ทำไมมีแต่คนบอก ถ้าอยากรวย ต้องลาออกแล้วไปทำธุรกิจ ต้องเป็นนายตัวเอง

ผมเบื่อมากๆ เลยครับ
คนรอบข้างผมมีแต่คนบอกว่าถ้าอยากรวย อยากประสบความสำเร็จในชีวิต ต้องเป็นนายตัวเอง ต้องมีธุรกิจเป็นของตัวเอง บลาๆๆๆๆ
แล้วก็ชอบยุให้ผมลาออกจากงาน ให้ทำธุรกิจส่วนตัว ว่างๆก็จะคอยกรอกหูแต่ข้อดีๆๆๆๆๆๆๆๆ ของการเป็นนายตัวเอง แล้วบ่นข้อเสียในการเป็นมนุษย์เงินเดือนให้ผมฟังอยู่บ่อยๆ

ออกตัวก่อนเลยว่าผมไม่เถียงครับว่าถ้ามีธุรกิจเป็นของตัวเองจะทำให้รวยได้ แต่มันไม่เสมอไปนะครับ
ล้มแล้วลุกแล้วล้มแล้วลุกจนเลิก มีให้เห็นอยู่ไม่น้อย...ดีไม่ดีมากกว่าคนที่ประสบความสำเร็จเสียอีก...
ผมเป็นคนนึงที่ประเมินตัวเองแล้วว่า "ไม่ชอบ" ที่จะเป็นเจ้าของกิจการ ผมไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้
ถ้าจะให้ทำจริงๆ คือผมต้องมีไอเดียดีจริงๆ แล้ว "จ้าง" คนมาทำงานให้ผม เพราะผมน่าจะมีความสุขกับการบริหาร + แก้ปัญหา มากกว่าที่จะไปลงแรง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมกลับมีความสุขกับการเป็นมนุษย์เงินเดือนของผมแบบนี้มากกว่า

ตอนนี้ผมอายุ 28 ปี ผมทำงานนอกชายฝั่งทะเลครับ ทำงาน 28 วัน หยุด 28 วัน เป็น rotation ไปเรื่อยๆ
รายได้ดีพอสมควร ผมเริ่มจาก 60,000 จนตอนนี้ 2 ปีผ่านไป ได้ปรับเปลี่ยนตำแหน่งรับอยู่ที่ 100,000 และมองตัวเองว่าอีก 5 ปี น่าจะได้มากกว่า 150,000
และจะดูว่า ณ ตอนนั้นยังมีความสุขกับการทำงานนอกชายฝั่งอยู่ไหม ถ้าไม่ก็อาจจะย้ายมาทำใน Office ซึ่งเงินเดือนน่าจะดรอปมาเหลือประมาณ 75,000 - 100,000 แต่ทำงาน จันทร์ถึงศุกร์ และยังมีช่องทางให้ก้าวหน้าในสายงานมากขึ้นไปอีก

ณ เวลานี้ผมมีความสุขกับ life style แบบนี้มาก
งานคืองาน...หยุดคือหยุด...ครอบครัวเข้าใจ คอยสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้ เวลาหยุดเที่ยวกระจาย ผักผ่อนเต็มที่ อยากทำอะไรได้ทำตามที่ฝันหมด....
ผมยังไม่มีลูกแต่วางแผนจะมีไม่เกินอายุ 32....ภรรยาผมอายุน้อยกว่าผม 2 ปี ตอนนี้อายุ 26

คนรอบข้างชอบชวนไปเปิดร้านขายของ ร้านล้างรถ ขายกาแฟ ขายของonline ไม่ก็หาของที่ไม่มีขายที่เมืองไทยแล้วนำเข้ามาเพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายแล้วหาลูกค้า บลาๆๆ
ซึ่งผมคิดว่ามันธรรมดาเกินไป มันอาจสร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำได้จริงอยู่ แต่ผมก็ยังมองว่าผมไม่เหมาะที่จะทำอยู่ดี

ผมเป็นคนที่ไม่มีหัวในการคิดไอเดียแปลกๆ ใหม่ๆ และแตกต่าง ที่มันจะดีพอถึงขนาดนำไปทำธุรกิจได้เลยครับ มีบ้างแต่พอมาคิดจริงๆจังๆก็ดูจะไม่เข้าท่า

ผมเคยอยากทำธุรกิจครับ แต่ไม่ใช่เหตุผลเพราะอยากรวย หรืออยากเป็นนายตัวเอง แต่อยากทำเพราะชอบ คืออยากเปิดร้านอาหาร แต่งร้านเท่ห์ๆ แต่มันก็แค่ความคิดลอยๆ เท่านั้นเอง ไม่ได้เคยไปจริงจังกับมันเลยครับ

เพื่อนผม 7 คนที่ได้ออกไปทำธุรกิจส่วนตัว มี 2 คนที่บอกว่าตัวเองประสบความสำเร็จ รายได้คนนึงประมาณ 100,000 อีกคนประมาณ 160,000...
อีก 3 คนพอเอาตัวรอด มีความสุขดี มีเงินเก็บบ้าง....
อีก 2 คน ไปทำด้วยกัน หมดตัวด้วยกัน แต่สู้ ล้มแล้วลุก แต่มีหนี้ติดตัวอยู่ประมาณ 1,500,000 บาท

โดยที่ทั้ง 7 คนนี้...ไอ้ 2 คนที่ประสบความสำเร็จ กับ อีก 1 คน ที่พอเอาตัวรอด...ตั้งใจที่อยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเองเป็นทุนเดิม ขวนขวาย ศึกษาและทุ่มเท มีแรงผลักดันของตัวเอง ตั้งแต่ก่อนจะเรียนจบ พอจบก็ไปหาทางทำธุรกิจเลย ล้มลุกคลุกคลานจนผ่านมา 5-6 ปี และเป็นคนจุดประกายการทำธุรกิจให้กับอีก 4 คน ที่เหลือ...

ไอ้ 4 คนที่เหลือ คือ 2 คนที่พอเอาตัวรอด กับไอ้ 2 คน ที่หมดตัว....เห็นเพื่อนทำ เห็นคนรอบข้างทำแล้วอยากทำบ้าง ไปขอคำปรึกษาทั้งจากเพื่อน 3 คนแรก และคนรอบๆ ข้างที่ทำธุรกิจ โดยคำพูดติดปากของพวกเขาคือ "อยากประสบความสำเร็จในชีวิต ต้องเป็นนายตัวเอง ต้องมีธุรกิจเป็นของตัวเอง"
เพื่อนผม 4 คนลาออกจากงานประจำตามๆกันมาเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว มาลงทุนเพราะ "อยากรวย" ใจรักที่จะรวย ใจรักที่จะสู้เพื่อที่จะรวย ใจรักที่จะลำบากเพื่อที่จะรวย....แต่หามีแรงผลักดันไม่และไม่เข้าใจธุรกิจอย่างลึกซึ้งและเจาะตลาดไม่ดี

เมื่อ 4 ปีที่ผมเป็นพนักงานบริษัท เงินเดือน 18,000...แล้วเพื่อนผมทั้ง 7 คนมาชวนผมไปทำธุรกิจแต่กลับมารุมด่าผมว่า "โลกแคบ" "หัวโบราณ"
เพราะผมบอกว่า ผมไม่ชอบ อย่ามาบังคับ อย่ามาเบี่ยงเบนความคิดผมเรื่องทำธุรกิจ แนะนำได้ ชวนได้ แต่อย่ามายุแยงให้ผมไปทำ จนผมผิดใจกับเพื่อนผมไปเลย 1 คน เพราะผมไปพูดแทงใจดำมันเรื่อง ที่มันอยากเปิดร้านขายกาแฟ + เบเกอรี่แถวๆแหล่งคนทำงาน กะว่าท่าจะขายได้ดีตอนพนักงานพักกลางวัน...ผมก็สวนไปแบบตรงๆว่า "พักกลางวันมันแค่ 1-2 ชม. ใน 1-2 ชม. จะทำขายได้กี่แก้ว แล้วคุ้มไหมกับค่าเช่า คนส่วนมากเค้าไปกินข้าว คนส่วนมากคงไม่มานั่งชิวกินเค้กกันหรอก กลุ่มพนักงาน Office น่าจะเจาะได้ไม่ดี ไม่น่าจะทะลุเป้า"...ผมอาจจะคิดผิด แต่ผมก็พูดตามความคิดผม...ทุกวันนี้เพื่อนคนนั้นก็ได้ทำสมใจ แต่ก็ไม่ทะลุเป้าอย่างที่ผมคาดไว้จริงๆ คือมันพออยู่ได้ ไม่ได้รวยปรู้ดปร้าดอย่างที่คิดไว้ตอนแรก

ผมเลยอยากขอพื้นที่เล็กๆ ตรงนี้อยากบอกท่านๆ ว่า บางคนไม่ได้เกิดมาเพื่อมีกิจการเป็นของตัวเองบางคนไม่ได้เข้าใจลึกซึ้งเหมือนคุณ อย่าไปยุ อย่าไปล่อด้วยคำพูดสวยหรู ว่ามันดี มันรวย
ผมเห็นหลายคนเลยในนี้แนะนำพนักงานเงินเดือนว่าให้มาทำธุรกิจว่ามันดีกว่าอย่างนู้น ดีกว่าอย่างนี้ ไม่มีอะไรดีไปกว่าได้เป็นนายตัวเอง บลาๆๆ
ผมว่าให้คำแนะนำ + ข้อคิด + ข้อควรระวัง ในการทำธุรกิจจะเข้าท่ากว่าไหม? ดีกว่าเอะอะชวนออกมาเป็นนายตัวเอง
บางคนถึงกับลาออกจากงานมาทำธุรกิจ แรกๆ ดูมันช่างหรูหรา แต่ระยะยาวมันไปไหนมากกว่านั้นไม่เป็น

ผมเห็นเพื่อนผม 2 คน ที่เป็นหนี้เป็นสิน 3 ปีแล้วที่ล้มลุกคลุกคลานอยู่ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน อีก 3 คนก็อยู่ชิวๆ มีความสุขดีแต่ก็ไม่ได้บรรลุในสิ่งที่วาดไว้ในตอนแรก...มีเพียงแค่ 2 คนเท่านั้นที่สมหวัง..........แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ใครจะไปรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร

