คือ สงสัยเรื่องของการขาย LTF หน่อยครับ

พอดีซื้อ LTF ของ SCBLT1 มาตั้งแต่ปี 2552 ปีหน้าก็ครบ 5 ปีแล้ว ก็น่าจะขายได้ (ไม่รู้เข้าใจถูกหรือเปล่า)

กำลังคิดอยู่ว่าควรทำอย่างที่คิดไว้หรือเปล่า คือ ปีหน้า ผมจะขาย LTF กองนี้ เพื่อเอาเงินคืนมาก่อน แล้วก็ซื้อ LTF กองเดิม

ไม่รู้เป็นการคิดที่ถูกต้องหรือเปล่า เพราะผมก็จะได้กำไรจากการขายรอบแรก และก็มาเริ่มต้นที่ต้นทุนสูงกว่าเดิม แต่ก็จะได้ยอดการซื้อ LTF เพิ่มในปีหน้า เพื่อหักลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมอีก

ตอนซื้อมา ซื้อ 35000 บาท NAV 12.21 ตอนนี้ 16.04 กำไรอยู่ประมาณ 11000 บาท + ปันผลอีก 4600 บาท + ลดหย่อนภาษี 3500 บาท ตกลงถือ 3 ปี กำไร  19000 บาท กำไร 54% เฉลี่ย กำไรตกปีละ 18% และผมซื้อใหม่ก็จะประหยัดภาษีปีหน้าอีก 7000 บาท

หรือว่าผมไม่ควรขาย ควรถือต่อไปเรื่อย ๆ ครับ ไว้รอปันผล

ต้องเรียนถามว่า

วัตถุประสงค์หลักของการซื้อกองทุน LTF เพื่ออะไรครับ

ถ้าคุณมีเงินเหลือโดยไม่จำเป็นต้องขายของเดิมเพื่อมาซื้อของใหม่ ก็ไม่ต้องขาย
ถ้าไม่มีก็ขายซะ

เลือกได้ครับ .... ทุนหมุนเวียน

หรือ จะต่อยอดสร้างกำไรจากกำไร
โดยขยับขยายการลงทุน จากหุ้นเพียง 70% ใน SCBLT1
ไปเป็นหุ้นที่สูงขึ้น ตามภาวะตลาดหุ้น ถ้ามองว่าหุ้นใหญ่จะมาแรง
ก็ขยับไปที่ SCBLT2 แต่ถ้ามองภาวะตลาดหุ้นจะเหมือนปี 2555
ที่เป็นทีของหุ้นขนาดกลางไปเล็กก็อาจจะเลือกที่จะอยู่ใน SCBLT3
หรือ SCBLTT แทนครับ

สร้างโอกาสที่ไม่ต้องกลัวการสูญเสียเงินทุน จากการที่มีกำไรคุ้มครอง
เงินต้นไว้อยู่แล้ว

อุปสรรค์การลงทุนคือความกลัว ..... ถ้าขจัจความกลัวให้หมดไปได้
น่าจะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนให้เพิ่มขึ้นได้อีกครับ

จริง ๆ ที่ซื้อ LTF ในตอนแรก ก็เพราะว่าต้องการหักลดหย่อนภาษีครับ

ที่ตั้งคำถามนี้ ก็เพราะว่ามองว่า การขายออก แล้วซื้อใหม่ มันก็เหมือนกับการขายทำกำไร แล้วก็เริ่มต้นการออมใหม่ ซึ่งต้นทุนการออมรอบนี้มันก็แพงกว่าต้นทุนปี 2552 อยู่แล้ว แต่ยังไงก็ต้องออม เพราะต้องซื้อ LTF ลดภาษีอยู่ดี ซึ่งถ้าซื้อ มันก็ลดได้มากขึ้นกว่าเดิม เพราะเท่าที่คำนวณรายได้ ต้องซื้อ LTF ประมาณ 60000 บาท/ปี เพื่อจะได้เหลือจ่ายภาษีแค่ 10% (ยังไม่ได้คิดถึงปีหน้าที่ฐานภาษีจะซอยย่อยลง) ถ้าเอาเงินตรงนี้ไปเริ่มต้นใหม่ มันก็จะทำให้หักลดหย่อนภาษีได้เพิ่มขึ้นอะครับ

