ความคิดเห็นที่ 1 แต่มีกรณีน่าสนใจอันนึง (ซึ่งได้ไอเดียมาจากกระทู้ต้นเรื่อง) ว่า ถ้าเกิด ช่างเอามือถือลูกค้าไปจำนำ แล้วรีบไถ่ออกมาคืนลูกค้า ทำไงละ อันนี้มีฎีกาตัดสินว่า การเอาของของคนอื่นไปจำนำ ถือเป็นการตัดกรรมสิทธิ และเป็นการลักทรัพย์ครับ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3781/2541 เลื่อยฉลุไฟฟ้าและเครื่องหินเจียไฟฟ้าที่จำเลยนำไปจำนำ เป็นของโจทก์ร่วม และขณะนำไปจำนำจำเลยยังเป็นลูกจ้างโจทก์ร่วม การที่จำเลยนำเลื่อยฉลุไฟฟ้าและเครื่องหินเจียไฟฟ้าของ โจทก์ร่วมไปจำนำแล้วนำเงินที่ได้รับมาใช้ประโยชน์ส่วนตัวนั้น ถ้าจำเลยไม่ไถ่คืนภายในเวลาที่กำหนดผู้รับจำนำมีสิทธิ นำไปขายทอดตลาดได้ และทำให้โจทก์ร่วมได้รับความเสียหาย การกระทำของจำเลยถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตโดยแสวงหา ประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเอง จึงเป็น ความผิดฐานลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้างตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(11) วรรคแรก นั่นเพราะการเอาไปจำนำ คือเป็นการนำเอาทรัพย์สินไปเป็นประกันแห่งหนี้ หากไม่ใช้หนี้ ผู้รับจำนำมีสิทธิเอาทรัพย์นั้นให้ตกเป็นของตนได้ ดังนั้นผู้จำนำได้ จึงต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ เนื่องจากการเอาไปในลักษณะดังกล่าวอาจทำให้ทรัพย์นั้นหลุดจากกรรมสิทธิของเจ้าของเดิมได้ กรณีหลังจึงเป็นลักทรัพย์ครับ แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 55 04:37:44 แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 55 04:36:03 จากคุณ : Players เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 04:35:40

ความคิดเห็นที่ 2 ปล. อ้างอิง - หนังสือตำรา วิชากฎหมายอาญาภาคความผิด (ภาค 2-3) เล่มไหนก็ได้ ถ้าเอาเร็วก็ "อาญาพิศดาร (เล่ม2)" อันนี้คนเรียนเนติ์หรือสอบผู้พิพากษาคงคุ้นเคยกันดี - คำพิพากษาศาลฎีกา หาได้จาก http://www.deka2007.supremecourt.or.th/deka/web/search.jsp ครับ จากคุณ : Players เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 04:42:51

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่ผิด กม. แต่ก็ไม่ควรทำนะครับ จากคุณ : แกงป่าขาหมู เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 04:51:21

ความคิดเห็นที่ 4 ควรบอกล่วงหน้าอ่ะ ถ้าจะนำไปทดสอบ จากคุณ : hamcheese เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 04:54:28 A:124.121.135.121 X: TicketID:380059

ความคิดเห็นที่ 5 3# จขกท ก็บอกอยู่ ขอย้ำไว้ตรงนี้ว่า ไม่ได้บอกว่า เอาโทรศัพท์ลูกค้าที่ซ่อมไปใช้งานโดยพลการ "ไม่ผิด" นะครับ แต่อยากสื่อสารว่า มันไม่ใช่ความผิดทางอาญา อ่านบ้างเซ่ แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 55 04:59:05 จากคุณ : Prometius เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 04:58:27

ความคิดเห็นที่ 6 แล้วถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคลไหมครับ จากคุณ : ผู้ไม่รู้กฎหมาย (A4U) เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 05:22:55