ผมเชื่อว่าคนทุกคนไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นนักธุรกิจนะครับไม่งั้นจะมีแต่คนขาย ไม่มีคนซื้อ บางคนรุ่งกว่าในฐานะพนักงานกินเงินเดือน
อย่าเอาความ "อยากรวย" เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะมันอาจจะไม่เป็นอย่างที่คุณคาดไว้
ผมว่าควรมองตัวเองและสำรวจตัวเองก่อนครับว่าคุณเป็นคนแบบไหน คุณชอบอะไร และคุณมีความสุขหรือยัง และให้หาจุดยืนของตัวเองให้ได้ครับ

ถ้าวันนั้นที่เพื่อนผมมาชวนไปทำธุรกิจ แล้วถ้าผมเลือกที่จะไปทำธุรกิจผมคงไม่ได้มีโอกาสที่จะมาเจองานนอกชายฝั่ง ไม่มีโอกาสที่จะมีเวลาว่างที่อยากทำอะไรก็ได้ อยากไปไหนก็ได้เหมือนตอนนี้ครับ

ณ วันนี้ ผมมีความสุขดีกับการเป็นพนักงานเงินเดือนครับ

จากคุณ : Dek Offshore [15 ธ.ค. 55 06:08:31 ]
ความเห็นที่ 1

อยากรวย ต้องไปทำธุรกิจ เป็นเรื่องจริง ...แต่
ผมเคยอ่านงานวิจัยของไทยนี่แหละ จำไม่ได้ว่าของสถาบันใหนบอกว่าคนที่ทำธุรกิจแล้วประสบความสำเร็จจนร่ำรวยมีเพียงแค่ 3%เท่านั้น 15% พออยู่ได้ เท่าๆกับทำงานกินเงินเดือน และ25% ขาดๆ เกินๆ หัวหกก้นขวิดอุตลุด ส่วนที่เหลือเจ๊งสนิท

คิดเอาเองว่า ความสามารถเราอยู่ส่วนใหน ถ้าไม่ได้อยู่ในกลุ่ม3% ทำงานกินเงินเดือนดีแล้ว

จากคุณ : พี (peh_chai) [15 ธ.ค. 55 06:41:22 ]
ความเห็นที่ 2

คนล้มเหลวไม่มีใครจดจำ

จากคุณ : ดอกไม้ทะเล [15 ธ.ค. 55 07:02:57 ]
ความเห็นที่ 3

คนไม่ได้เกิดมาเพื่อมีกิจการเป็นของตัวเองบางคนไม่ได้เข้าใจลึกซึ้งเหมือนคุณ อย่าไปยุ อย่าไปล่อด้วยคำพูดสวยหรู ว่ามันดี มันรวย

โดนมากประโยคนี้

จากคุณ : domenook [15 ธ.ค. 55 08:05:17 ]
ความเห็นที่ 4

1) แล้วบ่นข้อเสียในการเป็นมนุษย์เงินเดือนให้ผมฟังอยู่บ่อยๆ

2) ถ้ามีธุรกิจเป็นของตัวเองจะทำให้รวยได้ แต่มันไม่เสมอไปนะครับ

3) ณ เวลานี้ผมมีความสุขกับ life style แบบนี้มาก
>>>>>>>>>>>
smile  ลองถามตัวเองทีละข้อ

1)  คนที่บ่นนั่น เขาทำธุรกิจของตัวเอง ใช่ไหม ?

2) "แต่ ไม่เสมอไป" ตบท้ายคำนี้ แสดงให้เห็นว่า ผู้พูดเป็นคนเก่ง
เก่งหา ข้ออ้าง ข้อแก้ตัว ที่จะไม่ทำนั่น ไม่ทำนี่

3) ณ.เวลานี้ใช่ เพราะคุณคิดของคุณอย่างนั้น แต่อีกหลายปีข้างหน้า

นายจ้างที่ไหนอยากจ้างคนที่มีความคิด เฉื่อยชา

ไม่คิดหาหนทาง ก้าวหน้าให้ตัวเอง

สมัยก๋ง เป็นยุคที่เขาเลิกทาส

แต่ผมจำได้ ยังมี ทาส-ที่ปล่อยแล้ว ไม่ยอมไป

ก๋งก็เลี้ยงดูต่อไป  อยู่ไปวันๆ มีความสุข ที่จะให้คนอื่นเรียกใช้งาน

แก่ตัวลง ก็เดินย่องแย่ง ไปช่วยผ่าฟืน ตัดต้นไม้ไปวันๆ ก็มีความสุขตามประสา ครับ

จากคุณ : TinyNu [15 ธ.ค. 55 08:19:17 ]
ความเห็นที่ 5

ทุกๆกระทู้  ที่ผมตอบ
ผมสนับสนุน ผู้ที่อยากมีธุรกิจเป็นของตนเอง
แต่ผมไม่สนับสนุน (แถมยังกวนตรีน) พวกที่อยากทำธุรกิจ แต่ไม่รู้จะทำอะไร

แต่ถ้าใครไม่อยากทำธุรกิจ ก็ไม่ผิด และไม่เคยบีบเค้นให้เห็นดีเห็นงาม

ใครอยากทำอะไร  ก็ทำไป
ใครอยากเป็นอะไร ก็เป็นไป

ไม่ใช่ว่าใครทุกคนจะเป็นเจ้าของธุรกิจได้

แต่ว่า อย่างน้อยๆ คนทุกคนเป็นเจ้าของธุรกิจอยู่นะ    .... ธุรกิจค้าแรงงานตนเองไงล่ะ

ถ้าคุณมองว่า งานที่คุณทำ คือคุณกำลังทำธุรกิจแรงงานตนเอง แล้วล่ะก็
ทัศนะคติของคุณจะเปลี่ยนไป
นายจ้าง  จะแปรเปลี่ยนมาเป็น  ลูกค้า(ของเรา)
และสิ่งที่เราต้องปฏิบัติต่อลูกค้า  มันแตกต่าง(นิดหน่อย)กับการปฏิบัติเพื่อนายจ้าง นะจ๊ะ........................................

ทุกท่าน เชิญ ต่อ ยอด ความคิดกันต่อ นะจ๊ะ

จากคุณ : aumpaump12 [15 ธ.ค. 55 08:29:28 ]
ความเห็นที่ 6

จขกท เงินเดือนสูงมากครับ ถ้าไม่อยากออกมาทำธุรกิจ
ก็ต้องมองถึงอนาคต ควรเก็บเงินสำรองค่าใช้จ่ายให้ได้ 6 เดือน เช่นใช้เดือนละ 5 หมื่น ก็ต้องมีสำรอง 3 แสน  พอได้ก้อนนี้ ก็มองถึงทุกเกษียณต่อไป

การทำงานประจำก็มีข้อดีอยู่มาก คือเงินเดือนที่สม่ำเสมอ มีวันหยุดวันลาให้พร้อม เพียงแต่ระยะยาวก็ต้องมองอนาคต เขาคงไม่จ้างเราทำไปตลอด หรือมองตอนอายุมากๆว่าทำไหวไหม ซึ่งถ้าไม่อยากทำธุรกิจ ก็ต้องออมเงินไว้ตอนแก่ครับ

จากคุณ : bigwores [15 ธ.ค. 55 08:37:06 ]
ความเห็นที่ 7

จขกท.ทำงานเงินเดือนดีอยู่แล้ว ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดและรักที่จะทำก็พอแล้วค่ะไม่ต้องแคร์คำพูดใครเลย
หรือถ้าคนในครอบครัวอยากทำธุรกิจคุณก็ร่วมลงทุนกับเขาได้นี่ค่ะ(ต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้แน่นอน)
ก็ไม่ต้องออกจากงานประจำได้เงิน 2 ทางก็โอเคนะคะ ^^

จากคุณ : naipaporn [15 ธ.ค. 55 08:44:51 ]
ความเห็นที่ 8

ตอบคุณ TinyNu นะครับ

1)  คนที่บ่นนั่น เขาทำธุรกิจของตัวเอง ใช่ไหม ?

- ใช่ครับ เพื่อนผมเอง คนที่มันหากำไรได้เดือนละประมาณ 160,000 น่ะครับ

2) "แต่ ไม่เสมอไป" ตบท้ายคำนี้ แสดงให้เห็นว่า ผู้พูดเป็นคนเก่ง
เก่งหา ข้ออ้าง ข้อแก้ตัว ที่จะไม่ทำนั่น ไม่ทำนี่

- การที่ผม "เลือก" ที่จะทำหรือไม่ทำอะไร ไม่ได้หมายความว่าผมหาข้ออ้างให้ตัวเองนะครับ
ถ้าคุณลองกลับไปอ่านดีๆ ผมได้ระบุอย่างชัดเจนว่าผมลองมองตัวเอง สำรวจตัวเอง และประเมินตัวเองแล้วว่า ผมไม่ชอบที่จะไปทำธุรกิจ ดังนั้นผมเลย "เลือก" ที่จะไม่ทำครับ แต่ไม่ได้หมายความว่าการมีธุรกิจเป็นของตัวเองคือสิ่งไม่ดีนะครับ แล้วไอ้ที่ผมว่า "ถ้ามีธุรกิจเป็นของตัวเองจะทำให้รวยได้ แต่มันไม่เสมอไปนะครับ" ผมว่าผมก็คิดถูกแล้วนะครับไม่งั้นคนที่มีธุรกิจเป็นของตัวเองรวยไปหมดทุกคนแล้วครับ หรือว่าไม่จริงครับ

3) ณ.เวลานี้ใช่ เพราะคุณคิดของคุณอย่างนั้น แต่อีกหลายปีข้างหน้า

นายจ้างที่ไหนอยากจ้างคนที่มีความคิด เฉื่อยชา

ไม่คิดหาหนทาง ก้าวหน้าให้ตัวเอง

- คุณเอาอะไรมาวัดครับว่าผมมีความคิดเฉื่อยชา และไม่คิดหาทางก้าวหน้าให้ตัวเอง? ผมอยู่มา 2 ปี ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง....คนอื่นทำมาเป็น 10 กว่าปียังมาได้ไม่เท่าผมเลยนะครับ...ตำแหน่งใหม่ที่ผมได้รับมาปกติต้องมีประสบการณ์อย่างน้อย 3 ปีและมีความรู้เฉพาะด้านสูง คุณคิดเอาเองแล้วกันนะครับว่าผมเป็นอย่างที่คุณคิดหรือไม่
แล้วสายงานผมมีโอกาสการก้าวหน้าอีกมากครับ

