พอดีมีที่ดินเปล่า แถว อีสานล่าง  เลยคิดว่า  อาจจะเป็นอีกทางเลือก  
มีใครพอจะแนะนำได้ไหมคะว่า จะหาข้อมูล หรือ มีความเสี่ยงอะไรบ้าง

ความเสี่ยง พระอาทิตย์ดับ

ด้านธุรกิจ ไม่คุ้มค่าแก่การลงทุน ครับ แต่หากเป็นด้านสิ่งแวดล้อม คุ้มค่าสุด ๆ

ข้อเสียแทนความเสี่ยงได้ไหมค่ะ?
- ไม่สม่ำเสมอ เพราะมีกลางคืนและวันที่เมฆมาก
- ต้นทุนสูง
- เปลืองพื้นที่(กรณีทำเป็นโรงไฟฟ้า ไม่นับกรณีติดตามหลังคาบ้านเรือน) ไม่เหมาะกับกรุงเทพฯ

ข้อดี
พลังงานสะอาด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
มีใช้ได้ไม่จำกัดเพราะแสงอาทิตย์เป็นทรัพยากรธรรมชาติประเภทใช้แล้วไม่หมดสิ้น (Non-Exhausting Natural Resources)

อยู่ที่จะเลือกใช้ เลือกสร้างเหมาะสมกับความต้องการและพื้นที่หรือไม่ค่ะ

ตอนนี้ไม่เหมาะแล้วครับ หลังหมดโควต้าสนันสนุนจากรัฐ
ตอนนี้ต้นทุนสูงเกินไป

ไม่รู้เสี่ยงไหมแถวบ้านตอนนี้กำลังทำประมาณ 3 จุด จากอุดรฯไปหาหนองคายแต่เป็นเส้น
อ.ท่าบ่อ ญาติขายที่ให้นายทุน 50 ไร่ 10 ล้าน เขากำลังดำเนินการกัน
จากอ.ท่าบ่อไปหนองคายกำลังสร้างใหญ่โต น่าจะ 2 จุดมั้งเท่าที่ขี่รถผ่านแล้วมองเห้น

เป็นกิจการที่รัฐต้องจ่ายค่าADDER ถึง 3 เท่าของค่าไฟที่เก็บจากประชาชน ลองคิดดูครับว่า ทำไมรัฐต้องจ่ายให้ เหตุผลเพราะ ต้นทุนการผลิตสูงกว่า ต้นทุนที่การไฟฟ้าผลิตได้ เกือบ5เท่า แต่รัฐต้องการให้เกิดการวิจัยและพัฒนาจึงต้องสนับสนุนโดยการชดเชยส่วนที่ขาดทุนให้ที่เรียกว่าค่าADDER

กิจการที่โครงสร้างต้นทุนสูงกว่าตลาดขนาดนั้น มองไปตรงใหนก็เสี่ยงหมดนั่นแหละครับ แต่ไอ้ที่ทำๆกันนั้น เพราะต้องการจับเสือมือเปล่า รับค่าADDER

ปัจจุบันไม่มีเหลือแล้วนี่ครับ จขกท. จะตั้งได้อย่างไร ต้นทุนการผลิต 10 บาทต่อหน่วย ขายให้รัฐ2บาท จะเอาหรือครับ

รู้สึกว่าโครงการนี้จะไม่มีการสนับสนุนจากรัฐแล้วครับ และที่สำคัญฟ้าผ่าที่นึง เสียหายมากมาย นี่ไม่รวมแผ่นเสื่อมครับ หลายที่บอกว่าใช้งานได้ 20 ปี แต่พอประกัน บอกว่ารับประกัน 1 ปี เลย งง ครับ

ปลูกพืชดีกว่าครับ ยางพารา สวนป่า(ขายไม้) พืชพลังงาน หรือไม่ก็ปลูกข้าวยังได้

ปลูกยางปลูกข้าวดีกว่า

ตอนนี้รัฐหยุดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แล้วนี่ครับ

ถึงคุณอยากทำก็ไม่น่าจะทำได้นะครับ

ส่วนความเสี่ยง คงเป็นเรื่องของสถานที่ตั้งครับ เช่นวันดีคืนดี มีคนมาตั้งโรงงานหรือตึกสูงบังแสงแดด ประสิทธิภาพที่ได้ก็จะ drop ลง แต่ไม่ถึงกับจ่ายไฟฟ้าไม่ได้นะครับ (กรณีใช้แผงแบบ Amorphus , ถ้าใช้แบบ Crystallite ก็จบเลย แสงไม่พอ จ่ายไฟไม่ได้เลย)

ความเสี่ยงอีกอย่างคือเรื่องของการเลือกผู้รับเหมา และอุปกรณ์ โดยเฉพาะตัวแผง PV (Photovoltaic หรือแผงโซลาเซลล์) ว่าได้แผงที่ให้ yield ได้ดีขนาดไหน และผู้รับเหมาทำงานเสร็จตามเวลาหรือไม่ เพราะส่วนมากโปรเจคประเภทนี้ใช้เงินกู้ หากเกิน Grant Period ของธนาคารแล้วยังสร้างไม่เสร็จก็ดอกเบี้ยท่วมตัวไป

แต่ความเสี่ยงเกือบทั้งหมดสามารถซื้อประกันแบบ All Risk Coverage จากบริษัทประกันได้ครับ เช่นบริษัทบางจาก ปีที่แล้วเจอน้ำท่วมแผง solar cell ทางบริํษัทประกันก็จ่ายให้ทั้งหมด สบายไป

อยากรู้รายละเอียดต่าง ๆ ก็หลังไมค์มาครับ ศึกษาอยู่เหมือนกันแต่เข้าไม่ทันครับ

ย้ำอีกทีว่าตอนนี้ทำไม่ได้นะครับ นอกจากคุณมีบารมีสูงจัด สามารถไป take over บริษัทที่มีสัญญา PPA มาได้ นั่นอีกเรื่อง

พลังงานแสงอาทิตย์อาจต้องรอพัฒนาให้ได้มากกว่านี้อีกสักพัก  เพื่อ ลดต้นทุน ตอนนี้คงยังไม่เหมาะครับ ถ้ามองในแง่ธุรกิจ ต้นทุนสูง  รัฐเลิกให้การสนับสนุนแล้ว ทำให้มีไม่คุ้มที่จะทำ   และแน่นอน ตอนนี้ lpg ยังคงเป็น พลังงานที่ใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า เหมือนเดิม และคาดว่าจะทำให้ยอดผู้ใช้ lpg เพิ่มสูงขึ้น อีกด้วย

และแน่นอน แม้ว่าเราจะสนับสนุนรถที่ใช้ไฟฟ้า แต่สุดท้ายเมื่อไฟฟ้าไม่พอก็ต้องผลิตไฟฟ้าเพิ่ม และต้องใช้ lpg เป็นต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าเช่นเดิม T^T

จิงๆปัจจุบันถือว่ามีความเสี่ยงที่น้อย เนื่องจากราคาแผงที่ลงมามากเกือบ 100% จนทำให้จุดคุ้มทุนเร็วมาก มากกว่านั้นคุณภาพที่ผลิตก็ปรับปรุงแล้วมีค่าที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผู้ประกอบการหลายแห่งจึงหาสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเพื่อมาลงทุนสร้างโครงการไฟฟ้า