กลุ้มใจค่ะ ถ้าคุณทำงานที่ชอบ แต่ต้องทำกับเจ้านายที่ไม่ดี คุณจะทำยังไงกันคะ

ตามหัวข้อกระทู้เลยค่ะ ทนมาปีกว่าแล้วกับเจ้านายคนนี้ คือด้วยตัวเนื้องานเป็นงานโปรเจ็คที่ต้องแอคทีพตลอดเวลา ท้าทาย ได้เดินทางบ่อยทั้งไปประชุมและเก็บข้อมูลตลาด เราทำงานแบบตั้งใจมากและสนุกกับมันมาสอง่ปีกว่าๆแล้วค่ะ ( ไม่ใช่เด็กจบใหม่นะคะ เคยทำงานมาบ้างแล้วออกมาต่อโท เรียนจบถึงมาทำงานที่ปัจจุบันนี้ )

ปัญหาก็คือ คุณคนนี้มาเป็นเจ้านายเมื่อปีกว่าๆที่ผ่านมา ความจริงเค้ามีลูกน้องโดยตรงสองคน แต่อีกคนไปๆมาๆกลายเป็นว่าเค้าไม่ทำงานโดยตรงกับนายคนนี้ งานหลักๆที่เค้าดีลเลยมาตกอยู่ที่เราค่ะ ทีนี้คือเจ้านายคนนี้แกแปลกๆ ชอบทำอะไรงุบงิบไม่บอกใคร บางทีงานเค้าที่เราต้องช่วยเค้าก็งุบงิบทำเอง แล้วมีปัญหา นายใหญ่เรียกเราไปถามเราก็ตอบไม่ได้ว่าเค้าทำอะไร เค้าเลยโดนนายใหญ่ดุ คราวนี้เค้าโมโหเลยเรียกเราไปด่าเพื่อระบายอารมณ์ ( ทั้งๆที่เราพยายามจะถามเค้า แต่เค้าไม่ยอมบอกเอง ทำให้เมื่อเกิดปัญหาไม่มีใครช่วยอะไรได้ ) อันนี้คือช่วงแรกๆนะคะ เราก็ทนมาตลอด จริงๆเราก็โกรธนะเพราะเราไม่ผิด แต่ไม่อยากมีปัญหาก็ทนๆไป

เค้าเป็นคนที่เหมือนว่าหมั่นไส้คนอื่นโดยเฉพาะนายใหญ่เพราะนายใหญ่เก่งมาก แถมเป็นคนที่ลูกน้องรัก เค้าเคยหลุดมาตอนเมาๆ( เลี้ยงสังสรรค์หลังเลิกงาน ) ว่าเค้าเกลียดคนที่เก่งๆ กระตือรือร้น เกลียดคนโพรไฟล์ดีๆจบม.ดังๆ เพราะเค้าไม่ใช่แบบนั้น ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลนี้หรือเปล่า เวลาเราอาสาทำงานอะไรที่นายใหญ่มอบหมายให้ทำเค้าชอบมากระแนะกระแหนว่าชอบอาสาทำนู่นทำนี่ดีนัก ไม่รู้จักประมาณตนว่ามีปัญญาทำได้หรือเปล่า พอพลาดขึ้นมาก็ด่าซำ้ทันทีค่ะ ทั้งๆที่นายใหญ่ไม่ด่าแต่จะสอนมากกว่า

ที่ชักจะทนไม่ไหวเพราะช่วงนี้งานเรามันเยอะมาก ยิ่งตอนนี้เราต้องดูแลน้องฝึกงานและสอนงานเพิ่มด้วยในขณะเดียวกัน เราทำเต็มที่แล้วเท่าที่จะทำได้แต่มันก็มีข้อผิดพลาดจนได้ งานเราต้องโคกับประเทศที่สามซึ่งบางครั้งทางนั้นก็พลาดเหมือนกัน และบางครั้งนายเค้าก็พลาดเอง คือไม่ว่าอะไรก็ตามเค้าก็โทษเราทุกอย่าง เราพยายามระมัดระวังแล้ว ทำงานกลับดึกๆเพื่อเช็คทุกอย่างให้เรียบร้อย ( เพราะเวลาของประเทศที่สามเค้าช้ากว่าที่นี่ค่ะ ) ช่วงนี้ถึงบ้านเที่ยงคืน ตีหนึ่งประจำแต่ก็ยังไม่วายโดนเจ้านายคนนี้จิกด่าอยู่อีก เรื่องเล็กๆน้อยๆก็โดนด่า ทะเลาะกับเมียมาอารมณ์เสียก็มาพาล เฮ้อ เหนื่อยกายไม่เท่าไหร่ เหนื่อยใจมากกว่าค่ะ

บ่นมาตั้งนาน ถ้าคุณๆตกอยู่ในสภาวะเดียวกันจะทำอย่างไรคะ เรารักงานนี้ รักนายใหญ่ รักเพื่อนร่วมงาน แถมลูกค้าที่ดีลอยู่ก็โอเคมาก แต่จะมาเสียอารมณ์กับเจ้านายคนนี้เนี่ยแหละค่ะ ความจริงมาแผนกข้างๆมาทาบทามให้ไปช่วยงานเหมือนกัน เป็นอีกโปรเจ็คนึง มันสืบเนื่องมาจากโปรเจ็ครองที่เราเคยทำไว้แต่พับโครงการไปเพราะคู่ค้ามีปัญหา ตอนนี้โปรเจ็คเก่าถูกเอามาปัดฝุ่นใหม่ แผนกนั้นเค้าอ่านเอกสารและข้อมูลที่เราเคยทำไว้แล้วอยากให้เราไปร่วมงานแบบเต็มตัว แต่เรายังอยากทำโปรเจ็คปัจจุบันอยู่เพราะทำมากว่าสองปีแล้ว มันกำลังจะเป็นรูปเป็นร่างในอีกไม่นาน อยากอยู่ทำต่อค่ะ แต่ก็หมายความว่าจะต้องถูกเจ้านายคนปัจจุบันกดขี่ข่มเหงอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆเช่นกัน

อยากได้คำแนะนำค่ะ เพราะเราไม่ใช่นางเอก ไม่ใช่คนดีขนาดที่จะทนอะไรแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆได้ แต่ก็ไม่อยากย้ายแผนก เราควรจะทำยังไงดีคะ ?

