ตามกระทู้เลยค่ะ



ขอขอบคุณมากค่ะ ^______________^

ถ้าชอบ ถ้าตั้งใจ สายไหนก็รุ่งครับ

หมั่นอัพเดตความรู้เสมอๆ

พยายามทำผลงานให้เอาไปคุยต่อได้

programming เหตุผล โครงการมักยาวต่อเนื่อง เผลอๆไม่รู้จบ คนอื่นทดแทนได้ยาก แต่ถ้าไม่เก่งก็เท่านั้น ต้องดูความถนัดของตัวเองด้วย

โปรแกรมมิ่งน่าจะดีกว่าครับ

ขอแย้งครับ ผมว่าทางด้าน IT support ดีกว่า ในความคิดของ user จะเห็นว่าเหมือนกัน
ถ้าคอมมีปัญหา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาเล็กๆน้อยๆ เขาจะเรียก IT เทียบความสำคัญแล้ว
IT เลยดูสำคัญกว่า วันดีคืนดี ก็สร้างความสำคัญที่ตัวเอง โดยการรีสตาสเซิฟเวอร์ ตอนเขาทำงานกันอยู่ซะงั้น ( อันนี้เคยโดย ) โปรแกรมเมอร์ก็คิดแทบตาย โปรแกรมเป็นอะไร - -
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทางด้านไอที จะสูงสุดก็แค่นี้ แต่ทางโปรแกรมเมอร์ ยังสามารถ แตกไปเป็น
SA , อื่นๆ อีก ได้ เหมือนคลาส 2 ในเกมส์ - -*

Programmer จะทำเิงินได้สูงกว่าครับ แต่ตำแหน่ง มันจะไปตันแค่ BA หรือ SA เท่านั้น แต่ก็แหละนะ เมื่อไปถึงนั่น การที่จะได้เงินเดือนเกิน 6 หลัก มันก็เป็นเรื่องปกติ แต่คุณต้องเก่งด้วย ไม่ใช่แค่ทำงานไปให้มีอายุงานถึงเท่านั้นเอง

ส่วน สาย IT Support นั้น มันต่อยอดไปได้ไกลกว่าครับ แต่เงินที่ได้ในช่วงแรกจะน้อย ถึง น้อยมาก แถมถ้าหากอยากได้เยอะ ๆ ก็ต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา เวลามีอะไรใหม่ ๆ ออกมาก็ต้อง Update ตัวเองเรื่อย ๆ และ ที่สำคัญ ภาษาอังกฤษ ต้องได้ครับ ไม่ใช่แค่เอาไว้อ่านย Text นะครับ แต่ต้องระดับสื่อสารกันเลยทีเดียว สายนี้ถ้าไม่ได้ภาษา ก็คงได้แค่ซ่อมคอมไปเรื่อย ๆ แหละครับ

ส่วน การสร้างความสำคัญให้ตัวเองด้วยการ Restart server นี่...เคยมีคนโดนไล่ออกเพราะเรื่องนี้มาแล้วครับ อยู่ดี ๆ ทำให้บริษัทฯ ทั้งบริษัททำงานไม่ได้ ช่วยไปสร้างความสำคัญที่อื่นก็แล้วกันนะ

ผมขอตอบในฐานะ ผมได้ทำงาน IT Support ตอนเรียน รับโปรเจ็ค
นอกเป็นการวางระบบเครือข่าย และปัจจุบันทำเป็น
นักวิเคราะระบบอาวุโส + Pre sales (อ่านแล้วมันเหมือนกลายพันธุ์มากๆ)

