@font-face { font-family: "Cordia New"; }@font-face { font-family: "Cambria Math"; }@font-face { font-family: "Calibri"; }p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal { margin: 0cm 0cm 10pt; line-height: 115%; font-size: 11pt; font-family: "Calibri","sans-serif"; }.MsoChpDefault { }.MsoPapDefault { margin-bottom: 10pt; line-height: 115%; }div.Section1 { page: Section1; } 
วันนี้ก็เลยมาเขียนบล๊อกบอกกล่าวถึงเรื่องนี้เสียหน่อย 
         วินธัยเป็น นวนิยายไทยที่เกิดด้วยแรงสร้างสรรค์บันดาลใจจากอิทธิพลชาดกโบราณผสมผสานกับ นิยายสมัยใหม่ตามจินตนาการของผู้ประพันธ์ ซึ่งผู้ประพันธ์ก็บอกว่า ได้ตัดทอนอภินิหารแบบชาดกออก จนเหลือแต่ความแต่ความหวานอุ่นไออันรื่นรมย์ของอดีตกาล
 
 
         การีนเห็นหนังสือเรื่องนี้มานานแล้ว(นานเท่าที่เรียนในมหาวิทยาลัย) ด้วยตัวรูปเล่มสีขาวสะอาดตา ซึ่งการีนก็ได้หยิบนิยายเรื่องนี้ออกมาจากชั้นหนังสือทุกครั้งที่ต้องการหา อะไรอ่าน แต่ก็ด้วยภาษาที่เห็นคำโคลงคำกลอน มันก็ทำให้การีนวางคืนชั้นทุกที จนเมื่อการีนอ่านบทประพันธ์ของคุณพนมเทียนจนเต็มตื้นไปด้วยบทบู๊สะท้าน  สมควรต้องพักยกหานิยายอารมณ์ต่างมาอ่านบ้าง ก็ไปฉวยเรื่องนี้มาอ่านในที่สุด (เรียก”ฉวย”เพราะรีบมากขณะหนังสือเล่มนี้)
          แล้วก็ค่อยได้ลิ้มรสอันซาบซ่านที่เกิดขึ้นในใจ แต่สมองมิใคร่รับ เพราะไม่รู้เรื่อง ศรีสุรางค์ใช้ภาษาสวย ที่การีนชอบ แต่ด้วยความรู้อันจำกัดด้านภาษาของการีนก็ยังมีอยู่มาก ยอมรับว่าอ่านไม่รู้เรื่องในประการแรก แต่ก็อย่างที่บอกไปข้างต้น ว่าสามารถรับรู้รสด้วยใจ อารมณ์อติพจน์ก็ว่า     การีนอ่านทุกบรรทัดแม้แต่วรรคที่เป็นโคลงกลอน (จริงๆไม่ค่อยชอบ มันชักช้า ขี้เกียจแปล 55+ หลังจากลิลิตนิทราชาคริตแล้ว ก็ไม่มีนิยายนิทานโคลงกลอนที่ไหนที่การีนเลือกหยิบมาอ่านเองอีกเลย)
 ว่าที่อารมณ์ชอบส่วนตัวมากแล้ว ขอเล่าความถึงเนื้อเรื่องสักหน่อย
  