จากคุณ : มอนจะ [8 ธ.ค. 55 22:06:55 ]
ความเห็นที่ 1

หากคุณแน่ใจว่านายใหญ่เป็นคนเก่งและยุติธรรม และมั่นใจว่าผลงานคุณดีมาตลอด นายใหญ่ก็เห็น ผมแนะนำให้ขอเข้าพบนายใหญ่เลยครับ บอกเขาถึงความอึดอัดใจเรื่องการทำงานกับเจ้านายคนนี้ ผมว่านายที่เก่งๆ เขาจะมีทางออกสำหรับพนักงานที่เก่งๆ และบริษัทต้องการอย่างแน่นอน เพราะเราไม่สามารถเป็นนิสัยใครได้ และเราก็ได้ปรับตัวเพื่อเข้ากับเขาได้อย่างที่สุดแล้ว แต่ทำไม่ได้ อย่าทนเลยครับ เอาเวลาไปพักผ่อนดีกว่า

จากคุณ : ชนชนะ [8 ธ.ค. 55 22:25:19 ]
ความเห็นที่ 2

ที่ญี่ปุ่นอ๊ะป่าว ปรึกษาฝ่ายบุคคลจิ パワーハラ

จากคุณ : asker2008 [8 ธ.ค. 55 22:35:49 ]
ความเห็นที่ 3

ถ้าเป็นผม ผมก็จะปรึกษากับนายใหญ่ครับ แต่ก็ต้องเตรียมใจไว้ก่อนว่าเรามีสิทธิ์ต้องย้ายแผนกเหมือนกันนะครับ เพราะนายใหญ่คงไม่จับนายคนนี้ย้ายให้เรา และไม่รู้ว่าถ้านายใหญ่ใช้วิธีเรียกนายคนนี้ไปคุยจะยิ่งส่งผลเสียกับเราเองรึเปล่า

จากคุณ : Sirapak [8 ธ.ค. 55 22:46:50 ]
ความเห็นที่ 4

คุณชนชนะ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ เราพลาดโอกาสที่จะบอกนายใหญ่แล้วค่ะ เพราะนายใหญ่เพิ่งถูกส่งไปประจำประเทศที่สาม ไปเป็นรองประธานบริษัทใหม่ที่เพิ่งตั้งขึ้นเพราะโปรเจ็คนี้ ตอนนี้ตำแหน่งนายใหญ่ที่ว่างลง นายใหญ่กว่า( รองประธานกลุ่มธุรกิจนี้ ) ลงมาดูแลชั่วคราว ( แต่เอาเข้าจริงๆเค้าตำแหน่งสูงเกินไปและยุ่งมาก หน้างานเลยต้องให้ทำกันเองในแผนก จะปรึกษาเฉพาะอะไรใหญ่ๆจริงๆกับรายงานความคืบหน้าโปรเจ็คเท่านั้น ) เท่ากับว่าในแผนกเค้าใหญ่สุดแล้วค่ะ ( ทั้งๆที่เป็นแค่ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปเท่านั้นเอง ) มืดแปดด้านเลย

ช่วงนี้เครียดมาก เลยเที่ยวมากเหมือนกัน อย่างน้อยก็จะได้ลืมเรื่องงาน แต่ไม่วาย วันเสาร์วันหยุดแท้ๆเราอยู่ต่างจังหวัดพอดีเกิดปัญหาระหว่างที่นายรองไปบิซิเนสทริปที่ประเทศที่สาม เค้ายังโทรข้ามประเทศมาให้เราแก้ปัญหาเลย ชีวิตมันอนาถมากค่ะ -"-

จากคุณ : มอนจะ [8 ธ.ค. 55 22:48:01 ]
ความเห็นที่ 5

คุณ asker2008 ใช่ค่ะญี่ปุ่นค่ะ ( อ่านแล้วทราบเลยเหรอคะว่าแบบนี้ญี่ปุ่นแน่ๆ ^^" ) อยากแจ้งบุคคลนะคะ เมื่อวัาศุกร์ที่ผ่านมาแผ่นดินไหวแรงมาก เราห่วงน้องฝึกงานที่ขวัญเสียก็ปลอบน้องเค้า ตาคนนี้ได้ยินก็พูดเบาๆให้ได้ยินแค่เรากับเค้าสองคนแปลเป็นไทยได้ว่า"ไม่ใช่เรื่องที่ต้องโวยวายซักหน่อย" แต่ใช้คำพูดแบบที่สุภาพชนเค้าไม่พูดกันและน้ำเสียงแย่มาก เรางี้เส้นความอดทนขาดผึงเลยค่ะ ว่าจะแจ้งฝ่ายบุคคลดีมั้ยในหลายเรื่องที่ผ่านมา มีอะไรก็จิกด่าแรงๆตลอดแต่ถ้าเราแจ้งขึ้นมาจริงๆคราวนี้อาจจะมีผลต่อโปรเจ็คด้วย รวมทั้งเราเองคงได้รับผลกระทบที่ไม่ดีนัก เลยนับหนึ่งถึงสิบแล้วระงับความโกรธไว้  นอกจากนี้เค้ายังชอบเหยียดผิว ชอบด่าคนไทย ด่าชาติอื่นในเอเชียว่าโง่ ( คือเค้าจะบอกว่าญี่ปุ่นฉลาด เลิศเลอกว่าประเทศอื่นว่างั้นเถอะ ) หลายทีแล้วที่เราโกรธค่ะ เกลียดคนที่มีความคิดจิตใจคับแคบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางแบบนี้จริงๆ

คุณSirapakเพราะเหตุผลนี้ค่ะ เราเลยลังเลไม่กล้าบอกนายใหญ่มาตลอดเลย กลัวผลที่ตามมาจริงๆค่ะ

ความจริงเราไม่ใช่คนเก่งหรอกนะคะ ประสบการณ์ก็ยังอ่อนด้อยมากในธุรกิจนี้ แต่เราเป็นคนที่ค่อนข้างพยายามค่ะ เพราะถูกสอนมาตลอดว่าคนเก่งแพ้คนขยัน แล้วเราเองไม่เคยปฏิเสธงานเลย พยายามแบ่งเวลาทำให้ตลอด แต่เพราะเราโลภมากอยากทำโน่นอยากทำนี่หรือเปล่าทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้น เลยกลับมาคิดว่าที่เค้าด่าเรามันอาจจะจริงก็ได้ แต่นายใหญ่เราเค้าเป็นคนฉลาด เวลาเค้าจะมอบหมายงานอะไรให้ใครเค้าจะคิดก่อนว่าคนนั้นทำได้ไหม ไม่ใช่มอบหมายงานมั่วๆ ดังนั้นถ้าเค้าไว้ใจ เราก็มั่นใจที่จะรับงานน่ะค่ะ  ยิ่งคิดยิ่งมืดมน เลยขอใช้พื้นที่ระบายกับขอไอเดียจากทุกคนในห้องนี้น่ะค่ะ

จากคุณ : มอนจะ [8 ธ.ค. 55 23:08:40 ]
ความเห็นที่ 6

จิงๆ ว่าจะแนะนำให้ เล่นงานมานกลับ คือ
1) คุยกับมันตรงๆ บอกมันว่า ไม่สบายใจที่มันพูดหรือทำกับเราแบบนี้ ขอให้เลิกทำ (ซึ่งคนแบบนี้ ก็คงไม่เลิก มั๊ง) บันทึกวันที่แจ้งแล้วให้ฝ่ายบุคคลเซ็นรับทราบเรื่อง
2) บันทึกหลักฐาน พยาน รายละเอียด เวลา สถานที่ คำพูดอย่างชัดเจนเอาไว้ตลอด แล้วให้ฝ่ายบุคคลเซ็นรับทราบเรื่องทุกครั้ง
3) ไปพบจิตแพทย์ เล่าเรื่องให้ฟัง แล้วให้เขาออกใบรับรองมาว่า เราได้ผลกระทบทางจิตใจจากการกระทำของไอ้หมอนี่ ปกติจิตแพทย์เขียนให้อยู่แล้ว
ซึ่งมันจะเป็นไปตาม ข้อกำหนดทางกฎหมาย เรื่องการ ฮาราสเมนท์ว่า ต้อง เป็นพฤติกรรมการแกล้งที่ หนึ่ง เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอง ได้มีการเตือนพูดคุย เพื่อให้เลิกแล้ว ก็ยังเป็นต่อ สามมีผลกระทบทางจิตใจทำให้ไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติสุข แล้วยื่นเรื่องฟ้องต่อ 労働相談所 ในท้องถิ่นได้เลย
ป.ล. อันนี้ ฝ่ายบุคคลของบริษัทเราแนะนำมา