ความคิดเห็นที่ 7 เป็นครับ แต่มันไม่มีความผิดกรณีดังกล่าวในประมวลกฎหมายอาญา หรือในกฎหมายไหนที่มีโทษทางอาญาเลย ถึงบอกว่าเป็นเรื่องทางแพ่งครับ จากคุณ : Players เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 05:24:41

ความคิดเห็นที่ 8 แต่จริงๆแล้ว เรื่องการนำของๆลูกค้าที่มาฝากซ่อมหรือดูแลรักษาไปใช้ มันก็น่ากลัวหนักอยู่นะครับ สมมติ นางสาวจู้จี้ นำโทรศัพท์ไปซ่อมที่ศูนย์ซัมไทม์ แล้วมีเรื่องต่อปากต่อคำกับพนักงานรับซ่อม ทะเลาะกันรุนแรง จนพนักงานคนนั้นผูกใจเจ็บ จึงนำเอา Smartphone ของ นส. จู้จี้ มาเปิดดู จนได้ข้อมูลเรื่องการติดต่องานของ นส. จู้จี้ และที่อยู่ของ นส. จู้จี้ ในคืนนั้น เขาจึงเดินทางไปใกล้ๆบ้าน นส. จู้จี้ แล้วส่ง SMS ไปด่า ลูกค้าคนสำคัญมากๆ ของบริษัทที่ นส. จู้จี้ทำงานอยู่ ... พอมีการสอบสวน  ก็พบว่า ซิมก็ตรง อีมี่ก็ตรง เซลไซต์ก็ตรงกับบ้านของ นส. จู้จี้ ทุกอย่างมัดตัว จบข่าว นส. จู้จี้ตกงาน ถูกบริษัทเรียกค่าเสียหายที่ทำให้เสียลูกค้ารายสำคัญ แถมอาจจะถูกลูกค้ารายนั้นฟ้องหมิ่นประมาทด้วย น่ากลัวนะครับแบบนี้ ไม่นับว่าถ้าอยากแกล้งกันโหดกว่านั้น เอาไปส่งข้อความที่ผิดกฎหมายอาญา มาตรา 112 ด้วย หรือถ้าเป็นรถยนต์ฝากซ่อมอย่างในฎีกา แล้วพนักงานรับซ่อมเอาไปใช้ขับชนคนตายแล้วทิ้งรถไว้ เจ้าของรถเป็นคนแรกที่โดนหมายเรียกอีก จากคุณ : Players เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 05:32:30

ความคิดเห็นที่ 9 #5 อ่านตอนตี 5 ผมก็ไม่เห็นว่าตรงไหน 3 จะบอกว่า "ผิด" เลย เขาบอกว่า "ไม่ผิด แต่ก็ไม่ควรทำ" ผมว่าคุณควรจะอ่านให้มันดีก่อนนะ แล้วกระทู้ต้นเรื่อง ผมไม่รู้ว่าอันไหน เพราะไม่มีเวลาไปอ่านทุกอัน แต่อันที่ซ่อม 11 วันแถมรูปถ่ายเนี่ย ประเด็นมันคือการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งทางจขกทต้องการหนังสือขอโทษในพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม แต่ซัมซุงกะฟาดเงินให้เรื่องเงียบ แล้วปัจจุบันการจะผิดนี่มันคือต้อง "ผิดกฏหมาย" เท่านั้นหรือครับ ถึงจะเรียกว่าผิด ผิดศีลธรรมนี่คือไม่เป็นไร? จากคุณ : เฮ่อ เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 05:33:12 A:110.49.235.156 X: TicketID:139846

ความคิดเห็นที่ 10 แล้วมีหนทางใด ที่จะเอาพนักงานคนดังกล่าวเข้าตารางไหมครับ เค้าจะได้ ได้รับผลกรรม ที่เขาได้ก่อไว้ให้ แก่โลกใบนี้เสียที หรือจะให้ออกนอกประเทศไปเลยยิ่งดี เพราะแค่ตกงาน มันธรรมดาไปนะครับ ผมว่า (=_=;)~~~ จากคุณ : ประธานกองเชียร์ (May it be as I said) เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 05:33:47

