|
เพื่อการรักษาสิทธิผู้บริโภคอย่างเราๆ..ถ้ามีความสามารถฟ้องร้องได้ก็จงฟ้องเถอะค่ะ
|
|
ทำการคิดกลับไปกลับมาได้พักใหญ่สำหรับการเขียนเรื่องนี้เพราะเรื่องก็จบไปได้ซักพักแล้ว แต่การได้พูดคุยกับเพื่อนๆหลายๆคนและการตามอ่านกระทู้ในห้องนี้บ้างทำให้รู้ว่าบางทีเราเสียสิทธิเพราะความไม่รู้ และค่ายมือถือหลายค่ายก็โกงคนที่ไม่รู้..พอเจอ ตอ เขาก็จะเจรจายอมคืนเงินหรือยอมจ่ายค่าชดเชยให้ แต่คนที่ไม่รู้อีกตั้งเท่าไหร่ที่ไม่ได้เงินคืนและเงินจำนวนนี้ก็เป็นมูลค่ามากพอดูเสียด้วย
เข้าเรื่องค่ะเพื่อนเราได้แต่งงานกับสามีสัญชาติยุโรป(ไม่ขอบอกประเทศนะคะ) สามีของเธอทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายไอทีของบรืษัทเวิลด์ไวด์แห่งหนึ่ง สามีของเธอบินมาแต่งงานและพักอยู่ประเทศไทยเป็นเวลา1เดือน เขาได้ซื้อซิมการ์ดเครือข่ายหนึ่งที่มีให้บริการ(อันนี้ก็ไม่ขอบอกเครือข่ายนะคะ เนื่องจากกระทู้ที่ตั้งเห็นว่าการคิดค่าบริการที่ไม่รู้ที่มาที่ไปนี่เกิดขึ้นทุกเครือข่าย) โปรโมชั่นที่ซื้อคือ 599 บาท 3G EDGE GPRS ได้2GB wifiได้ไม่จำกัด นำไปใส่กับโทรศัพท์ไอโฟน เดือนแรกฝ่านไปงานแต่งและค่าโทรศัพท์จบลงด้วยดีไม่มีปัญหาค่ะ และสามีเพื่อนได้บินกลับประเทศ ส่วนเพื่อนเราต้องรอเอกสารจากสถานทูตจึงต้องอยู่ประเทศไทยไปก่อน หลังจากสามีกลับไป เพื่อนเรานำซิมการ์ดนั้นมาใส่ไอแพด...เดือนที่2ผ่านไปค่าบริการก็ยัง 599 ไม่มีปัญหา พอสิ้นเดือนที่ 3 เพื่อนเราได้ไปทำการชำระค่าบริการพร้อมทั้งขอปิดเบอร์เพราะเธอ กำลังจะเดินทางไปอยู่ต่างประเทศกะสามีเธอ...ค่าบริการทั้งหมด 2,550 บาท เป็นเงินจำนวนไม่เยอะมากค่ะ แต่โดยส่วนตัวเราว่ามากพอสำหรับการโกงหลายๆคน ในทีแรกทางศูนย์บริการแจ้งว่าเพื่อนเราได้ใช้ในส่วนของค่าบริการการโทรศัพท์เกิน เพื่อนเราบอกเจ้าหน้าที่ว่า มันจะเกินได้ไงล่ะคะในเมื่อใส่ไอแพด..จะโทรได้ไง พอพูดอย่างี้เจ้าหน้าที่ทางศูนย์บริการอ้างทันทีว่าเพื่อนเราทำผิดสัญญาเนื่องจากตอนซื้อ ระบุว่าจะนำซิมการ์ดนี้ใส่ไอโฟนแต่เพื่อนเรานำไปใส่ไอแพด...( - * - ) ณ จุดนี้เราเพลียกับตรรกะ เจ้าหน้าที่แทนคุณเพื่อนค่ะ...