รู้สึกแบบนี้กันไหมคะ ... ตอนอายุเท่าไร?

รู้สึกว่า ... เบื่อที่จะไปวิ่งเริ่มต้นใหม่ (ทั้งที่ตอนจบใหม่ๆไม่รู้สึกแบบนี้)
เหนื่อย ที่จะแก่งแย่ง วุ่นวายกับใคร ในที่ทำงาน
เหนื่อยจะต้องเอาใจใคร ทำอะไร ให้คนอื่น เพื่อคนอื่น

ถ้าเป็นผู้ชาย ... คงจะลาบวชแล้วล่ะคะ ช่วงนี้
เป็นกันไหมคะ แล้วอายุเท่าไรกันคะ ที่รู้สึกแบบนี้

จากคุณ : MoChIkO [9 ธ.ค. 55 15:32:19 ]
ความเห็นที่ 1

เคยรู้สึกตอนอายุ 31 ค่ะ ไม่เกี่ยวกับผู้ชายเพราะไม่มีแฟนนะคะ
แต่ถูกเลิกจ้างงานครั้งแรกในชีวิต ทั้งที่ได้รับค่าตอบแทนครบทุกอย่าง แต่ก็ยังรู้สึกว่า งานที่นี่ดี นายดี แต่เมื่อควบรวมบริษัทมันก็ต้องเจอการเอาคนออกเป็นธรรมดา

ก็บอกตัวเองว่าใจเย็นๆ ทั้งที่ข้างในมันเบื่อที่จะต้องเริ่มต้นทำอะไรใหม่อีกครั้ง หางาน สมัครงาน สำรองเงิน สัมภาษณ์งาน ลุ้นว่าจะได้ไม่ได้
เบื่อเมื่อนึกว่าจะต้องมาทำความรู้จักใครใหม่ ปรับตัวใหม่อีกครั้ง

แล้วยังไง ก็ต้องทำ เพราะยังต้องใช้เงิน ยังต้องมีชีวิตต่อไป

เบื่อก็เข้าใจ แต่ก็ต้องไม่ทำให้เราแย่จนเกินไป

อย่างน้อยเราเป็นเจ้านายของร่างกายค่ะ เราต้องควบคุมความรู้สึกทำตามใจ ไม่ให้เป็นเรื่องใหญ่โตนะคะ

เข้าใจค่ะ สู้ๆนะคะ

จากคุณ : อารมณ์ไม่ได้ดีเหมือนหน้าตา (vella-amoris) [9 ธ.ค. 55 15:52:09 ]
ความเห็นที่ 2

...

คุณอาจเบื่อที่จะวิ่ง

แต่คุณต้องเดินต่อไป

อาจจะช้าบ้าง แต่ไปได้เรื่อยๆ

...

ความรู้สึกเช่นนี้ เป็นตอนยังไม่ 30 เลย

คิดว่า คนที่มีความรู้สึกแบบนี้ เพราะมีจิตใจที่ดีต่อสังคมมากเกิน...

จากคุณ : คิดเองนะ... (จิตจาคะ) [9 ธ.ค. 55 15:57:56 ]
ความเห็นที่ 3

ถ้าเป็นผู้ชาย ... คงจะลาบวชแล้วล่ะคะ ช่วงนี้  <<<< ไม่รู้รู้สึกได้เหมือน จขกท ไหม


แต่ผมกำลังจะลาบวช เพราะเหตุผลตาม จขกท และเหตุผลอื่นๆประกอบ (เช่น ถึงเวลาแล้วที่จะทดแทนคุณ) หรือ อยากจะพักในเรื่องหลายเรื่อง

เลย ลา บวช เพื่อทำให้ใจโล่งสักที

จากคุณ : immarch [9 ธ.ค. 55 16:25:44 ]
ความเห็นที่ 4

เราอายุ 34 ค่ะ ทำงานประจำ ย้ายงานบ่อยเหมือนกันแต่ฟิวงานเดิม (เราเป็นเซลล์ค่ะ) ตอนนี้อยู่บริษัทญี่ปุ่นค่ะ นายรัก เพื่อนร่วมงานดี แต่เราเบื่อการบริหารงานค่ะ แต่ก็เบื่อการเริ่มต้นใหม่เหมือนกัน เพราะอายุเยอะแล้ว มีเพื่อนชวนไปทำงานอื่นค่ะ แต่ต้องเริ่มใหม่ เลยยังลังเล