ความคิดเห็นที่ 11 คงไม่มีใครเถียงว่าไม่ผิดน่ะครับ แต่เรื่องของเรื่องคือ ถ้าจะบอกว่าผิดกฎหมาย เป็นอาญา เป็นลักทรัพย์ ก็เลยเอาหลักกฎหมายมาให้ดู คือใครทำผิดอะไรก็ควรรับผิดไปเท่านั้น จะเอาคุกตารางไปยัดเขาก็ไม่ถูกต้อง จริงไหมครับ จากคุณ : Players เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 05:44:25

ความคิดเห็นที่ 12 ... จากที่ได้ปรึกษา คุณอา ถึงด้านกฏหมาย .. .. การนำของๆเรา ไปใช้โดยที่เราไม่ยินยอม ในเบื้องต้นคือ ผิดข้อหา ละเมิดแน่นอน ถึงจะไม่ได้ถึงขั้นลักทรัพย์ แต่ผิดในข้อหาละเมิด สามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้กระทำผิดได้ตามสมควร ต่อมา ถ้ามีการนำข้อมูลในมือถือของเรา ไปเผยแพร่ เช่น รูปถ่าย ข้อความ ซึ่งทำให้เราเสียหาย ถูกวิจารณ์ ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ... ผิดข้อหาหมิ่นประมาท (ถ้าโพสลงเนท จะผิด พรบ คอมพิวเตอร์ด้วย "โทษหนัก") ถ้านำข้อมูลความลับส่วนบุคคล เช่นเลขบัญชี เลขบัตร เบอร์โทรศัพท์เพื่อน ข้อมูล รูปถ่าย (ทุกอย่างในมือถือ) ไปใช้เพื่อหาประโยชน์ไม่ว่าด้านใด ... ผิดข้อหาลักทรัพย์ .. ถ้าปัญหานี้เกิดขึ้นกับผม ผมจะแจ้งความไว้ครับ อย่างน้อยเผื่อมีปัญหาใดๆตามมา เราจะได้นำใบแจ้งความนี้ ใช้เป็นเอกสารประกอบ ในการยื่นฟ้องผู้กระทำผิด จากคุณ : ChinBUU เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 05:48:09

ความคิดเห็นที่ 13 แต่จากกระแสนี่ ผมว่า ฆ่าได้ คงฆ่าไปแล้ว ยุกันเหยงๆ โหวกเหวก กันปาวๆ ก็เลยลองถามดู เผื่อจะสบายใจ และรู้สึกปลอดภัย ในสิทธิ และความเป็นส่วนตัวกันขึ้นบ้างน่ะครับ (=_=;)~~~ จากคุณ : May it be as I said เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 05:50:13

ความคิดเห็นที่ 14 งั้นถ้าขโมย ขโมยของเรา แล้วบอกว่า ไม่ได้มีเจตนาจะเอาไปตลอด แค่เอาเงินไปหมุน 2-3วันจะรีบเอามาคืน ก็ไม่ผิดกฎหมายเหรอครับ จากคุณ : คนดี มีคุณธรรม ค้ำจุนโลก เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 05:56:08

ความคิดเห็นที่ 15 #14 ดูฎีกาที่สองครับ จากคุณ : Players เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 06:01:28

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่ทราบกฎหมายหรอก แต่ว่าไม่ไว้ใจแล้วแหละ จากคุณ : corydoras เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 06:43:29

