คือน้องเรา เค้าเพิ่งได้งานใหม่
แล้วจะไปลาออกจากที่เก่าวันพุธนี้เพื่อไปเริ่มงานใหม่วันพฤหัส
เนื่องมาจากหัวหน้าเก่าเพิ่งลาออกไป
ตอนนี้ทำงานกับหัวหน้าคนใหม่ เป็นพวกหังงูในคราบพ่อพระ
ขนาดรู้ว่าน้องเรามีแฟนแล้ว ยังไม่เลิกรา
พยายามสร้างสถานะการณ์ เป็นพวกไม่รู้จักเวรกรรมจริงๆ
ปกติน้องเรามันเจอหังงู ก็รังเกียจอยู่แล้ว
ตอนนี้ตัดสินใจออกเลย ไม่สนใจบริษัทจะหักเงินประกันอะไรก็ตาม

เราก็ไม่สนใจเรื่องบริษัทเก่า แต่เรากังวลในเรื่องอนาคตมากๆ
ไม่รู้คนที่บริษัทใหม่จะคิดอย่างไร
หากคนที่เค้ารับมาทำงาน แจ้งลาออกจากที่เก่าล่วงหน้าไม่ถึงสัปดาห์
กลัวเค้าจะไม่เข้าใจน่ะค่ะ
ชีวิตจริงมันยิ่งกว่าในละครน่ะ มันจริงเลยนะ
แต่เรื่องแบบนี้ก็ไม่ควรพูดไป

คนที่บริษัทใหม่จะรู้เหรอครับว่าเราพึ่งออกจากที่เก่า ผมว่าถ้าเราไม่ไปพูดเองก็คงไม่มีใครรู้นะครับ

ลองคุยกับhrโดยตรงสิครับ เค้าห่วงแค่เรื่องงานค้างแหละ ถ้าเอาสบายใจก็ให้ถ่ายงานกับเจ้านายเก่าโดยที่มีhrนั่งประกบอยู่ด้วยก็ดีครับ

บริษัทใหม่เค้ารู้แน่นอนค่ะว่าตอนนี้น้องเราทำงานที่เก่า ในเรซูเม่ต้องเขียนอยู่แล้ว
จะยื่นลาออกล่วงหน้าแบบปกติก็ 30 วัน

เรื่องบริษัทเก่าเราไม่ห่วง

กังวลแค่คนที่ืบริษัทใหม่เค้าจะคิดอย่างไร

กับการที่น้องเราแจ้งลาออกล่วงหน้ากับที่เก่าแค่ 7 วัน

จริงๆ มันไม่ถึง 7 วันด้วยซ้ำ
บริษัทใหม่โทรมาตกลงรับน้องเราเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

น้องเราจะไปบอก ที่เก่าวันพุธนี้ และ พฤหัสมันจะไปทำงานที่ใหม่เลย
เพราะใจมันไม่อยู่กับที่เก่านานแล้ว

เราก็เข้าใจน้องเรานะ แต่ คนที่ บริษัทใหม่เค้าจะคิดอย่างไร เราไม่รู้

ในเมื่อที่ใหม่ เขาตกลงรับน้องเขา เข้าทำงานตอนกลางเดือนแบบนี้ เขาก็ต้องรู้อยู่แล้วล่ะ ว่าน้องเขาแจ้งลาที่เก่าไม่ถึง30วัน   ..เขายังไม่เห็นแคร์
ถ้าเขา ไม่เข้าใจ เขาคงไม่รับพนง.ที่ยังทำงานที่เก่า ตอนกลางเดือนแบบนี้หรอกครับ

ในเมื่อตัวน้องเอง ก็ไม่สนใจ ว่าจะโดนหักอะไรบ้าง จะโดนโทษอะไรบ้าง   น้องเขายังไม่เห็นแคร์

ในเมื่อตัวคุณ(ที่ห่วงน้อง) ยังไม่แคร์บริษัทเก่า  (ที่คุณบอกว่า ไม่ห่วง)


สรุปรวมความแล้ว เท่าที่ดู  ไม่เห็นมีใครแคร์ในเรื่องนี้เลย
แล้วคุณจะแคร์ไปทำไมล่ะครับ

ถ้าจะบอกว่า แคร์เพราะ เป็นห่วงอนาคต กลัวที่ใหม่ไม่เข้าใจ และมองน้องในแง่ไม่ดี
ให้กลับไปอ่านย่อหน้าแรก (ในคห.นี้ ของผม) อีกครั้งนะครับ

ตอนสมัครงาน -สัมภาษณ์น่ะ ไม่ควรพูดถึงเรื่องหัวหน้าเก่าหัวงูน่ะ เป็นเรื่องที่ถูกต้อง
แต่เชื่อสิ พอได้เข้าไปเป็นพนักงานที่บริษัทใหม่เต็มตัวแล้ว  เดี๋ยวน้องเขาก็ต้องไปพูดเม้าท์มอยกับเพื่อนร่วมงานใหม่  เดี๋ยวก็ต้องพูด,เล่าถึงสาเหตุที่ออกจากที่เก่าอยู่ดี เป็นเรื่องธรรมดา
ถึงตอนนั้นแหล่ะ เดี๋ยวที่ทำงานใหม่ เขาก็จะเข้าใจเอง