จากคุณ : Dek Offshore [15 ธ.ค. 55 08:46:10 ]
ความเห็นที่ 9

คุณ aumpaump12 คำคมมากๆ เลยครับ ขอบคุณมากๆ สำหรับข้อคิดครับ

จากคุณ : Dek Offshore [15 ธ.ค. 55 08:48:20 ]
ความเห็นที่ 10

กระทู้นี้ดีนะค่ะ เป็นมุมมองที่ลึกซึ้งดี ส่วนตัวเราเป็นมนุษย์เงินเดือนทั่วไป

และเพิ่งเริ่มมีกิจการเป็นของตัวเอง(ไม่ถึงปี) ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือ

เป็นเจ้าของกิจการ ทุกอย่างต้องเพียรพยายามอย่างมาก ถึงจะสำเร็จ

งานทุกอย่างไม่ใช่แค่ทำให้เสร็จ แต่ต้องบรรลุและใช้งานนั้นๆให้เรามีทักษะ

เพื่อที่จะต่อยอดในการทำงานชิ้นต่อไป ส่วนตัวเราขอเลือกชอบที่จะเป็นนายจ้าง

ตัวเอง เหตุผลลึกๆแล้ว เราชอบความกดดันค่ะ ยิ่งถ้าเป็นเจ้าของ มีเงินทุนตัวเอง

ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวรอด และส่วนเรื่องรวย เราเห็นด้วยค่ะ ทำงานประจำก็รวยได้

งานทุกอย่างไม่ว่าจะชอบทำหรือไม่ชอบทำ แต่ถ้าเราทำทุกอย่างเต็มที่่ เราจะเจอสิ่งที่

ทำให้เรามีความสุขและอยู่กับมันได้นาน

จากคุณ : moo_yid2 [15 ธ.ค. 55 09:43:45 ]
ความเห็นที่ 11

อย่าเอาคำพูดคนอื่นเก็บมาเป็นอารมณ์ครับ
ผมมองว่า
- ทำธุรกิจเอง รวยจริง .. ถ้าสำเร็จ
- โอกาสทำสำเร็จมีไม่มาก แต่ไม่น้อย
- คนเราไม่ได้ชอบทำอย่างเดียวกันไปเสียทุกคน

ผมออกจากงานรายได้มากกว่าสามแสน (ในต่างประเทศ ) กลับเมืองไทย ทำธุรกิจเอง เจ๊งสนิท เงินเก็บหมด ใช้ประสบการณ์ว่าทำยังไงถึงเจ๊ง มาทำธุรกิจใหม่ก็โอเคใช้ได้ครับ กำลังเดินหน้า

จากคุณ : CMT [15 ธ.ค. 55 09:44:02 ]
ความเห็นที่ 12

ชอบๆ ที่ Dek Offshore พูดครับ
ได้ข้อคิดหลายข้อเลยทีเดียว

ผมว่า งานบางอย่าง ถึงมีเงินก็ทำไม่ได้ ถ้าไม่เป็นลูกจ้างก็คงไม่มีโอกาสได้สัมผัส

จากคุณ : i love HeiWa [15 ธ.ค. 55 09:48:31 ]
ความเห็นที่ 13

ลองดูเทป รายการ Vip ครับ นาที่ที่ 12.40 เป็นต้นไป

คิดดู ขายก๊วยเตี่ยวแต่ตอนเย็น กำไร พันกว่าบาท ต่อวัน กำไรเดือนละ 3-4 หมื่นแล้ว

พอๆกับเงินเดือน รอง ผจก เลยนะครับ

ส่วนที่ จขกท พูดก็ถูก ตอนนี้คุณได้มาถึงจุดที่ เงินเดือนดี มันก็พูดได้ กลับกันถ้าไปถามคนที่ทำธุรกิจแล้วดี รายได้หลักล้านต่อเดือนเขาก็พูดได้เหมือนกัน

แล้วคำว่าดี ประสบความสำเร็จ มันก็ไม่เหมือนกันในแต่ละคน

คุณเงินเดือนแสนกว่า ทำธุรกิจแล้วได้กำไร 3-4 หมื่น คุณก็มองว่ากินเงินเดือนดีกว่า

กลับกัน เด็กจบใหม่ หรือคนทำงานมาซักพัก เงินเดือน 2-3 หมื่น ทำธุรกิจได้เงิน 3-4 หมื่น เขาก็มองว่าดีกว่า

และอีกประเด็นคือ บ. ไม่จ้างคุณจนเกษียณ ดังนั้นถ้ามีลู่ทาง ทำอะไรของตัวเอง คนเขาก็อยากทำ เพราะถ้าทำแล้วเอาแค่พอๆกับเงินเดือน ผมว่ามันก็คุ้ม อย่างน้อยยังเห็นลู่ทาง ทำอะไรของตัวเองในอานาคต

จากคุณ : Miracle Boy [15 ธ.ค. 55 09:54:17 ]
ความเห็นที่ 14

เราว่าบอกยากนะว่าแบบไหนดีกว่ากัน มันแล้วแต่ความชอบของแต่ละคนมากกว่า บางคนชอบเป็นมนุษย์เงินเดือน บางคนก็ชอบที่จะทำอะไรเป็นของตัวเอง เรามีเพื่อนเป็นหมอฟันรับจ็อบตามคลินิก เรายังถามเลยว่าทำไมไม่เปิดคลินิกเองล่ะ เพื่อนตอบว่า ขี้เกียจรับผิดชอบ เขาทำงานแบบนี้ก็สบายใจดี มันก็จริงเนอะ เขาชอบของเขาแบบนั้น

เราก็ทำธุรกิจเองค่ะ รายได้ดีกว่าสมัยที่เป็นมนุษย์เงินเดือนมาก แต่เราไม่ได้มองแค่นั้น ไม่ได้มองว่าจะต้องรวยหรืออะไร เรามองระยะยาว ไปจนถึงเกษียณ สร้างอะไรที่เป็นของตัวเองและมั่นคง ถึงแม้ยามเกษียณเราก็ยังมีรายได้อยู่อย่างไม่เดือดร้อน

ที่คิดอย่างนี้เพราะว่าเห็นจากคนรอบข้างน่ะค่ะ พออายุเริ่มเยอะ เงินเดือนเยอะ ก็โดนจ้างออกบ้าง โดนบีบให้ออกบ้าง หรือพอถึงเวลาเกษียณแล้ว ได้บำเหน็จมาก้อนนึง แต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรดี ไม่มีรายได้เหมือนเดิมแล้ว จะเริ่มธุรกิจตอนนี้ก็แก่ไปเสียแล้ว หมดไฟ เพราะธุรกิจกว่าจะอยู่ตัวได้ก็ต้องใช้เวลา

สำหรับคุณ จขกท ถ้าไม่อยากทำธุรกิจ เงินเดือนเยอะอยู่แล้ว เราเห็นด้วยกับ คห 6 นะ ต้องออมเงินไว้ตอนแก่ เดี๋ยวนี้ช่องทางลงทุนเยอะแยะ พวกหุ้น กองทุนต่างๆ ไม่ต้องไปลงมือทำธุรกิจเองก็ได้ แต่ก็ต้องมีความรู้เรื่องนี้พอสมควรค่ะ

จากคุณ : ประกายแก้ว [15 ธ.ค. 55 10:23:43 ]
ความเห็นที่ 15

วิถีชีวิตและการดำรงอยู่ของแต่ละคนไม่หมือนกัน แล้วแต่เป้าหมายในชีวิตของแต่ละคน
การมีธุรกิจส่วนตัวมันแค่เป็นโอกาส ส่วนการทำให้้ประสบความสำเร็จให้ได้มาซึ่งผลกำไร
ความเจริญก้าวหน้า ความมั่นคงในชีวิต รวมถึงทรัพย์สินที่มากขึ้นของผู้ประกอบการมันคือ
"วิธีการ" หลักๆมันก็คือ การเพิ่มรายได้ของกิจการให้สูงขึ้น ลดต้นทุนให้ต่ำลง สร้างส่วนต่าง
ระหว่างราคาขายและต้นทุนหรือการใช้ปัจจัยการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพคุ้มกับการลงทุน
และอย่าเพิ่งมองว่าการทำธุรกิจส่วนตัวเป็นนายคน คนที่ทำธุรกิจส่วนตัวแล้วประสบความ
สำเร็จส่วนใหญ่จะคิดว่าเป็นแค่ส่วนหนึ่งในห่วงโซ่การผลิตและผู้รับใช้ลูกค้ามากกว่า

ผมยังคงยึดหลักว่าคนที่จะประสบความสำเร็จในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นลูกจ้างหรือนายจ้าง
จะต้องมีความมุ่งมั่นในการทำงาน มีอิทธิบาท 4 ทำงานด้วยความขยัน อดทน ประหยัด ซื่อ
สัตย์ และพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีต่างๆเป็น เพื่อนำมา
เพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง ถ้าแต่ละคนเข้าใจแนวทางในการทำหน้าที่ของ
ตนเอง รู้จักนำวิธีการต่างๆมาสร้างผลผลิตเพิ่มมาใช้ในการทำงาน ไม่มีใครคิดถูกหรือผิด
หรอกครับว่าเป็นนายจ้างหรือลูกจ้างดีกว่ากัน เพราะแต่ละคนก็จะพยายามทำหน้่าที่ของ
ตนเอง ให้สุดความสามารถและดีที่สุดอยู่แล้ว