ความคิดเห็นที่ 17 สิ่งสำคัญในการบริการ คือ จรรยาบรรณในการบริการและความซื่อสัตย์ ถึงแม้จะผิดกฏหมายไม่ว่าแพ่งหรืออาญา แต่ในสายตาผู้บริโภค  บทลงโทษที่มีต่อssมันรุนแรงยิ่งกว่ากฏหมาย อาจจะไม่กี่ร้อยกี่พันที่อ่าน  แต่คนเกลียด1ย่อมแตกไปถึง 10 ดังนั้นการแก้ปัญหา  ด้วยการขอโทษอย่างจริงใจและวิธีแก้ปัญหา  คือสิ่งที่ssควรรีบทำเป็นอย่างยิ่ง มิฉะนั้น ศาลจากประชาชนนี่แหละจะตัดสินSSเองในระยะยาว ขออภัย  หากไม่เกี่ยวกับกระทู้เลย  แต่พนง.ควรโดนมากกว่าการไล่ออก  เพื่อเป็นบทเรียนให้แก่พนง.คนอื่นๆ จะได้เกรงกลัว  เพราะถ้าแค่ลงโทษให้ออก วันดีคืนดีไปเปิดร้านมือถือ  หรือทำที่ใหม่  พฤติกรรมนี้จะยังคงอยู่ต่อไป  เพราะแค่ไล่ออกหรือย้ายแผนกไม่มีทางสำนึกหรอกครับ จากคุณ : รักเธอๆไม่รู้หรอก เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 07:27:32

ความคิดเห็นที่ 18 หลายๆคน อ่านไม่ถึงแปดบรรทัดจริงๆ จากคุณ : Post in Android (สมชายตลอดมา) เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 07:54:15

ความคิดเห็นที่ 19 สรุปก็คือ ไม่จัดเป็นความผิดทางด้านอาญา แต่จัดเป็นความผิดทางด้านละเมิดสิทธิส่วนบุคคล โจทย์สามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้เต็มที่ ป.ล. อันนี้มั่วน่ะครับ ผมไม่มีความรู้ทางด้านกฎหมายกับเค้าหรอก อิอิ แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 55 08:53:15 จากคุณ : J (jakkmn) เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 08:51:32

ความคิดเห็นที่ 20 เข้ามาดู ... จากคุณ : D_YONG เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 08:58:32

ความคิดเห็นที่ 21 จะทดสอบ ต้องทำในร้าน ในศูนย์ซ่อม และ ต้องทำในเวลาเปิดทำการครับ จากคุณ : หัวหมอ เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 08:59:14

ความคิดเห็นที่ 22 บางคห.หัดอ่านให้มากๆหน่อยนะครับ บางทีตั้งคำถามแต่ละอัน เพลียจริงๆ จากคุณ : issey kasawa เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 09:05:45

ความคิดเห็นที่ 23 แต่เจ้าหน้าที่สหกรณ์เอาเงินไปหมุน ถูกจับได้ก็ติดคุกนะ ถึงจะเอามาคืนหมดก็เถอะ ข้างบ้านผมเอง แต่อันนั้นน่าจะโดนข้อหาเรื่องปลอมแปลงเอกสาร พอดีผมก็ไม่ใช่นักกฎหมาย ถ้าไอ้หนุ่มเสื้อแดงในกระทู้ก่อนหน้า ฝ่าฝืนกฎของบริษัท เพื่อทำให้เอาเครื่องออกไปได้ เช่น ปลอมลายเซ็นใครซักคนเพื่อเอาเครื่องออกไป อันนี้น่าจะเป็นผิดอาญาได้  แต่ถ้าบริษัทไม่มีมาตรการป้องกันทรัพย์สินลูกค้าเลยอันนี้ก็แย่มากๆ ขอบคุณเจ้าของกระทู้ครับ ให้ความรู้เป็นสิ่งที่ดี ไม่ดรามาหรอก แต่สงสัยนิดนึง เป็นคดีแพ่ง ค่าความเสียหายข้อมูลส่วนบุคคลในโทรศัพท์จะเรียกเท่าไหร่ดีครับ เผื่อเหยื่อรายต่อไปจะฟ้องให้เป็นเรื่องเป็นราว จากคุณ : แวมไพร์ที่ราบสูง เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 09:25:07

ความคิดเห็นที่ 24 ..จริงรึเปล่าครับที่ว่ากฎหมายมันดิ้นได้ ขึ้นอยู่กับทนาย? จากคุณ : ขนมปังกรอบแมนที่2 เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 10:10:39

