ในสภาวะที่คนรอบข้างบอกคุณว่า คุณสวย หุ่นดี ดูดี พูดจาเพราะ และมีบุคลิกที่ดี แต่วันนึงที่คุณเดินเข้าไปเสนอตัวเองในตำแหน่งงานใหม่ เขากลับบอกคุณว่า เค้าไม่เป็นห่วงเรื่องความสามารถ แต่บุคคลิกคุณแย่มาก คุณจะรู้สึกยังงัย

ตำแหน่งใหม่ที่ใฝ่ผัน คืนผู้จัดการฝ่ายอะคันตุกะสัมพันธ์(Guest Relation Manager) ของโรงแรม 5 ดาวที่ทำงานอยู่ โดยตอนเริ่มงานก็เริ่มจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายอะคันตุกะสัมพันธ์ (Guest Relation Officer) แล้วขอตัวเองเปลี่ยนเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายขาย (Sales Coordinator)

และตอนนี้ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายอะคันตุกะสัมพันธ์กำลังจะว่างลง เลยเดินเข้าไปเสนอตัวกับผู้อำนวยการฝ่ายบุคคล (Director of Human Resources) ว่าเราสนใจ และขอเป็น 1 ในตัวเลือกของผู้สมัครตำแหน่งนี้
ในขณะที่เพื่อนหลายคนบอกไม่กล้าพอ เพราะกลัวเดินเข้าไปแล้วได้รับคำปฏิเสธบ้าง มัวแต่คิดว่าหัวหน้าจะเห็นความดีของเราแล้วโปรโมทให้เองบ้าง (งั้นก็คงได้แต่รอล่ะนะ)

หนึ่งวันต่อมา DHR ก็ได้เรียกเข้าไปคุยเป็นการส่วนตัวก่อน (ขอบอกไว้ก่อนว่าองค์กรของเรา เป็นองค์กรที่น่ารักมาก อยู่กันแบบครอบครัว ทั้งๆที่โรงแรม เกือบ 500 ห้อง)

และก็ตามสไตล์ของนักจิตวิทยา (DHR) ซึ่งเราก็เคยได้เรียนรู้มาบ้าง ก็ต้องกล่าวถึงข้อดีของเราก่อน โน่น นี่ นั่น บลา บลา บลา ซึ่งเราก็เห็นด้วย เพราะมันคิดว่าข้อดีของเราจริง แต่  ....  เมื่อมีคำว่าแต่ขึ้นมาก็เริ่มจะ สะอึกไปนิดนึง แล้วพี่เค้าก็บอกว่า

ตำแหน่งนี้ ผู้จัดการโรงแรม (General Manager) ให้ความสำคัญมาก และถือเป็นหน้าเป็นตาของโรงแรม และเนื่องจากโรงแรมได้เปิดให้บริการมาเป็นเวลานาน ดังนั้นแขกเก่าจะเยอะมาก และตำแหน่งนี้ก็เปรียบเสมือนมือขวาของ GM ที่แกสามารถไว้ใจให้รับรองแขกพิเศษจริงๆ (GM อยู่ประมาณ 55 ปี ว่ายน้ำทุกเช้า ตีกอล์ฟทุกสัปดาห์ เดินไปเบิร์ดเดย์พนักงานทุกคนด้วยตัวเองแม้กระทั่งคนสวน เด็กล้างจาน แอบมากินขนมที่ออฟฟิศเราบ้าง เพราะเลขาแกไม่ให้ทานขนมจุบจิบ วันไหนขนมหมดแกก็ให้ตังค์ไปซื้อ 555) บางวันแกก็ใส่กางเกงสีเหลืองบ้าง ม่วงบ้าง รองเท้าหนังกลับบ้าง แต่ดูดีตลอด

