เมื่อก่อนได้ยินเสี่ยบอกว่า ประเทศชาติต้องใช้ทฤษฏีสองสูง ก็มีหลาย ๆ คนเออ ออ ห่อหมกไปด้วย แต่แล้งไง ข่าวถึงลงว่า SME ทยอยปิด ๆ หลังจากการปรับค่าแรง 300 บาท ผู้รู้ช่วยบอกที เกิดอะไรขึ้น

ได้ผลสิ ราคาสูง กับกำไรสูง  นี่แหละสองสูง ในความหมา่ยของเสี่ย พนักงานของเสี่ยมีแต่เด็กนักเรียนในสังกัด ค่าแรงจ่ายน้อยนิด เดือนนึงไม่กี่พัน แถมไม่ทำก็ไม่ได้ด้วย ต้องทำให้ครบชั่วโมงฝึกงานตามหลักสูตร

ได้ผลของเสี่ยเขา แต่ไม่ใช่ของคนอื่น.....โรงงานใหญ่ๆของเสี่ยก็อยู่เวียดนามค่าแรงถูกกว่าบ้านเราเป็นครึ่ง

เขาถูกดร.โกร่งว่าจึงเปลี่ยนจาก 2 สูงเป็น 3 สูงแล้ว
เป็นรายได้สูง ราคาสินค้าสูง ประสิทธิภาพในการทำงานสูง

ธุรกิจของเสี่ย กำไรสูงขึ้น คนอื่นเจ๊ง ช่างมัน

ทฤษฎีนั้น จะทำให้ประเทศปรับตัวสู้กับประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่าได้เมื่อเปิดพรมแดนตามค่านิยมของกระแสโลก แต่ผลกระทบคือ ผู้ที่อ่อนแอ ต้องล้มตายแน่นอน เพราะไม่สามารถดำรงอยู่ในสภาวะที่ต้องใช้กระแสเงินสดมากขึ้น ในเงื่อนไขที่ต้องยกประสิทธิภาพไปพร้อมกัน

สองสูง >>> ค่าแรงสูง สินค้าเกษตรราคาสูง
ทุกวันนี้  ค่าแรง 300 บาท สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ ไม่มีคนมาทำงานไร่ เพราะว่ามันร้อนไปหางานที่อื่นทำเพราะว่าได้ 300 เกษตรกรจะจ้าง 300 บาท ก็อยู่ไม่ไหว
ใครก็ได้ช่วยแก้ปัญหาที

ได้ผลจริงกับธุรกิจรายใหญ่ที่มีตลาดเป็นของตนเอง ทฤษฎี 2 สูงเป็น 1 ใน 5-6 ข้อที่
นักธุรกิจหรือคนที่ทำการค้ารู้ดีว่า การเปลี่ยนแปลงโดยนโยบายของรัฐบาลเป็นปัจจัย
ที่ควบคุมไม่ได้ ทฤษฎี 2 สูงที่เจ้าสัวชงและัรัฐบาลสนับสนุน ทำให้เกิดการพัฒนาและ
ปรับตัวครั้งใหญ่ เพื่อรองรับตลาดระดับอุตสาหกรรรม มีการผลิตและการแข่งที่มากขึ้น
ธุรกิจของ SMEs รายย่อยและกลางที่ไม่้มีตลาดรองรับเป็นของตนเองเหมือนธุรกิจขนาด
ใหญ่ต้องปรับตัวโดยการเป็นผู้รับจ้างผลิตให้อยู่รอดได้โดยเป็นส่วนหนึ่งของซัพพลายเชน
หากทำเองทั้งระบบผลิตและตลาด คงต้องใช้งบประมาณในด้านตลาดหรือสร้างแบรนด์มาก
และใช้เวลานาน สู้รายใหญ่ไม่ได้ที่มีฐานตลาดรองรับอย่างทั่วถึงและคลุมทุกระดับตลาด
การขึ้นค่าแรงในฐานที่เท่ากัน ทำให้ธุรกิจรายใหญ่ได้เปรียบ เนื่องจากมีสินค้าหรือบริการ
ไว้รองรับรายได้ของแรงงานทั้งระบบอยู่แล้ว แต่SMEs ราย่อย-รายกลาง เสียเปรียบกว่า
 