เราไม่แน่ใจว่า บริษัทมอนจะจะแฟร์ แบบบริษัทเรา หรือ จะเป็นบริษัทญี่ปุ่นที่แย่ๆ แบบที่เป็นข่าว อันนี้มอนจะต้องไปพิจารณาเอง ถ้าเป็นแบบหลังถ้าดันไปทำแบบข้างบนมอนจะจะลำบากจริงๆ อะแหละ

ถ้าไม่สู้กลับ ก็ทน คิดซะว่าคงทำเวรทำกรรมอะไรมา มันเห่าหอน ไรก็มองมันเป็นเด็กตัวเล็กๆ สงสารมันไป ยังไงชีวิตทำงานก็ต้องเจอคนเฮงซวยไม่มากก็น้อย หนีไงก็ไม่พ้นหรอก

จากคุณ : asker2008 [8 ธ.ค. 55 23:44:47 ]
ความเห็นที่ 7

ไล่เจ้านายออก

จากคุณ : ขงจื๊อ ขงเบ้ง [9 ธ.ค. 55 00:16:02 ]
ความเห็นที่ 8

ใช้วิธีสื่อสารเป็นเมล์ได้ไหมครับ เช่นเมล์ไปถามว่างานนี้จะให้ช่วยไรไหม
หรือว่า งานที่สั่งมาทำเสร็จแล้วในส่วนที่คุณต้องรับผิดชอบ
แล้วทีนี้ พอเวลามีปัญหาจะได้เอาเมล์ไปแย้งได้ว่า ฉันก็หน้าที่ของฉันดีที่สุดแล้ว
ส่วนหัวหน้านั่นแหละที่ไม่ได้เรื่อง

จากคุณ : เนจิ แห่ง โคโนหะ [9 ธ.ค. 55 09:00:42 ]
ความเห็นที่ 9

มันเป็นบททดสอบแรงกดดันด้านจิตใจ
คุณต้องทนกับมันให้ได้
ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด มีข้อบกพร่องน้อยที่สุด
อย่าเก็บอารมณ์ขุ่นไว้นาน หัดปล่อยวางให้ได้
ผ่านไปไม่กี่ปี สิ่งดีจะเข้ามา จากความตั้งใจทำงานดีของคุณเอง

ปล. ลองเทียบแรงกดดันรอบด้านกับนายกปูดูบ้าง ใครหนักกว่ากัน

จากคุณ : preepa11 [9 ธ.ค. 55 09:55:38 ]
ความเห็นที่ 10

คุณasker2008 บริษัทเราค่อนข้างใหญ่ เรื่อง Sexual Harassment ค่อนข้างร้ายแรง แต่ Power Harassment พูดยากค่ะ บางครั้งการหาหลักฐานมันยาก เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะลองหาข้อมูลดู เพราะเรามีฝ่ายบุคคลส่วนภายในกับฝ่ายบุคคลสำหรับทั้งบริษัท มีศูนย์ให้คำปรึกษาด้วยแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงนะคะ

คุณขงจื๊อ ขงเบ้งคะ ข้อเสียของบริษัทญี่ปุ่นก็คือการไม่ไล่คนออกถ้าไม่ทำผิดร้ายแรง ( แต่ถ้าต้องลดคนเพราะเศรษฐกิจก็อีกเรื่องนึง ) ดังนั้น ตาคนนี้ก็คงอยู่ไปเรื่อยๆจนเกษียณแหล่ะค่ะ มีคนเล่าให้ฟังว่า สมัยเค้าอยู่ประจำต่างประเทศ ทำเอาพนักงานลาออกไปหลายคนเพราะทนนิสัยและความชอบดูถูกคนของแกไม่ได้ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แกก็ยังหลั่นล้าอยู่จนครบวาระกลับมาญี่ปุ่นนี่แหละค่ะ

คุณเนจิ แห่ง โคโนะหะ เราเริ่มใช้วิธีตอบอีเมลล์ของเค้าโดยส่งCC:ให้นายใหญ่และคนอื่นๆด้วย มีโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงก็มี คือหลายครั้งเราทำเอกสารให้เค้าแต่เค้าจะเอาไปเสนอว่าตัวเองทำเอง ซึ่งพูดตรงๆว่างี่เง่ามากเพราะนายใหญ่หรือใครๆเค้ารู้ว่าเราทำอยู่แล้ว พอเราส่งเมลล์ให้เค้าโดยส่งให้นายใหญ่ด้วยเค้าเลยโกรธ เดือนก่อนมันมีเอกสารที่จะต้องเสนอซีอีโอของกรุ๊ป รุ่นพี่เราเป็นคนร่าง แต่ละฝ่ายรวมถึงเรากับเค้าต้องเติมรายละเอียดเนื้อหางานที่รับผิดชอบ เค้าทำไปนิดเดียวก็ไม่ทำต่อเราเลยเอามาทำต่อให้จนเสร็จแล้วให้เค้าดูก่อนส่งนายใหญ่ ตอนแก้นายใหญ่สั่งเราโดยตรงเพราะรู้ว่าเราเป็นคนทำเราก็เป็นคนแก้ เค้าก็ยังมากระแนะกระแหนว่าเราเสนอหน้าทำงาน เค้าเลยไม่ได้ทำ ( ประมาณว่าเราได้หน้า ส่วนเค้าเสียหน้า ) งี่เง่ามากค่ะ ทั้งๆที่ทุกคนก็รู้ว่าใครทำ เราก็เลยโอเคต่อไปนี้เราจะอยู่เบื้องหลังก็แล้วกัน ใครอยากได้หน้าก็เอาไปเถอะ เบื่อมาก

คุณpreepa11 คุณพูดเหมือนคุณแม่เราค่ะ ให้อภัย แผ่เมตตาให้เค้า ตอนกลับไทยเราทำสังฆทานให้เค้าด้วยเผื่อว่าชาติที่แล้วเราไปทำกรรมอะไรไว้กับเค้า แต่สถานการณ์มันก็ลุ่มๆดอนๆมาเรื่อยๆ ชักจะเป็นแม่พระไม่ไหวแล้วอยากเป็นนางมารบ้าง หึๆ เราเป็นคนมีความอดทนสูงนะคะ กับคนนี้เราทนเค้ามาเกือบปีครึ่งแล้ว คนในแผนกไม่มีใครเอาเค้าเลยเพราะนิสัยแบบนี้ มีข้อมูลอะไรก็กั๊กไว้หมดไม่บอกใคร อู้งานได้เป็นอู้ ไปไหนมาไหนไม่ค่อยบอกใครจนทุกคนเอือมระอา เวลาใครตามหาเค้าทุกคนจะมาถามเราหมดค่ะ ( เค้าไม่มีเลขา แต่เราเนี่ยต้องทำให้เค้าหมดแม้กระทั่งจองตั๋วเครื่องบิน ห้องพัก รถ ฯลฯ ) ไม่มีใครอดทนกับเค้าเท่าเราแล้วค่ะ ตอนนี้กำลังคิดว่าข้อเสนอของแผนกข้างๆกับโปรเจ็ครองนั้นอาจจะไม่เลวเลยทีเดียว ขอคิดอีกหน่อยเพราะเค้าไม่ได้เร่งรัดให้รีบตอบ ถ้าเราไม่อยู่ เค้าอาจจะได้รู้ว่างานที่เราทำเค้าต้องทำเองแล้วมันเหนื่อยแค่ไหน อาจจะเข้าใจความลำบากของเราบ้างก็ได้