เข้าเรื่องดีกว่า DHR บอกว่า
- การแต่งหน้าของเราไม่ได้เรื่อง / แต่เพื่อนเราก็เคยมีชมอยู่นี่นา เช่นว่า วันนี้แต่งหน้าสวยบ้าง กรีดตาสวยบ้าง แต่ที่ไม่สวยคงจะไม่กล้าบอกรึเปล่า เอ่ะ
- ผมดูไม่ได้ / อืม สงสัยจะปล่อยปละ ละเลยจนเกินไป หัวฟูบ้างอะไรบ้างมัวแต่เน้นไปที่ตัวงาน
- บุคคลิกไม่ดี คือไม่จำเป็นต้องสวย แต่คุณต้องมีอะไรสักอย่างที่สามารถ Wow ลูกค้าได้ / เท่าที่คุยกับคนอื่น 8 ใน 10 จะชมว่าเราเป็นคนบุคคลิกดีนี่นา
- การเดินไม่ได้เรื่อง / อันนี้ยอมรับว่าเดินแบบนักเลง (เพื่อนบอก) แต่ก็พยายามปรับปรุงบ้าง ลืมไปบ้าง เพราะเป็นคนชอบทำอะไรรวดเร็ว
- ใส่รองเท้าไม่มีส้น / โอ้แม่เจ้า ใส่รองเท้าไม่มีส้นในออฟฟิศผิดตรงไหน (แอบคิดในใจ)  ก็เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการทำงาน แต่ถึงเวลาที่จะต้องเจอลูกค้าก็เปลี่ยน แต่พี่แกก็บอกว่านั่นคือคำพูดของคนที่เห็นแก่ตัว(รับได้ แต่แอบมีอึ้ง 55) เพราะทำไมเจ้าหน้าที่คนอื่นที่นั่งทำงานในออฟฟิศ แล้วยังเสื้อ ผ้า หน้า ผม เป๊ะ ได้ตลอดเวลา แถมทำงานก็เก่งอีกต่างหาก (แกคงไม่ได้ว่า ว่าเราไม่เริ่ดแล้วงานยังไม่ได้เรื่องอีกนะ อันนี้แอบคิดไปเอง)
พี่แกบอกว่า คนที่เห็นเรา เค้าไม่มานั่งจำอยู่หรอกว่าเราสวยตอนไปพบลูกค้า เพราะภาพมันไม่น่าจดจำเท่าตอนเราดูแย่ ได้แต่คิด แต่มันก็จริงอย่างที่แกพูด

แต่ก็แอบช๊อคกับข้อติในวันนี้ เพราะไม่เคยมีใครบอกเราตรงๆแบบนี้มาก่อน ไม่ได้ชมตัวเองว่ามักได้รับคำชมมากกว่าคำติ และอาจจะเป็นคนที่มีบุคลิกที่มั่นใจ ซึ่งบางครั้งก็เป็นข้อเสียได้เหมือนกัน เพราะคนจะไม่ค่อยกล้า ติ ชม ทั้งๆที่เราก็ชอบฟังความคิดเห็นของคนอื่น แต่ขอให้มีเหตุผลด้วยนิดนึง

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ค่อนข้างเปลี่ยนทัศนะคติและมุมมอง บางมุมของเรา ให้มองให้กว้างมากขึ้น และคิดว่าพอจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆบ้างนะจ๊ะ หรือคุณว่างัย

คิดซะว่าติเพื่อแก้ไขละกัน อย่าคิดว่าเราแย่ตามที่เขาพูดทั้งหมด เพราะถ้ามันแย่จริง เหลือจะรับจริง เขาก็คงเรียกเราไปว่าตั้งนานล่ะ

ถ้าอยากได้ตำแหน่งนี้ก็ลองคุยดูว่ามีโอกาสมั้ย ต้องแก้ไขอะไรอีกบ้างในระยะเวลาเท่าไหร่ ถ้ารอบนี้ยังไม่ได้ก็รอรอบหน้ากันไปหรือไม่ก็เปลี่ยนที่ซะดีมั้ย

นานาจิตตังครับ คนชมเหมือนดั่งยาพิษ ถ้าเค้าตัดสินเราไปแล้วเราก็ควรจะแค่พิสูจน์ให้เค้าเห็นครับ

Thx for your comments ka

พี่เค้าบอกว่ายังมีเวลา ไปปรับปรุงตัวซะ เลยได้แต่หัวเราะ แล้วก็ขอบคุณและก็เดินออกมา
คือจะบอกความจริงว่า ชอบ comment แบบนี้ค่ะ straight to the point ดี

ดีสำหรับ level staff กับ level management มันคนละชั้นกันมั่งครับ
สำหรับคุณอาจจะดูดีในสายตา พนักงานทั่ว ๆ ไป แต่สำหรับตำแหน่งที่สูงกว่า คุณอาจจะธรรมดา ก็เป็นได้ครับ