ยอดค่าใช้บริการเกินกับค่าผิดสัญญามันเช็คกันไม่ได้เชียวเหรอแล้ว ไอ้ค่าผิดสัญญามันมาจากไหน? ...แต่สรุปด้วยความที่กลัวติดเครดิยบูโรแล้วไม่ได้บินไปอยู่กับสามีเพื่อนเรายอมจ่ายค่ะ แต่ด้วยความทีชีหัวเสียกับเรื่องนี้..เธอก็เลยโทรมาบ่นกับเราและโทรไปบ่นให้สามีฟัง สามีเธอค่อนข้างโกรธค่ะเค้าว่ามันไม่ค่อยมีเหตุผล..ให้เพื่อนเราโทรไปเช็คกับคอลเซ็นเตอร์อีกทีว่า ค่าใช้จ่ายที่เกินมานั้นมันเป็นค่าอะไรกันแน่...เพื่อเราก็ได้ทำการโทรเช็คกับคอลเซ็นเตอร์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นการใช้ internet เกินจำนวน 2GB ที่ระบุไว้ในโปรโมรชั่น เอ่ม...เจ้าหน้าที่คะจะโกงเค้าก็ตกลงกันก่อนดีมั้ยคะว่าควรพูดไปในทิศทางเดียวกัน..พูด3ครั้งไม่เหมือนกันซักครั้งนี่.....
สรุปเรา เพื่อน และคุณสามีเพื่อนก็ประชุมสายสรตะกันว่า 1. เพื่อนเราไม่มีทางใช้อินเตอร์เนตเกินแพคเกจเพราะถือออกจากบ้านแค่ 2 ครั้ง และที่บ้านเพื่อนเรามี wifi ดังนั้นแพคเกจนี้บอกว่า wifi ไม่จำกัดดังนั้นไม่ควรเกิน 2. ค่าโทรเกิน เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วเพราะใส่ไอแพด 3. ผิดสัญญาเพราะซื้อตอนแรกบอกจะใส่ไอโฟนแต่ดันเอาไปใส่ไอแพด ข้อนี้พอเป็นไปได้ แต่หากจะคิดค่าผิดสัญญาจริงมันควรคิดตั้งแต่เดือนที่2 สิเพราะสามีเพื่อนใช้แค่เดือนแรกนี่นา หลังจากสรตะได้ดังนี้คุณสามีเพื่อนบอกว่าอย่างนี้มันจงใจโกงกันชัดๆ...ดังนั้นให้คุณเพื่อเราไปขอรายละเอียดมา ว่าถ้าบอกค่าโทรเกินโทรไปไหน...เบอร์อะไรบ้าง อินเตอร์เนตเกินเชื่อมต่อที่ไหน ดาวน์โหลดอะไรเป็นจำนวนกี่ MB เพื่อเราโทรไปคอลเซ็นเตอร์เป็นจำนวน 15 ครั้ง...หลายครั้งที่บอกจะโทรกลับแล้วก็ไม่โทร จนเพื่อนเราบอกไปว่าถ้ายังจัดการอะไรไม่ได้จะไปนั่งรอเอกสารที่สำนักงานใหญ่ และจังหวะนั้นสามีเธอก็โทรเข้ามาที่อีกเครื่อง..บอกกับเธอว่าถ้าได้เอกสารแล้วให้นำไปแปล และเค้าจะให้ทนายดำเนินการฟ้อง..(ค่าแปลเอกสารจากสถาบันภาษาที่สถานทูตรับรองและมีการให้ตราประทับ อัตราค่าแปลหน้าละ1000 ทุกภาษาค่ะ นั่นหมายความว่าถ้าเอกสารมา 5 หน้าก็เกินเงินค่าโทรศัพท์ที่เพื่อนเราจ่ายไปแล้ว) พนักงานคอลเซ็นเตอร์คงได้ยินการสนทนาระหว่างเพื่อนเรากะคุณสามี...