มองตามความเป็นจริงครับ

หัวหน้าเก่าแนะนำว่า  เขียนวันที่ย้อนหลังไปครึ่งเดือนเลย

ไหนๆก็จะออกอยู่แล้ว

ถ้าเป็นผม ผมบอกนะ ตอนผมวัยรุ่นกว่านี้การโกหกเล็กๆน้อยๆเป็นสิ่งที่ดี แต่ตอนนี้ผมคงไม่แล้ว ผมจะบอกไปตรงๆ หากผมมั่นใจว่าผมกำลังทำสิ่งที่ถูก ผมก็กล้าพูด แต่ถ้าผมไม่มั่นใจว่าผมควรบอกให้ใครรู้ ผมก็จะไม่ทำมันแต่แรก

คนเราเข้าใจไม่ยากหรอก เรื่องแบบนี้ผมฟังแล้วก็ไม่ได้ติดใจอะไร ส่วนจะเชื่อหรือไม่ก็ต้องให้เวลามันพิสูจน์ เอาจริงๆการโกหกเล็กๆน้อยๆอาจไม่มีใครจับได้หรอก แต่ผมก็ไม่กล้าที่จะมั่นใจว่าพูดความจริงเหมือนกัน คำพูดคนมันโกหกได้เสมอ กาลเวลาจะพิสูจน์ตัวมันเองครับ

ผมไม่อยากให้โกหก เพราะมันทำให้เราติดทำนิสัยไม่ดี บอกไปเลยครับ ถ้าเค้าไม่เข้าใจผมว่าที่ทำงานนี้คงไม่ดีพอ ทำไปก็ไม่มีความสุข

จะไปกลัวคนอื่นมองมากไปทำไมในเมื่อเราไม่ได้ทำอะไรผิดนี่คะ

..โชคดีนะที่ได้งานเลย ไปต้องออกไปนั่งรองานอีกหลายเดือน

คห. 5 ตอบได้ดี ชัดเจน

จขกท จะต้องคิดแทนน้องทำไม ?

จขกท จะต้องแดร์อะไร ?

ผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจกับสิ่งที่คุณ จขกท. กังวลอยู่ดี

ผมเข้าใจว่าคุณกังวลเรื่องที่แจ้งลาออกจากที่เก่าล่วงหน้าไม่ถึงสัปดาห์ ซึ่งใน resume ถึงจะมีบอกว่าทำงานถึงวันไหน แต่ก็ไม่ได้บอกนี่ครับว่าเรายื่นลาออกตั้งแต่เมื่อไหร่

การยืนลาออกและการลาออกจะทำวันไหนก็ได้ครับ ไม่จำเป็นต้องเป็นวันสิ้นเดือนหรือกลางเดือนเท่านั้น และผมว่าคงไม่มีใครสนหรอกว่าคนคนนี้ยื่นลาออกจากที่เก่าตั้งแต่เมื่อไหร่ สนแค่ว่าคุณจะมาเริ่มงานได้วันไหนแค่นั้นแหละครับ

... กังวลเกินเหตุ  

เราคงกังวลเกินเหตุจริงๆ เราไม่เคยทำงานบริษัทค่ะ
เรียนจบ ป. ตรีมานะคะ เกรด 3 กว่าตลอดแต่สุดท้ายมาเป็นแม่ค้าขายของ
น้องเราโชคดีมากกกกกกก จบมาไม่ถึง 2.4 แต่หน่วยก้านดี

เราก็กังวลว่าอุตส่าได้โอกาสดีๆ แบบนี้ อยากให้เค่าอยู่ที่นี่ไปนานๆ
แต่หากคนอื่นจะมองน้องเราไม่ดีแล้ว มันจะมีปัญหาตามมาอีกมั้ย
ยิ่งสูงยิ่งหนาวแล้ว มากคนยังมากความอีกด้วย
แต่หากการอดทนอีกสัก 1 เดือน จะทำให้ น้องเราดูดีขึ้นในสายตาคนอื่น เราก็จะได้แนะนำให้มันอดทนอีกสักหน่อยค่ะ
ซึ่งถึงบอกไปใจคนมันอยากไปอยู่แล้วล่ะเนอะ ปวดขมองค่ะ

บริษัทใหม่เขาไม่สนใจหรอกครับว่าจะแจ้งกี่วัน เอาจริงๆที่ใหม่มักจะอยากให้เริ่มต้นได้เร็วที่สุดด้วยซ้ำ แบบตอบรับวันศุกร์ให้เริ่มจันทร์ก็มี

แจ้งล่วงหน้ามันเป็นมารยาทและเพื่อให้เขาสามารถหาคนมาทำงานต่อได้ครับ ต้องคิดตรงนี้ ว่าถ้าออกเลยบริษัทเก่าจะมีปัญหามั้ย จะมีคนมารับงานแทนรึเปล่า จะส่งต่องานยังไง ถ้าไม่มีเคลียร์ได้คุยได้งานเดินต่อ ก็ไม่เห็นเหตุที่ต้องรั้งไว้

เวลาใส่ในเรซูเม่ส่วนใหญ่จะบอกวันเริ่มงานและวันสิ้นสุดการทำงาน ซึ่งสื่งที่เขาถามกันคือเหตุผลที่ลาออกและต้องการรู้ว่าจะเริ่มงานได้เมื่อไหร่ ส่วนโปรเซสจะเป็นยังไงเป็นเรื่องของผู้สมัครต้องจัดการเอง

เอาจริงๆเรื่องที่จขกทกังวลมันไม่มีประเด็นอะไรเลย