คนใกล้ตัวชม นี้ มันใช้เป็นมาตรฐานไม่ได้

คนใกล้ตัวชมนั้นชมนี้ แต่พอในสายตาคนที่เราไม่คุ้น ในสายตาเค้าก็คงคิดก็งั้นๆ

ด้านบุคลิกภาพ

งานระดับนี้ สำคัญมันต้องค่อนข้างสมบรูณ์แบบ ในด้านบุคลิกภาพ และความน่าเชื่อถือ

ถ้าเค้าบอกว่ายังมีเวลาให้ไปปรับปรุงตัวซะ จขกท ลองเปลี่ยนตัวเองดูสิคะ จากคำติของเค้านั่นแหละค่ะ ใครจะรุ้คุณอาจจะได้ตำแหน่งนี้ก็ได้นะคะ

ขอดูภาพถ่ายเต็มตัวได้ไหมครับ หรือเป็นคลิปในยูทูปก็ได้เพื่อประกอบการพิ-ณาว่าจริงอย่างว่าหรือเปล่า

คนปกติชอบเยินยอกันเองค่ะ
มันมาจากความรู้สึกภายในที่อยากให้คนอื่นพอใจในตัวเรา
โดยการที่เราก็ชมเขาก่อน ชมกันไปชมกันมา
บางทีไม่ได้อะไรมาก แต่ก็ชมไว้ก่อน สร้างมิตรว่าอย่างงั้น
ข้อเสียของเรามีคนไม่กี่คนหรอกที่กล้าพูดให้ฟัง
ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะที่ได้เจอ

ผมว่า
น่ารักออกครับ ที่ เขาเรียกคุณไปบอกแบบนี้
เท่ากับ ให้โอกาส ปรับปรุงตัวนะครับ

ลองใจกว้าง แก้ไขสิครับ
ขอให้โชคดี

ได้ตำแหน่งแล้ว
ผมขอส่วนลด 30 % นะครับ

เขาจะดู  Reflex action  จากคุณ ต่างหาก

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นและกำลังใจนะค่ะ ตอนนี้ก็เดินหน้าปรับปรุงตัวอย่างเดียวเลยค่ะ เพราะไม่มีอะไรเสียหาย มีแต่จะได้กับได้ แม้นเพื่อนจะบอกว่าโชคดีที่เรารับคำวิจารณ์แบบนั้นได้ เพราะหลายคนหมดกำลังใจกันไปเลย รึบางคนเดินเข้าไปขอคำปรึกษา แต่สุดท้ายก็เดินงงๆออกมาก เพราะ DHR จิตวิทยาขั้นเทพจริงๆค่ะ

อย่างที่คุณ เนจิแห่งโคโนหะ พูดก็เห็นด้วยค่ะ สำหรับ MGT(Management)เราอาจจะเป็นแค่ฝุ่นผง แต่อย่างน้อยเราก็มีแนวคิดแบบ MGT มากขึ้น MGT ที่นี่เป็นต่างชาติหมดค่ะ ยกเว้น DHR ที่เป็นคนไทย แต่ทุกคนก็มีของหมดเลย (หมายถึงความสามารถอ่ะค่ะ) ชอบดูเวลานายๆฟาดฟันกันในที่ประชุมค่ะ งานนี้ได้เห็นกันว่าใครมีของจริงๆ

คุณ otto ดิฉันว่าใช่ค่ะ

GRM ใหญ่พอตัวนะครับ ต้องแก้ปัญหาให้ลูกค้าและโรงแรมได้ดี...
ตำแหน่งนี้ต้องอยู่ยาวครับ เขาเลยเลือกมากเป็นธรรมดา

ผมทำงานในโรงแรม 4 ดาว แต่ไม่ใช่หน้าบ้าน แขกรีพีทติ้งเยอะมากๆเหมือนกันครับ มาเจอพนักงานเดิมๆเขาก็คุ้นเคยและชอบใจ ดังนั้น... พยายามเข้าครับ..

ตำแหน่งที่ต้องการนางพญา ไม่ใช่ที่สำหรับลูกเป็ดครับ
หากคุณต้องการตำแหน่งนี้จริง ๆ คุณก็ต้องเป็นให้ได้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าจะเป็นเฉพาะเืมื่อถึงเวลา
คนระดับบน ๆ มันดูออกว่าอะไรมาจากเนื้อใน อะไรแค่เสแสร้ง

ส่วนคำชมที่ได้ยินจนชินหูน่ะ ก็แค่คำพูดกันใน office เท่านั้นแหละครับ
อย่าเอาไปฟังจนล่องลอยไปถึงสวรรค์ จนลืมดูความจริงหน้ากระจก

