ได้ข่าวจากเพื่อนที่ทำออดิตว่า big4
คนออกกันเป็นว่าเล่น ออกกันเป็นปกติ
สงสัยว่าทำไมเป็นแบบนั้นหละครับ

แล้วบริษัทเค้าทำไงอะครับ
เพราะคนออก งานเท่าเดิม คนที่เหลือก็ต้องทำงานเยอะกว่าเดิมสิ

ออดิท งานมันหนัก

งานออดิท ส่วนใหญ่รับเด็กจบใหม่
แล้วเด็กจบใหม่ที่สอบเข้าได้ก็ไม่เคยทำงานมาก่อน
แล้วจากสถาบันมีชื่อซะเป็นส่วนใหญ่
พื้นฐานครอบครัวทางบ้านค่อนข้างจะดูแลดี
ถ้าเข้ามาแล้วเป้าหมายไม่ชัดเจน  ไม่อดทน
ส่วนใหญ่ก็ทนทำไม่ได้   เปลี่ยนสายไปเลยก็มี

ถูกครับ งานหนักมาก ส่วนใหญ่เป็นงานเอกสารด้วย คนไม่ชอบคงอยู่ได้ไม่นาน เคยมีดเจ้าหน้าที่มา audit ที่บริษัทเที่ยงคืนตีหนึ่งยังไม่กลับบ้านกันเลยครับ ผมเข้า office ไปเจอนั่งทำงานกันแบบไม่มีทีท่าจะกลับเลย

ปล. ผมไม่ได้ขยันนะ พอดีไปกินเหล้าแล้วกลับมาเอารถที่ office ตอนเที่ยงคืนพอดี 555

ออกเยอะ แต่เข้าก็เยอะนะครับ :)
อีกอย่างก็จะมีน้องเทรนนี มาช่วยด้วยอีกแรง  แต่ก็ยังไม่ค่อยพออยู่ดีนั่นล่ะ - -"

ออกมาก ก็เข้ามากครับ: โดยส่วนตัว ส่วนใหญ่ที่เห็น ก็จะมีรุ่นที่อยู่ในช่วง Asst. - Semi Sr. อายุงานจะอยู่ราวๆ 1 - 2 ปีโดยประมาณ ซึ่ง turn over rate ก็ค่อนข้างสูงกว่าเมื่อเทียบกับระดับ Sr. ขึ้นไปที่อายุงานโดยประมาณ 2 - 3 ปี วิธีการคิดง่ายๆ ก็คือ จำนวนพนักงานที่สมัครใจลาออกเฉลี่ยกับพนักงานคงเหลือทั้งหมดในช่วงเวลาต้นเดือนเฉลี่ยกับปลายเดือน จะเห็นได้ว่า Q4 (ต.ค. - ธ.ค.) จะออกกันเยอะ เพราะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมก่อนฤดูกาล Year - end Audit จะมาถึงครับ หรือจะไปออกอีกทีก็ Q2 (เม.ย. - มิ.ย.) ของปีถัดไป โดยอาจทนอยู่เพื่อรอ Bonus และเพื่อในอนาคตอาจกลับเข้ามา rejoin เป็นต้น