ความคิดเห็นที่ 25 ถ้าโดนโขมยข้อมูลภายในเครื่อง ทั้งรหัสต่างๆ ข้อมูลส่วนตัวต่างๆ  สิ่งเหล่านี่สามารถโขมยได้ทั้งที่ของถูกส่งมือเจ้าของในสภาพเดิมแล้วล่ะครับ จะเข้าข่ายลักทรัพย์ได้มั้ยครับ จากคุณ : kti เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 10:17:26

ความคิดเห็นที่ 26 สุดท้ายเอาไปแล้วคืนก็เรื่องนึง ที่สำคัญคือ เขาลักลอบนำสินทรัพย์ของผู้อื่นออกนอกพท.จำกัด   อย่าบอกนะว่าผจก.0เซ็นเอกสารอนุมัติให้พนง.นำเครื่องลูกค้าออกไปจาก0ในยามวิกาลเพื่อการtestเครื่อง(ในที่พักส่วนตัว) นี่ น่าจะถือการเอาผิดได้เต็มๆ.. การนำมาคืนภายหลัง..ต้องดูต่อเนื่องไหมล่ะ ว่ามันเลยกำหนด เขานำมาคืนหลังจากที่เจ้าของทวงถามไปยังศูนย์ตั้งหลายครั้ง 0ก็บ่ายเบี่ยงตลอด (พนง.ที่บ่ายเบี่ยงจะโดนสมรู้ร่วมคิดด้วยไหม?) ซึ่งก็ล่าช้ากว่ากำหนดนัดหมายด้วยสิ เจตนาลักทรัพย์ แต่กลัวความผิดซึ่งหน้า จึงได้นำมาคืน..ก็ว่ากันได้อีก ถ้าจะเอาผิดนะ เราว่าอยู่ที่สำนวนการเขียนแหละ แบบเดียวกัน ถ้าจะทำให้ไม่ผิด ก็อยู่ที่สำนวนอีกเช่นกัน ปล.คุณที่ไปถามอาน่ะ บอกข้อมูลเขาหมดไหม? จากคุณ : Pa-nin เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 10:28:04

ความคิดเห็นที่ 27 พระท่านว่า ทุกอย่างอยู่ที่เจตนา ผิดไม่ผิด ให้ดูเจตนาเริ่มต้นจ้า จากคุณ : doogkwang (doogkwang) เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 10:36:42

ความคิดเห็นที่ 28 สรุปว่าต้องฟ้องแพ่งใช่ไหม จากคุณ : ps000000 เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 10:44:55

ความคิดเห็นที่ 29 #8 ดูจากสำนวน.. นส. จู้จี้ ยังมีทางรอดอีกหลายช่องทางครับ จากคุณ : NTF เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 10:56:30

ความคิดเห็นที่ 30 ผมเคยทำงาน ในแนวนี้ ขอบอกว่า เครื่องลูกค้าจะนำออกไปนอก บริษัทได้ต้อง ได้รับเซ็นอนุมัติจาก MG ก็คือหัวหน้าผมก่อน และบอกเหตุผลในการนำออกไป ว่าจะเอาไปทำอะไรแล้วกี่วัน เพราะในอุปกรณ์พวกนี้จะมีข้อมูลของลูกค้า อยู่ ไม่ว่าจะเป็น คอนแทรก หรือ ข้อความ และรูปภาพ เกิดมีอะไร ได้หลุดไป จะมีผลต่อ ภาพลักษณ์ของบริษัท ครับ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆไม่ควรนำออกไปครับ ควร ทดสอบทิ้งไว้ที่บริษัท เช่นเปิดทิ้งไว้ ทดสอบด้วยโปรแกรม ที่ใชัทดสอบ อย่างผมทดสอบ Notebook ผมก็เปิดด้วยโปรแกรมทดสอบแล้วก็ เปิดทิ้งไว้ทั้งวันทั้งคืน สองวันสามวัน นอกจากเป็นเคส เร่งด่วน จริงๆ แบบมาเย็นวันนี้ พรุ่งนี้ต้องการคำตอบ ผมก็ต้องนำกลับไปทดสอบที่บ้าน ถึงจะไม่ผิด กม เมื่อนำมาคืน แต่ผิด กฏบริษัท ครับ มากน้อยขึ้นอยู่กับ ผู้บริหารจะพิจารณา  อาจจะใบเตือน หรือ ไล่ออก  เพราะเครื่องลูกค้า เมื่อนำส่งมาซ่อม ถือเป็นความรับผิดชอบของบริษัท ที่จะต้องดูแล แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 55 11:18:20 แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 55 11:15:08 จากคุณ : narmjaja เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 11:11:54