จากคุณ : หัวใจจากท้องทะเล [15 ธ.ค. 55 11:08:48 ]
ความเห็นที่ 16

ถ้าที่เงินที่ได้เกิน 50k ผลเลือกธุรกิจส่วนตัวไม่ต้องคิดอะไรเลย
อย่างน้อยๆ ลูกหลานก็มีอะไรติดตัวไม่อดตายหล่ะ
ยิ่งสามารถหาคนมาทำแทนได้ด้วยมันยิ่งดีกว่า
แต่ทั้งหมดทั้งมวล มันต้องทำแล้วดี ซึ่งมันอาจจะไม่เยอะ

จากคุณ : MortalR2 [15 ธ.ค. 55 11:20:14 ]
ความเห็นที่ 17

คนเราชอบไม่เหมือนกัน  มีความสุขไม่เหมือนกัน  ถนัดไม่เหมือนกัน

ถ้าทุกคนต้องทำเหมือนกันหมด ประเทศเราคงไม่ใช่ประชาธิปไตย

คนคิดไม่เหมือนเรา เราก็ไม่จำเป็นต้องไปด่า ไปบังคับให้คิดเหมือนเรา



ถ้าใครมาพูดอะไรกับจขกท.อีกก็แค่บอกว่า "ผมโอเคอย่างนี้ มีความสุขดีแล้ว" แล้วไม่ต้องเก็บมาคิดก็จบ


เท่าที่อ่านๆ มาเราว่าคนส่วนใหญ่ที่ทำกิจการส่วนตัว ไม่ใช่ว่าอยากรวยอย่างเดียว  แต่

- เขาไม่มีความสุขกับงานประจำที่เขาทำอยู่
- หากเขาโอเคกับงานที่เขาทำอยู่ เขาก็แค่อยากหารายได้เสริม เพราะเงินเดือนน้อย หรือแค่อยากจะทำงานที่เขารัก หรือสนใจ
- บางคนไม่สามารถหางานที่เหมาะ รายได้ที่ดีได้ ก็ต้องเบนเข็มไปทำอะไรส่วนตัว
- อยากอยู่กับครอบครัวใกล้ชิด หรือาจต้องดูแลใครที่ป่วย,ชรา
ฯลฯ

จากคุณ : โดดเดี่ยวผู้น่ารัก [15 ธ.ค. 55 11:32:39 ]
ความเห็นที่ 18

เจ้าของกระทู้ทำงาน offshore เหมือนกันเลย ผมเองก็อยากหาอะไรทำช่วงพักนะ แต่ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะทำอะไรดี^^

จากคุณ : andalus [15 ธ.ค. 55 11:34:10 ]
ความเห็นที่ 19

กลุ่มที่หลอกตัวเองว่าเก่งเยอะดีเหมือนกันนะครับ มองอะไรๆง่ายไปหมด กระจอกว่ะแค่นี้เอง

รอดูอนาคตผมอาจจะไปอยู่กลุ่มนั้นก็ได้ (แต่ที่ผ่านมาผมเห็นอะไรก็ลำบากไปหมดเลยนะ) 555

จากคุณ : พลเมืองหน้าแป้น [15 ธ.ค. 55 12:30:17 ]
ความเห็นที่ 20

คนที่มาชวนคุณแบบนี้ แปลว่า เขาไม่ได้เข้าใจจริงๆหรอกครับว่าทำธุรกิจของตัวเองเป็นยังไง ถ้าเขาเก่งพอ คงเข้าใจว่าแต่ละคนไม่เหมือนกันและใจกว้างกว่านี้ เวลาได้เจออะไรมากๆ ก็จะเข้าใจว่าทุกอย่างมีขึ้นมีลง คือมัทั้งข้อดีและข้อเสีย พวกมองข้างเดียวส่วนมากจะพูดเอาเท่แค่นั้น

จากคุณ : อาร์ตี้ [15 ธ.ค. 55 13:33:23 ]
ความเห็นที่ 21

จากที่อ่านเงินเดือนคนห้องสีลม
คนที่ได้เงินเดือนสูงๆแบบคุณ อยากรู้จังว่าทำงานอะไร ที่ไหน ตำแหน่งอะไร
โชว์หลักฐานให้ดูหน่อยจิ เผื่อจะได้เป็นแนวทางให้มนุษย์เงินเดือนได้เงินเดือนสูงๆแบบคุณ
เอาแบบแนวทางการพัฒนาตนเอง
อายุ 28 แล้วตำแหน่งดีเงินเดือนสูง มากล่าวแบบลอยๆแล้วทัศนคติแบบนี้
ดูแล้วมัน Fake อ่ะ ไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไหร่ ใครๆก็ปั้นได้
มีเพื่อนเราคนหนึ่งทำงาน graphic ใน รพ.บอกว่าเงินเดือน 90k แต่ทำไมล่าสุดเปลี่ยนงานแล้วล่ะ
ถ้าจริงคุณก็คงเป็น 3% ที่ประสบความสำเร็จในฐานะมนุษย์เงินเดือน
ยังไงก็มาแชร์หน่อย แบบว่าอยากรู้จริงๆทำไงจะได้เงินเดือนขนาดคุณ โดยไม่ต้องลงทุนลงแรงทำธุรกิจส่วนตัว
ตำแหน่งคงระดับสูงน่าดู

จากคุณ : กะลิงปิงปิง [15 ธ.ค. 55 13:47:13 ]A:110.171.148.207 X: TicketID:342072
ความเห็นที่ 22

ถ้าคุณพอใจกับงานของคุณเอง แล้วรายได้ค่อนข้างสูงด้วย ก็ดีแล้วครับ หลายคนที่อยากจะมาทำธุรกิจส่วนตัว ส่วนมากผมเห็นพวกเขาเบื่องานประจำ หรือเงินเดือนน้อย ไม่เยอะเท่าคุณ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมเห็นเหมือนกันคือ Pyramid ทั้งมนุษย์เงินเดือนและเจ้าของกิจการจะมี Pyramid ยอดแหลม คนที่ประสบความสำเร็จจริงๆ จะมีอยู่บนยอดไม่มากครับ แล้วก็จะลดหลั่นกันมาตามฐานที่กว้างขึ้นเรื่อยๆ มนุษย์เงินเดือนมีทั้งที่ประสบความสำเร็จและไม่ประสบความสำเร็จ เจ้าของกิจการก็เช่นเดียวกัน มนุษย์เงินเดือนบางคนพบว่าตัวเองอยู่ฐานล่างสุดของพีระมิดมนุษย์เงินเดือน แต่พอเขาย้ายมาอยู่พีระมิดเจ้าของกิจการ เขาอาจจะอยู่บนยอดก็ได้ครับ ตามที่ #15 ว่า คนเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน

จากคุณ : อาคารกระดาษ (อาคารกระดาษ) [15 ธ.ค. 55 13:48:17 ]
ความเห็นที่ 23

คิดเช่นนี้ถูกต้องแล้วครับ

และไม่จำเป็นที่จะต้องทำธุรกิจ ก็สามารถรวยได้ครับ

ด้วยการถือหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ (เล่นแบบ VI)
อย่างดร. นิเวศน์ รวยพันล้านครับ

แต่อาจจะไม่ดูเท่ห์ ดูเก่งมั้งครับ -_-'

จากคุณ : MAX [15 ธ.ค. 55 14:52:06 ]
ความเห็นที่ 24

เคยเขียนเรื่องธุรกิจตัวเองว่าไม่มีวันหยุด คนมีเงินเดือนยังมีวันหยุดเสาร์อาทิตย์

รายได้น้อยกว่าคนกินเงินเดือน น้อยกว่าคุณ 6 เท่าได้เลย

เขียนไปว่าอิจฉาคนกินเงินเดือน

กลับกลายเป็นโต้กันไปมา  

คนที่กินเงินเดือนคงมีความฝัน  ซึ่งไม่ผิด

แต่พอเราไปเบรคความคิดเขา  กลับมองเราไม่ดีไปซะได้

คุณคิดถูกแล้วละ  งานของคุณทำเดือนเดียว  ผมต้องทำตั้งครึ่งปี แถมไม่มีวันหยุด

จากคุณ : ยูไลพันมือ [15 ธ.ค. 55 15:22:05 ]
ความเห็นที่ 25

แค่เงินเดือนเยอะแต่ลืมความมั่นคงในชีวิต

จากคุณ : M95 [15 ธ.ค. 55 15:46:12 ]
ความเห็นที่ 26

ผมเชื่อว่าคนทุกคนไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นนักธุรกิจนะครับไม่งั้นจะมีแต่คนขาย ไม่มีคนซื้อ บางคนรุ่งกว่าในฐานะพนักงานกินเงินเดือน

จากคุณ : นายผักดอง [15 ธ.ค. 55 18:05:14 ]
ความเห็นที่ 27

ผมคิดว่า การเป็นเจ้าของธุรกิจ มีหลากหลายแบบ การเป็นลูกจ้างกินเงินเดือนก็มีหลากหลายแบบ
สืบเนือง จากปัจจุบันด้วยครับ
สมัยนี้จะให้ประสบความสําเร็จ แบบ มีผลกําไร เป็น7 หลัก มีโรงงานใหญ่โต มีลูกน้องมากมาย มันไม่ง่ายเหมือน สมัยรุ่นปู่รุ่นย่าแล้ว ประเทศไทย ลึกๆ แล้วผูกขาดมากครับ คนรวยก็มีโอกาสต่อยอดุ่รกิจได้ง่ายกว่า ลูกตาสีตาสา ชนชั้นกลาง
โดยส่วนใหญ่ เราจะมองคนที่ประสบความสําเร็จ เพราะหลักๆ คือเค้า บริหารคนเป็น มีเงินทุนสูง ส่วนใหญ่ คือพวกนักธุรกิจ เจ้าของกิจการต่างๆ
เรามองเค้าเป็นแบบอย่าง แต่ไม่คิดประเมินว่าได้ มีโอกาสได้จท่ากับเค้ามั้ย? ยกตัวอย่างเช่น การทํางานบริษัทของคุณ ให้เงินเดือนคุณ อายุ30 ปี 100,000 บาท คุณ จัดอยู่ใน กลุ่มที่มีฐานเงินเดือนสูงกว่าคนในวัย นี้