เราพยายามหาทางออกให้ตัวเองค่ะ ตอนนี้เปิดร้านนวดเล็กๆ ถ้าไปได้ดีจะลาออก แหะๆ ความฝันเลย ไม่อยากเป็นยอดมนุษย์เงินเดือนแล้วค่ะ ^^'

จากคุณ : sendtobe [9 ธ.ค. 55 16:32:52 ]
ความเห็นที่ 5

เรารู้สึกงั้นตลอดเวลาเลยอะ 5555555
แต่ตอนนี้ตั้งใจว่าจะทนๆ ไปก่อน

จากคุณ : via iPhone (ZzIqka) [9 ธ.ค. 55 17:01:36 ]
ความเห็นที่ 6

ผมรู้สึกตั้งแต่ตอนเรียน ป.ตรี ครับ เหอๆ

แต่ก็ได้แค่รู้สึกแหละนะ ยังไงชีวิตมันก็ต้องเดินต่อไป (ถึงจะมีแอบอู้บ้างเล็กน้อยก็เถอะ :P )

จากคุณ : Sirapak [9 ธ.ค. 55 17:48:45 ]
ความเห็นที่ 7

รู้สึกเหมือนกันครับตอนอายุ 24 ปัจจุบันก็อายุ 24 ครับ
บางคนอาจจะคิดอายุแค่นี้ รู้สึกเบื่อเร็วไปมั้ย
ขอตอบว่า ถ้าเลือกได้ ไม่มีใครอยากรู้สึกแบบนี้หรอกครับ มันน่าเซ็งนะ

จากคุณ : Gusbell ครับผม [9 ธ.ค. 55 17:49:23 ]
ความเห็นที่ 8

คิดตอนสามสิบค่ะ ... แต่ก็คิดไม่ออกว่าถ้าไม่ทำงานจะไปทำอะไร สังคมไม่มี ... แค่รู้สึกว่าไม่อยากเป็นคนเก่งแต่ต้องเหนื่อยคนเดียวแล้ว ...

เจอแต่ระบบ " คุณ - น่ะ - ทำ "

จนเบื่อกับการแสดงความคิดเห็น และ การให้เงินเดือนตามอายุงานแล้ว ...

จากคุณ : via iPhone (Im a lost dog) [9 ธ.ค. 55 18:44:01 ]
ความเห็นที่ 9

เคยเป็นนะครับ แต่ถ้าคิดให้ดีๆแล้ว เราก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป

ดังนั้น แทนที่จะนั่งเบื่อ ซึ่งมันไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร ผมก็หาหนังสือมาอ่าน พยายามเข้าหาคนที่มีความสุขและประสบความสำเร็จพอประมาณ ศึกษามุมมอง วิธีคิดของเขา คิดง่ายๆเอาว่า หากทำได้แบบเขาบ้าง เราก็จะมีชีวิตที่ดีแบบเขา

ตอนทำไม่ง่ายเท่าไหร่ แต่ผมก็เลือกที่จะทำ เพราะถ้าไม่ทำ ชีวิตผมไม่มีทางเปลี่ยน 100% แต่ถ้าลงมือทำ ชีวิตผมก็น่าจะดีขึ้นในวันใดวันหนึ่งในอนาคต

ตอนนี้ แม้จะทำแบบคนต้นแบบได้แค่ครึ่งเดียว แต่ชีวิตก็ดีกว่า 4-5 ปีที่แล้วมากๆ เมื่อวานเพิ่งเจอพี่เค้าหลังจากไม่เจอมา 2 ปี คิดว่าต่อจากนี้ อาจไม่ได้เจอละ เพราะผมจะย้ายกลับบ้านเกิดสิ้นเดือนนี้แล้ว ไปแต่งงานและดูแลพ่อแม่ เหมือนสวรรค์เป็นใจให้ได้เจอคนที่เป็นต้นแบบชีวิตของผมอีกครั้ง เพื่อย้ำเตือนเสมอถึงสิ่งดีๆ ที่ผมมีวันนี้ และวันหน้า ให้ได้ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้คนอื่นต่อ เหมือนที่พี่เค้าเคยถ่ายทอดให้ผม

