ความคิดเห็นที่ 1 จะสังเกตได้ว่า สาย OTG เป็นสาย microUSB แต่หัวด้านที่้เป็น USB จะเป็นตัวเมีย จากคุณ : Akexorcist เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 18:56:46

ความคิดเห็นที่ 2 ซึ่งปกติเวลาใช้สาย microUSB กับ Smartphone อย่าง Android จะเสียบสายเข้ากับเครื่องแล้วฝั่งที่เป็น USB ก็จะเสียบเข้าคอม การทำงานเช่นนี้คือเครื่องคอมคือ Host และ Android เป็น Slave โดยเครื่องคอมที่เป็น Host จะสามารถควบคุมหรือจัดการกับ Slave ได้ ขึ้นอยู่กับว่าสามารถรองรับกับอุปกรณ์ Slave ตัวนั้นๆได้หรือไม่ ส่วน Slave จะไม่สามารถควบคุมหรือจัดการกับ Host ได้เลย ซึ่งการทำงานดังกล่าวนี้ก็เป็นแบบที่ใช้กันทั่วไปในอุปกรณ์ที่รองรับ USB จากคุณ : Akexorcist เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 18:58:18

ความคิดเห็นที่ 3 ทีนี้มาดูกันต่อว่าขั้วทองแดงของสาย USB ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง สำหรับหัว USB จะมีขั้วทองแดงอยู่ด้วยกัน 4 เส้น ดังนี้ Vcc คือขาไฟเลี้ยง 5โวลต์ และ Gnd ก็คือขากราวด์ ส่วน D+ กับ D- คือขาส่งข้อมูล เวลาที่ข้อมูลรับส่ง ก็จะเป็นสัญญาณดิจิตอลธรรมดานี่แหละ โดย D+ จะส่งสัญญาณปกติ ส่วน D- จะส่งสัญญาณแบบกลับลอจิก (Invert) จากปกติ จากคุณ : Akexorcist เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 19:02:34

ความคิดเห็นที่ 4 ทีนี้มาดูหัว microUSB กันต่อเลย ซึ่งจะมีขั้วทองแดงอยู่ด้วยกัน 5 เส้น ดังนี้ จะเห็นว่ามีขาหนึ่งเพิ่มเข้ามา คือ ID ซึ่งขานี้เอาไว้ระบุว่าจะให้เป็น Host หรือ Slave ถ้าต่อสัญญาณลงกราวด์ก็จะทำหน้าทีเป็น Host แต่ถ้าปล่อยเป็นขาลอยไว้ก็เป็น Slave ซึ่งความแตกต่างของสาย USB OTG กับสายแบบปกติก็อยู่ที่ตรงนี้แหละ สายที่เป็น OTG ก็จะเชื่อมขา ID เข้ากับขา Gnd เพื่อดึงให้ขานั้นเป็นกราวด์ ส่วนสายทั่วไปก็จะปล่อยเป็นขาลอยไว้ (Floating) ทำให้เป็น Slave จากคุณ : Akexorcist เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 19:03:08

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าใครว่างๆแบบผมก็ลองหาสาย microUSB มาแกะดูก็ได้นะ 5555 เมื่อแกะออกมาก็จะเห้นว่ามีแค่สายไฟ 4 เส้นเท่านั้นที่ต่อกับหัว microUSB ทั้งๆที่ขั้วทองแดงมีทั้งหมด 5 ขั้ว โดยทั้ง 4 เส้นจะเป็น Vcc, Gnd, D+ และ D- ที่เชื่อมต่อกับหัว USB ธรรมดาๆนั่นเอง (อย่าลืมนะ หัว USB มีขั้วแค่ 4 ขั้ว) จากคุณ : Akexorcist เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 19:04:00

ความคิดเห็นที่ 6 พอลองแกะดูขั้วทองแดงข้างในจะเห็นว่า ID เชื่อมกับ Gnd ซึ่งก็คือการต่อขา ID ลงกราวด์นั่นเอง ทำให้อุปกรณ์ทำหน้าที่เป็น Host จากคุณ : Akexorcist เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 19:05:37

ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อเทียบกับสาย microUSB ที่ใช้กันทั่วไป พอลองเอามาแกะดูมั่ง อันนี้เป็นสาย microUSB ของ Nokia ที่พังแล้ว แกะยากชะมัด แถมทำสายไฟขาด เลยเหลือแต่หัว microUSB อย่างเดียว แต่ก็จะเห็นว่า ID กับ Gnd ไม่ได้ต่อเข้าด้วยกัน ทำให้อุปกรณ์ทำหน้าที่เป็น Slave จากคุณ : Akexorcist เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 19:06:07

ความคิดเห็นที่ 8 สรุปได้ว่าความต่างของสาย OTG ไม่ได้พิเศษอะไรมากมายเลย ถ้าไปเจอร้านขายแพงแล้วบอกว่ามันเป็นสายพิเศษกว่าปกติ ก็อย่าหลงกลนะ 5555+ แหล่งที่มา http://goo.gl/Gz18Y แก้ไขเมื่อ 19 ธ.ค. 55 19:52:10 จากคุณ : Akexorcist เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 19:07:16

ความคิดเห็นที่ 9 มีประโยชน์มากครับ ขอบคุณมาก จากคุณ : เวลากับสายลม (เวลากับสายลม) เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 19:22:24

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณสำหรับความรู้มรานำมาเผยแพร่ด้วยครับ จากคุณ : duen07 เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 19:33:56

ความคิดเห็นที่ 11 ได้ความรู้เพิ่มเลย ขอบคุณครับ จากคุณ : Tablet ป.1 (Tan dej) เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 19:47:05

ความคิดเห็นที่ 12 Vote ให้ครับ มีสาระ จากคุณ : TalkingTalk เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 20:36:57

ความคิดเห็นที่ 13 ผมซื้อมาเส้นละ 140 ครับ จากคุณ : ohm (audthapol) เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 20:57:48

ความคิดเห็นที่ 14 ถามแถวบ้านบอกเส้นละ 250 เลยไม่เอา  จริงๆแล้วควรจะเส้นละเท่าไหร่ครับ จากคุณ : ผมใช้ S2 (akw) เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 23:11:21

ความคิดเห็นที่ 15 ไม่ควรเกินร้อยก็พอครับ เพราะมันไม่ได้ต่างจาก microUSB ปกติซักเท่าไร อย่าง Advice ก็ขาย 89 บาทเองครับ จากคุณ : Akexorcist เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 00:11:59

ความคิดเห็นที่ 16 เคยซื้อเส้นละ 60 ที่ไอทีแสควร์ครับ จากคุณ : Okido เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 08:59:34