แต่ในทางตรงกันข้ามก็จะมี คนที่ ค้าขายประสบความสําเร็จ เงินเดือนใกล้เคียงกัน เช่นเดียวกัน เช่น พวกแม่ค้า ตามตลาดขายของส่ง เช่น แม่ค้า แถวประตูนํ้าเป็นต้น

ผมเชื่อ เหมือนกันครับว่า คนเราถนัดไม่เหมือนกัน การคิดก็ไม่เหมือนกัน ไม่งั้นคง ไม่มีใครทําธุรกิจแล้วล่มหรอครับ

จากคุณ : นายผักดอง [15 ธ.ค. 55 18:25:59 ]
ความเห็นที่ 28

เทียบอัตร่าส่วน ผมว่าคนที่จะได้เงินเดือนเท่า จขกท
มีน้อยกว่า คนที่จะประสบความสำเร็จจากการค้าขายนะ

ปล.ไม่ชอบค้าขายเหมือนกันครับ แต่ก็อยากลองเสี่ยงดู เพราะสายงานที่ทำอยุ่ ไม่ใช่ หมอ วิศวะน้ำมัน นักบิน โอกาสเดินหลักแสนยากน่าดู

จากคุณ : เขียนบน HTC One X (Kareshik) [15 ธ.ค. 55 19:02:25 ]
ความเห็นที่ 29

ตอบคุณ ตะลิงปิงปิง นะครับ

งาน Offshore ที่ผมได้อยู่ 100,000 กว่าๆ นี้ผมบอกได้เลยครับว่า ผมอยู่ในกลุ่ม "เงินเดือนปกติ" ของสายงานนี้ครับ

นายผมที่อยู่บนเรือขุดเจาะได้ 1.2 - 1.3 ล้านต่อเดือน
รุ่นน้องอยู่ Service Company ได้ 2.5 แสน..อายุแค่ 25 เองครับ

ผมทำหน้าที่เป็น Assistant Safety Training Officer ครับ เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นแรกๆ ของงานทางสาย Safety นี้เลยครับ ยังมีโอกาสให้ผมไปได้อีกไกลในสายงานนี้ครับ

พนักงาน Offshore สายงานที่ใช้แรงงาน และตำแหน่งเรียกว่าระดับล่างสุดก็เงินเดือนปาเข้าไป 25,000 กว่าๆ แล้วนะครับ งานพวกทาสี กวาด+ล้างเรือ เคาะสนิม อะไรพวกเนี่ยน่ะครับ




ตอบคุณ M95 ครับ

การที่พนักงานเงินเดือนได้เงินเดือนสูงๆ มันไม่ได้หมายความว่าจะไม่มั่นคงนี่ครับ
ผมว่าเรื่องความมั่นคงนี้ ไม่ว่างานแบบไหน จะธุรกิจหรือพนักงานเงินเดือน ไม่เกี่ยวนะครับ
มันอยู่ที่การบริหารเงินของบุคคลมากกว่า มันอยู่ที่การวางแผนชีวิตนะครับ
คนเงินเดือนไม่มากแต่มั่นคงยามแก่ มีลูก มีหลาน มีบ้าน มีความสุข มีเยอะแยะไปครับ


อีกอย่างนึงที่อยากจะบอกคือ ผมไม่ได้พูดเลยนะครับว่าชีวิตนี้ไม่อยากทำธุรกิจ
ผมแค่อยากบอกว่าผมไม่พร้อมที่จะมีธุรกิจ ผมยังไม่เคยศึกษา
ผมถึงบอกว่าจะชวนผม จะแนะนำผม ผมสนใจที่จะฟังนะ แต่อย่ามายุ อย่ามาพยายามจะชักจูงผม
ลักษณะนิสัยของผมคือถ้าผมไม่มีข้อมูลที่แน่นอน ผมจะยังไม่ลงมือทำ ผมต้องศึกษาก่อน
ซึ่งนั่นอาจจะเป็นได้ทั้งข้อดีและข้อเสียของผมครับ


ทั้งนี้ทั้งนั่น สิ่งที่ต้องการจะสื่อคือคล้ายๆกับที่คุณ aumpaump12 ใน คคห. ที่ 5 กล่าวไว้น่ะครับ
คุณควรศึกษาให้ดีก่อนจะลงมือทำ อย่าเพียงเพราะเห็นคนอื่นทำแล้วดี เลยทำตาม แบบไม่ลืมหูลืมตา
คนชวน ก็ชวนแบบมีเหตุผลหน่อย คุณทำได้ คุณรวย ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะทำได้เหมือนคุณ
ควรจะเป็นการแนะนำ ให้ข้อดี ให้ข้อเสีย ให้แหล่งข้อมูล แล้วให้เค้าไปตัดสินใจเองดีกว่าครับ


ส่วนผมก็ยังยืนยันคำเดิมว่าผมมีความสุขดีที่เป็นพนักงานเงินเดือน ณ ตอนนี้ครับ
แต่ในอนาคต ถ้าผมได้ปิ้งไอเดียอะไรดีๆ ที่ผมมองแล้วว่ามันมีโอกาส ผมก็คงศึกษาและทำเช่นกันครับ
ใครจะไปรู้อีก 5 ปี 10 ปี ผมอาจจะได้เปิดร้านอาหาร แต่งร้านเท่ห์ๆ ตามที่ผมเคยฝันไว้ก็ได้ครับ

จากคุณ : Dek Offshore [15 ธ.ค. 55 20:32:38 ]
ความเห็นที่ 30

คนแน่วแน่ เท่านั้นผู้ชนะ

ผมอายุ 26 ปี สายวิศวกรไฟฟ้า เงินเดือน 12,000 บาท (หนึ่งหมื่นสองพันบาท)

แต่ว่าชอบงานที่ทำ ถ้ารักอะไรยังไงก็มีความสุขครับ

จากคุณ : KMPautomation [15 ธ.ค. 55 22:12:33 ]
ความเห็นที่ 31

เหอะๆ....ลองมาเป็น เจ้าของกิจการก็จะรู้ครับ
พวกบริษัทที่จ้างพนักงานได้เงินเดือนสูงๆ แสดงว่าบริษัทมีกำไรสูงกว่านั้นมากกกกไงครับ

จากคุณ : cantare [15 ธ.ค. 55 22:17:11 ]
ความเห็นที่ 32

เห็นด้วยกับ จขกท ครับ

เราไม่ได้เห็น ไม่ได้แปลว่ามันไม่มีครับ เลือกที่ดีที่เหมาะกับเราครับ

จากคุณ : LuPangBig [16 ธ.ค. 55 00:13:22 ]
ความเห็นที่ 33

ของแบบนี้แล้วแต่คนจริงๆครับ คุณไม่ผิดที่ชอบงานประจำ เพื่อนคุณก็ไม่ผิดที่ทำธุรกิจ เพียงแต่เพื่อนคุณผิดที่มากดดันคุณด้วยคำพูดต่างๆนานา

เป้าหมายแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ
บางคนเงินเดือน5หมื่นก็ถมถืดกินไม่หมดละ
บางคนชีวิตนี้ขอให้ได้เงินเดือนหลักแสนกะเค้าบ้างก็ดีใจแล้ว
บางคนอยากมีบ้านดีๆสิบล้านขึ้น มีเบนซ์หรือบีเอ็มไว้ขับ
บางคนอยากขับรถสปอร์ต20ล้าน+

เป้าหมายรวมถึงแบคกราวด์แต่ละคนมีหลากหลายมากครับ
บ้านผมค้าขายก็มองอีกแบบนึง
บ้านแฟนผมเค้าทำงานประจำกันทั้งบ้าน ก็มีมุมมองอีกแบบนึง

ผมว่าต่างกันชัดเจนคงเป็นเรื่องของการเกษียณอายุหล่ะมั้งครับ
พ่อแม่เพื่อนผมหลังเกษียณแล้ว ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการจ่ายเงินใหม่
ส่วนพ่อผมยังมีรายได้เข้ามาต่อเนื่อง ยังใช้จ่ายได้เหมือนเดิมอยู่

ผมถือว่าคนเราเลือกแบบไหนก็ไม่ผิดครับ ขอให้คุณทำได้ตามเป้าหมายของคุณไว้เป็นพอ
ถ้าคน2คนอยากได้เงินแสน คนเลือกค้าขายก็ต้องให้ได้แสน ทำบริษัทก็ต้องให้ได้แสน ถ้าทำได้ก็เจ๋งทั้งคู่ครับ

จากคุณ : อย่ายึดติด [16 ธ.ค. 55 02:22:23 ]A:180.180.39.238 X: TicketID:234413
ความเห็นที่ 34

ข้อคิดเห็นที่ว่า มีแต่คนขาย ไม่มีคนซื้อ ของจขกทและนายผักดองผิดนะครับ
เพราะไม่มีคนขายคนไหนไม่ซื้อ ไม่ว่าคุณจะขายอะไรคุณก็ต้องซื้อ

เจ้าของธุรกิจ กับเจ้าของกิจการต่างกัน หากทำธุรกิจถึงขั้นเป็นเจ้าของกิจการแล้ว
จะเป็นอย่างที่คห33 ว่าไว้คือเกษียณแล้วยังใช้จ่ายได้เหมือนเดิม ที่สำคัญส่งต่อให้
ลูกหลานได้ด้วย เจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จแทบไม่ต้องทำงานครับ ทำงาน
ตามความพอใจ คือแค่เข้าประชุม มีอะไรเยอะแยะกว่าลูกจ้างที่ประสบความสำเร็จ

ซีอีโอลูกจ้างมืออาชีพระดับเทพ อย่างเก่งก็มีเป็นร้อยล้าน

ส่วนเจ้าของกิจการระดับเทพมีเป็นแสนล้านเป็นล้านล้าน

ดีแล้วที่จขกทไม่รู้จะใช้เงินแสนยังไงหมด หากจขกทมีเงินมากขึ้น
ก็จะรู้ไปเอง หรือไม่ก็ลองไปศึกษาชืวิตส่วนตัวของนายที่มีรายได้เดือน
ละ ล้านกว่าบาทดู

ในเมื่อมีโอกาสมีเงินก็ลองหาธุรกิจที่ชอบทำดู ทำร้านอาหารแบบที่ชอบ
ก็ได้ ไม่แน่อีกสิบปีข้างหน้าอาจจะมีสาขาไปทั่วประเทศ แล้วเลิกอยากออกไป
แกร่วอยู่แท่นเจาะก็ได้

