|
CTH ลงทุ่น 200 ลบ.กับภาพลักษณ์ใหม่เปิดตัว ม.ค.2556 พร้อมเป็นผู้นำผู้นำดิจิตอล บรอดแบรนด์
|
|
ประเด็นหลัก
ซีทีเอช เผยวางแผนงบลงทุนกว่า 200 ล้านบาทปรับภาพลักษณ์รีแบรนด์บริษัททั้งหมด พร้อมเปิดตัว ม.ค.2556 ขณะที่บริษัทได้วางแผนระยะยาวตั้งเป้า 5 ปีหน้าขึ้นเป็นผู้นำดิจิตอล บรอดแบรนด์
โดยล่าสุดบริษัทได้ผลิตคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มในช่องมากขึ้น เนื่องจากต้องการเพิ่มมูลค่าให้ช่อง เพื่อดึงลูกค้าโฆษณาให้มากขึ้น โดยเน้นการหารายได้จากโฆษณาให้มากขึ้นกว่าการมุ่งขายกล่องเพียงอย่างเดียว อีกทั้งในปัจจุบันมูลค่าตลาดรวมของโฆษณาทั้งหมดซึ่งมีอยู่ราว 1 แสนล้านบาท พบว่าฟรีทีวียังครองสัดส่วนกว่า 60% ซึ่งบริษัทมองว่าในอนาคตธุรกิจเคเบิลทีวีจะสามารถดึงงบโฆษณาผ่านฟรีทีวีได้กว่า 50% ซึ่งในปัจจุบันบริษัทมีเม็ดเงินโฆษณาอยู่ในอุตสาหกรรมนี้เพียงพันล้านบาทเท่านั้น
"ที่ผ่านมาบริษัทเป็นที่รู้จักของตลาดมากขึ้น ขณะเดียวกันก็จัดวางกลยุทธ์การทำตลาดและการสร้างแบรนด์เป็นขั้นตอนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดบริษัทได้นำคอนเทนต์ที่มีคุณภาพเข้ามาช่วยผลักดันให้ช่องมีสีสันมากขึ้น ทำให้ในแผนต่อไปของการบริหารคือ การปรับภาพลักษณ์โฉมใหม่ของบริษัททั้งหมด ทั้ง โลโก สินค้า ฯลฯ เพื่อให้มีภาพลักษณ์ที่ทันสมัย ดูดีมากขึ้น" นายกฤษณัน กล่าวและว่า
ด้านทีวีดิจิตอลที่จะเกิดขึ้นในปี 2556 บริษัทจะไม่เข้าร่วมประมูลเนื่องจากมองว่า แพลตฟอร์มรูปแบบธุรกิจค่อนข้างใกล้เคียงกัน อีกทั้งระบบการส่งผ่านของบริษัทถึงผู้ชมต่อไปจะเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยทั้งหมด
_____________________________________
ซีทีเอชเท200ล. รีแบรนด์ ตั้งเป้า 5 ปีเป็นทัพหน้า'ดิจิตอลบรอดแบรนด์'
ซีทีเอช เผยวางแผนงบลงทุนกว่า 200 ล้านบาทปรับภาพลักษณ์รีแบรนด์บริษัททั้งหมด พร้อมเปิดตัว ม.ค.2556 ขณะที่บริษัทได้วางแผนระยะยาวตั้งเป้า 5 ปีหน้าขึ้นเป็นผู้นำดิจิตอล บรอดแบรนด์
อีกทั้งในสิ้นปีหน้าบริษัทคาดจะมีผู้ชมเพิ่มขึ้นเป็น 4 ล้านครัวเรือน นายกฤษณัน งามผาติพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคเบิล ไทย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ "ซีทีเอช" เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า บริษัทเตรียมใช้งบประมาณ 200 ล้านบาท เพื่อปรับภาพลักษณ์ใหม่ของซีทีเอชใหม่หมด แต่ยังคงใช้ชื่อซีทีเอช เหมือนเดิม ซึ่งการปรับภาพลักษณ์ครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยให้ผู้บริโภคจดจำแบรนด์ ซีทีเอชได้ง่ายขึ้น โดยขณะนี้ได้มอบหมายให้บริษัทที่ปรึกษาด้านการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ดำเนินการ และคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์พร้อมเปิดตัวภาพลักษณ์ใหม่อย่างเป็นทางการภายในเดือนธันวาคมนี้หรืออย่างช้าเดือนมกราคม 2556
นอกจากนี้บริษัทยังวางแผนระยะยาวโดยตั้งเป้าภายใน 3 -5 ปีข้างหน้าจะปั้นธุรกิจให้เป็นผู้นำด้านดิจิตอล บรอดแบรนด์ ซึ่งในขณะเดียวกันบริษัทเตรียมเปิดตัวดิจิตอลคอนเทนต์ ที่มีช่องมากกว่า 120 ช่อง ในเร็วๆนี้ พร้อมให้บริการในรูปแบบเพย์ทีวี ด้วยการขายแพ็กเกจการรับชม ซึ่งมีให้เลือกหลายราคาตามความต้องการของลูกค้า แต่จะยังคงเน้นกลุ่มตลาดแมสเพื่อให้สามารถซื้อในราคาที่จับต้องได้เช่นเดิม