จากคุณ : อาร์ตี้ [9 ธ.ค. 55 19:19:13 ]
ความเห็นที่ 10

เป็นบ่อยค่ะ -"-

จากคุณ : โดดเดี่ยวผู้น่ารัก [9 ธ.ค. 55 19:56:49 ]
ความเห็นที่ 11

รู้สึกตอนทำงานที่เก่าน่ะค่ะ เป็นงานที่ต้องทำกับผู้หญิงมีการเมือง มีพวกพ้อง โบนัสแบบผ่อนจ่าย เอือม และเซ็งมาก ทำไปก็ไม่ก้าวหน้า อยากลาออกมาทำของตัวเอง เนื่องจากเงินทุนยังมีไม่มากพอ และมีภาระ ต้องมาทำที่ใหม่ซึ่งก็สังคมดีกว่าก็จริงค่ะ สวัสดิการไม่ดีกว่า แต่ทำให้รู้สึกว่าอยากทำที่นี่เป็นที่สุดท้าย ตอนนี้อายุ 36 แล้ว เบื่อการไปทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ สังคมใหม่ๆน่ะค่ะ เปลี่ยนงานอีกทีขอเป็นเจ้าของเลยละกัน การได้เรียนรู้ว่าอยู่ในองค์กรที่ผู้ประกอบการม้กเอาเปรียบพนักงานมันทำให้รู้สึกแย่น่ะค่ะ (อันนี้รู้สึกตอนทำที่เก่า)

จากคุณ : PhiloBie [9 ธ.ค. 55 20:33:59 ]
ความเห็นที่ 12

รู้สึกตอน 17 ครับ ตอนนี้ 19
เหนื่อย ที่จะแก่งแย่ง วุ่นวายกับใคร ใน"เรื่องเรียน"
เหนื่อยจะต้องเอาใจใคร ทำอะไร ให้คนอื่น เพื่อคนอื่น
รู้สึกเหมือนตัวเองแก่ขึ้น 5-10 ปีเลยครับ พอผมคิดแบบนี้

จากคุณ : My penname is K [9 ธ.ค. 55 21:06:57 ]
ความเห็นที่ 13

อย่าง คคหที่ 9 เลยครับ

ผมเคยเล่าหลายกะทู้แล้ว ขอเล่าอีกครั้งแล้วกันครับ

คุณต้องลองไปคุยกับคนที่เขาเคยแย่ กว่าคุณเยอะๆ แล้วเขาประสบความสำเร็จได้ยังไง

ที่ให้ทำแบบนี้ไม่ใช้ไป Copy เขามานะครับ แต่ใช้เป็นแนวทาง ก็พอ ว่าเขาเดินแบบนี้ แล้วไปต่อยังไง

............................

อย่างของผม ก็กำลังจะเริ่มนับ 1 เหมือนกันครับ แต่ในขณะที่เพื่อนผม ไปไกลกันมากกกกกกก มีบ้าน มีรถ มีเงินเก็บกันไม่รู้เท่าไร

...........................

เริ่มจากเพื่อนคนแรกแล้วกันครับ

เกรดห่วย เกือบไม่จบ ฐานะทางบ้านยากจน มีบ้านอยู่ แต่ยังผ่อน มอไซน์ยังผ่อน พ่อป่วยไม่ได้ทำงาน แม่ขายของชำ กำไรวันละไม่เกิน 300

ฉนั้น เรื่องหางานเลิกพูด แบบว่าจบ ป.ตรี จะเอา 15000 นี้เลิกฝัน ด้วยเกรด คงไม่มีใครเอา

เริ่มงานแรกด้วยการ กลับบ้านไปช่วยแม่ขายของ + เก็บค่าบ้านเช่าให้คนที่เขามีบ้านอยู๋แถวนั้นแล้วปล่อยเช่า แต่ไม่ได้มาดูแล มันเลยรับเป็นธุระให้

แน่นอน รายได้ไม่พอกิน ช่วยแม่ ก็ใช่ว่าแม่จะขายของได้มากขึ้น

ก็ไปทำงานในไลน์ผลิต ที่แบบว่า วุฒิ ม.6 ก็ทำได้ ได้เงินเดือน 5 พัน

เก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อย ด้วยความที่ใกล้บ้าน ขี่มอไซน์ไปเอา