ความคิดเห็นที่ 31 แล้วผิดฐานเอาไปซึ่งเอกสาร ของผู้อื่น ม.188 หรือไม่ครับ  เพราะไม่จำเป็นต้องตัดกรรมสิทธิ์ของผู้อื่นก็ได้ จากคุณ : เซียนแมวคารินย่า เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 12:35:12

ความคิดเห็นที่ 32 ไม่เรียกว่าลักทรัพย์ ไม่นับว่าผิดกฎหมาย แต่มัน "ทุเรศ" ครับ  แอบใช้ของลูกค้า รู้ถึงไหน อายเขาถึงนั่น จากคุณ : ton4fm เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 12:43:44

ความคิดเห็นที่ 33 เห็นด้วยกับ คห32 ค่ะ จากคุณ : Aeeknitting เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 14:11:28

ความคิดเห็นที่ 34 9# ถามจริงได้อ่านไหมเนี้ย 3#เขาบอกว่าไม่ผิด แต่จริงๆ แล้วผิดนะเว้ย แต่ผิดทางแพ่ง แต่ไม่ได้ผิดทางอาญา เพลีย ! -_-' จากคุณ : Prometius เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 17:49:20

ความคิดเห็นที่ 35 แบบนี้น่าจะเข้าข่ายยักยอกทรัพย์มั้งครับ จากคุณ : zimzim เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 18:15:12

ความคิดเห็นที่ 36 ผิดทางแพ่ง?  ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 บัญญัติไว้ว่า "ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี แก่อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิด" ปัญหาในเรื่องนี้ คือ สิทธิส่วนบุคคลเช่นว่านั้น ได้เสียหายหรือไม่? คำตอบคือ "ไม่" เลยครับ ในกรณีนี้เห็นได้ว่า มีการใช้งาน แต่ไม่ได้ถึงขนาดเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนบุคคลเจ้าของมือถือที่นำไปซ่อมแต่อย่างใด  ดังนั้น สิทธิส่วนบุคคลจึงไม่ได้เสียหาย และความผิดข้อหาละเมิดนั้นจึงไม่เกิดขึ้นครับ ถือไม่ได้ว่าเป็น "ละเมิด" ครับ จากคุณ : เสี่ยวเก้า on Ubuntu 11.10 (กระบี่เก้าเดียวดาย) เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 20:00:23

ความคิดเห็นที่ 37 #36 ผมว่าเป็นการละเมิดต่อสิทธิในทรัพย์สินครับ เป็นการรบกวนกรรมสิทธิรูปแบบหนึ่ง แม้ไม่ได้ตัดกรรมสิทธิไปขาด จึงไม่ผิดลักทรัพย์ แต่การนำทรัพย์สินไปใช้สอยโดยไม่ได้รับอนุญาต (ซึ่งเท่ากับว่า เอาไป "ยืม" หรือ "เช่า" โดยไม่มีสัญญา) มันก็เป็นการรบกวนกรรมสิทธิหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดแล้ว ปัญหาคือ ค่าเสียหายควรเป็นเท่าไร (ทนายอาจจะเอาค่าเช่ามือถือมาสืบเพื่อเทียบว่า ปกติมือถือแบบนี้ถ้าเขาให้เช่ากันคิดวันละเท่าไร - ว่าแต่ถ้ามันมีธุรกิจเช่ามือถือนี้อ้ะนะ เคยเจอแต่เช่ากล้อง) จากคุณ : Players เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 22:17:46