ถ้าจะให้เทียบกับนายก แน่นอนค่ะว่าเรื่องของเราเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วเล็กนิดเดียว แต่สเกลมันต่างกัน สถานภาพและคุณวุฒิ วัยวุฒิมันต่างกันนะคะ แต่อย่างไรก็ตามขอบคุณนะคะ ทำให้เราฮึดขึ้นมาได้ว่าเรื่องของเรามันแค่นี้เอง เราจะพยายามผ่านมันไปให้ได้ด้วยสติไม่ใช่อารมณ์ค่ะ

จากคุณ : มอนจะ [9 ธ.ค. 55 11:05:20 ]
ความเห็นที่ 11

คุณมอนจะเป็นเหมือนเราเลยค่ะ
เรามีเจ้านายโดยตรงญี่ปุ่นแบบนี้เหมือนกัน ว่านายขายเพื่อนแทงลูกน้อง ส่วนเจ้านายใหญ่คนญี่ปุ่นก็ดีนะ อ่านแล้วเหมือนเรามาโฟสต์เองเลยง่ะ เราทนเขามาได้สองปี สุดท้ายเราก็เป็นคนลาออกซะเอง เพราะทำงานไม่ได้พักเลย ชีวิตเลยไม่สมดุล
แต่ที่ถึงจุดแตกหักเพราะเราเองนี้ไปปรึกษานายใหญ่ สุดท้ายคนญี่ปุ่นก็เข้าข้าางคนญีปุ่นกันเอง นายใหญ่เหมือนจะพูดดีให้กำลังใจ แต่ไปๆมาๆเข้าก็เข้าข้างคนชาติเดียวกันเอง นี่เเหละ อยู่ไปเข้าก็เหมือนหลอกใช้เราทั้งคู่ หาที่อยู่ใหม่ดีกว่า ตกงานเกือบหกเดือน
ตอนนี้ได้งานใหม่ทำงานกับคนอังกฤษ งานหนักมาก เจ้านายก็คือเจ้านาย แต่เขาจ่ายค่าเหนื่อยให้งาม ก็มีกำลังใจบ้าง
เราขอให้นายใหญ่ของคุณอย่าเป็นแบบเราเลย

จากคุณ : อร [9 ธ.ค. 55 12:30:02 ]A:124.122.179.179 X: TicketID:375728
ความเห็นที่ 12

คุณอร ขอบคุณสำหรับความคิดและแชร์ประสบการณ์นะคะ นี่แสดงว่ามีคนห่วยๆเหมือนเจ้านายเราอีกอย่างน้อยก็หนึ่งคนละ เราก็กลัวว่าถ้าคุยกับนายใหญ่มันจะเป็นเรื่องเหมือนกัน คือในแผนกเองตาคนนี้เค้าหมั่นไส้นายใหญ่ (สมมติว่าตาเจ้านายคนนี้คือA นายใหญ่คือ B ) ซึ่งสองคนนี้ไม่ถูกกัน แต่คนที่ใหญ่กว่านั้นถือหางเค้า ( สมมติว่าชื่อ C ) แต่นายใหญ่สุดในกลุ่มธุรกิจนี้คือนาย D เป็นประธานของกลุ่ม จะชอบนาย B มาก ในขณะเดียวกัน C กับ D เค้าก็ไม่กินเส้นกัน ( งงไหมคะ ) และตอนนี้นาย B ไม่อยู่ญี่ปุ่นแล้ว แต่ยังคงสั่งงานมาทางโทรศัพท์และเมลล์อยู่ ดังนั้นคนที่จะช่วยเราได้คือนาย D แต่มันก็เสี่ยงมากอยู่ดีค่ะ เราไม่คิดว่าผู้ใหญ่จะเข้าข้างเราซึ่งเป็นพนักงานตัวเล็กๆหรอกนะคะ แต่เราคิดว่าถ้ามันถึงที่สุดแล้วอาจจะต้องลองซักตั้ง ขอดูโปรเจ็คใหม่ก่อนแล้วค่อยเริ่มต่อรอง  แต่เราทำใจไว้ครึ่งนึงแล้วค่ะว่าอาจจะมีอะไรแตกหักก็เป็นได้

แต่ยังไงก็ตาม เราจะพยายามใจเย็นๆกว่านี้ ไม่วู่วาม จะคำนวณผลดีผลเสียทั้งสองด้านให้ละเอียดกว่านี้ เหตุการณ์หลายอย่างที่ผ่านเข้ามาในช่วง 2-3 ปีนี้ ทำให้เราใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ดีขึ้นเยอะเลย แต่ยังไงไม่ลาออกแน่ค่ะถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆเพราะเรามั่นใจว่าเราไม่ได้ผิดอะไร ไหนๆก็มาขนาดนี้แล้วเราจะอดทนจนถึงที่สุดค่ะ คุณอรเองยังอดทนมากกว่าเราอีก และตอนนี้เรื่องร้ายๆผ่านไปแล้ว จากนี้ไปก็ขอให้เจอเรื่องดีๆเช่นกันนะคะ

จะเข้ามาอ่านเรื่อยๆนะคะ หากใครมีความคิดเห็นเพิ่มเติมก็จะขอบคุณมากๆค่ะ

จากคุณ : มอนจะ [9 ธ.ค. 55 15:20:06 ]
ความเห็นที่ 13

ยิ่งอ่านเรื่องของคุณก็ยิ่งเหมือนเรื่องเข้าเราเข้าไปทุกที่

มีเรา เจ้านาย นายใหญ่ รองประธาน ท่านประธาน พัวพันกันเหตุการณ์ต่างๆคล้ายเรื่องของเรา รองประธาน ท่านประธาน เข้าข้างและดันตำแหน่งเจ้านายเราเต็มที่ จากเดิมเป็นแค่หัวหน้าแผนกเล็กๆ แต่ได้ประจำที่สาขาอังกฤษ เป็นผจก.อยู่จนครบวาระ ก็กลับญี่ปุ่น ผลักดันให้มาเป็น เอ็มดีที่บ.ในไทย โดยมีนายใหญ่เป็นที่ปรึกษาแนะแนวให้เจ้านายเราอีกทีหนึ่ง เนื่องจากนายใหญ่เพิ่งย้ายมาทำงานที่บริษัทนี้ได้แค่ห้าปี แต่ก่อนหน้านั้นนายใหญ่ทำงานอยู่บริษัทลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทเรามาเกือบสามสิบปี ตำแหน่งสุดท้ายคือรองประธานของบริษัทลูกค้านั้น เมื่อเกษียณก็มาทำงานเป็นที่ปรึกษาของบริษัทเรา ดังนั้นนายใหญ่ก็เลยมีบารมีกับลูกค้าและซัพเป็นเชิงๆอยู่ ทำให้เจ้านายเราไม่ค่อยพอใจบารมีของนายใหญ่ และคอยนินทาลับหลังนายใหญ่ให้เราฟังเสมอ เรายอมรับว่าถ้าบริษัทของเราไม่มีนายใหญ่การดำเนินธุรกิจก็ค่อนข้างลำบากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะคราใดมีประเด็นกับลูกค้าและซัพ เจ้านายเราไม่เคยแก้ปัญหาได้สักที แต่พอนายใหญ่ออกโรง ปัญหาก็จบได้ถึงแม้จะใช้เวลาบ้างก็ตาม เพราะลูกค้ากับซัพค่อนข้างเกรงใจนายใหญ่ คล้ายมหาอำมาตย์ย้ายกระทรวงอะไรประมาณนั้น