พอทำไปซักพัก เห็นลู่ทางทำมาหากิน เลยมาปล่อยดอก โดยการเอาเงินเก็บตัวเองหลักหมื่น + ขอเงินแม่มาเพิ่ม ได้เกือบๆแสน

เอาไปปล่อยดอก ร้อยละ 10 15 บ้าง

ทำแบบนี้ไปเรื่อย ดอกทบต้น ต้นทบดอก ได้ดอกมาเอาไปปล่อยต่อ

1 ปี เริ่มจาก 1 แสน เป็น 4 แสน 8 แสน และจบด้วย 2 ล. ภายใน 4-5 ปีได้

มันก็รู้ว่าอาชีพนี้ไม่มั่นคง พอเก็บเงินได้ซักพัก เริ่มคอยๆเก็บต้นคืน (จะเลิกว่างันเถอะ)

เอาเงินมาดาว์ตึก ปล่อยเช่า ได้เดือนละ 4 หมื่น ซื้อบ้านมือสอง ชั้นเดียวอีก 2 หลัง หลังละ 5 แสน มาปล่อยเช่าต่อ (ปล่อยเจ้าของเก่านั้นแหละ) ได้ค่าเช่าเดือนละ 5 พัน

สรุปต่อเดือนมีรายได้แน่ๆ 5 หมื่น + ร้านขายของชำก็ยังอยู่ + เก็บค่าบ้านเช่าให้เขาก็ยังทำ เดือนๆ ได้ 6-7 หมื่นเลี้ยงแม่ได้สบาย

เพื่อนคนนี้ เริ่มจาก 0 เลยก็ว่าได้ ทุนน้อย เกรดก็น้อย แต่เอาตัวรอดเก่ง เพื่อนๆเกรดดีๆหลายคนยังโทรไปปรึกษา มันเลยว่าถ้า จะลงทุนแบบนี้ดีหรือเปล่าอะไรแบบนั้นนะครับ

ตอนนี้เพื่อนคนนี้ ลอยตัวไปแล้ว ชิวว์แล้ว เกษียณตัวเอง ได้ตอนอายุ 33 ใช้เวลาเริ่มจาก 0 ตอนจบ น่าจะอายุซัก 22 ปี สรุปแล้วใช้เวลาสร้างตัวแค่ 10 ปีได้

แต่เคยคุยกัน เพื่อนว่าจริงๆแล้วมันลอยตัวตั้งแต่ 3-4 ปีแรกแล้ว ลำบากจริงๆเลยแค่ 1-2 ปีแรกเท่านั้นแหละ พอเริ่มปล่อยดอก เริ่มมีเงินก็เริ่มสบาย
.............................

คนที่สอง ญ สวย หน้าตาดี เกรดน้อย พ่อแม่ แยกทางกัน แม่เป็นหนี้แชร์อีก แถมแม่ไม่ได้ทำงานอะไร เลยต้องส่งเงินช่วยแม่ด้วย

จบเริ่มทำงาน พนักงานไอศครีมสเว่นเซ็น เงินเดือน 9000 ++ ตกหมื่นกว่าๆ

ทำอยู่ได้ซักพักออก ไปทำงานเลขา เงินเดือน 6000 งานสบาย ทำงานแค่ครึ่งวัน เจ้านายใจดี พาไปกินอาหารดีๆตลอด เพราะต้องตามนายไปทุกที

ทำได้ไม่นานออก เพราะเงินไม่พอใช้ ไม่พอส่งให้แม่ เพราะแม่ไม่ได้ทำงานไม่มีเงินใช้

ออกมาไปเป็นเซลล์ ขายสารเคมี อยู่เกือบปี ได้เงินต่อเดือนต้องไม่ต่ำกว่า 20,000 เพราะไม่งันเงินไม่พอส่งให้แม่ ไหนจะกินอีก

ออกมาเปิด บริษัทของตัวเอง กับแฟน (แฟนลงทุน) ทำได้ปรากฏว่า ไปได้ดีเลย กำไรดี เงินผ่านมือเยอะมาก สบายขึ้นผิดหูผิดตา

อยู่ได้ 3-4 ปี ทะเลากับแฟน เลิกกัน กลับบ้าน ตจว พักใจ

เงินทุนก็ไม่มี ไปๆมาๆ รับเสื้อผ้าจาก จตุจักร มาขายตลาดนัด จากเคยเป็น ญ สวย กลายเป็นแม่ค้าหน้าดำ คล่ำ ไม่แต่งหน้า หมดราศี เลย

