ถ้าเรามีโอกาสตั้งราคาแค่ครั้งเดียว ไม่สามารถลดราคาทีหลังได้
เราจะทราบได้อย่างไรว่าตั้งราคาเท่าไหร่ที่มีรายได้มากที่สุดครับ
คืออยากรู้ว่าจำนวน demand จะผกพันกับราคายังไงบ้าง
ตามหลักการตลาดแล้วก็ต้องถามกลุ่มเป้าหมาย (ทำResearch)
แต่การตั้งคำถามกลุ่มเป้าหมาย บางครั้งเขาก็จะเลือกราคาที่ถุกที่สุดไว้ก่อน จริงไหมครับ
ควรจะตั้งคำถามยังไงดี
ไม่เห็นต้องถามกลุ่มเป้าหมายเลย
ไปถามลูกค้า ลูกค้าก็อยากได้ของที่ถูกที่สุดกันทั้งนั้นแหล่ะ เพราะเขาไม่ได้แบกรับต้นทุนนี่นา
- ไปดูต้นทุนต่างๆ ทั้ง ต้นทุนหลัก ต้นทุนผันแปร ต่างๆ
ต้นทุนหลัก เ่ช่น วัตถุดิบ ค่าแรงคนงาน ค่าเช่าพื้นที่ ค่าขนส่ง เป็นต้น
ต้นทุนผันแปร เช่น ค่าน้ำมันรถ ค่าโทรศัพท์ เป็นต้น
ต้นทุน ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด (โสหุ้ย) เช่น ค่าของขวัญปีใหม่ ซองผ้าป่าจากลูกค้า ค่าปรับขับรถฝ่าไฟแดง (ง่ายๆว่า ค่าใช้จ่ายที่อาจจะเหนือความคาดหมาย ให้ประมาณเอาล่ะกัน)
- ดูสินค้าคู่แข่ง สินค้าชนิดเดียวกันหรือใกล้เคียง ราคาเท่าไหร่
เมื่อได้ตัวเลขจาก2ข้อนี้แล้ว ก็เอามาประมวลผล ให้เหมาะกับสินค้า แบรนด์ของเรา
มีอีกหลายวิธีในการตั้งราคาครับ ไปหาอ่านหนังสือพวกการตลาดดูครับ ร้านหนังสือมีเยอะแยะ
ง่ายๆ ถ้าขายปลาทู เอาเข่งไปวาง ก็เหลียวมองรอบตัวเขาขายกันเข่งละเท่าไร ?
ถ้าเรามั่นใจ แน่จริง อาจตั้งราคาเข่งละ 2 เท่าที่คนอื่นวางขาย
แต่ต้องรู้ให้แน่ว่า ของเราดีจริง คนกินต้องการ
แต่แน่ๆ ไม่ใช่เที่ยวถามคนซื้อ จะซื้อเท่าไร ?
ไม่สามารถลดราคาทีหลังได้
>>>>>>>
คิดจะโล๊ะ ลดราคาทีหลัง แค่คิดก็เจ้งแล้ว
สินค้าถ้าขึ้นราคาแล้ว ไม่ลง ครับ