           วินธัย เป็น เรื่องของเด็กกำพร้านามเดียวกับชื่อเรื่อง ที่ถูกส่งเข้ามาฟูมฟักเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ใต้ขอบขันธสีมาของกษัตริย์ใน มัชฌิมาประเทศ ภายใต้การเลี้ยงดูและสอนศาสตร์วิทยาการต่างๆ โดยครูเฒ่าวามิศ 
 วินธัยเติบใหญ่เข้ารับราชการในหน่วยกรมกองต่างๆของจอมนรานั่นเอง เขาผ่านการอบรมมากมาย ได้เหรียญตราบอกคุณวุฒิที่มากเกิยวัยวุฒิ หากแต่นั่นเป็นหนึ่งในการสนับสนุนให้วินธัยได้เติบโตสมกับฐานันดรเดิมและ ภาระในอนาคตกาลที่จักต้องกอบกู้ สุดท้ายก็ได้มาเป็นข้าฯ “ในพระธิดา”   เกษรา ในฐานะราชวัลลภผู้ภักดี
 วิ นธัยต้องแสดงความภักดีและช่วยเหลือค้ำจุนราชบัลลังก์ของมกุฎราชกุมารีแห่ง มัชฌิมาประเทศ ก่อเกิดเป็นความรักที่เป็นไปไม่ได้ อินทรีป่ามิอาจยืนคู่พญาแห่งปราสาทบัลลังก์แก้ว 
 วินธัยจากไป ราชะแห่งอุตตรทิศกลับมา
           เนื้อเรื่องก็แบบนิยายทั่วไปคือเจ้าหญิงเจ้าชายได้แต่งงานมีความสุขหลังจาก ผ่านวิบากกรรม แต่เรื่องนี้มาเหนืออรรถรสที่เคยลิ้มลองมาทั้งสิ้น (ว่าไปโน่น อย่างกับลิ้มลองมาแล้วทุกรสงั้นสิ??) ไม่ได้มีปาฏิหารย์เหนือกิจของตัวละคร ไม่ได้มีการปลอมตัว แล้วมาเปิดเผยอย่างคาดไม่ถึง (ให้ตัวละครอื่นตื่นตะลึง แล้วตาลีตาเลือกขออภัย) ไม่ได้มีสงครามการแก่งแย่งชิงบัลลังก์ นอกจากทศพิธแห่งรัชผู้ปกครอง ไม่มีตัวร้ายที่ตกม้าตายด้วยตนเองแบบง่ายๆ แถมนางเอกพระเอกเข้าคุกแต่เริ่มเรื่องซะงั้น...
  
 สนุกดี น่ารัก อ่านแล้วมีความสุข
  
         วินธัย มีการร่วมเล่มเป็นเล่มเดียวไม่หนามาก แค่ 724 หน้าแถมมีตอนพิเศษที่บังเอิญการีนเสริชเจออีก 3 ตอน (ตอบโจทย์เล็กๆน้อยๆของตัวละครหลักที่ไม่ใช่พระเอกนางเอก และตำนานที่มาของตระกูลพระเอก) ที่หาอ่านได้ในอินเตอร์เน็ต
 ตัวอย่างเล็กน้อย
 ลบเลือน…เหมือนดั่งว่าอดีตที่รุ่งเรืองและเจ็บปวดถูกฝังกลบไร้ร่องรอย หรือสลายหายกลายเป็นอากาศธาตุไปสิ้น  
           ถึงรูปสมบัติจะทำให้ชาวชนในถิ่นใกล้เคียงติดตาสะดุดใจ  แต่ไม่มีใครเคยคิดไปถึงความจริงที่เป็นไปได้เลย   เนื่องเพราะไม่มีแม้ตะกอนแห่งความขุ่นข้องหมองใจในชะตาชีวิตที่ใครๆ แม้ท่านผู้เฒ่าเองจะสังเกตเห็นได้   
          ไม่มีหลักฐานแห่งฐานันดรอยู่ในคำพูดจาและกิริยาต่อบุคคลผู้ต่ำศักดิ์
           เงียบสงบ  ถ่อมตน  ว่าง่าย  ไม่ผูกพยาบาท
           คนผู้เป็นขัตติยะแต่กำเนิด   ท่านมหาราชครูก็ได้พบพานมามากหลาย   หากคนผู้เป็นขัตติยะจากหัวใจอันบริสุทธิ์นั้นแก่เฒ่าจนบัดนี้จึงเพิ่งพบ   ในรูปดรุณเด็กน้อย   
           ยังอ่อนอยู่แท้ๆ  ไฉนจึงสามารถให้ผู้พบเห็นหลั่งไหลความเมตตาปราณีจนท่วมท้น   กับคนแก่ที่รู้แน่แก่ใจดี แทบจะคุกเข่าลงกราบได้
 ...
                        ยูงทองลอยฟ่องฟ้า         เทียมเมฆาปักษาสวรรค 
                   เรื่อรองรัศมีจันทร์             ส่งแสงแจ่มจับวงแวว 
                        จากฟ้าคืนสู่ฟ้า                    ส่องพสุธาเพริศแสงแพรว 
                   ฟ้ามืดค่อยคลายแล้ว          ฟ้าเหนือแผ้วผองภัยพาล