เพื่อนๆเจอ ก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน แนะนำให้กลับไปหางาน บริษัททำดีกว่า

แต่เจ้าตัวบอกไม่เอา ทำแบบนี้ดีแล้ว กำไรวันๆ ได้ไม่ต่ำกว่า 700 แถมตอนกลางวันยังหาอะไรทำได้อีก

ทำไปซักพักไม่กี่เดือน พอหาทุนได้ ก็กลับมาเปิดบริษัทของตัวเอง ลูกค้าเก่าๆก็กลับมาใช้บริการเหมือนเดิม

ตอนนี้ทำเองคนเดียว เอาง่ายๆ ทำบริษัทไม่เกิน 4 ปี มีเงินซื้อตึก 8 ล. สบายๆ

ตอนนี้เพื่อนคนนี้ ลอยลำไปอีกคนแล้ว

.........................

เท่าที่ผมดู ทั้งสองคนนี้เหมือนกันอยู่อย่าง คือ หลังชนฝา ทั้งคู่

ไม่ทำก็ตาย ไม่ทำก็อด ปากกัดตีนถีบเท่านั้น ถึงรอด ดูลู่ทางเสมอ มีโอกาสคว้าไว้เลย อย่าปล่อยโอกาสไปง่ายๆ

.........................

ย้อนกลับไป ที่เพื่อนคนแรก ถ้ามันเป็นคนที่อะไรก็ได้ ไม่กล้าเสี่ยง ไม่กล้าลอง ปานนี้ มันก็คงยังเป็นแค่ พนง ในไลน์การผลิต เงินเดือนไม่เกิน 1 หมื่นแน่ๆ

มันว่า "คนที่ไม่กล้าเสี่ยงอะไรเลย นั้นแหละคือคนที่เสี่ยงที่สุด"

กับอีกอย่างที่มันชอบพูด "ถ้าอยากได้เงินเยอะหรือกำไรเยอะๆ ต้องกล้าที่จะลงทุนเยอะๆด้วยเช่นกัน ไม่มีอะไรหรอกที่ลงทุนน้อยๆ แล้วรวยเร็วๆ ถ้ามีคนอื่นเขาทำกันไปนานแล้ว"

..............................

ส่วนเพื่อนคนที่สอง

ถ้าวันนั้นที่เพื่อนๆแนะนำ ให้ไปสมัครงานใหม่ แล้วมันเชื่อ ปานนี้เพื่อนคนนี้ก็คงจะเป็น พนง กินเงินเดือน อาจจะได้ 1-2 หมื่น อยู่ก็ได้

หรือถ้าวันนั้น มันพอใจกับกำไรวันละ 700 ปานนี้ก็คงยังต้องนั่งขายของในตลาดนัดแบบเดิมอยู่ก็ได้

ผมเคยถามมันนะครับ ว่าตอนออกมาทำบริษัทเอง เคยกลัวบ้างหรือเปล่าว่ามันจะไม่รอด

มันตอบเร็วแบบไม่คิดเลยว่า "ไม่ จะกลัวทำไม ถ้าทำแล้วไปรอด ก็กลับบ้าน ตจว มันว่าตอนนั้นมันคิดแบบนั้นจริงๆ"

อย่างที่ผมบอก ไม่ทำก็อด ไม่ทำก็ตาย ถ้าจะอด จะตาย ขอลองทำดูก่อนดีกว่า

..........................

ที่พูดแบบนี้ไม่ได้แนะนำให้ใครลองแบบเสี่ยงๆนะครับ เพื่อนผมทั้งสองคนนี้ ลองตอนที่ตัวเองอายุยังน้อย ไม่มีภาระอะไร

แค่ตัวคนเดียว ถ้าไม่รอดก็กลับบ้าน หาอะไรทำ เพราะเจ้าตัวก็บอกแบบนี้เหมือนกัน ว่าตอนนั้นอายุยังน้อยด้วย เลยไม่คิดอะไรมาก ไม่มีภาระ

ถ้าไม่รอดก็กลับบ้านอยู่กับพ่อ กับแม่ หาอะไรทำเล็กๆน้อยๆ กำไรวันละ 200 300 ก็อยู่ได้ ใน ตจว มันว่าแบบนั้นครับ

....................................

