด้วยเหตุผลอันง่ายๆก็คือว่า เราเรียนในเมืองไทยถึงแค่ ม. ต้น แล้วย้ายถิ่นฐานไปพำนักอาศัยในประเทศอังกฤษ และภาษาอังกฤษเราก็แสนจะห่วยแตก  รอบๆตัวเรา ภาษาไทยก็ไม่มีจะให้อ่าน ภาษาอังกฤษก็อ่านแล้วปวดหัวเพราะมันยากจนอ่านไม่รู้เรื่อง...แต่ีพอเรียนๆหนังสือไปนะ เราพบว่าตัวเอง iq ต่ำกว่าเด็กทั่วๆไป เราก็เลยต้องกัดฟันอ่านหนังสือภาษาอังกฤษแนว how-tos แบบที่พอจะช่วยพัฒนาความสามารถทางสมองได้ เช่นหนังสือของ Tony Buzan (คนที่เขียนเรื่อง mind maps) หนังสือแนว esoteric arts (ศาสตร์๋เร้นลัีบ) เช่นโยคะ ฝึกกำลังภายใน (หวังฝึกสมาธิเพื่อเปลี่ยน cells สมองแล้วเพิ่มความฉลาด)  หนังสือเรื่อง logic และหมากรุกสากล (หวังเรียนวิธีใช้เหตุผลเพื่อพัฒนา iq)   อ่านๆไปนะ เราไม่มี dictionary อังกฤษเป็นไทยเลยสักเล่มเดีึยว (เพื่อนมันยุให้ขว้างทิ้งไป จะได้ภาษาอังกฤษเก่งไวๆ ไอ้เราก็ดันเชื่อมัน)  เรามีแต่ dictionaries อังกฤษเป็นอังกฤษ ยิ่งอ่านอะไรยากๆ เปิดหาศัพฺท์ก็ยิ่งมึนหัว a แปลว่าอะไร? หาเจอแปลว่า b ก็ไม่เข้าใจ b เปิดไปเรื่อยๆไปเจอ c, d, e แปลว่าอะไรก็ไม่รู้...เดาๆมั่วๆ วนไปวนมา  กว่า่จะอ่านหนังสือ howtos กับหนังสือสาขา esoteric arts หลายๆสาขาได้ ก็ยากแสนเข็ญแทบกระอักเลือดแล้ว ก็เลยไม่มีเวลาอ่านนิยาย...555+++... ตอนนี้เรามีแฟนที่อ่านและแปลวรรณกรรมอังกฤษและอเมริกันได้เก่งมากๆ และมีความรู้เรื่องนิยายมาก จนเล่าเรื่องนิยายแนวคลาสิกต่างๆ (ทั้งไทยอังกฤษ) ให้เราฟังได้เป็นตุเป็นตะ  ในขณะที่สมองเรามีแต่ตรรกะของระบบคอมพิวเตอร์ (เราเป็นนักทดสอบ software) ที่ทำอะไรแผลงๆกับระบบคอมพิวเตอร์ได้หลายๆอย่างโดยการเรียนรู้ด้วยตัวเองทั้งหมด ก็เลยเรากับแฟนเรา บางทีคุยกันไม่ค่อยจะรู้เรื่อง เราเคยอาจหาญ (สงสัยต้องเรียกว่าหน้าด้านมากกว่า) แปลนิยายอเมริกันกับอังกฤษเป็นภาษาไทยให้ สนพ เสร็จไปแล้ว 4-5 เรื่อง  แต่พอเห็นความรู้เรื่องนิยายที่แฟนเรามีมากกว่าเราหลายเท่า เราเลยอาย เลิกแปลนิยายไป แล้วหันไปแปลแต่เอกสารจากไทยเป็นอังกฤษเป็นอาชีพหลักแทน.... จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 15:24:04