เอ้าเริ่มกันเลย
1. ตอนเรียนผมก็เรียนสาย IT ธรรมดา แต่ก็ได้ทำงาน Part time เกี่ยวกับ
help desk แน่นอนคุณต้องเจอแน่นอนคือ server farm และ network
สมัยนั้น ผมเพ้ออยากเป็นสาย network เลย (รายได้ตอนนั้นคือ วันละ
500 - 700 บาทต่อวัน เมื่อ 6 ปีที่แล้ว)
2. พอมาทำงาน ก็ได้ทำงานในสาย hybrid คือ support คอมลูกค้า
กับ 'เขียนโปรแกรม' ปวดหัวเลยครับช่วงนั้น
แต่ที่หันมาสายโปรแกรมมิ่งจริงจังคือ เว็บหางาน
ผมเห็นคิดว่ารายได้ทำไมมัน 'ห่าง' กันหลักหมื่นขนาดนี้
(ผม start 14k  เปลี่ยนสายงานได้ 27k)
3. หลังจากนั้นชีวิตผมก็มาเป็น นักวิเคราะห์ระบบเชิง
ธุรกิจ ธนาคาร และละหกละเหินเป็น programmer
ซ้ำไปซ้าแบบนี่ (รายได้อยู่ที่ 36 -> 49k)
สรุปที่ผมเล่ามา ผมก็อยากจะแชร์บนพื้นฐานรายได้นะครับ
(ไม่ร้ว่าจะเอาตัวไหนมาเป็นบรรทัดฐานวัดความก้าวหน้าและ)
4. จุดสุดท้ายคือ เป็นเจ้าของธุรกิจ ตอนอายุ 30 ครับ (ปัจจุบัน 27)
ผมเล่าบนพื้นฐานของความจริงทั้งหมดนนะครับ...

Programmer จะทำเิงินได้สตาร์สแรกจะสูงกว่า ค่ะ

สาย Network ไปได้แค่ IT Support  การเป็นพนักงาน Network เพียวๆ เลยเป็นไปได้น้อยค่ะ ส่วนเรื่ิองเงินเดือน ถ้าทำงานนานๆ ได้เป็นหัวหน้างาน เงินเดือนพอๆกับโปรแกรมเมอร์เลยค่ะ

เพื่อนๆ ที่เรียนสาย network ตอนนี้เบนสายงานกันหมดแล้วค่ะ 555
บางคนไปทำฟาร์ม บางคนไปทำขนม บางคนก็เรียนต่อในสาขาอื่น

แต่ก็แล้วแต่การชอบส่วนบุคคล นะคะ

ตอนนี้ผมจบมา 5 ปีกว่าละ ผมทำสายโปรแกรมเมอร์ ได้ 50k นิดๆ เพื่อนทำสายเน็ตเวิค มี cer Ccie ได้ 60kคนนึง อีกคนน่าจะ 70-80k

ส่วนตัวชอบด้านโปรแกรมเมอร์ แต่พื้นฐานไม่ค่อยแข็งแรง พอเป็นไปได้ แก้ดีบักไปวันๆ ไม่ค่อยอะไรมากค่ะ เขียนเว็บพอเป็นบ้างตามภาษาโปรแกรมต่างๆ พวก PHP MySQL HTML JAVA framework for CMS(Joomla,drupal ฯลฯ)
ส่วนด้านเนตเวิล์ต ที่เรียนมา รู้สึกได้เลยว่าถนัดกว่าโปรแกรมเมอร์เยอะ ก็เลยสับสนว่า จะสมัครงานด้านไหนดีค่ะ สับสนตัวเอง ภาษาอังกฤษก็เบสิกค่ะ ตามภาษาคอมต่างๆค่ะ

ส่วนใหญ่ IT manager เท่าที่เจอมาจะมาจากสาย network นะ
ส่วน programmer ถ้าทำจนเป็น specialist ก็เงินเดือนดี เผลอๆดีกว่า manager

ก็แล้วแต่ชอบ ถ้าชอบความมีเกียรติ ความก้าวหน้าในตำแหน่งงาน มีลูกน้อง ก็สาย network
แต่ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องตำแหน่ง ชอบเงินเดือนเยอะ ไม่ต้องดูแลลูกน้อง ก็ programmer ครับ

อ่านแล้ว ดูผิดหวังยังไงไม่รู้
ผมเป็นเด็กใหม่พึ่งจบสดๆซิงๆ ได้งาน Network Engineer ของบริษัทญีปุ่น เงินstart 17k
แต่ดูจากพี่ๆวิเคราะห์แล้ว ดูท่าทาง Network จะไปไม่ได้ไกลรึเปล่า T^T ขนาดอัพเต็มเป็น IT managerแล้ว ยังสู้ programmer ไม่ได้เลย