คุณม่อนจะกับเรา เหมือนเราเป็นเงาสะท้อนของกันแหละกัน แต่พอหลังๆมาเมื่อเราเปิดใจกับนายใหญ่มากขึ้น เพราะเขาเป็นญี่ปุ่นคนเดียวที่รับฟังเราซึ่งเป็นผจกที่เป็นหญิงไทยอย่างเรา (แต่ไม่สามารถมีสิทธิมีเสียงในบริษัทได้ กลืนน้ำลายดังยังโดนด่าเลย โวหารเปรียบเทียบนะ ) เราปรึกษาเขาเหมือนลูกศิษย์กับอาจารย์ หลายต่อหลายครั้งที่ให้กำลังใจเรา เพราะเราทำงานใกล้ชิดนายใหญ่มากว่าเจ้านายของเราเองซะอีก เพราะเจ้านายหนีหายตลอด แต่พอมีเลี้ยงเอ็นเตอร์เทน หรือผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆ นี่โผล่มาทุกครั้ง เหมือนไปอดเหล้ามาจากไหน ค่าเลี้ยงรับรองที่มาเบิกนี่มากกว่าโอทีของลูกน้องเราสามคนรวมกันซะอีก ออฟฟิศมีกันแค่หกคน เรา เจ้านาย นายใหญ่ ลูกน้องเราอีกสามคนหญิงล้วน

เราปรึกษาเรื่องนี้กับนายใหญ่มาเป็นปี เริ่มจากเกริ่นนำจนตัดสินใจเล่าความจริง เล่าแบบที่เล่นทีจริงบ้างจริงจังบ้าง แต่ทุกครั้งเราก็โดนคำพูดหอมหวานของนายใหญ่กลับมาตลอด เช่นอดทนนะ เธอทำดีแล้ว เธอสำคัญต่อฉันมาก ถ้าบริษัทไม่มีเธอฉันอยู่ไม่ได้

ไอ้เราก็ลูกน้องประเภทนายว่างัยเราก็ว่างั้น ร่วมหัวจมท้ายกันมาตลอด2ปี ทำงานกันสองคนดึกดื่นเที่ยงคืนกว่าจะออกจากออฟฟิศ แต่เจ้านายโดยตรงเรานอนหลับสบายอยู่คอนโดที่เอกมัย แต่เราซิต้องตื่นแต่เช้าเข้าออฟฟิศให้ทันทั้งที่บ้านอยู่บางกะปิถึงแม้จะมีMRT&BTS

แต่คำพูดแสนหวานก็เป็นแค่คำพูด นายใหญ่ไม่เคยคิดที่จะแก้ปัญหาแบบจริงจัง กลายเป็นว่างานของเจ้านายตกเป็นของเราหมด ทั้งที่งานของเราก็มี แถมยังต้องแก้ปัญหามากมายให้ลูกน้องในทีมอีก ระยะเวลาก่อนสามเดือนที่เราจะลาออก เราไม่เคยทำงานพลาดเลย แต่เดือนแรกของสามเดือนสุดท้ายเราทำงานพลาด เพราะทำงานมากเกินไปจนไม่มีทบทวน เราโอนเงินค่าชดเชยสินให้บ.แม่สลับยอดกันค่ะ บ.แม่ออกใบแจ้งหนี้มาสองยอด ยอดแรกเป็นของใบแจ้งหนี้หมายเลขเอต้องโอนให้เดือนสิ้นมค. ยอดที่สองเป็นของใบแจ้งหนี้หมายเลขบีโอนให้สิ้นเดือนกพ. เแต่ราโอนเงินสลับยอดกันค่ โอนยอดสองไปเดือนมค. ยอดแรกโอนเดือนกพ. เนื่องจากไม่มีซอฟแวร์ควบคุมตัวเลขทางบัญชี เรายอมรับว่าหลุด และไม่ได้ตรวจทาน ทำให้บ.แม่บันทึกบัญชีผิด ทั้งแที่บ.แม่มีซอฟแวร์ บันทึก แต่บันทึกกันอย่างไรถ้าเราผิดทำไมไม่เตือนเราแต่แรก และเขาก้บันทึกแบบนั้นไปเลย จนกระทั่งปิดบัญชีประจำปีในเดือนมีค. ถึงรู้กัน เราโดนด่าข้ามทะเลกันเลย เจ้านายตอนนั้นไปประชุมบ.แม่เรื่องปิดบัญชีพอดี นายใหญ่ก็ไปด้วย เราโดนด่าชนิดที่เรียกว่าไม่ได้ผุดได้เกิดกันเลย เราได้โทรไปถามบ.ที่รับทำปัญชีให้ที่ประเทศไทย เขาบอกว่าจริงแล้วเหตุการณ์นี้มันก็ไม่น่าจะแก้ยาก ก็แค่บัญทึกปรับเข้าไปก็เท่านั้น เพราะอย่างไรทั้งสองก็ต้องโอนไปอยู่แล้ว จากเหตุการณ์นี้เรากลายเป็นคนศักยภาพต่ำทันที ทำดีเสมอตัวทำชั่วโดนเหยีบติดดิน แต่มันเป็นวัฒณธรรมองค์กรของคนญี่ปุ่นจริงนะ ผิดครั้งเดียวความเชื่อใจหรือทำดีร้อยครั้งที่ผ่านมาไม่สามารถชดเชยกันได้ หรือทำดีชดเชยก็ช่วยไม่ได้ ทั้งก่อนหน้านั้นไม่ว่าจะทำงานที่ไหนเราเป๊ะมากเรื่องตัวเลข ทั้งที่เราไม่มีประสบการณ์บัญชีมาก่อน งานถนัดของเราคือการค้าระหว่างประเทศ ควบราคา ต่อรอง ไม่ใช่พนักงานบัญชีที่จะต้องมาคอยบันทึก เดบิต เครดิต