ความคิดเห็นที่ 6   จริงๆแล้วในอดีตเราก็อ่านนิยายมา เพราะมันเป็นเรื่องบังเอิญ เพื่อนฝรั่งวางหนังสือของ Dennis Wheatley ไว้แล้วเราไปหยิบเปิดๆอ่านโดยไม่ได้ตั้งใจ โหมันสนุกจนวางไม่ลงแน่ะ เป็นแนว occult อ่านหนังสือของนักเขียนรายนี้ไปหลายเล่ม  (ที่ชอบก็เพราะมันเร้นลับดี) แล้วต่อมาอ่านของ Isaac Asimov ไปหลายเล่มเหมือนกัน (ที่ชอบก็เพราะว่า ถึงเป็นจินตนาการแต่ก็ใช้ตรรกะได้แม่นยำมากๆ เนื่องจากเราสนใจในวิชา logic) แล้วหลังจากนั้น ก็เลิกอ่านนิยายไปเสียนาน แต่มีเหตุการณ์ประหลาดเกี่ยวกับนิยายเกิดขึ้นกับเรา นั่นก็คือว่า  เราผู้ไม่เคยเรียน grammar เลยในชีวิต คือฟัง พูด อ่าน เขียนอังกฤษได้แบบอาศัยเคยอยู่ในสภาพแวดล้อมของการพูดภาษาอังกฤษ  แล้วอยู่ดีๆไปตอบกระทู้ใน pantip เรื่องภาษาอังกฤษแล้วเห็นคนเก่งๆ grammar เข้ามาแสดงความรู้ เราก็เลยลองเรียน grammar ดูบ้าง แล้วเผอิญมันเป็นช่วงเวลาที่แฟนเราต้องแปลนิยายอเมริกันที่เขียนโดยนักเขียนฝรั่งระดับได้รับรางวัลงานเขียนยอดเยี่ยมหลายรางวัล และนักเขียนแต่ละคนเขียนภาษาอังกฤษไว้ยากซับซ้อนมากๆ เราเลยเอานิยายทุกเรื่องที่แฟนเราแปลมานั่งอ่านเพื่ีอช่วยเธอตีความภาษาอังกฤษยากๆ  แล้วเราใช้ software ตัวเก่งของเรา ที่เราทดสอบมาแล้วเป็นอย่างดี  มา organize sentence structure types ที่น่าสนใจ ซึ่งเจอในหนังสือเหล่านั้น โดยจัดมันไว้เป็นหมวดหมู่ แล้วหัดเอามันมาดัดแปลงเขียนใหม่ พลิกรูปประโยคกลับไปกลับมา   โอ้พระเ้จ้่าจอร์จ ช่างน่ามหัสจรรย์จริงๆ  หลังจากหัดเลียนแบบโครงสร้างประโยคที่นักเขียนระดับอัฉริยะพวกนี้เขียนไว้นะ อีกหลายเดือนต่อมา เรากลับไปทำงานแปลไทยเป็นอังกฤษใหม่อีกรอบหนึ่ง ปรากฎว่า "เราเขียนภาษาอังกฤษได้รวดเร็วและแม่นยำดุจดั่งปีศาจแน่ะ...555+++..." แต่...แต่อะไรหว่า?  แต่ตอนอ่านนิยาย (เล่มที่แฟนเราแปลหลายๆเล่มน่ะ) สงสัยว่าเราแทบจะไม่ได้สนุกไปกับนิยายพวกนั้นเอาเสียเลย "นั่นก็เพราะว่าเรามัวแต่ไปวิเคราะห์และสังเคราะห์ sentence structure types และ syntax ในงานเขียนของนักเขียนฝรั่งระดับอัฉริยะพวกนั้นอยู่ จนลืมความสนุกของนิยายไปเสียเลย" ตกลงในช่วงหลังๆของชีวิตเรา เรากลายเป็นอ่านนิยาย แต่ไม่ได้อ่านเพื่อสนุกหรือเพ้อฝันเสียแล้ว แต่อ่านเพื่อ "ขอเรียนวรยุทธ์จากนักเขียนฝรั่งเพื่อที่จะได้กลับไปเขียนภาษาอังกฤษแข่งกับนักแปลคนอื่นๆในท้องตลาดการแปลนั่นเอง" .... แต่จะอย่างไรก็ตาม เราก็ได้ค้นพบว่า "ภาษาอังกฤษในนิยาย นักเขียนระดับอัฉริยะ ผูกประโยคได้จินตนาการยอดเยี่ยมหลุดโลกเลยหละ ไม่รู้ว่าพวกเขาเอา cells สมองส่วนไหนคิดกัน ถึงคิดออกมาได้แบบนั้น คนที่อ่านแต่ nonfiction อย่างเรา พอไปอ่าน fiction บ้าง มันเปลี่ยนมิติภาษาอังกฤษที่เราเขียนไปได้มากพอดูเลยทีเดียวหละ..." แต่จนป่านนี้เราก็ยังไม่ชอบอ่านนิยายไทย เพราะไม่ชอบแนวนิยายไทย คือมันไม่ค่อยจะมีอะไรแหวกแนวมากนัก ทำให้น่าเบื่อ แก้ไขเมื่อ 19 เม.ย. 53 15:55:26 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 15:48:38