จากคุณ : ผ่านไปไกลแล้ว [16 ธ.ค. 55 04:05:55 ]A:58.8.180.44 X: TicketID:189392
ความเห็นที่ 35

ตอบคุณ ผ่านไปไกลแล้ว ครับ

เป็นข้อคิดที่ดีมากๆ เลยครับ ผมมองไม่ขาด อิอิ

ตอนนี้เข้าใจมากขึ้นมาอีกครับ ขอบคุณมากๆ ครับ

ส่วนที่คุณกล่าวว่า

"ในเมื่อมีโอกาสมีเงินก็ลองหาธุรกิจที่ชอบทำดู ทำร้านอาหารแบบที่ชอบ
ก็ได้ ไม่แน่อีกสิบปีข้างหน้าอาจจะมีสาขาไปทั่วประเทศ แล้วเลิกอยากออกไป
แกร่วอยู่แท่นเจาะก็ได้"

ขอให้เป็นจริง สาธุ จะให้บัตรกินฟรีตลอดชีพให้ครอบครัวคุณเลยจริงๆ อิอิ

จากคุณ : Dek Offshore [16 ธ.ค. 55 04:30:22 ]
ความเห็นที่ 36

ถ้าคุณมองว่า งานที่คุณทำ คือคุณกำลังทำธุรกิจแรงงานตนเอง แล้วล่ะก็
ทัศนะคติของคุณจะเปลี่ยนไป
นายจ้าง  จะแปรเปลี่ยนมาเป็น  ลูกค้า(ของเรา)
และสิ่งที่เราต้องปฏิบัติต่อลูกค้า  มันแตกต่าง(นิดหน่อย)กับการปฏิบัติเพื่อนายจ้าง นะจ๊ะ........................................

จากคุณ : aumpaump12
------------------

โอ้ !!! นับเป็แนวคิดที่แปลกใหม่ ไม่เคยได้ยินแบบนี้มาก่อน

ตอนเป็นลูกจ้างเกี่ยงงานหนัก แต่พอเป็นเจ้าของดันยอมเหนื่อย

จากคุณ : เฮียเลือด [16 ธ.ค. 55 07:35:15 ]
ความเห็นที่ 37

อ๋อ เขาอาจจะมองว่าเหนื่อยแล้วได้มาก

ไม่ใช่ได้แต่เงินเดือนก็เป็นได้

จากคุณ : เฮียเลือด [16 ธ.ค. 55 07:35:44 ]
ความเห็นที่ 38

เงินเดือนสูงระดับ 6 หลัก ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงออกไปทำธุรกิจเองหรอกครับ

แบ่งเงินออมมาฝึกลงทุนในหุ้น ก็เสมือนกับเป็นเจ้าของธุรกิจได้เช่นเดียวกันครับ โดยไม่ต้องลาออกจากงานประจำที่มีรายได้สูงๆก็ได้ครับ

คนที่บอกทำธุรกิจเองรวยกว่า ส่วนมากเงินเดือนน้อยครับ อย่าไปเชื่อมาก คนเงินเดือนแสน ประหยัด อดออม ลงทุนเก่งๆ ปีนึงเก็บได้เป็นล้านครับ สิบปีก็สิบล้านสบาย

จากคุณ : LimitBreak [16 ธ.ค. 55 10:14:31 ]
ความเห็นที่ 39

การเล่นหุ้นเป็นอะไรที่ไม่สร้างงานจริง (ต้องพยายามเข้าใจว่าหมาย
ถึงงานที่จำเป็นและสำคัญต่อสังคมมนุษย์)
ตลาดหุ้นมีมาเป็นร้อยปีแล้ว ก่อนหน้าที่จะเริ่มโน้นก็ไม่มีมาก่อน
หลังจากนี้ไปนานๆก็อาจจะไม่มีก็ได้ เพราะเป็นการลงทุนเพื่อเก็งกำไร

ส่วนอุตสาหกรรม และธุรกิจต่างๆนั้นมีมานาน และจะมีต่อไปอีกไม่สิ้นสุด

ลองนึกดูว่าการเทรดหุ้นมีความจำเป็นต้องเทรดกันทั้งวันทุก
นาทีแบบนี้หรือ หากตลาดหุ้น เทรดแค่อาทิตย์ละวันจะมีผล
เสียไม๊ (มันก็แค่ซื้อขายได้อาทิตย์ละวัน ลดสภาพคล่องลงไป)
แต่จะมีผลดีคือคนที่นั่งเฝ้าหน้ากระดาน จะได้ไปทำอะไรที่มันเกิด
ประโยชน์จริงๆ สร้างงานจริงๆ และยังมีธุรกิจที่สามารถตกทอดถึง
รุ่นถัดไปได้

หากคนเราเอาเงินไปลงทุนที่มันสร้างงานจริง ประเทศชาติก็จะมั่นคง

ดูประเทศที่กำลังจะล่มจมสิครับเช่นบางประเทศในยุโรปและอเมริกา
เพราะอะไร เพราะคนมัวแต่ไปตีกอลฟ์ เล่นบาส เมกันฟุตบอล ฯลฯ
ตรงนี้เป็นอะไรที่เป็นกิจการที่เกี่ยวกับโฆษณา ชนชั้นกลางและล่าง
จึงจนกัน มีคนไม่กี่เปอร์เซ็นต์ที่รวยจริง

ลองนึกภาพดูนะครับหากทุกคนไม่ลงทุนจริง แต่เอาเงินไปเทรดหุ้นทั้งหมด
จะเกิดอะไรขึ้น?? ในทางกลับกันหากคนไม่เทรดหุ้นเลย ก็แค่สภาพคล่อง
ของการถือใบหุ้นจะลดลงเท่านั้นเอง แต่หากนำเงินเป็นหมื่อนเป็นแสนล้าน
ไปตั้งธุรกิจจริง ผลที่ได้ก็จะเป็นผลดีคือประเทศจะเจริญก้าวหน้า การเทรดหุ้น
จึงเหมาะสำหรับคนที่มีเงินเหลือและไม่รู้จะเอาไปทำอะไรแล้วเท่านั้น

ข้อเสียอีกอย่างของการเทรดหุ้นคือ มีคนได้กำไร แต่ก็ต้องมีคนขาดทุน
มากกว่าด้วย เพราะตลาดชักเปอร์เซ็นต์ หุ้นไม่ขึ้นตลอดเวลาขอให้ดูเวลา
ที่ stock market crash กันด้วย ไม่มีทางที่หุ้นจะขึ้นได้ตลอดเวลา
สามสี่ปีก่อนมีคนเจ๊งหุ้นจนหมดตัวไปเยอะ เพราะมีการปั่นหุ้น (เล่นข่าว)

ถ้าจะถามผมว่าเคยเล่นหุ้นไม๊ เคยครับหลังจากหุ้นตกตอนน้ัน ซื้อ THAI ที่ 16 ขาย ที่ 25
ได้กำไรมาเยอะ แต่ตอนนี้เอาเงินไปลงทุนเพิ่มในธุรกิจที่มีอยู่ จะได้ใหญ่โตแข็งแรงขึ้น
สร้างงานที่แท้จริงมากขึ้น จังหวะดีๆก็อาจจะเอาเข้าตลาดก็เป็นได้

สิบกว่าปีก่อนผมเป็นลูกจ้างมีรายได้ประมาณสองสามเท่าของจขกท
ปัจจุบันได้มากกว่านั้นอีกเยอะ และมีชีวิตที่อิสระเสรี สามารถจะเลือกเวลาทำงานได้ตาม
ความพอใจ แถมธุรกิจที่มีอยู่ยังสามารถถ่ายทอดไปให้รุ่นหลังได้อีกด้วย

เมื่อจขกทประสบความสำเร็จในธุรกิจแล้วมาโพสต์กล่าวบอกกันบ้างก็พอ
แต่จะบอกให้เลยว่าเป็นหนทางที่ยาวไกลนัก ต้องใช้เวลาศึกษา ยกตัวอย่าง
จะตั้งร้านอาหารก็ต้องศึกษาว่าร้านอาหารที่มีลูกค้าเยอะ เค้ามีจุดเด่นๆอะไร
ศึกษาให้ละเอียดก่อนทำ

จากคุณ : ผ่านไปไกลแล้ว [16 ธ.ค. 55 15:12:30 ]A:110.168.203.27 X: TicketID:189392
ความเห็นที่ 40

อยากให้ Give คุณ ผ่านไปไกลแล้ว มากๆ เลยครับ
ขอบคุณมากๆ ครับ

จากคุณ : Dek Offshore [16 ธ.ค. 55 21:39:04 ]
ความเห็นที่ 41

ก็ต้องแลกกับการอยู่นอกชายฝั่งน่ะ

ถ้าพูดถึงการเลิกจ้างงาน สภาวะนี้เกิดได้กับทุกคนทุกช่วงเวลา

ถ้าทำงานส่วนตัวแบบเวอร์คก็รุ่งและมั่นคงกว่าอยู่แล้ว

ใครจะรู้ได้ว่า วันพรุ่งนี้เศรษฐกิจจะฟุบหรือเปล่า

ชีวิตลูกจ้างก็ใช่ว่าจะดี ต้องทำงานตามคนอื่นสั่ง ผลงานไม่ดีก็โดนไล่ออก

คนที่ไม่เคยเป็นกิจการตัวเอง ก็ต้องลองผิดลองถูก ไม่ใช่ว่าจะไม่ควรท้อถอย

ประสบการณ์จะเป็นตัวบอกเองค่ะ แต่ที่แน่ๆ งานตัวเอง นอนตีพุงสบาย

อยากหยุดวันไหนก็หยุด จะนั่ง จะกิน จะนอน เมื่อไหร่ก็ไม่มีใครมายกมือชี้หน้าด่าให้อาย