จากนั้นเธอโอนสายให้ระดับตัดสินใจได้คนนึง สรุป..ระดับตัดสินใจได้คนนั้นบอกว่าไม่สามารถหาหลักฐานที่เพื่อนเราต้องการให้ได้ จะทำการคืนเงินให้และกล่าวอ้างว่าเป็นความผิดของพนักงานขายที่แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับโปรโมชั่นไม่ละเอียด เอ่อ...คุณคะถ้าใช้เกินจริงไม่ว่าจะเป็นค่าโทรเกิน ค่าเนตเกินมันเป็นสัญญาณในเครือข่ายคุณนะคะ คุณจะไม่มีหลักฐานได้ยังไงว่าใช้ที่ไหน โทรไปเบอร์ไหน หรือดาวน์โหลดอะไรมากี่ MG
หลังจากเหตุการณ์ผ่านไปเพื่อนเรามาเล่าให้ฟังว่าเธอคุยกับสามีว่าถ้าทางโน้นหาหลักฐานให้ไม่ได้จะยังไง เค้าก็บอกว่าถ้าเพื่อนเรามั่นใจว่าไม่ได้ใช้แถมทางโน้นหาหลักฐานไม่ได้ก็ยิ่งฟ้องง่ายใหญ่เลย เพื่อนเราถามว่ามันจะคุ้มกันดีไหมแค่ค่าแปลเอกสารก็ไม่คุ้มแล้ว...คุณสามีบอกว่าที่บ้านเค้า คีดแบบนี้ถือเป็นคดีฉ้อโกงและแถมโกงอย่างไม่ฉลาดอีกตังหาก..ดังนั้นงานที่เห็นท่าว่าจะชนะแหงๆอย่างงี้ ทนายเค้าไม่คิดค่าทนายหรอกแต่เค้าจะขอเปอร์เซ็นจากมูลค่าค่าเสียหายที่ฟ้องได้ตังหาก นั่นหมายความว่าเราไม่ต้องเสียเงินแถมจะได้เงินอีกตังหากล่ะ
ส่วนเรากับเพื่อนก็โดนบ่นกันไปตามระเบียบเพราะตอนแรกเราก็บอกเพื่อนให้จ่ายๆไปซะ เพราะค่ายนี้ตุกติกอย่างนี้จนมีกระทู้ลงห้องนี้บ่อยมากและเพื่อนเราโชคดีแค่ไหนแล้วที่โดนแค่นี้ ไม่โดนเป็นหมื่นเป็นแสนเหมือนคนอื่นจะไปยื้อทำไมให้ติดเครดิตบูโร คุณสามีเพื่อนบ่นว่า สิทธิผู้บริโภคบ้านยูเป็นอะไรกัน..นายทุนจ้องจะโกงเนี่ยไม่แปลก แปลกตรงที่โกงแบบโง่ๆและผู้บริโภคก็สมยอมให้โกงเนี่ยนะ เอ่ม...(-___- !)เรากะเพื่อนไปต่อไม่เป็นเลย
สุดท้ายก็เลยมาเขียนลงที่นี่เพราะถ้าใครโดนอย่างนี้และมีความสามารถในการฟ้องก็จงรักษาสิทธิตัวเองเถอะค่ะ สุดท้ายนี้เรื่องนี้เราเขียนเพื่อเป็นเคสสำหรับผู้ต้องการจะรักษาสิทธิและผู้ที่มีค่าใช้จ่ายเกินโดยไม่เป็นธรรมนะคะ เช็ครายละเอียดการใช้ของคุณก่อนจ่ายเงินค่ะ...ถ้ามันเกินคุณควรได้รู้ค่ะว่ามันเกินยังไงเพราะอะไร อย่างน้อยรู้ไว้ก็จะได้ไม่ทำให้มันเกินอีก
แก้ไขเมื่อ 07 ธ.ค. 55 10:18:00
จากคุณ |
:
นางมารร้าย..ขี่ม้าขาว
|
เขียนเมื่อ |
:
7 ธ.ค. 55 10:15:00
|
|
|
| |