Network Engineer  ลักษณะงานเป็นยังไงบ้างค่ะ
แต่เท่าที่เรารู้ เพื่อนเค้าเงินไม่น้อยเลยน้ะ ด้านนี้อ่ะค่ะ แต่ต้องสอบ Cer  เยอะๆด้วยน้า จะอัพเงินเดือนให้อะค่ะ ประมาณนี้

^_^ เริ่มจาก Programmer ก่อนก็ดีพอไป Networking มันก็ง่ายขึ้นเพราะบางทีหากเราต้องการโปรแกรมใดๆ ที่ทำงานกับด้าน Network หาไม่ได้ก็เขียนเองมันซะเลย เอาไปต่อยอดขายงานได้อีก

ผมคิดต่างมากๆๆๆ เห็นพูดแต่ IT support มันไม่ใช่สาย network จิงๆซะหน่อย
คนละหน้าที่กัน

จริงอยู่ Network เงินน้อยกว่า Programmer แต่รายได้ network ไม่ได้มีแค่นั้นนะครับ
ได้ทั้ง OT ค่าเดินทาง กลับกัน Programmer ทำงานดึกดื่น OT ไม่ได้ซักบาท

เฉลี่ยจบใหม่ อ้างอิงจากคนใกล้ตัวผม
สายProgram 15-20k
สายNetwork&Systems 15-18k +OT+ค่าเดินทาง เฉลี่ยเดือนละ 25-30k

สาย Network ยิ่งได้ภาษายิ่งไปเร็วครับ ประสบการณ์สูงยิ่งไปไวเพราะ สถาปัตยกรรม
ไม่ค่อยจะเปลี่ยนแปลง
สาย Program เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ต้องทำเป็นหลายๆอย่าง
จากที่ผมอยู่สาย Network สรุปว่า Network ได้เงินเยอะกว่า สบายกว่า แต่อยู่ดึกกว่า
-เยอะกว่าเพราะได้ OT กับ ค่ารถ
-สบายกว่าเพราะเข้า site กี่โมงกลับกี่โมงก็ได้ ไม่มีคนคุม ขอให้งานเสร็จ ปัจจุบันผม
ตื่น 9 โมงทุกวัน กว่าจะถึง site เกือบเที่ยง  ^^
-แต่ไม่สามารถระบุวันเวลาที่แน่นอนในการเริ่มงานและเลิกงานได้ นี่คือข้อเสีย

ถ้าตอบตรงคำถาม ก็ Network

ขึ้นอยู่กับธุรกิจครับ

Programmer ถ้าอยู่ถูกที่ เช่น บริษัทรับเขียนโปรแกรมให้ลูกค้าก็จะไปได้ไกลกว่า สาย Network เพราะเป็น Core business ขององค์กร

Network ก็เช่นกันถ้าอยู่ถูกที่ และมีใบ Cer. ก็จะไปได้ไกลกว่า และเร็วกว่า ถ้าอยู่ในบริษัทที่รับวางระบบ

ทั้ง 2 สายจะไปไม่ได้ไกลมากนัก ถ้าอยู่ในภาคธุรกิจที่ไม่ได้ทำด้าน IT เลย และจะสู้ IT Support จำพวก Hybrid ที่สามารถทำงานได้หลากหลายไม่ได้ ทั้งๆที่พวกนี้อาจจะไม่ได้เก่งสู้ทั้งสองสายเลย แต่ภาคธุรกิจที่ไม่ได้ทำด้าน IT ต้องการพวกนี้มากกว่าครับ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการพัฒนาตนเอง โอกาส และปัจจัยอื่นๆด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเราจะทำอาชีพอะไร เงินเดือนมากน้อยเท่าไร จรรยาบรรณในวิชาชีพเป็นเรื่องสำคัญ และบางทีความภาคภูมิใจในอาชีพที่เราทำ ความสุขที่เกิดจากอาชีพที่เรา การมีเพื่อนร่วมงานที่ดี มันจะเป็นผลตอบแทนที่ได้มากกว่าเงินเดือนหรือผลตอบแทนอื่นๆครับ

จาก ปสก Programmer แนะนำเลยครับ ไปเป็น Network ดีกว่าครับ แต่ต้องแยกนะ ระหว่าง IT support กับ Network Engineer ถ้าอนาคต Network Engineer ดีกว่าแน่ๆเพราะว่า ผมยังอิจฉาเพื่อนๆที่ไปสายนี้เลยครับ งานยุ่งยากพอกัยแต่ความก้าวหน้าคนยอมรับดีกว่า แต่ก็อย่างว่าแล้วแต่ความถนัด