นานาจิตตัง ไม่มีใคร อาชีพไหน สมบูรณ์และมั่งคั่ง ถ้าไม่ได้ทำงานด้วยใจรัก

ทำงานที่ตัวเองรัก จะลืมเวลาและมีความสุขมากที่สุดค่ะ

อย่าเปรียบเทียบหรือสอนใคร ดีกว่า

จากคุณ : downunder2006 [16 ธ.ค. 55 22:05:37 ]
ความเห็นที่ 42

คิดว่า จะเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือเป็นเจ้าของธุรกิจ ก็รวยได้ถ้ารู้จักเก็บและวางแผนชีวิตตัวเอง

จากคุณ : nuu (trira) [16 ธ.ค. 55 22:42:58 ]
ความเห็นที่ 43

คุณ downunder2006 ครับ

ที่คุณกล่าวว่า "คนที่ไม่เคยเป็นกิจการตัวเอง ก็ต้องลองผิดลองถูก ไม่ใช่ว่าจะไม่ควรท้อถอย
ประสบการณ์จะเป็นตัวบอกเองค่ะ"

กับ
"ไม่มีใคร อาชีพไหน สมบูรณ์และมั่งคั่ง ถ้าไม่ได้ทำงานด้วยใจรัก
ทำงานที่ตัวเองรัก จะลืมเวลาและมีความสุขมากที่สุดค่ะ
อย่าเปรียบเทียบหรือสอนใคร"

ผมเห็นด้วยครับ

แต่ประโยคที่ว่า "แต่ที่แน่ๆ งานตัวเอง นอนตีพุงสบาย

อยากหยุดวันไหนก็หยุด จะนั่ง จะกิน จะนอน เมื่อไหร่ก็ไม่มีใครมายกมือชี้หน้าด่าให้อาย"

ประโยคแบบนี้แหละครับที่ผมหมายถึง...คนที่จะทำแบบนั้นได้แล้วธุรกิจเดินหน้าไปได้สวยและสร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำผมว่าหายากมากๆนะครับ หรือไม่ก็กว่าจะมีวันนั้นมันยากมากนะครับ

ประโยคคล้ายๆ แบบนี้เลยที่เพื่อนผมที่มันหมดตัวอยู่ตอนนี้ เคยได้ยินมา และมันก็เชื่อแบบนั้นและมากรอกหูผมด้วย คนที่มาพูดให้เพื่อนผมฟังเค้าทำได้ เพราะคนที่ทำนั้นมีโรงงานเป็นของตัวเองตั้งแต่รุ่นพ่อของเค้าแล้ว

เพื่อนผมได้รับแต่ด้านบวก สิ่งสวยหรู แต่แทบไม่มีใครเคยไปพูดด้านลบให้ฟังเลย

ขอย้ำอีกครั้ง ผมไม่ได้คิดว่าเลยว่าการมีธุรกิจมันไม่ดี ถ้าผมทำได้ ถ้าผมมีความรู้ ผมเองยังอยากทำเลยครับ
เพียงแต่อยากจะมาขอว่าอย่าเอาแต่ ด้านบวก สิ่งสวยหรู ของการทำธุรกิจ ไปพูดแต่เพียงด้านเดียว
หลายๆคน เป็นคน "เชื่อคนง่าย" ยิ่งถ้าคุณเป็นคนประสบความสำเร็จหรือมีหน้ามีตา เค้าจะยิ่งเชื่อคุณง่ายมากขึ้นไปอีก

"อย่าไปกลัว ทำแล้วเจ๊งก็อย่าท้อ ลุกมาทำใหม่ ผมยังทำได้ ผมมีทุกวันนี้ได้เพราะผมเคยพังมาก่อน"
จริงครับ ผมไม่เถียง แต่คุณเป็นคนเก่ง คุณมองเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่อาจมองเห็น ทุกคนไม่สามารถที่จะทำแบบคุณได้ทั้งหมด ซึ่งประโยคเช่นนี้ ผู้ฟังก็ควร "หาข้อคิด" จากประโยคไม่ใช่ว่าเห็นคนอื่นทำได้ เราก็ทำได้ โดยหลับหู หลับตาทำ

ไอ้ญาติผมคนนึงที่เห็นเพื่อนเปิดร้านมือถือ แล้วอยากเปิดบ้าง เผอิญไปทานข้าวมาด้วยกันเมื่อ 3-4 อาทิตย์ก่อน
เพื่อนมาพูดให้ฟังว่าดีอย่างโน้น ดีอย่างนี้ 1 ปีคืนทุน มีแต่กำไร เชื่อสิๆ ทำเลยๆ ลาออกเลยๆ เดือนนึงรับเกือบแสน ดีไม่ดีทะลุแสน เมื่อก่อนขับสามห่วง ตอนนี้ Camry สบายๆ ไม่ต้องไปเป็นลูกน้องให้ปวดหัว ทำเองแก้เองสบายใจกว่าเยอะ นี่ก็กำลังผ่อนคอนโดอยู่ สบายๆ.....
ญาติผมก็เคลิ้มจนตอนนี้เขียนใบลาออกไปแล้ว ม.ค. 56 หมดอายุงาน เงินเดือนตอนนี้รับอยู่ 22,000 .....เงินเก็บ 2 แสนกว่าๆ
อยากสนับสนุนนะแต่ผมแย้ง   ผมจะไม่รู้สึกแย้งเลยถ้าญาติผมเล่นมือถือมาก่อน
ผมเอา Note 2 ไปให้ลองเล่นแล้วให้กดๆดู ก็มึนไปหมดแล้ว ผมก็พูดไปว่าเห็นไหม มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด กลับโดนตะคอกใส่กลับว่า อย่ามาทำเป็นสอน ไม่เคยทำธุรกิจ ไม่เคยมีกิจการอย่าหน้าด้านทำมาเป็นสอน...ครับผมไม่มีและไม่เคยทำ ผมยอมรับ แต่ผมเป็นห่วงครับ เพราะสิ่งที่เขาได้ยินมามีแต่เรื่องสวยหรูทั้งนั้นเลย
ไม่เตรียมเผื่อล้มเลย ไม่มีแผนสำรองเลย
ญาติผมอ้างว่าเพื่อนเค้าบอกว่าของพวกเนี้ย อ่านตำรา หาในเน็ต ลองเล่นดูอาทิตย์เดียวก็เป็นแล้ว...ใช่ครับผมไม่เถียงเพราะเวลาผมอยากได้ความรู้ผมก็เข้าไปอ่านตาม เว็บต่างๆ แต่นี่เปิดร้านนะเฟ้ย ลูกค้ามาถามแล้วมานั่งเปิดเว็บเนี่ยนะ
พอถามว่าจะไปเปิดร้านที่ไหน...บอกว่าที่ pantip งามวงศ์วาน เพื่อนหาล็อคให้แล้ว บอกว่าให้มาขายที่เดียวกัน .....ตายๆๆๆ
ไปเปิดในดงคน IT แต่แทบไม่มีความรู้ด้าน IT
ตอนนี้ฉุดไม่อยู่แล้ว กำลังทำเรื่องกู้เงิน เอาจริงแน่ๆ
ก็หวังแต่ว่าเค้าจะลงมือหาความรู้อย่างจริงจัง เตรียมตัวให้พร้อม..ผมอยากให้เค้าประสบความสำเร็จ ไม่อยากให้ประมาทเพราะเชื่อคนอื่นมากเกิน แต่ก็อดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าถ้าไม่รุ่งเค้าจะทำอะไรต่อ เพราะผมบอกว่าให้หาแผนสำรองเผื่อเอาไว้ ก็ไม่เอาเพราะมันบอกว่าเหมือนแช่งตัวเองว่าจะเจ๊ง มันไม่คิดแผนสำรองอะไรหรอก มันขายได้แน่นอน เพื่อนบอกมาว่าถ้าขายไม่ได้ ไม่เปิดกันเกลื่อนประเทศหรอกร้านขายมือถือน่ะ.....โอเค.....จบ

แต่ใครจะไปรู้ ญาติผม อาจรวยไม่รู้เรื่องก็ได้ อิอิ

คนแนะนำ อยากให้พูดถึงข้อเสียด้วยเพื่อคนฟังจะได้รับรู้ว่าอาจเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง แล้วจะรับมือยังไง
คนฟังก็อย่าเชื่อไม่ลืมหูลืมตานะครับ คิดหาวิธีแก้ไขและดำเนินการดีๆ ครับ
ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จครับ

อย่าโกรธกันเลยนะ ผมแค่คิดต่าง และไม่อยากเห็นคนรอบข้างหมดตัวเพราะความเชื่อผิดๆ ครับ

จากคุณ : Dek Offshore [17 ธ.ค. 55 02:46:02 ]
ความเห็นที่ 44

**เป็นเพราะ จขทก. ยังหนุ่ม ยังมีไฟ และพอใจกับงานและเงิน ณ ขณะนี้ ก็ถือว่าดีแล้วคะ**

ซึ่งการออกทะเล สิ่งที่คุณต้องพร้อมคือร่างกายต้องแข็งแรง และจิตใจต้องปรกติ

เราเห็นรุ่นพี่ๆ ที่ทำงานสายนี้ ตั้งแต่เชฟร่อน ยูโนแคล ปตท...ทุกคนวัยหนุ่มๆ มีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ

มีความรู้ มีวันหยุด มีตารางเวลาชีวิตที่ชัดเจนและมีรายได้พร้อมคุณภาพที่ดี..กินได้ เที่ยวได้ แต่ไม่มีงานเสริม

เพราะต้องรักษาสุภาพ เพื่อรอลงไปทำงาน ซึ่งนั่นหมายถึงรายได้หลักของครอบครัว.


** แต่พอวันหนึ่ง เมื่อพบว่าอายุมากขึ้น ทุกคนก็จะรู้ตัวและต้องปลดระวางตัวเอง โดยที่ไม่มีใครไล่ออก
เหตุเพราะความอ่อนแรงของร่างกายที่ต้องใช้งานหนัก ความเหงาที่ต้องจากครอบครัว สุดท้าย
คนมีเงินเก็บ..ก็ออกไปตั้งต้นได้  แต่คนที่เที่ยวและกิน ก็ไม่เหลืออะไรเช่นกันคะ.