แต่ถ้าถามว่าปรกติมีเงินพอสำหรับการซื้อของใหม่ โดยที่ไม่ต้องขายของเก่าหรือเปล่า คำตอบคือมีอยู่แล้วครับ แต่อยากทราบว่าถ้าขายไปด้วยเหตุผลข้างต้นจะดีกว่าหรือเปล่า

ส่วนคุณ pjuk ขอบคุณนะครับสำหรับคำแนะนำ แต่พอดีเคยมีประสบการณ์ซื้อ SCBLT2 กับ SCBLT4 แล้วไม่ค่อยประทับใจเท่าที่ควรครับ ความเสี่ยงสูงกว่า แต่ผลตอบแทนกลับต่ำกว่า SCBLT1 ซะอีก  ผมคงต้องศึกษาเรื่องการ switch กองทุนให้ดีขึ้นครับ

ควรขายเป็นอย่างยิ่งครับ
ตามเปรียบเทียบข้างล่างนี้ scblt1 ผลดำเนินงานเป็นที่ 20 จาก 21
จึงควรขาย
แล้วไปพิจารณาซื้อตัวอื่นที่ผลประกอบการดีกว่าครับ

http://siamchart.com/fund-compare/LTF_DIV

พอดีซื้อ LTF ของ SCBLT1 มาตั้งแต่ปี 2552 ปีหน้าก็ครบ 5 ปีแล้ว ก็น่าจะขายได้ (ไม่รู้เข้าใจถูกหรือเปล่า)
เข้าใจถูกครับ
กำลังคิดอยู่ว่าควรทำอย่างที่คิดไว้หรือเปล่า คือ ปีหน้า ผมจะขาย LTF กองนี้ เพื่อเอาเงินคืนมาก่อน แล้วก็ซื้อ LTF กองเดิม
ใครๆก็ทำกันอย่างนี้ครับ แต่จะซื้อกองเดิมอีกหริอเปล่า ก็แล้วแต่บุคคลครับ
ไม่รู้เป็นการคิดที่ถูกต้องหรือเปล่า เพราะผมก็จะได้กำไรจากการขายรอบแรก และก็มาเริ่มต้นที่ต้นทุนสูงกว่าเดิม แต่ก็จะได้ยอดการซื้อ LTF เพิ่มในปีหน้า เพื่อหักลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมอีก
คิดถูกสิครับ แต่อย่างที่บอก ก็ลองไปดูกองทุนตัวอื่นด้วยสิครับ อ้อตอนนี้ได้กำไรแล้วไม่ขาย จะรอให้มันลงหรือครับ ซื้อตอนนี้ คิดไรมาก อีกตั้ง 5 ปี รู้ผล
ตอนซื้อมา ซื้อ 35000 บาท NAV 12.21 ตอนนี้ 16.04 กำไรอยู่ประมาณ 11000 บาท + ปันผลอีก 4600 บาท + ลดหย่อนภาษี 3500 บาท ตกลงถือ 3 ปี กำไร  19000 บาท กำไร 54% เฉลี่ย กำไรตกปีละ 18% และผมซื้อใหม่ก็จะประหยัดภาษีปีหน้าอีก 7000 บาท
แล้วไงครับ เรียกความเชื่อมั่น
หรือว่าผมไม่ควรขาย ควรถือต่อไปเรื่อย ๆ ครับ ไว้รอปันผล
เงินคุณๆตัดสินใจเองได้ครับ แต่ถ้าเป็นผมๆขายครับ เอากำไรมาเป็นรายได้เพื่อขยายฐาน 15% อีก

ถ้าส่วนตัวเมื่อครบกำหนดก็ขายคะ

เงินน้อย เลยต้องหมุนเงิน เพื่อให้้เกิดประโยชน์สูงสุดคะ

แหะแหะ

^_____^

ขาย แล้ว ซื้อกลับเมื่อครบกำหนด ครับ เพื่อประโยชน์สูงสุด

และถ้ากลัวว่า หากทำเช่นนั้น แล้วเงินออมใน LTF จะโตได้อย่างไร ก็ให้ จขกท นำเงินที่คาดว่าจะออม Lot ใหม่ในปี 2556 ลงทุนใน

1. RMF <-- เพื่อลดภาษีเพิ่มเติม
2. ประกันชีวิต <-- เพื่อลดภาษีเพิ่มเติม
3. กองทุนทั่วไป <-- เพื่อการลงทุน และการออม

ไม่ควรนำเงินก้อนใหม่ไปลงทุนใน LTF ถ้ามีโอกาสได้เงินหมุนเวียนกลับมาครับ