ความคิดเห็นที่ 7   เคยประหลาดใจเหมือน จขกท. เลยค่ะ งงเหมือนกัน เพราะก็มีเพื่อนทั้งที่ชอบอ่านหนังสือ และไม่อ่านเลยเหมือนกัน คิดว่าคงเป็นเพราะความชอบ ความสนใจคนละด้านของแต่ละคนนั่นแหละค่ะ แต่ส่วนตัวรู้สึกดีใจมาก ที่ตัวเองชอบอ่านหนังสือ ถ้าไม่ชอบอ่านหนังสือ ชีวิตนี้คิดว่าคงพลาดอะไรดีดีไปหลายอย่างเลย จากคุณ : robobot เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 16:09:49

ความคิดเห็นที่ 8   K.fortuneteller ไหนบอก iq ต่ำไง สมองเรามีแต่ตรรกะของระบบคอมพิวเตอร์ (เราเป็นนักทดสอบ software) โอ้แม่เจ้า! จากคุณ : พันลิบลิบ (พันลิบลิบ) เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 16:58:57

ความคิดเห็นที่ 9   วิธีหาความสุขของคนเราแตกต่างกันมังคะ ที่บ้านก็มีเราชอบอ่านนิยายอยู่คนเดียว คะยั้นคะยอใครอย่างไรก็ไม่ยอมอ่านด้วย จากคุณ : thezircon (thezircon) เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 17:00:09

ความคิดเห็นที่ 10   ส่วนตัวรู้สึกดีใจมาก ที่ตัวเองชอบอ่านหนังสือ ถ้าไม่ชอบอ่านหนังสือ ชีวิตนี้คิดว่าคงพลาดอะไรดีดีไปหลายอย่างเลย .................................. โป๊ะเช๊ะ นี่แหละคนที่เรารอคอย 5555 เรารู้ว่าแต่ละคนชอบหรือมีงานอดิเรกอะไรไม่เหมือนกัน ก่อนจะตั้งกระทู้ เรายังคิดเลย ทีเรายังไม่ชอบดูฟุตบอล (ผู้หญิงบางคนดู) แต่เรางงกับน้องสาว/เพื่อนเรา ไม่ว่าหนังสืออะไร คุณเธอไม่คิดแตะ ไปห้างกันทีไร หลักๆ ของเราคือไปหาอะไรกิน กับเข้าร้านหนังสือ เซเว่นฯ ใหญ่ๆ ที่มีมุมหนังสือเยอะๆ ขาย อันนี้ก็ชอบไปโฉบบ่อยๆ ลง BTS(นานๆ เข้ากรุง) โอ้! มีกระบะขายหนังสือลดราคา บอกน้องสาว เฮ้ย! เดี๋ยวก่อน เดือนๆ นึง เสียค่าหนังสือไปไม่น้อย ถ้าประหยัดตรงนี้ได้ก็คงจะดี แฮ่ แต่มันอดใจไม่ค่อยได้ มีการบังคับตัวเองว่า วันนี้ต้องดูอย่างเดียวนะ ห้ามซื้อ หรือซื้อเดือนละเล่มพอ! จากคุณ : พันลิบลิบ (พันลิบลิบ) เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 17:08:31