ผมว่า ชะตาคนเรา ฟ้าให้มาแค่ครึ่งเดียว อีกครึ่งเรากำหนดเองมากกว่าครับ

เพื่อนผม ยังบอกเลยว่า บางทีมันอยู่ที่โอกาส และจังหวะ บางที่มันยังไม่ถึงเวลาของเรา

จากคุณ : Miracle Boy [9 ธ.ค. 55 21:10:46 ]
ความเห็นที่ 14

เบื่อที่จะไปวิ่งเริ่มต้นใหม่ ข้อนี้ ไม่เคยเบื่อ ที่จริงกลับชอบซะด้วยซ้ำ

เหนื่อย ที่จะแก่งแย่ง วุ่นวายกับใคร ในที่ทำงาน ข้อนี้เป็นตั้งแต่ตอนจะสอบเข้ามหาลัยแล้ว

เหนื่อยจะต้องเอาใจใคร ทำอะไร ให้คนอื่น เพื่อคนอื่น ก็อยู่ที่ว่า ทำให้ใคร ถ้าคนที่เราชอบ คนที่เรานับถือ เท่าไหร่เท่ากัน แต่ถ้าคนที่ไม่ชอบ น้ำแก้วนึงก็ไม่อยากยกให้ ^^

จากคุณ : Zet [9 ธ.ค. 55 22:19:12 ]
ความเห็นที่ 15

เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วค่ะ

เราเบื่อที่ว่า ทำไมคนเราต้องดิ้นรน ต่อสู้กับความวุ่นวายทางสังคม ต้องปรับตัว ต้องมาเอาใจใครต่อใครด้วยทำไม

อาจเป็นเพราะตอนเด็กถูกทำร้ายจิตใจ โดนเพื่อนรังแก โดนคนดูถูก จนเบื่อสังคม

แต่พอเราลองมองย้อนอีกที โลกนี้มันก็ไม่ยอมให้เราไปเป็นคนไร้งาน ไม่ทำงานได้นานหรอก

เราไม่ได้รวยพอทีจะอยู่เฉยๆ ที่บ้านได้นานหลายๆ ปี

สุดท้าย ก็จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับสังคมอยู่ดี

ต้องหางาน เลี้ยงตัวเอง เก็บเงินเพื่ออนาคตต่อไป...

จากคุณ : kurosakura [9 ธ.ค. 55 22:43:43 ]
ความเห็นที่ 16

ตอนนี้ 20 หมาดๆ  ทำงานราชการซี 1
ไม่ได้ เบื่องาน แต่ เบื่อ ชีวิต อะไร ที่เคยเป็นแรงบันดาลใจ มันก็ดูเหมือนเฉยๆ ไม่รู้สึก อะไรอีกแล้ว ความรัก ก็เริ่มเบื่อ แบบ ไม่อยาก จะมองใคร เอาเสียเลย
เป็นมาสักพักแล้ว หดหู่ จิตตก  เหมือนกัน  ออก ไปดูโลกภายนอก ก็เหมือนเดิม ไร้แรงบันดาลใจ  อยากบวช แต่ ก็ไม่รู้ว่า ตัวเองจะไปรอด หรือเปล่า กลัวคนจะมองศาสนา เสือม

T T

จากคุณ : soverus [9 ธ.ค. 55 23:39:33 ]
ความเห็นที่ 17

ถึง คุณ soverus คุณเพิ่ง อายุ 20 เอง ยังมีอะไรให้ค้นหาอีกมาก ไม่น่าจะมีอาการแบบนี้ได้เลย

สำหรับคนที่เบื่อหน่าย ต่อชีวิต ผิดหวังจากสิ่งที่ตั้งใจ ผมอยากให้ลอง
สังเกตมองดู สิ่งรอบตัว ของเรา มองด้วยใจที่เป็นกลางๆ
ที่จริงใช้ได้กับทุกคน

ดูเมฆบนฟ้า ดูต้นหญ้าข้างทาง ดูตึกราบ้านช่อง ดูผู้คนเดินไปเดินมา
ดูจิตใจตัวเอง ว่าคิดอะไร ดูอารมณ์ ว่าเป็นอารมณ์ไหน
หรือจะสังเกต ว่าหายใจแต่ละครั้งเป็นอย่างไร ก้าวเท้าแต่ละก้าว แกว่งแขน ขยับนิ้ว
แค่สังเกตดู ผ่านๆเฉยๆ อย่าไปหมกมุ่นกับมัน แค่รู็ในสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วก็ปล่อยมันไป