สาเหตุ: โดยส่วนตัว ก็เห็นว่ามีหลายปัจจัยครับ 100พ่อ 1000แม่ คนเรามีเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป (คนที่เข้า Big 4 ได้ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงิน และแถมมีตัวเลือกเยอะอีกต่างหาก สำหรับบางคนที่เก่ง) เริ่มตั้งแต่รับเนื้องานที่หนักและยากขึ้นไม่ได้ เป็นต้น คืองาน Audit มันก็ไม่ได้หนักกันทั้งปีทั้งชาตินะครับ มันจะหนักตรงช่วง Year - end ซึ่ง ในระหว่างปี มันก็พอทุเลาๆ ลงบ้าง อันนี้ขึ้นอยู่กับ completion ของงานตัวเองในระหว่างออกหน้างานครับว่า ได้สมบูรณ์และปิดประเด็นที่อาจตามมาหลอกหลอนได้หมดแล้วหรือไม่ ถ้าไม่ มันก็เป็นสาเหตุหนึ่ง ที่อาจทำให้ทั้งปี คุณต้องทำงานหนัก เพราะอย่าลืมว่า ไม่ได้รับผิดชอบงานตรวจฯ กันแค่ 1 - 2 บริษัท บางคนเป็น 10 บริษัท เพราะฉะนั้น ถ้าไม่สมบูรณ์จริง มันก็พอกไปเรื่อยๆ อย่างนี้ก็เหนื่อยกันทั้งชาติครับ อีกประเด็นที่สำคัญคือ "คนใน team มันแรง" ก็เป็นเรื่องที่เป็นประเด็นครับ เพราะถ้างานหนัก เจอคนหนักอีก ชีวิตมันก็ over drama เลยครับ

อีกกลุ่มก็เห็นจะเป็นระดับ Sr. 1 ขึ้นไป กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่อดทนอยู่กันมาตั้งแต่ทีแรก เพื่อเก็บชั่วโมงฝึกงานให้ครบ 3 ปี ชั่วโมงครบ ก็ออกเลย แต่ turn over rate ก็น้อยกว่าครับเมื่อเทียบกับ Asst. และ Semi Sr. เพราะมาตรการที่บริษัทใช้ดึงกลุ่ม Sr. (ที่ต้องดึงเพราะประสบการณ์ และ CPA) คือ ทุนการศึกษา รวมไปถึง Global Mobility Program และ Remuneration Scheme ต่างๆ ที่เลี้ยงดูปูเสื่อให้เป็นอย่างดี ในกรณีทุนการศึกษา กับ Global Mobility Program นี่ถ้าใครได้ไป ต้องเซ็นสัญญาต่ออายุงานกับบริษัทนะครับ มันก็เลยเป็นอีก 1 วิธีที่ใช้ดึงคนให้อยู่กับบริษัทได้ต่อไปอีก

ส่วน replacement ของกลุ่ม Asst. และ Semi Sr. นั้น ไม่น่าเป็นห่วงหรอกครับ เพราะ Big 4 พวกนี้เขามีกลยุทธ์ในการดึงนิสิต นักศึกษา จากสถาบันที่ขึ้นชื่อ โดยการไปสร้างเป็นชมรมกันเลยทีเดียว อย่างเช่นคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็จะมีห้องของ Big 4 แยกเป็นห้องๆ กันเลยทีเดียว ในระหว่างปี ก็มีการจัดกิจกรรมเพื่อร่วมทำกับน้องๆ นิสิตที่ใกล้จะจบ และก็มี Road Show อื่นๆ อีกมากมาย จึงไม่เป็นการยากครับที่จะทดแทนส่วนที่ลาออกไป เพราะเวลารับเข้ามาใหม่ ก็จะมี 2 ช่วงใหญ่ๆ ของปีครับ .... สรุป ยังไง Big 4 ก็ไม่น่าเป็นห่วงหรอกครับ เพราะที่ผมเล่ามาทั้งหมด มันก็เป็นวิธีการตื้นๆ แค่นั้น ลึกๆ มันจะมีอะไรที่เยอะกว่านี้ คนที่รับผิดชอบงานเรื่องบุคลากรของ Big 4 นั้น เก่งใช่ย่อยเหมือนกันนะครับ

มีรุ่นพี่เคยทำหนึ่งใน Big 4 ลาออกไปทำที่ใหม่ด้วยเงินเดือนที่น้อยกว่า
แกบอกว่างานมันเครียด และหนักมากครับ

คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า คนเลียอยู่นาน คนค้านอยู่สั้น

ตามนั้น

Big 4 คือสถานฝึกคนให่เก่ง แกร่ง ครับ

เรื่องการขาดบุคคลากร..Big 4 ไม่ใช่เก่งเฉพาะเรื่อง ออดิท นะครับ  

ถ้าอยู่ได้และอยู่ทนจนแกร่งพอ..สุดท้าย ก็จะไปหาที่อื่นที่จะโต..ต่อไป...ส่วนในตำแหน่ง
ที่เค้าต้องการจะดึงไว้ ก็มีครับ ตาม คห.5 เลยครับ