ดังนั้นไม่ว่าอาชีพ อะไร .. หากตั้งใจทำ เป็นนายตัวเอง หรือจะเป็นลูกจ้างตลอดไป หากไม่รู้จักเก็บ..ก็มีค่าเท่ากับศูนย์

จากคุณ : วันฉันยังยิ้มได้ [17 ธ.ค. 55 13:18:39 ]
ความเห็นที่ 45

ต้นทุนเงินเดือนคุณสูงครับ ครั้นจะไปลงทุนอะไรที่ให้ผลตอบแทนเน็ตๆ เท่ากับเงินเดือนคุณมันน้อย ถ้าจะทำธุรกิจก้อต้องคิดใหญ่เท่านั้น ... ไม่แปลกที่คุณจะคิดแบบนี้

ถ้านับแค่เฉพาะเรื่องเงินอย่างเดียว คนที่ได้เงินเดือนระดับธรรมดา โดยมากก็ย่อมมองหาลู่ทางทำธุรกิจของตัวเองเป็นธรรมดา เพราะโอกาสได้เงินเยอะกว่า มันมีเยอะ

ถ้ามองเรื่อง life style บอกได้เลยครับว่าขึ้นอยู่กับคนเลือก บางคนก็ยอมเลือกจมปลักกับธุรกิจของตัวเองทั้ง 7 วันต่ออาทิตย์เพียงเพราะจะพิสูจน์ความคิด/ความเชื่อของตัวเองก็มี บางคนมองไปอนาคตที่ไกล ไกล๊ ไกล ก็มี บางคนก็มองแค่มีธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนไปเรื่อยๆ แม้กระทั่งเลยวัยเกษียณก็มี บางคนก็แค่อยากเป็นนายคนมากกว่าลูกจ้าง

ส่วนคนที่บอกว่าบริษัทจะไม่จ้างไปจนเกษียณ อย่าดูถูกเชียวนะครับ เพราะธุรกิจนี้จ้างคนเกษียณไปแล้วมากมาย บางคนทำกับบริษัทเดียวมาเป็นยี่สิบสามสิบปีก็มี เรียกได้ว่าแท่นกลางทะเลเป็นบ้านหลังที่สองทีเดียว ... อีกเหตุผล ถึงแม้จะไม่จ้างไปเกษียณแต่มีประสบการณ์มากพอ รายได้ที่จขกท.กล่าวถึง จะไม่เห็นฝุ่นเลยทีเดียว (แต่ก้อยังน้อยกว่า VI ระดับหลักร้อยล้านนะจ๊ะ)

สุดท้ายไม่ว่าจะทำงานอะไร เงินเดือนเท่าไหน มีธุรกิจอะไรในมือ ต้องรู้จักใช้ชีวิตอย่างพอเพียงให้สมฐานะของตัวเองแหละครับ ดีที่สุด ... คุณจะมีความสุขได้ ไม่ว่าคุณจะทำอะไร งานอะไรก็ตาม

ปล.คนทำงานออฟชอร์มีเหตุุผลแค่สองข้อเท่านั้นครับ ข้อแรกเงินเดือนที่สูง ข้อสองวันหยุดพัก
ปล2 ก็ด้วยการทำงานแบบ rotation มีตารางที่แน่นอนเนี่ยแหละที่ทำให้ผมพลาดงานแต่งเพื่อน พลาดนัดเพื่อน พลาดไปเที่ยวกับเพื่อน แม้กระทั่งพลาดวันที่พ่อป่วยเข้าโรงพยาบาล หรือเพื่อนผมที่พลาดแม้กระทั่งวันที่พ่อเสียชีวิต ... โลกนี้มีสองด้านเสมอ

จากคุณ : chinsetsu [17 ธ.ค. 55 23:39:45 ]A:146.23.250.105 X: TicketID:385757
ความเห็นที่ 46

เห็นตาม จขกท.

เปิดกิจการตัวเองค่ะ ยืนยันว่า ลำบากมากๆ
ถ้าอยากปิดก้อปิด ร้านเจ๊งพอดี 555

จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ [18 ธ.ค. 55 00:17:03 ]
ความเห็นที่ 47

ตอบคุณ chinsetsu ครับ

ใช่เลยครับ พลาดหลายอย่างในชีวิต แต่ก็คงต้องยอมรับมันไปเพราะเลือกที่จะเดินทางนี้ไปแล้วครับ
งานแต่ง งานสังสรรค์พลาดไปไม่เท่าไรแต่ห่วงที่สุดคือเวลาคนที่บ้านไม่สบายเนี่ยแหละครับ แต่ผมยังโชคดีมีคนคอยช่วยดูแล

เรื่องเกษียณนี้ถูกอย่างที่คุณว่าเลย ลุงอายุ 68 ยังอยู่เดินดุ่มๆ มาตามงานอยู่เลย อิอิ
ผมยังเห็นบางคนอายุปาไป 70 กว่าๆ ยังมาทำเป็นพวก Adviser ไม่ก็พวก Consult อยู่เลยครับ
งานไม่หนัก เอกสารน้อย อาศัยความเก๋ากับประสบการณ์อย่างเดียว...ลงมาทำเป็นจ็อบๆ วันนึงค่าแรงล่อไปจะสามหมื่น อยู่ที 5วัน 10 วัน สบายละ อิอิ

จากคุณ : Dek Offshore [18 ธ.ค. 55 04:29:05 ]
ความเห็นที่ 48

ตอบคุณ วันฉันยังยิ้มได้ ครับ
งาน Offshore มีหลายแบบครับ ไม่ได้บุกตะลุยอย่างเดียวครับ
งาน Office งานเอกสาร งานคำนวณ ไม่ต้องออกแรงก็มีครับ

"** แต่พอวันหนึ่ง เมื่อพบว่าอายุมากขึ้น ทุกคนก็จะรู้ตัวและต้องปลดระวางตัวเอง โดยที่ไม่มีใครไล่ออก
เหตุเพราะความอ่อนแรงของร่างกายที่ต้องใช้งานหนัก ความเหงาที่ต้องจากครอบครัว สุดท้าย
คนมีเงินเก็บ..ก็ออกไปตั้งต้นได้  แต่คนที่เที่ยวและกิน ก็ไม่เหลืออะไรเช่นกันคะ."

อันนี้จริงครับแต่โดยมากแล้วพอรู้ตัวว่าไม่ไหวจะขอย้ายมาทำงานเบาๆ ไม่ก็ทำใน Office กันน่ะครับ
เรื่องเหงาที่ต้องจากครอบครัวเมื่อทำงานมาได้นานพอควรนี้ผมเห็นน้อยมากๆ ครับ เพราะส่วนมากถ้ามีอาการเหงา จะอยู่ได้ไม่นานครับ ลงทะเล 2 - 3 รอบก็ลาออกแล้วครับ

เรื่องเงินนี้น่าคิดที่สุดครับ ต้องยอมรับว่าเมื่อคุณเงินเดือนเยอะ ค่าใช้จ่ายคุณจะเยอะไปด้วย...บางคนใช้ไม่คิด ไม่วางแผนชีวิตก็หมดเอาง่ายๆ เหมือนกันครับ

จากคุณ : Dek Offshore [18 ธ.ค. 55 04:37:03 ]
ความเห็นที่ 49

แบบ  จขกท เขาไม่เรียก มนุษย์ เงินเดือน หรอก

ตอนนี้ จขกท  ยังมีความสุข กับงานที่ทำ ก็เหมาะแก่การ สร้างเนื้อสร้าง ตัว  พอมีลูก เป็นครอบครัวสมบูรณ์ สิ่งที่  จขกกท จะต้อง มีให้คือ เวลา  ที่หาซื้อไม่ได้  แต่งาน offshore เลย จ่ายตชค่าจ้าง ซื้อเวลาด้วยราคาที่แพง

จากคุณ : ก้นกบ [18 ธ.ค. 55 11:09:14 ]
ความเห็นที่ 50

ผมหลังไมค์ไปนะครับ ช่วยชี้แนะด้วยครับ

จากคุณ : ผมอยู่ตรงนี้แล้ว [18 ธ.ค. 55 15:59:27 ]
ความเห็นที่ 51

รวยก็ทุกข์ จนก็ทุกข์ ไม่ว่าจะรวยหรือจนทุกคนจะต้องมีทั้งสุขและทุกข์ปะปนกับไป คนเคยจนอย่างฉันกล้าพูดได้เต็มปากตอนจนๆเคยบอกตัวเองว่าเมื่อไหร่หนาจะรวยตงจะมีความสุข นึกว่ารวยแล้วจะมีความสุขตลอด เออพึ่งเข้าใจจะจนหรือรวยทุกคนจะต้องมีความทุกข์ เงินไม่ใช่บรรทัดฐานว่าจะทำให้เรามีความสุขเสมอไป

จากคุณ : รวยแล้วไง [24 ธ.ค. 55 04:34:42 ]A:86.15.26.140 X: TicketID:381703
ความเห็นที่ 52

ส่วนตัวผมมองว่า

ที่มีออกมาทำธุรกิจเป็นของตัวเองก็คงหลากหลายสาเหตุครับ

ของผมถ้าจะทำ ก็คืออยากหาอะไรไว้รองรับตัวเอง

เพราะเป็นพนักงานเงินเดือน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าจะให้เราไปวันไหน

จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ [28 ธ.ค. 55 13:57:04 ]
ความเห็นที่ 53

เราก็เบื่อความเชื่อนี้เหมือนกัน หลายคนเชื่อถึงขนาดที่ว่า
พวกมนุษย์เงินเดือนนี่มันไม่ฉลาดพอ มันทำได้แค่นี้แหละ
ดักดานอยู่แบบนี้ เป็นลูกจ้างเขาไปทั้งชีวิตแบบนี้ ไม่มีทางประสบความสำเร็จ ฯลฯ
ส่วนตัวเราก็มีความเชื่อว่าคนที่คิดสุดโต่งขนาดนี้ ชีวิตคงมีปม 5555

อย่างอื่นไม่พูดละกัน เข้าใจว่จขกท. คงโดนชวนมาเยอะ
และคงอยากจะนำเสนอว่า ชีวิตมนุษย์เงินเดือนที่เขาพอใจและมีฟามสุขก็มีนะเฟร้ย

จากคุณ : ZzIqka [29 ธ.ค. 55 00:35:20 ]