ทำจิตใจให้เหมือนเป็นเด็กๆ
ตอนเด็กๆ เราเห็นอะไรก็มีความหมาย มีชีวิตชีวาไปหมด
ผมเชื่อว่า ความเบื่อทั้งหลายจะหายไป

จากคุณ : Zet [วันรัฐธรรมนูญ 55 07:55:31 ]
ความเห็นที่ 18

รู้สึกว่า ... เบื่อที่จะไปวิ่งเริ่มต้นใหม่ (ทั้งที่ตอนจบใหม่ๆไม่รู้สึกแบบนี้)
-ตอนนี้ก็ยังพร้อมที่จะวิ่งหางานใหม่ทั้งที่30แล้วเพื่ออัพเกรดตัวเอง เพื่อความรู้ใหม่ๆ เงิน เดือน ตำแหน่ง โรงงานใหม่ เพื่อนร่วมงานใหม่ กิ๊กใหม่ๆ ทั่วไทย

เหนื่อย ที่จะแก่งแย่ง วุ่นวายกับใคร ในที่ทำงาน
-ทุกวันนี้ก็กวนตรีนไล่กัดไล่งัดเค้าไปทั่วทั้งโรงงาน

เหนื่อยจะต้องเอาใจใคร ทำอะไร ให้คนอื่น เพื่อคนอื่น
-ไม่ตามใจใครแต่ตามใจตัวเอง งานมันมีคนทำมีหน้าที่ของแต่ละคน ต้องใช้เหตุและผมถ้าใช้ไม่ได้ก็ใช้ปากอย่างเดียว

จากคุณ : ฮานาก้า [วันรัฐธรรมนูญ 55 11:32:19 ]A:115.67.103.226 X: TicketID:369642
ความเห็นที่ 19

ตอนอายุ26 ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนชีวิต
เปลี่ยนฟิวด์งาน แฟนบอกเลิก ออกมาเจอโลกข้างนอกที่ไม่ได้สดสวยเหมือนงานที่แรก+เพื่อนร่วมงานที่น่ารัก โอ้วชีวิตช่วงนั้น ยังมานั่งคิดว่าผ่านไปได้ยังไง 555

ตอนนี้อายุ34 วุฒิภาวะทางอารมย์มีมากขึ้น ไม่จำเป็นไม่เปลี่ยนงาน เพราะรู้ว่าเมืองไทยอายุเกิน30 เค้าก็ไม่รับกันแล้ว สมัยนี้บางที่อายุแค่25 ก็ให้เป็นผู้จัดการกันแล้ว แล้วอย่างนี้คนอายุ30 ไม่เป็น Board of Director หรอ แล้วคนอายุ45 ก็คงกดดันให้ออก รึเปล่า

นี่คือเมืองไทย เราเห็นสิงคโปร์ ญี่ปุ่น อายุ45-60 เค้ายังทำงานออฟฟิสกันอยู่เลย แต่นี่เมืองไทย ไปดูได้เลย อายุเกิน45 เนี่ย ยังมีที่ให้อยู่ในสังคมออฟฟิสรึเปล่า

จากคุณ : คลองเตย [วันรัฐธรรมนูญ 55 12:10:23 ]A:171.96.17.179 X: TicketID:123625
ความเห็นที่ 20

31 ปีค่ะ ช่วงก่อนหน้านี้เลย

ทำงาน กทม เป็น 10 กว่าปี

ตอนนี้ มาเริ่มต้นใหม่ที่บ้านเกิด กะว่า คงไม่ไปไหนแล้ว
ตอนอายุ 29 - 30 เจอปัญหาหนักๆหลายอย่างด้วยโดยเฉพาะความรัก

ตอนนี้ แม้จิตใจ จะยังไม่หายดี แต่ยังดี ที่ได้มีโอกาส เริ่มต้นใหม่ในบ้านเกิด
เริ่มสร้างสมบัติ สร้างธุรกิจ พร้อมทำงานประจำไปด้วย