ความคิดเห็นที่ 5
จริงๆโปรแกรมเมอร์มันไม่ได้ไปทาง SA BA หรอกครับ คนไทยเราชอบคิดแบบนั้นจริง โปรแกรมเมอร์จะไปทางสาย specialist แต่พอดีคนไทยเราไม่ค่อยให้ความสำคัญด้านนี้เท่าไหร่เลยพยายามหนีไปสาย บริหาร ถ้ายังอยากอยู่เมืองไทยแนะนำเลย ไปสาย Network ดูดีมีอนาคตกว่ามาก ในระยะยาว

ยกตัวอย่างนะ องค์ข้ามชาติใหญ่ จะมี Programmer แต่จะอยู๋ประมาณประเทศอินเดียไรเงี้ย ทำโปรแกรมแล้วให้ สาขา ตาม ต่างประเทศใช้ แต่สาย Network พวกนี้ไม่สามารถมาแก้ปัญหาได้เต็มที่ก็แค่ remote เข้ามา ยังไงก็ต้องมีคนประจำ ตามสาขาต่างประเทศ
ถ้าสาย Network เก็บ cerเยอะๆ เงินก็สบายแลล้วครับ แต่สาย Programmer เก็บเซอร์เยอะก็ไม่ช่วยอะไร ฮาฮา

Network สิครับ เทพๆอยู่ SI ต่างชาติ หรือดู CoreNetworkให้บริษัทข้ามชาติ

Programmer ตลาดไทยมันยังไม่บูมครับ ส่วนใหญ่ก็ใช้สำเร็จรูป โชคดีหน่อยก็Software House ข้ามชาติ แต่เค้าทำงานเป็นทีม ขาดคนก็มีคนใหม่มาเสียบ ไม่ได้สนใจหรอกว่าคุณจะอยู่หรือไป เพราะพัฒนาระบบเปิด

ผมว่า Programmer ระดับ Senior หน่อย มาเห็นกระทู้นี้ ในความเห็นท้ายๆแล้ว

คงยิ้มเล็กๆด้วยมุมปาก แล้วเดินจากไปเงียบๆ ^^


ป.ล. โปรแกรมเมอร์ ที่ผมทำอยู่มี OT ให้นะฮ้าาาา ^^

ในความเห็นผม มันสรุปไม่ได้หรอกกว่าสายไหนดีกว่า
ทำไมรู้ไหม เพราะผมรู้จักรุ่นพี่ที่ประสบความสำเร็จทั้งสาย Programming และ Network
ทั้งรายได้ ก้าวหน้า มั่นคง ไม่ต่างกันเลย

คนแรกสาย Programming เงินเดือนหลักแสน เป็น Senior ขององค์กร ทำโปรเจคให้บริษัทใหญ่และหน่วยงานราชการในไทยมาเยอะมาก เคยถามว่าแกไม่เครียดบ้างหรอ แกบอกตอนสมัยทำงานใหม่ๆอะเครียดมาก เคยคิดจะลาออกหลายครั้ง แต่พอผ่านมาได้ มันก็ได้ประสบการณ์ พอมาเจอปัญหาเดียวกันในโปรเจคถัดมา ก็ไม่ยากแล้ว ยิ่งทำเยอะยิ่งเก่ง แกบอกสิ่งสำคัญมันอยู่ทีมงาน ถ้าเราทำงานเป็นทีม และต่างคนต่างถนัดในสิ่งที่รับมอบหมาย การทำงานจะมีความสุขมาก เพราะทุกคนมาทำตรงนี้ด้วยใจรักอยู่แล้ว ทุกวันนี้ก็ยังเขียนโค้ดอยู่ แต่น้อยลง เพราะมีเด็กรุ่นใหม่ไฟแรงมาช่วยเยอะ งานก็หยุดเสาร์อาทิตย์ ก็เห็นแกมีความสุขดี