คล้ายกับธุรกิจเลี้ยงปศุสัีตว์ การเลี้ยงหมูและไก่ เมื่อ 20-30 ปีก่อน เป็นของเกษตรกรกว่า
70-80% เมื่อมีการพัฒนาทั้งเทคโนโลยีและวิธีการเลี้ยง ก็เสมือนการเพิ่มยกระดับแรงาน
ให้สูงขึ้น จ้างนักวิชาการ สัตวบาล สัตว์แพทย์ มาควบคุมการผลิตให้ได้ผลผลิตสูงขึ้น
เกษตรกรรายย่อย-รายกลาง ตามไม่ทันด้านเทคโนโลยีก็เลิกเลี้ยงกิจการไป บางรายก็
หันมารับจ้างเลี้ยงหรือเข้าระบบประกันราคา ปััจจุบันธุรกิจเป็นของนายทุนรายใหญ่กว่า
80-90% ธุรกิจอื่นๆก็คล้ายๆกัน เช่น ธุรกิจการผลิตข้าวสาร นายทุนคือรัฐบาล ผู้เกี่ยว
ข้องในระบบการผลิตและการตลาดคือผู้รับจ้างผลิตเท่านั้นเอง

ทำได้ครับ

ค่าแรงสูง เท่ากับ ทุกคนไปเปนลูกจ้าง บริษัทต่างๆๆ

ราคาผลผลิตการเกษตรสูง เท่ากับ เพราะค่าจ้างการผลิตสูง ราคาผลผลิตก็ต้องสูงตาม


แต่ ณ ปัจจุบัน ชาวนาชาวไร่ ตอนนี้รอแค่ เศรษฐกิจ พัง แล้วขายที่ดินของตัวเอง แล้วก็ผันตัวเองไปเปนลูกจ้าง บริษัท

เสี่ยพูดได้ถูกต้องครับ เพราะเสี่ยขายแต่ของกินของใช้ในชีวิตประจำวัน ของแพงแค่ไหนคนต้องจ่ายครับ ถ้าเสี่ยขายของฟุ่มเฟือย คงไม่เสนอทฤษฏีนี้อ่ะครับ

เพียงคำพูดหรูๆครับ แต่ความจริงใครทำธุรกิจด้วย จะถูกกดราคาและค่าแรง มีน้องเลี้ยงปลาในกระชังริมแม่น้ำมูลบอกว่าขายให้กลุ่มนี้กดราคาปลาหน้ากระชังมาก และอาหารปลาก็แพง ต้องติดต่อพ่อค้ารายอื่นมารับซื้อเพื่อให้ได้ราคาดี

เสี่ยสูงอยู่คนเดียวคนอื่นตำ่หมด

ดูก่อนว่าเสี่ยขายอะไร ค่าแรงสูง ของเสี่ยก็ขายดี สองสูงแต่ของเสี่ย คนอื่นก็ตกต่ำกันต่อไป

เราก็หลงเคลิ้มไปว่ามันดี
แต่อะไรที่มันสูงแล้วให้มาต่ำไม่มีทาง
ในที่นี้ใครที่เป็นเลิศทางด้านเศรษฐศาสตร์
ช่วยแนนำหน่อยครับ จะแก้เศรษฐกิจที่มันผิดเพี้ยน
จากความเป็นจริงอย่างไรดี

สองสูงก็เงินเฟ้อไง คำพูดสวยๆของเสี่ยไก่เอาไว้สร้างฝันหลอกคนโง่เท่านั้น

ด่ากันไป วันๆ หาเงินได้เท่าขี้เล็บเค้ามั้ย อิิอิ

^
^
^

หาได้ไม่เท่า แต่อย่างน้อยก็หาได้มากกว่าพวกที่ถูกมันหลอกหล่ะนะ

จริงๆ คือ 3 สูงครับ
สินค้า สูง
ค่าแรง สูง
หนี้ สูง