มีชีวิตช้าๆ แต่มั่นคงขึ้นค่ะ
พร้อมให้กำลังใจตัวเองว่าทุกอย่างจะต้องไปได้ด้วยดี :)

จากคุณ : นายMeO [วันรัฐธรรมนูญ 55 15:11:55 ]
ความเห็นที่ 21

เคยเบื่อตอนก่อนลาออกจากที่ทำงานเก่าค่ะ

ตอนนั้นอายุ 23
งานหนัก ทำงานหลายๆ อย่าง เกินหน้าที่ เป็นทั้ง R&D เป็นทั้ง หน.คลังสินค้า
วุ้ย ประสาทจะรับประทาน  เลิกงานก็ดึก โอทีปาเข้าไป 70 กว่าชม.แต่จำกัดให้โอ
แค่ 30 ชม. บางตู้คอนเทนเนอร์มาดึกต้องรอโหลดสินค้า ผู้หญิงคนเดียวคิดดู
ไหนต้องคิดสูตร ไหนจะมานั่งเช็คสต็อค คนงานก็เสือสิงห์กระทิงแรด อู้งานใช้ยากใช้
เย็น จนเราขับโฟร์คลิฟท์ได้ ไหนจะนังกระเทยฝ่ายขนส่ง ไหนจะเรื่องผัว ๆ เมีย ๆ ลูก
น้อง ไหนจะพม่าพูดไม่รู้เรื่อง สต็อคไม่ตรงของหาย บอกให้ติดกล้องก็ไม่ติด
ใครมันจะมานั่งเฝ้าฟระ น้ำผลไม้หาย หยิบไปกระป๋องเดียวสต็อคก็ไม่ตรง บัญชีมาถาม
ว่าหายไปไหนถ้ารู้ว่าอยู่ไหนแล้วจะเรียกว่าหายไม๊ ไหนแฟนจะมีคดีความอีก

สรุป ลาออก

แต่ลาล่วงหน้า 1 เดือน แต่ไม่เกิน 1 เดือนแน่นอน หาคนได้ก็หาไปหาไม่ได้ฉันก็ออก
หัวหน้าจะเพิ่มเงินเดือนให้ ณ ตอนนั้น เพิ่มอีกแสนก็ไม่เอาเทวดานางฟ้าอะไรแล้ว

แต่มาที่ใหม่สบายใจมากๆๆๆ ตอนนี้ทำงานมาได้ 4 ปีแล้ว ทำในห้องแลปตรวจเชื้อ
มีความสุขจนได้แต่งงาน มีลูก ซื้อบ้านตั้งรกรากมันไม่ไกลจากโรงงานเลย 555+

แต่ที่ดีที่สุด คือ ไม่ว่าไปอยู่ที่ไหนก็เจอเพื่อนร่วมแผนกที่ดี - ดีมาก คนอื่นช่างมัน

เชื่อเถอะค่ะ จะท้ออะไรก็ช่างมันแต่ต้องไปต่อ ถ้าเราไม่ใช่คนผิดปกติอะไรสักวันต้อง
เจอที่ ๆ เหมาะกับเรา แต่ถ้าเราท้อแบบนี้ซ้ำซากมากๆๆ ทุกที่ ๆ เราต้องหันกลับมา
พิจารณาตัวเอง ว่าเราเป็นอะไร ทำไมอยู่ที่ไหนถึงไม่มีความสุข

เราหนีปัญหาที่เกิดจากคนอื่นได้ แต่เราหนีปัญหาที่เกิดจากตัวเราไม่ได้ สู้ค่ะต้องสู้!!

จากคุณ : Krabai_Fern [วันรัฐธรรมนูญ 55 17:21:46 ]
ความเห็นที่ 22

... มองสูงเราอยู่ต่ำ มองต่ำเราอยู่สูง
... เราหยุดเวลาไม่หยุด เรานิ่งก็เหมือนถูกทิ้งอยู่ข้างหลัง

เจสัน

จากคุณ : ปลาทูออนไลน์ [วันรัฐธรรมนูญ 55 20:10:42 ]
ความเห็นที่ 23

เราเป็นค่ะ
ตอนนี้อายุ22
เสิร์ชหาเว็บไปถือศีลนั่งสมาธิแล้วค่ะ

จากคุณ : MEMETM [14 ธ.ค. 55 09:08:55 ]