คนสองสาย Network เงินเดือนหลักแสนเหมือนกัน มีใบ Cert เยอะมาก ทำงานกับองค์กรข้ามชาติบ่อย แกเล่าว่าช่วงทำงานใหม่ๆ ด้วยความที่แกไม่ชอบเขียนโปรแกรม ก็เลยคิดว่ามาทางนี้จะง่ายกว่า แต่ที่ไหน แกบอกไม่ต่างกันเลย55 วิเคราะห์ปัญหายากกว่าด้วยซ้ำ เพราะมันเป็นได้ทั้ง Hardware และ Software แถมงานหนัก บางทีหามรุ่งหามค่ำ วันหยุดบางทีถ้าลูกค้ามีปัญหา ก็ต้องวิ่งมาซัพพอร์ตซะงั้น เหนื่อยมาก แกบอกแกต้องอ่าน Text ไปอัพเดตความรู้เพื่อไปสอบอยู่เสมอ แกบอกอีกว่าถ้าทำสายนี้ต้องถีบตัวเองไปอยู่ SI ให้ได้ ไม่งั้นไม่โต ระหว่าง SI กับองค์กรทั่วไป ต่างกันฟ้ากับเหว แล้วถ้ายิ่งองค์กรทั่วไปที่ว่าไม่ใช่ไอทีอีก แกบอกอย่าหวังเลยว่าจะโต ไม่มีทางเลย อยู่ไปวันๆเท่านั้นแหละ  

เล่าใหัฟังซะยาว ถามตัวเองก่อนครับว่าถนัดและชอบสายไหน ไปได้ทั้งนั้นแหละ เพราะทั้งสองสายนี้มันต้องพึ่งพากัน มันอยู่ที่ว่าช่วงไหนสายไหนคนขาด สายนั้นก็จะรายได้ดีกว่า ก็เป็นเรื่องธรรมดา เป็น demand&supply ง่ายๆ

ถ้าเทียบรายได้รุ่นใหญ่ๆ เงินเดือนไม่ห่างกันมากหรอกครับ
แต่ถ้าระดับกิ๊กก๊อก ถึงกลาง ๆ  programmer เงินเดือนเยอะกว่า
เรื่องโอที ไร้สาระครับ ถ้าคุณอายุมากขึ้นมาระดับนึง
คุณจะต้องการเวลามากกว่าเงิน แนะนำให้ดูที่ base เงินเดือนดีกว่า
คนเราไม่ใช่จะลุยงานไถนาไปตลอดชีวิต เอาเวลาแบ่งให้ครอบครัวบ้าง

ปล. จากประสบการณ์ที่เคยทำัทั้งสองสาย

ผมเคยทำงานด้าน network ครับ (นานมาแล้วมากๆนะครับ) แต่ก็ชอบเขียนโปรแกรมเหมือนกัน  :)

ผมว่าสุดท้ายแล้ว เป็นนายตัวเองดีที่สุดแหละครับ

เห็นด้วยที่ว่ามันขึ้นกับเราอยู่บริษัทไหน..ถ้า core business เค้าเป็น network เราไปทำ programer ก็ไม่โตหรอก ในทางกลับกันถ้าเราทำ network แต่ไปอยู่ยริษัทเขียน software ก็ไม่โตเช่นกัน เพราะเค้าจะมองไม่ออกว่าเราสำคัญยังไง
แล้วก็ย้ำอีกทีว่า ​network engineer ไม่ใช่ IT support นะครับ

ผมทำ สาย Support มาเรื่อยๆ... จนต้อง Implementation... ระบบเครือข่ายเอง..
ทำหลายๆครั้งเจอปัญหาของลูกค้าสารพัดแบบ ก็อามาวางโมเดลแก้ไขไปเรื่อยๆ...

ช่วงหลังๆออกแบบระบบเองไปเลย...  แต่ถ้าทำให้ดีมากไป..จะขายงานยาก... ระบบที่ออกแบบจะตอบคำถามได้แทบหมด ตามที่ IT ต้องการ...และในราคาสมเหตุสมผลอีกด้วย
...แต่ขายแพงกว่าของชาวบ้าน 20%...

เลยวืดไปหลายงาน..