ดูดีของเพื่อนๆในออฟฟิศ อาจจะไม่ใช่สำหรับคนอื่นหรือสำหรับงานบางอย่างนะคะ อย่างห้องแป้งรีวิวกรีดหางตากระดกไปชนขมับ อันนั้นก็สวยถ้าไปอยู่ถูกที่ถูกกลุ่ม คนชมก็ชมจริง เค้าไม่ได้โกหกอะไร แต่มันก็อาจจะไม่เหมาะกับบางที่บางเวลาน่ะค่ะ ต้องพยายามดูว่ากลุ่มเป้าหมายที่เราหมายตาจะไปร่วมวงด้วยเค้าชอบแบบไหน (สวยเปรี้ยว สวยหรู แบ๊วๆ ฉลาดสุขุม ฯลฯ) ถ้าอยากไปอยู่ในกลุ่มนั้นจริงๆก็ต้องปรับตัวตามนั้น แต่ถ้ามันฝืนมากก็หาอะไรที่มันถูกทางของเราไปเลยดีกว่าค่ะ

พลิกวิกฤติเป็นโอกาส

คำพูดตำหนิ หลาบครั้งพูดเพื่อบั่นทอน แต่คนเข้มแข็งจะแยกแยะได้ว่าอะไรเป็นเรื่องจริงที่เราต้องปรับ กับอะไรเป็นเรื่องพูดบั่นทอนด้วยอคติ

ถึงเวลาของ New look แล้วครับ

บุคลิกภาพที่ดี ไม่ใช่แค่การแต่งหน้า มันคือ กิริยาท่าทาง การพูดจา ความมั่นใจ ความรู้ที่มีในหัว รวมถึงทัศนคติที่ดีทันจะเปล่งเป็นออร่าออกมา

ศึกษาบุคลิกภาพที่ดี หรือแม้แต่ไปหาที่ปรึกษา
การแต่งหน้า ไม่ใช่แค่เรื่องสวนงาม ก็ในเมื่อผู้หญิงต้องงามเพราะแต่ง ก็ลองหาช่างแต่งหน้าเก่งๆ สอนไปเลยครับ

คิดจะทำตำแหน่ง Management มันใช่เรื่องง่ายๆ ที่ไหน
แต่ถ้าอยากเป็น คิดไว้เลยว่า เราทำได้แน่นอน!

บุคลิกไม่ดีไม่ต้องศัลยกรรมนะ มองในแง่ดีสิ

หาจุดแข็งรู้จุดอ่อนมันก็ดีนี่ คนไม่สวยก็หาอย่างอื่นทดแทน ไม่ก็ไปพึ่งมีดหมอ

คห 14  :
"อย่างห้องแป้งรีวิวกรีดหางตากระดกไปชนขมับ อันนั้นก็สวยถ้าไปอยู่ถูกที่ถูกกลุ่ม "
  ^
  ^
เราชอบประโยคนี้อ่ะ

อย่างน้อยคุณก็มีความกล้าที่เสนอตัวไปค่ะ อาจจะต้องพยายามอีกที

แต่เรื่องรองเท้าและการแต่งกายที่ต้องเป๊ะทุกวันมันสำคัญมากจริงๆ เพราะเราไม่รู้ว่าจะมีเรื่องด่วนเข้ามาตอนไหน
ต้องพร้อมตลอดเวลาเลย  ยิ่งงานด่วนยิ่งต้องเป๊ะ เพราะแปลว่าสถานการณ์น่าจะฉุกเฉินจริงๆ

อย่าท้อใจไปเลยค่ะ เก็บคำพูดของ DHR มาปรับปรุงตัวเอง คนที่มองเรา ต้องมองด้วยความชื่นชม เราเป็น hotel representative ค่ะ แขกเจอเราก่อน ตำแหน่งนี้ต้อง professional look

เรื่องรองเท้า เราก็ไม่เคยใส่ส้นแบนนะคะ แต่ไม่ได้สูงมาก เพราะเดินบ่อย ยืนนาน เราจะใส่ที่มีส้นประมาณ 1 ครึ่ง หรือ 2 นิ้วในบางครั้ัง เพราะทำให้บุคลิกดีขึ้นจริงๆ อ่ะค่ะ

เอาใจช่วยนะคะ สู้ๆ ค่ะ

ปล. ตอบประสบการณ์ตรง จากการเป็น Guest Relations Manager รร. เชนแห่งหนึ่งจ้า