ความคิดเห็นที่ 38 เห็นด้วยกับ จขกท. ในทุกความเห็นครับ นี่เป็นตัวอย่างชั้นต้นว่าทำไมต้องเรียนกฎหมาย หรือต้องจ้างทนาย เพราะประโยคง่ายๆในตัวบท อาจตีความได้หลากหลาย แต่จริงๆแล้วหลักมันมีแค่หนึ่งเดียว บางคนไม่เข้าใจคิดว่าสิ่งที่ตนเข้าใจนั้นถูกแล้วเป็นเรื่องอันตรายครับ จากคุณ : พาตุช เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 00:41:48

ความคิดเห็นที่ 39 #37 การกระทำละเมิดนั้น การรบกวนสิทธิต้องเสียหายถึงขนาด ถ้าการรบกวนสิทธินั้นไม่เสียหายถึงขนาด ก็ยังไม่ถือว่าการกระทำนั้นเป็นการละเมิดตามที่ท่านได้กล่าวอ้างมา ซึ่งถ้ากรณีนี้เป็นเคสขึ้นสู่ศาลจริง ก็ต้องมีการนำสืบให้ศาลสมจนเห็นถึงความเสียหายเช่นว่านั้นได้ แสดงว่าการกระทำละเมิด ต้องมี "ความเสียหาย" ต่อสิทธิก่อนถึงจะเรียกว่า ละเมิด ได้ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานั้น เป็นเพราะคำว่า "ให้เขาเสียหาย" ในมาตรา 420 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้นแลฯ ครับ ดังนั้น การรบกวนสิทธิที่ท่านกล่าวอ้างมา มันยังไม่กระทบสิทธิถึงขนาด จนเรียกได้ว่าเป็น ละเมิด ครับ (แต่ต้องเป็นกรณีที่นำมาคืนแล้วไม่เกิดความเสียหายต่อการใช้ทรัพย์นั้นโดยปกติสุขนะครับ ถ้าเกิดความเสียหายต่อการใช้ทรัพย์นั้นโดยปกติสุข ก็คดีพลิกครับ) ส่วนความผิดยักยอก ถึงจะเบียดบังเอาทรัพย์นั้นไปใช้อย่างเจ้าของ แต่ก็ไม่ได้ "เอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สาม" ขาดองค์ประกอบไปหนึ่งก็ไม่ใช่ความผิดฐานยักยอกทรัพย์แล้วครับ (เพราะกฎหมายอาญาต้องตีความตามตัวอักษร) ใกล้เคียงที่สุด คือ ผิดสัญญาบริการ ตามคดีคุ้มครองผู้บริโภค แต่อย่างว่า กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคของไทยยังแยกออกจากกฎหมายละเมิดของกฎหมายแพ่งไม่ได้ ยังต้องลากโยงเข้าไปเกี่ยวกับคดีละเมิด (ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นกฎหมายพิเศษแท้ ๆ) ดังนั้นถ้าแจ้งเข้าไป สคบ. อย่าคิดเลยครับว่าเขาจะรับเรื่องไว้ เขาจะบอกทันทีเลยว่า "หลักฐานอ่อนเกินไป ไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงความเสียหายได้" ซึ่งก็หมายความว่า ยังอิงอยู่กับหลักการละเมิดอยู่นั่นเอง สำแดงความเห็นอันต่ำต้อย ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 16 ธ.ค. 55 04:45:43 จากคุณ : เสี่ยวเก้า on Ubuntu 11.10 (กระบี่เก้าเดียวดาย) เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 04:36:35

ความคิดเห็นที่ 40 เรื่องนี้น่าจะลองพิจารณาตาม พรบ.คอมฯ ดู ในเรื่องการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบนะครับ จากคุณ : wiwat (wiwat) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 01:49:16