....อ้อ ระบบเครือข่ายที่ดี... มันดีที่โครงสรา้างพื้นฐานครับ  พวกสายท่อ และตำแหน่งวางอุปกรณ์ ระบบการปกป้องอุปกรณ์พวกนี้หละ...แม้อุปกรณ์ราคากลางๆถ้าทำโครงสร้างใว้ดี.. ก็จะทำงานได้ดีไปด้วย...
และช่วยให้ IT Support จะฟังธงปัญหาได้ง่ายครับ...
ของแพงก็ดีอยู่.. แต่ดีเฉพาะคนที่ใช้เป็น 555

โลกของงานสายไอทีนั้น ต้องแบ่งๆ หลักก่อนโดยใช้ธุรกิจขององค์กรเป็นหลัก คือ 2 แบบ
1. บริษัทที่ทำธุรกิจด้านไอทีโดยเฉพาะ มีทั้งโปรแกรมเมอร์ Network Engineer, System Engineer, Security Engineer, Pre-sales บริษัทพวกนี้จะเรียกว่า SI
** งานต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ เพราะเทคโนโลยีไม่เคยหยุดนิ่ง ใช้ skill ภาษาอังกฤษในการเรียนรู้ ติดต่องาน แต่ละตำแหน่งเงินเดือนไม่หนีจากกันเท่าไร
2. บริษัทที่ธุรกิจหลักเป็นอย่างอื่น โดยไอทีเป็นแค่ส่วนหนึ่งหรือแผนกหนึ่งของบริษัทเท่านั้น ในนี้จะแบ่งได้อีกคือ อย่างแรกบริษัทไม่ใหญ่มาก IT ก็จะโดนเหมาให้ทำทุกอย่าง เรียกรวมๆ คือ IT Support อย่างที่สองเป็นบริษัทที่ใหญ่หน่อย (Enterprise) จะแยกงานชัดเจนว่าเป็น System, Network, Security, Programmer ซึ่งจะออกแนว Administrator มากกว่า ทำงานแบบ day-to-day support, maintenance ถ้างานเหนือกำลังก็จะเรียกใช้บริการจากคนในข้อหนึ่งแทน
** ไม่ค่อยจำเป็นต้องไปตามเทคโนโลยีของไอที ส่วนใหญ่จะอาศัยถามๆ เอาจากคนในข้อแรก งานส่วนใหญ่จะ maintain ของปัจจุบัน หรือถ้ามี Implement ใหม่ก็ต้องวางแผนร่วมกับคนในข้อแรกเช่นกัน
ถ้าบริษัทไม่ใหญ่มาก IT ก็ต้องทำเองเพราะถ้าจ้างคนอื่นทำก็ต้องใช้งบในส่วนนี้ด้วย
ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับขนาดบริษัท เงินเดือนก็เช่นกัน

ข้อหนึ่งข้อสอง โดยปกติฐานเงินเดือนจะแตกต่างกัน ซึ่งแล้วแต่ใครชอบจะทำแบบไหน มีบ้างที่คนก้าวไปมาระหว่างข้อหนึ่งกับสองแต่ไม่มากนัก

อาจจะมีพวก telecom อีกแต่ก็มีไม่กี่เจ้าในเมืองไทย

จริงๆแล้วทำสายไหนก็ถึงหลักแสนได้ทั้งนั้นแหละครับ แต่อาจต้องเริ่มที่แสนสาหัสไปก่อน และบางครั้งมันขึ้นกับว่า อยู่ถูกที่แถมบางทีก็ต้องต้องถูกเวลาด้วยน่ะครับ เพราะเก่งอย่างเดียวคงไม่พอ หากไม่เฉลียวต่อสิ่งรอบตัวและฉลาดในการสร้างโอกาสให้ตัวเองประกอบด้วย แต่แนะนำว่าทำในสิ่งที่ชอบดีที่สุดละครับ เพราะจะเป็นสิ่งที่คุณต้องอยู่กับมันไปอีกนาน สู้ๆครับ อย่าไปคิดเรื่องพวกนี้ให้เสียเวลาและสุขภาพจิตเลยครับ ^__^

ปอลิง...เมื่ออายุมากขึ้นและทุกสิ่งเหมือนจะเริ่มเข้าที่เข้าทาง สิ่งที่ต้องการอาจจะเป็นเวลามากกว่าอย่างอื่นก็ได้นะครับ