29 ธ.ค. 2555 เวลา 12:46:10 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์



นายวศิน วณิชย์วรนันต์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ปี 2556 สินเชื่อที่ให้กับธุรกิจขนาดใหญ่จะยังคงเป็นกลุ่มที่ขยายตัวน้อยกว่าสินเชื่อกลุ่มอื่น ๆ และสินเชื่อรวมของธนาคาร ซึ่งเป็นภาวะปกติเพราะลูกค้ามีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนง่ายจากการแข่งขันที่สูงระหว่างธนาคาร และยังมีทางเลือกการระดมทุนอื่น ๆ เช่น การตั้งกองทุน หรือการออกหุ้นกู้

อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงตั้งเป้าว่าจะมีการเติบโตสำหรับสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ 4-6% จากที่เติบโตได้ 5-7% ในปี 2555 ที่ทำให้พอร์ตสินเชื่อ ณ สิ้นปีเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.80-3.88 แสนล้านบาท โดยการเติบโตจะอยู่ในกลุ่มสินเชื่อหมุนเวียนที่มีสัดส่วน 60% ของพอร์ตตามการส่งออกในปีหน้า จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ขยายตัวได้ 12.5% ซึ่งจะทำให้สินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนในธุรกรรมการค้าขายระหว่างประเทศ (เทรดไฟแนนซ์) เติบโต 10%

สำหรับกลยุทธ์เพื่อดูแลลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่นั้น ธนาคารจะต้องเน้นบริการเสริมศักยภาพของธุรกิจด้วย 4 บริการหลัก ได้แก่ ที่ปรึกษาทางการเงินในการจับคู่ทางธุรกิจ ควบรวมกิจการ หรือขยายกิจการไปต่างประเทศ, บูรณาการระบบบริหารเงินสด, ตัวแทนในการระดมทุน เช่น จำหน่ายหุ้นกู้เอกชน หรือจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ และบริการป้องกันความเสี่ยง เช่น อัตราแลกเปลี่ยน หรือราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งเชื่อว่าบริการต่าง ๆ จะช่วยเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมที่ปี 2556 ธนาคารตั้งเป้าการเติบโตที่ 17%

นายชาญศักดิ์ เฟื่องฟู กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ธุรกิจรายใหญ่ยังเป็นฐานลูกค้าหลักของธนาคาร โดยในปี 2555 ขยายตัวได้ 8% มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 5-6% เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังเป็นจังหวะที่ธุรกิจเอกชนเริ่มเปิดใช้สินเชื่อขยายธุรกิจ หรือลงทุนระยะยาวตามแผนงานที่วางไว้ ซึ่งการใช้จ่ายเงินจะต่อเนื่องไปจนถึงปี 2556

สำหรับปีหน้าสินเชื่อรายใหญ่จะขยายตัวได้ประมาณ 5-6% โดยคาดว่าส่วนใหญ่จะเป็นการเบิกใช้สินเชื่อเพื่อการลงทุนเพราะทิศทางดอกเบี้ยเริ่มคงที่ ส่งผลให้ลูกค้าจะหันมาลงทุนระยะยาวเพื่อล็อกต้นทุนทางการเงิน โดยจะมีธุรกิจก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างที่จะได้รับอานิสงส์จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ และธุรกิจโทรคมนาคมจะเริ่มลงทุนใหม่ในปีหน้า จากความชัดเจนของการออกใบอนุญาต 3จี

ด้านนายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า การขยายสินเชื่อรวมในปี 2556 จะมากกว่า 1.5 เท่าของจีดีพีไทยที่ 4.5-5.5% หรือคิดเป็นการเติบโตของสินเชื่อใหม่ราว 1 แสนล้านบาท โดยธนาคารยังคงอยู่ในช่วงปรับพอร์ตไปสู่การเน้นสินเชื่อธุรกิจ โดยจะให้สัดส่วนธุรกิจเอกชน 30% และรัฐบาล 10% ของสินเชื่อรวม

สำหรับการลงทุนโครงการใหญ่ของรัฐบาล 3.5 แสนล้านบาทในปีหน้า เชื่อว่าธนาคารกรุงไทยจะสามารถเป็นหนึ่งในตัวเลือกของรัฐบาลเท่า ๆ กับธนาคารพาณิชย์รายอื่น ๆ แต่ยังคงรักษาสัดส่วนสินเชื่อรัฐไว้ที่ 10% เพราะรัฐบาลยังมีทางเลือกอื่น ๆ ในการระดมทุน เช่น การออกพันธบัตรสกุลบาทและดอลลาร์ หรือกู้เงินดอกเบี้ยต่ำกับองค์กรระหว่างประเทศ