โดยล่าสุดบริษัทได้ผลิตคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มในช่องมากขึ้น เนื่องจากต้องการเพิ่มมูลค่าให้ช่อง เพื่อดึงลูกค้าโฆษณาให้มากขึ้น โดยเน้นการหารายได้จากโฆษณาให้มากขึ้นกว่าการมุ่งขายกล่องเพียงอย่างเดียว อีกทั้งในปัจจุบันมูลค่าตลาดรวมของโฆษณาทั้งหมดซึ่งมีอยู่ราว 1 แสนล้านบาท พบว่าฟรีทีวียังครองสัดส่วนกว่า 60% ซึ่งบริษัทมองว่าในอนาคตธุรกิจเคเบิลทีวีจะสามารถดึงงบโฆษณาผ่านฟรีทีวีได้กว่า 50% ซึ่งในปัจจุบันบริษัทมีเม็ดเงินโฆษณาอยู่ในอุตสาหกรรมนี้เพียงพันล้านบาทเท่านั้น
"ที่ผ่านมาบริษัทเป็นที่รู้จักของตลาดมากขึ้น ขณะเดียวกันก็จัดวางกลยุทธ์การทำตลาดและการสร้างแบรนด์เป็นขั้นตอนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดบริษัทได้นำคอนเทนต์ที่มีคุณภาพเข้ามาช่วยผลักดันให้ช่องมีสีสันมากขึ้น ทำให้ในแผนต่อไปของการบริหารคือ การปรับภาพลักษณ์โฉมใหม่ของบริษัททั้งหมด ทั้ง โลโก สินค้า ฯลฯ เพื่อให้มีภาพลักษณ์ที่ทันสมัย ดูดีมากขึ้น" นายกฤษณัน กล่าวและว่า
ด้านทีวีดิจิตอลที่จะเกิดขึ้นในปี 2556 บริษัทจะไม่เข้าร่วมประมูลเนื่องจากมองว่า แพลตฟอร์มรูปแบบธุรกิจค่อนข้างใกล้เคียงกัน อีกทั้งระบบการส่งผ่านของบริษัทถึงผู้ชมต่อไปจะเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยทั้งหมด
ทั้งนี้พบว่า หลังจากที่ซีทีเอช ชนะการประมูลลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์อังกฤษ เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ขณะนี้เริ่มมีสปอนเซอร์หลายกลุ่มเข้ามาติดต่อเป็นจำนวนมาก เนื่องจากบริษัทได้เสนอแผนกับลูกค้าในเรื่องกลยุทธ์ต่างๆ เช่น ไอเดียการทำธุรกิจรูปแบบใหม่ ระบบการส่งผ่านข้อความถึงผู้บริโภคที่ยังไม่มีผู้เล่นรายไหนเคยทำ และอื่นๆ ซึ่งบริษัทมองว่าในปีหน้าจะมีรูปแบบการทำการตลาดและการทำธุรกิจที่มีสีสันใหม่เกิดขึ้นอีกเยอะ โดยประมาณ 70-80% เป็นเรื่องใหม่ของวงการธุรกิจมีเดีย ซึ่งกลางปีหน้าเป็นต้นไปจะได้เห็นรูปแบบดังกล่าวมากขึ้น อีกทั้งบริษัทคาดการณ์ว่าหากสามารถทำได้ทั้งหมดจะมีลูกค้าจำนวนมากที่วิ่งเข้ามา และสนใจเข้าร่วมเป็นพาร์ตเนอร์
นอกจากนี้ในปัจจุบันเริ่มมีลูกค้าเก่าเข้ามายื่นขอจองกล่องใหม่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 3.5 ล้านครัวเรือนในขณะนี้ ซึ่งในสิ้นปี 2556 บริษัทคาดว่าจะมีผู้ชมครัวเรือนที่ซื้อกล่องของบริษัทเพิ่มเป็น 4 ล้านครัวเรือน นอกจากนี้ในปัจจุบันบริษัทยังได้ปรับโครงสร้างการบริหารงานทั้งหมด แบ่งเป็น 7 กลุ่มคือธุรกิจเคเบิลทีวี ,ดิจิตอลมีเดีย ,ไดเร็กต์ มาร์เก็ตติ้ง ,บีทูบี ,โฮมช้อปปิ้ง, รีเสิร์ช และอินเตอร์เน็ตบรอดแบรนด์ ซึ่งการปรับโครงสร้างดังกล่าวบริษัทคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ 100% ในช่วงต้นปี 2558 ซึ่งการปรับโครงสร้างใหม่นั้นบริษัทต้องการตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิตอล
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=157592:200-5-&catid=106:-marketing&Itemid=456
จากคุณ |
:
So magawn
|
เขียนเมื่อ |
:
วันพ่อแห่งชาติ 55 21:34:50
|
|
|
| |