ส่วนเจ้านายใหญ่ก็ค่อยๆเผยธาตุแท้ออกมา เนื่องจากสั่งให้เราบอกให้ซัพเจ้าใหญ่ของโลกยานยนต์ในไทย ชื่อบ. ไท_ ซั_ _ิ_ (ใบ้กันซะขนาดนี้) ผลิตสินค้า trial lot ให้ลูกค้ารายใหญ่ระดับโลกยานยนต์ แต่ลูกค้ายกเลิกออร์เดอร์ เนื่องจากต้องการทำสินค้าตัวอื่นขึ้นมาใหม่ กลายเป็นว่านายใหญ่ให้เราคนเดียวโดยอ้างว่าในฐานะที่เราเป็นผจก ต้องแบกหน้าไปคุยกับซัพเรื่องยกเลิกสินค้า trial lotนี้ เพื่อขอให้ซัพผลิตสินค้า trial lot ตัวใหม่อีก (ตัวเดิมไม่จ่าย ตัวใหม่ก็จะให้ทำ) ตอนนั้นเราหมดความเชื่อถือกับซัพไปโดยปริยาย เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณือย่างนี้ ก่อนหน้านั้นสองสามครั้งก็มีเหตุการณ์เช่นนี้ เราใช้แบบว่ายกเลิกออร์เดอร์เก่าโดยขอให้ลูกค้าสั่งซื้อของใหม่มากขึ้นเพื่อชดเชยของเก่าที่ไม่ใช่ จะได้ดูเหมือนเป้นการช่วยกันแบกรับชดเชยกันไปไม่ขาดทุน เพราะสินค้าใหม่ก็ขายได้มากกว่าสินค้าเก่า แต่เหตุการณ์มันเกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก จนซัพก็เข้าเนื้อไปบ้าง แต่นายใหญ่ก็แก้ปัญหาไม่ขาดเพราะลูกค้าเจ้านี้เป็นรายใหญ่ระหว่างเรากับซัพ จากแรกที่คุยกันรู้เรื่องก็กลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากันไปเลย

เราโดนเจ้านายโดยตรงโจมตีเรื่องนี้มาตลอดสองปีว่าคุมการผลิตของซัพไม่ได้ ทำให้ลูกค้ารายใหญ่ระดับโลกยานยนต์ไม่พอใจ โทรมาด่าเขาตลอดเวลา แต่ทำไมเรารู้สึกว่าเราโดนลูกค้ากับซัพด่าคนเดียว เมื่อเราเรียกสามบริษัทมาประชุม ต่อหน้าลูกค้าซัพก็โอนอ่อนผ่อนตามลูกค้ายักษ์ใหญ่ระดับโลกเจ้านั้น ทำได้ทุกอย่างที่ลูกค้าขอ แต่ก่อนหน้านั้นเราถ่ายทอดคำสั่งลูกค้าไป ซัพไม่ยักกะทำ และเจ้านายใหญ่ก็เริ่มตีตัวออกห่าง ไม่ร่วมชะตากรรมกับเรา เราคนเดียวในฐานะผู้จับกัง แต่ประชุมแต่ละครั้งต้องเจอคนของซัพสิบคน ของลูกค้ายี่สิบคน เราออกจากห้องประชุมคราใดแทบเหมือนอีบ้า ยับเยินเหมือนโดนรุมโทรม โทษค่ะถ้ามันหยาบ เจอแบบนี้เป็นสองปี เราก็ป่วยจิต จากการเก็บเล็กผสมน้อยทำให้เราทั้งที่มันไม่ใช่ความผิดของเรา เจ้านายใหญ่ก็เริ่มตีตัวออกห่าง แถมยังกลายเป็นเข้าข้างเจ้านายเรา หาว่าเราเป็นคนไร้ศักยภาพในการเจรจากับลูกค้า ด้อยประสิทธิภาพในการคุมซัพไม้ได้ เออออแล้วประชุมแต่ละครั้งพวกท่านหายศรีษะไปไหนกันหมด เมื่อเราปรึกษาที่ไร ก็ลงเอยเป็น ญี่ปุ่นก็เข้าข้างคนญี่ปุ่นด้วยกันเอง เมื่อคราใดงานเราพลาดขึ้นมาทั้งทีสาเหตุไม่ได้เกิดจากเรา สุดท้ายเราก็เลยลาออก เพราะเรามันอ่อนแอเอง ไม่มีใครผิดเพราะทุกคนเอาตัวรอดเก่งมาก พวกมากก็ลากกันมารุมเราคนเดียว เราอ่อนแอไม่ทันเกมพวกเขา (ซัพ เจ้านาย เจ้านายใหญ่) เพราะเขาจ้างเรามาเป็นแพะรับบาป เราพิจารณาหลายต่อหลายครั้ง คิดแล้วคิดอีก เดินเข้าๆออกๆระหว่างรง. ของซัพกับลูกค้า ในสภาพแพะรับบาป บวกกับจิตป่วยกระทบถึงร่างกาย และเราก็ตัดสินใจจบชีวิตการทำงานที่นั่น ด้วยอายุงานแค่สองปี ไปตายเอาดาบหน้าหกเดือนกว่าจะหางานที่ลงตัวได้ ดีว่ามีเงินเก้บพอสมควรไม่งั้นไม่ออกแน่ ตอนนี้ทำงานกับบ.อังกฤษ อย่างที่บอกนายก็คือนายงานมาก่อน แต่การทำงานค่อนข้างชัดเจน มีทะเลาะกันบ้างแต่ก็ฟังความคิดของเรา เราเข้าไปก็ได้เป็นผจก.เช่นเดิม ผ่านไปสามเดือน ตอนนี้ปรับให้เป็น Thai MD ค่ะ MD อ่านไม่ผิด เขามี English director สามคน แต่ยังไม่มี คนไทยที่จะมาเป็นเอ็มดี เมื่อเขาโปรโมทเรา เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เลยตามน้ำไปก่อน เขาบอกว่าดูจากโปรไฟล์ของเราแล้วถึงแม้ภาษาอังกฤษไม่ดีเท่าเด็กนอกหรือเจ้าของภาษาแต่ก็ถือว่าภาษาเรานั้นยอดเยี่ยมมากสำหรับคนที่จบจากมหาวิทยาลัยในไทย แถมยังทำงานได้รอบด้านยกเว้นงาน QC + engineering แต่ในเชิงธุรกิจแล้วไม่น่าจะมีปัญหา เพราะผ่นการทำงานแบบ multi tasking ผลประโยชน์เงินเดือนที่ได้ต่างกันสามเท่าจากบ.ญี่ปุ่นแห่งนั้น แถมเรายังได้รถประจำตำแหน่ง บ.ไปจองป้ายแดงให้แล้วน่าจะได้เดือนกพ.นี้ โอ้นี่ฉันฝันไปหรือนี่ ทำงานเป็น officer ที่เก่ามาก็สิบปี ออกจากที่เก่าก็ก้าวกระโดดได้เป็นผจกบ.ญี่ปุ่นที่เพิ่งออกมา แต่ยิ่งก้าวกระโดดแบบติดสปริง เป็น Thai MD
ทุกขลาภ น่าจะเรียกว่าอย่างนั้น ยิ่งสูงยิ่งหนาว เพราะเขาให้โอกาสเราพิสูจน์ฝีมือภายในหกเดือนนับจาก มค.ปีหน้า