ผมไม่ค่อยจะเห็นคนออกจาก Big 4 ตกงาน  ยกเว้นเค้าเลือกที่จะไม่ทำเองครับ

งานมันหนัก เวลาให้ทำงานก็น้อย  ต้องอยู่กันจนเช้าบ่อยๆ

นอกจากนี้ ยังมีการเมืองภายใน คนที่พี่เค้าไม่ชอบ ก็ถูกให้ไปตรวจบริษัทเน่าๆ
ปัญหาเยอะๆ

เงินเดือนก็ไม่ได้เยอะเเยะอะไรมาก กลางๆด้วยซ้ำ

ผมก็ออกมาเหมือนกัน  ทำได้เกือบ 2 ปี  

ผมคิดว่า เอาสุขภาพ เวลาให้ครอบครัว ไปแลกกับเงินแค่นี้ มันไม่คุ้ม

แต่ก็นานาจิตตังครับ

ตามความเห็น 5

นอกจากคนในทีมมันแรงแล้ว ลูกค้าก็แรง ยิ่งตรวจพวกทาง financial อ่ะ

แล้วก็บาง job พวก partner ไม่มี power พอที่ไปต่อกรกับลูกค้า กลัว job หลุดบ้างอะไรบ้าง  ความซวยก็เกิดทันที

เหมือนต้องสู้รบกับคนในทีม ลูกค้า หรือแม้แต่ manager partner ตัวเอง (อยากให้ตรวจดี ละเอียด แต่ไม่เข้ามาดูหน้างาน ไม่คุยกะพวก CFO ใ้ห้ แล้วพวกลูกน้องเค้าไม่ก็ไม่เกรงใจ audit ดิ)

งานหนักมาก. คนที่อยู่ก็ทำงานส่วนของคนที่ออก ไม่พูดอะไรมากเค้าก็คิดว่าทำได้ก็ให้งานมาเรื่อยๆ พอบอกว่าทำไม่ไหวก็บอกเราเป็นคนมีความสามารถ สรุปทำงานหนักไปเงินเดือนเท่าเดิม ก็ไม่มีใครทนอยู่
ที่เล่ามาก็ไม่ได้แปลว่าเป็นทุกที่ ที่ไม่ใช่big4ก็คงมี
ส่วนดีมันก็มีอยู่ที่ทำให้บางคนอยู่ต่อไปเรื่อยๆจนตำแหน่งสูงbenefitก็ดีขึ้นตามตำแหน่ง แต่คุ้มไม่คุ้มกับเวลาที่เสียไปแทนที่จะได้อยู่กับครอบครัวก็แล้วแต่คนคิด
บางคนก็ชอบกินข้าวเช้ากลางวันเย็น อยู่ทำงานดึกดื่นเสาร์อาทิตย์กับเพื่อนที่ทำงาน นานาจิตตัง

ที่คนปีแรกๆ ออกเยอะ นอกจากงานหนักแล้ว ผมว่าเป็นเพราะทุกคนเข้ามาแบบไม่มีเป้าหมายชัดๆ นะ
คือ Big4 มันเหมือนมหาลัยแห่งใหม่ของเหล่าคนจบบัญชีเลยแหละ
สำหรับคนที่ไม่รู้ว่าจบบัญชีจะทำอะไรดี มองไม่เห็นทาง ก็มาทำออดิทก่อน
เพราะมันเป็นงานที่ได้ประสบการณ์มาก ทำไปซักพักจะเริ่มรู้ว่าชอบไม่ชอบ เห็นว่าไปทางไหนได้บ้าง
เพราะงั้นพอรู้ตัวก็ตีปีกไปที่อื่น เรียกว่าหลายคนก็ใช้ Big4 เป็นทางผ่าน เป็นบันไดนั่นแหละ