ความคิดเห็นที่ 11   จุดประสงค์จริงของเราคือ ถ้าคนรอบตัวเราชอบอ่านนิยาย เราจะให้เขายืม เล่มที่เราอ่านแล้วสนุก สมมุติ เราซื้อมาเล่มละ 260 บ. แบ่งให้น้องสาวอ่านราคาจะคงเหลือ (หยิบเครื่องคิดเลขก่อนนะ) เท่ากับมูลค่าเล่มนั้น 160 บ. ถ้าเราแบ่งให้เพื่อนเราอ่านอีกสัก 2 คน คงเหลือเล่มละ 65 บ. เอง (คิดถูกป่าววะเนี่ย) เพราะฉะนั้นมันจะคุ้มมากเลยถ้าเล่มนึงมีคนอ่านมากว่า 1 คน เหมือนว่าเราใช้เงินซื้อมาแค่ 65 บ. เอง **เหมือนซื้อหนังมาเรื่องนึงแล้วแบ่งๆ กันดู ยังไงยังงั้นเลย*** จากคุณ : พันลิบลิบ (พันลิบลิบ) เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 17:14:34

ความคิดเห็นที่ 12   อีกนิดนะ...ขอประจานตัวเองหน่อย.. เป็นโรคเห็นหนังสือภาษาอังกฤษไม่ด้ายยย อย่างแรง! พวก Conversation 75 ช.ม , 140 ช.ม. , Conversation 2,000 ประโยค ฯลฯ ชอบซื้อจัง เห็นไม่ได้ อันนี้ก็ระงับตัวเองไม่ค่อยอยู่ (มีความสุขกว่าซื้อนิยายอีก)ที่บ้านมีเต็มเลย ฝึกไม่ถึง 10 หน้า (ซื้อมาแล้วเอามานอนกอด) หุหุ เฮ้อ.. จากคุณ : พันลิบลิบ (พันลิบลิบ) เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 17:21:08

ความคิดเห็นที่ 13   ไม่น่าประหลาดหรอกครับ ความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จากคุณ : แสงเรืองรองของฟ้าหลังฝน เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 17:47:49

ความคิดเห็นที่ 14   ไม่แปลกหรอกครับ ที่เขาไม่อ่านไม่ได้หมายถึงว่า "อ่านไม่ได้" แต่ "ไม่ชอบ" มากกว่า เรื่องความชอบเป็นเรื่องส่วนบุคคลครับ จากคุณ : i'mDOZENIST เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 18:11:21

ความคิดเห็นที่ 15   ผมเองกลับประหลาดใจมากกว่าครับที่คนไทยแห่กันไปงานศูนย์หนังสือ ไม่ต้องถามนะว่าเพราะอะไร คนไทยรู้ ๆ กันอยู่ จากคุณ : ปีเตอร์นอร์ธ เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 53 21:23:54

ความคิดเห็นที่ 16   ลูกชายก็ไม่อ่านนิยายครับ ส่วนผม แฟน ลูกสาวอ่าน ผมอ่านนิยายตั้งแต่อ่านหนังสือออกเลยครับ ยังจำได้อ่านนิยายที่ลงในหนังสือพิมพ์เสียงอ่างทองก่อนที่จะเป็นไทยรัฐ ดังนั้นคนไม่อ่านนิยายไม่เป็นเรืองแปลก เพราะมีอยู่แล้ว จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 00:40:17

ความคิดเห็นที่ 17   ไม่ประหลาดใจเลยค่ะ เพราะพี่เราก็ไม่ชอบอ่าน แต่โชคดีที่เพื่อนๆ ชอบอ่านกันหมด  เวลานัดเจอกันเลยนัดที่ร้านหนังสือ จากคุณ : lalabel เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 11:02:27

ความคิดเห็นที่ 18   ไม่แปลกใจค่ะ เฉยๆ คนที่ชอบอ่านนิยายก็ไม่ได้ชอบเพ้อฝันทุกคนหรอก ช่วงประมาณม.ต้นเราอ่านนิยายเยอะมาก แต่โตมาแทบจะเลิกไปเลย หาถูกใจยากจริงๆ จากคุณ : ZzIqka เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 15:25:47