ตอนนี้ที่บ.เก่า นายใหญ่กับเจ้านายก็โปรโมทลูกน้องเราคนหนึ่งขึ้นมาแทนเรา เพราะcandidate ไม่สามารถ multi tasking แบบเราได้ แต่ลูกน้องเราคนนั้นเขาไม่ขอรับงานเรื่อง เงินๆทองๆ เพราะกลัวโอนผิดแบบเรา ไม่ขอรับผิดชอบเรื่องการควบคุมราคา
ไม่ขอทำรายงานให้บ.แม่(เออ เธอจะเป็นผจกแบบไหนเนี่ย)ขอดูแค่ production+logistic จาก รง.ซัพในไทยไป รง.ลูกค้าในไทยแค่นั้น นายใหญ่กับเจ้านายตกลงตามนั้น กลายเป็นว่าตอนนี้กำลัง รีครูทระดับพนักงานเจ้าหน้ที่ทำงานส่วนของเราที่เธอไม่รับทำ เพราะญี่ปุ่นทั้งสองกลัวเธอจะลาออกเหมือนเราอีก ตอนนี้ลูกน้องเราคนนั้นกำลังเพลิดเพลินกับเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นแต่ตัวเลขเหมือนของเราจำนวนเดิมที่เราเคยได้รับจากที่นั่น แต่ไม่ได้สามเท่าเหมือนของเราแน่นอน พร้อมกับมีคำหวานของนายใหญ่ดั่งที่เราเคยได้รับและพิเศษกว่าอีกเมื่อเจ้านายก็หยอดคำหวานเพิ่มตามไปอีก เฮ้อ...โชคดีนะน้อง ขอให้น้องอดทนอย่าจิตป่วยร่างกายอ่อนแอเหมือนพี่แล้วกัน ขออย่าให้เจอเหตุการณ์เลวร้ายแบบพี่นะ สู้โว้ย

ตอนนี้เราก็ตั้งหน้าตั้วตาศึกษาธุรกิจของปัจจุบันอยู่ ต้องขยันหน่อยสองถึงสามเท่า
เราจะทำให้ดีที่สุด ถ้าหากทำไม่ได้เขาก็ให้กลับมาเป็น ผจกเหมือนเดิม แล้วเขาจะจ้างคนใหม่มาแทน หรืออย่างมากเราก็ลงโทษตัวเองโดยการเฟดตัวออกไปจากบริษัทอย่างเงียบๆ ตอนนี้วันอาทิตย์เราไปเรียนเสริมสวยฟรีเพิ่มด้วยน่ะ

เออพอก่อนนะยาวเลยเยอะแล้ว แชร์แค่นี้ก็พอ เดี๋ยวเจอพวกโลกสวย หาว่าเราอวดเงินเดือนอีก แต่เราขอให้คุณโชคดีนะเป็นกำลังใจให้ ในที่ไม่ดีก็ยังมีสิ่งหรือคนดีๆอยู่(ก็คุณม่อนจะงัย) แต่ในที่ดีๆก็ยังมีสิ่งหรือคนแย่ๆอยู่(เราได้อัพเป็น เอ็มดีแต่ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองแค่หกเดือนง่ะ)

จากคุณ : อร [9 ธ.ค. 55 21:37:23 ]A:110.168.100.17 X: TicketID:375728
ความเห็นที่ 14

ขอแก้ไขค่ะ จากม่อนจะเป็นมอนจะ โทษทีดึกแล้วพี่คงง่วงไป หยุดสามวันจดสวนคนเดียวเหนื่อยมากกกก

นี่ขนาดคุณมอนจะ พูดจาภาษาญี่ปุ่นเดียวกับพวกเขานะ ในขณะที่พี่ไม่ได้ญี่ปุ่นซักคำ ใช้แต่ภาษาอังกฤษแบบระดับกลางกับเขา แต่อย่างว่าไม่ใช่เชื้อชาติเดียวกันเดาใจลำบาก

คุณมอนจะอยู่ญีปุ่นมานานกว่าพี่ย่อมรู้นิสัยใจคอคนญี่ปุ่นดีกว่า พี่แค่ไปๆมาๆปีละสองครั้งตอนประชุมใหญ่

ญี่ปุ่นดีๆก็มีนะ พี่ก็เคยเจอ เมื่อมาทำงานที่บ.แห่งนี้พี่ดีใจมากเลย เพราะบ.ญี่ปุ่นเขามักเลี้ยงคนจนแก่เถ้า เงินเดือนไม่มากนักแต่สวัสดิการขั้นเลิศ แต่บ.ญี่ปุ่นแห่งนี้ประหยัดมาก ให้พี่แค่เงินเดือนกับประกันสังคม ทำงานได้ปรับปีละพันกว่าบาท ลูกน้องสามคนไม่ต้องพูดถึง ปรับกันได้แค่ห้าถึงเจ็ดร้อยเท่านั้น

แต่เอาเข้าจริงแล้ว พี่ว่าการทำงานกับคนญี่ปุ่นนั้นมันคลาสสิคมาก เพราะเขามีระเบียบแบบแผน เป็นขั้นตอน ดูสุขุม รอบคอบ นิสัยคนญี่ปุ่นก็อ่อนโยน แต่พี่โชคร้ายเจอบริษัท กับนายที่นิสัยไม่ดี แถมนายใหญ่ยังเป็นประเภทสุภาพแต่ไม่จริงใจ พนักงานชายบ.แม่ ที่คอยเทคแคร์บ่อยๆตอนที่พี่ไปประชุมที่โน่นไปๆมาๆก็มือไม้ป่วนเปี่ยนเป็นปลาหมึก ปาร์ตี้เลี้ยงต้อนรับพี่แต่ละทีก็ชวนพี่ดื่มแต่เหล้าทั้งที่พี่ก็ดื่มไม่เก่ง ไปๆมาๆก็ดูถูกหญิงไทยว่าง่ายเหมือนกันหมด ไม่แยกแยะเป็นรายบุคคล

โดยเฉพาะเจ้านาย นี่ชอบดูถูกคนอื่นเอเชียว่าโง่ มีแต่ตัวเขาและคนญี่ปุ่นฉลาดที่สุด เฮ้อทำไมนิสัยเหมือนกันเป็นเอามาก เหยียดผิว ว่าคนไทยทำไมผิวดำ แต่เขาชอบเล่าให้พี่ฟังว่า เขาไปซอยคาวบอยแถวอโศกบ่อยๆ

พี่เคยเจอเรื่องSexual Harassment ระหว่างพี่ เจ้านาย นายใหญ่ ดีว่าพี่เนียนออกมาได้
ไม่พลาดท่าเสียตัว แท้จริงพี่ไม่สวยอะไรเลย แต่ตอนหลังพวกเขามองออกว่าพี่จะลาออกก็เลยรั้งด้วยวิธีนี้ สุดท้ายนายใหญ่ก็ไม่ต่างอะไรกับปีศาจในคราบนักบุญ บ.แม่ของพี่เป็นบ.ใหญ่ แต่ไม่สนใจปกป้องพนักงานหญิง กลัวลงเอยโดยหาว่าเราให้ท่าอ่อย พี่ไม่มีหลักฐาน และไม่ทันได้บันทึกพี่ก็แจ้นออกมาก่อนแล้ว ไม้ซีกอย่างพี่งัดไม้ซุงไม่ไหวหรอก ถือซะว่าให้หมามันแดก โทษค่ะไม่สุภาพ พี่ก็ผิดเองเผลอคิดว่าตัวเองเป็นซูสีไทเฮาหรือบูเชคเทียน นึกว่าคุมเกมได้ แต่พอประมาณสถาณการณ์แล้ว พี่แพ้ตั้งแต่เริ่มคิด( พอแล้ว ไม่พูด เด๊๋ยวกระทู้ดีของมอนจะ จะโดนหาว่าเป็นกระทู้ล่อเป้า เพราะบัตรผ่านแบบพี่ )

ตอนที่พี่ไปบ.แม่ มีผู้หญิงทำงานไม่ถึงห้าเปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่ก็ชงกาแฟและทำงานด้านเอกสารเล็กๆน้อยๆ พักกลางวันก็ก้มหน้าก้มกินเบนโตะในห้องครัว บางครั้งอยากถามว่าเธอตั้งใจกินซะใครไม่มองหน้าใครมันอร่อยเหรอ ก้มหน้าก้มตากิน เวลาพี่เดินผ่านพวกเขาก็ใช้หางตามอง ซุบซิบๆกัน ( เออเป็นอะไรกันจ๊ะเธอจ๋า)

บ.เก่าที่พี่เคยทำก็เป็นญี่ปุ่นเหมือนกัน แต่เขาไม่มีนิสับแบบนี้เลย เขาให้ความสำคัญกับการเป็นอยู่ของพนักงานตลอด

บางทีก็ไม่ได้เกิดจากเชื้อชาติหรือเพศนะ พี่ว่ามันเป็นวัฒนธรรมองค์กรมากกว่า

แต่ถ้าให้เลือกต่างชาติสักคนให้คบ พี่จะคบแค่สองชาติค่ะ คือลาวกับญีปุ่นนะ
ส่วนตัวพี่แล้ว พี่ว่าส่วนใหญ่เขาน่ารักนะ
อย่างไรซะพี่ก็ไม่ลืมทุ่งดอกทิวลิป ดอกลาเวนเดอร์ที่นั่นนะ เป็นประเทศที่สวยงามอะไรเช่นนี้

จากคุณ : อร [9 ธ.ค. 55 23:34:09 ]A:110.168.100.17 X: TicketID:375728
ความเห็นที่ 15

องค์กรญีุ่ปุ่นที่เป็นองค์ใหญ่ มีสายบริหารตรงจากที่ญี่ปุ่น จะมีการเมืองที่รุนแรง เป็น
สังคมชนชั้น..และในสายบริหารจะปรับเปลี่ยนตามจังหวะได้เปรียบเสียเปรียบของ
สายงานญี่ปุ่นด้วยกันเอง  บางที่นอกจากการเมืองอาจจะมีเรื่องในมุ้งเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
เพราะค่านิยมเค้า คิดว่า ญี่ปุ่นดีกว่า คนไทย...และผู้หญิงญี่ปุ่นในสายงานระดับบริหารไม่
ค่อยเห็นในองค์กร ครับ

บางแห่งจะมีการบริหารแบบ management of conflict เพื่อรักษาดุึลย์อำนาจการบริหาร
ไว้ที่ส่วนกลาง...ไม่ใช่ระดับสูงเค้าไม่รู้ ครับ แต่เป็นสโตล์การบริหารของเค้า คือ
ปล่อยให้กัดกันเอง...เค้าก็เป็นตาอยู่..คอยเก็บศพ..
องค์ญี่ปุ่นเป็นงี้กันส่วนใหญ่  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นกันทุกที่นะครับ

สำหรับคนที่คิด เจริญเติบโต ในองค์กรสโตล์นี้
  -  ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน คำนี้คือต้องท่องจำให้ขึ้นใจ    ถ้าคุณมีจุดยืนที่
แข็ง  อย่าลืมที่ผมบอกไป วันหนึ่งศัตรู อาจะกลับเป็นใหญ่ ได้ง่าย ๆ สำหรับองค์กรญี่ปุ่น
  - ความถูกต้อง ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเป็น หรือต้องเป็น เสมอครับ แล้วแต่ว่าใครสั่งมากกว่า
  - work hard ครับส่วน work smart นั้น แล้วแต่เจ้านายครับ  ถ้าเจ้านายเป็น ญี่ปุ่น
สมัยใหม่ จบนอก หัวฝรั่งก็อีกเรื่อง...

หรือ..ถ้าคุณต้องเป็นมนุษย์เงินเดือนไปเรื่อย ๆ และเริ่มไม่ไหวกับ สไตล์แบบนี้ ก็ลอง
หางาน หาบริษัทคุยไปเรื่อย ๆ ครับ

ผมเคยอยู่ในองค์กรแบบนี้ช่วงวัยรุ่น..แต่บังเอิญเจ้านายผมเป็นญี่ปุ่นจบ Canada ครับ เก่งมาก อยู่
ได้สองปี  ตามสไตล์คนเก่ง ก็ต้องไปเจริญเติบโตอีกที่หนึ่ง คล้าย ๆ กับ จขกท.  พอได้
ข่าวเจ้านายจะย้าย เท่านั้น ผมก็หางานใหม่ละ..เพราะเจ้านายสั่งรบ.. ผมก็ฆ่าไม่เลี้ยงละ.
ที่ผมอยู่ปัญหาคอรัปชั่นมันเยอะครับ  พอเจ้านายไป..อยู่ต่อมีหวังตาย..ฮ่าาาา

จากคุณ : ผงฝุ่นในสายลม [วันรัฐธรรมนูญ 55 16:24:35 ]
ความเห็นที่ 16

ขอบคุณพี่อร ( ถือวิสาสะเรียกพี่เลยแล้วกันนะคะ ) กับคุณฝุ่นผงในสายลมมากๆค่ะ ที่มาแชร์เรื่องให้ฟังกัน จริงๆอยากเล่าเรื่องของเราให้ฟังเหมือนกัน พอดีตอนนี้จิ้มจากไอโฟนไม่ค่อยสะดวกค่ะ วันนี้เราต้องออกไปนอกพื้นที่ไม่ต้องเข้าบริษัทคิดว่าคงกลับบ้านได้เร็ว แล้วค่ำๆของญี่ปุ่นจะมาเขียนต่อนะคะ

จากคุณ : มอนจะ [12 ธ.ค. 55 07:13:45 ]
ความเห็นที่ 17

ต้องขอโทษที่เราไม่ได้อ่านนะคะเพราะยาวมากแต่จะตอบตามหัวข้อกระทู้ที่ถามค่ะ

"ถ้าคุณทำงานที่ชอบ แต่ต้องทำกับเจ้านายที่ไม่ดี คุณจะทำยังไงกันคะ"

เราอดทนอย่างมาก เพื่อให้ได้ทำงานที่ตัวเองรัก เพราะรู้ซึ้งกับการทำงานที่เราไม่มีใจมาแล้วว่ามันอึดอัดขนาดไหน และัพยายามมองหาข้อดีอื่น ๆ ในการทำงานที่นี่ เช่น เพื่อนร่วมงานดี ที่ทำงานใกล้บ้าน กับหาทางออกพักผ่อนเพื่อคลายเครียดให้เต็มที่ในวันหยุด เป็นการชาร์ตแบตก่อนกลับมาเจอความเครียดในที่ทำงาน พยายามโฟกัสแต่เรื่องงานนะคะ แค่นี้เราก็อดทนมาได้ตั้งหลายปี แต่ยังไงก็ตามตอนนี้ก็จะลาออกแล้วค่ะ เพราะคิดว่าทนมาพอสมควรและมีทางใหม่ที่ดีกว่าึ่้ค่ะ ^^

จากคุณ : พอ (มันจะดีเหรอคะ) [13 ธ.ค. 55 23:58:57 ]