ความคิดเห็นที่ 19   เราไม่แปลกใจนะคะ เพราะเราเป็นคนที่จขกทพูดถึง แหะๆ คือเราไม่ชอบอ่านนิยายมากๆเลยค่ะ แต่ถ้าเป็นหนังสือแบบอื่นก็อ่านนะคะ จากคุณ : แพรว (praewiie) เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 21:06:15

ความคิดเห็นที่ 20   เพื่อนผมเยอะแยะ ไม่อ่านหนังสือทุกอย่างเลย ส่วนผมอ่านนิยาย ก็แค่ แฮรรี่ กับ อย่างอื่นนิดหน่อย จากคุณ : Guiman เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 53 22:32:04

ความคิดเห็นที่ 1   ไม่แปลกใจคะ ส่วนหนึ่งเราว่าอยู่ที่การเลี้ยงดู พ่อ แม่ เราชอบอ่านหนังสือ เพราะฉะนั้น ตอนเด็ก เมื่อเราและน้องเรียนได้ค่อนข้างดี รางวัลที่ได้คือไปซื้อหนังสือ      พล นิกร กิมหงวน ที่สนามหลวง (บ่ง บอกอายุนะเนี่ย) ช่วงนั้นฮิตมาก ในโรงเรียนแอบเอามาอ่านกัน  ไม่ต้องแปลกใจ 30 กว่าปีที่แล้ว ทุกวันนี้เรายังเก็บอยู่เลย เหลือง กรอบมาก     ตอนเราเริ่มหัดอ่านกำลังภายใน ถึงกับลงมือซื้อเรื่องที่คิดว่าสนุก มาฝึกแม่ และ น้องให้อ่าน สำเร็จไป 2 คน น่าแปลกคือน้องที่เรียนเก่งที่สุดในบ้าน เป็นคนเดียวที่ไม่อ่านนิยายเลย มิน่า เลยเอ็นส์ ติดจุฬา     ทุกวันนี้เราซื้อหนังสือในงานสัปดาห์หนังสือครั้งละไม่ต่ำกว่า 20000 ปีนึงจ่ายไป 5-6 หมื่น ไม่ให้ใครอ่านด้วยนอกจากแม่และน้องมายีมบ้าง  เราฝึกลูกสาว 9 ขวบของเราให้รักการอ่าน (เวลาไปไหนแม่จะได้ไม่ต้องเล่นด้วยนั่งอ่านหนังสือกันไป) ต้องจ่ายค่าหนังสือให้ลูกอีกเยอะ เพราะเธอเรียนอินเตอร์ อ่านหนังสือไทยไม่ออก ตอนนี้เลยเก็บหนังสือแข่งกันแม่ ลูก  ไปคิโนคุนิยะที แม่ ลูก อยู่คนละมุม ส่วนพ่อไปเดินลั้นลาคนเดียว จากคุณ : แม่ช่างเที่ยว (sydney&sunny) เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 53 10:12:33

ความคิดเห็นที่ 2   แล้วถ้าคนที่ชอบเขียนเรื่อง ไม่ชอบอ่านนิยาย มันประหลาดไหมคะ?? จากคุณ : LuLuu เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 53 17:39:37 A:10.12.1.81 X:58.137.199.116 TicketID:250368

ความคิดเห็นที่ 3 ความสุขและการหาความสุขของคนเราต่างกัน  เรามีความสุขง่ายๆโดยการอ่าน  อ่านๆๆๆทุกอย่าง  ทุกแนว  แต่บางคนเขามีความสุขด้วยการ  ดูละคร  เที่ยว  แต่งตัว  เดินซื้อของ  เขาก็มองว่าเอเรานั่งอ่านหนังสืออยู่ได้ยังไง  โชคดีหน่อยที่คนรอบตัวชอบอ่านกันทุกคน  แต่ส่วนตัวเองจะถือเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตเลยนะ  เราว่าการอ่านเป็นการหาความสุขที่ง่ายที่สุด  ไม่ต้องมีองค์ประกอบอะไรเลย  มีหนังสือ 1 เล่ม อ้อ. ต้องมีสายตาดีอีกอย่าง  ฉะนั้น  จะต้องรักษาสายตาให้ดี  จะได้มีความสุขไปนานๆ. จากคุณ : ช่างกล้า. (ช่างกล้า) เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 14:10:27