คือสนใจเรื่องหุ้นมาตั้งแต่สองปีที่แล้ว เก็บเกี่ยวความรู้ อ่านหนังสือสะสมมา ปรากฎว่าเมื่อวาน
มีคนที่บ้านมาเห็นเรานั่งอ่านหนังสืออยู่ เค้าพูดขึ้นมาว่า
"มีเงินอยู่แค่นี้ มีไม่ถึงล้านไปเล่นไม่ได้หรอก โดนพวกใหญ่ๆเงินทุนเยอะๆกินหมดแหละ พวกเรามันก็แค่เม่า เค้าปั่นหุ้นทีเราก็เสร็จ"
เจอแบบนี้ก็อึ้งไป2วิค่ะ แต่ก็ยังไม่ล้มเลิกความคิด แต่คนที่บ้านก็พูดต่อ
"รู้มั๊ย น้าแกเป็นพนักงานบริษัทตลาดหลักทรัพย์ เค้ายังไม่เล่นเลย เพื่อนชั้นที่เป็นโบรกเกอร์อยู่ก็ไม่เห็นเล่นเลย มันบอกว่าเสี่ยง เข้าไปก็โดนพวกปั่นกินหมด เม่าดีๆนี่เอง"
อื้อหืม เจอแบบนี้ก็หวั่นๆเหมือนกัน...
คือส่วนตัวศึกษามา...จะว่าเยอะก็คงยังไม่ถึงขนาดนั้น แค่เป็นคนอ่านหนังสือเยอะค่ะ(เยอะที่ว่าก็ยังไม่ถึงครึ่งของพี่ๆในห้องนี้เลย ยังคงต้องเก็บเกี่ยวอีกเยอะค่ะ) แต่ยังไม่ได้ลองสนามจริงเลย
ได้แต่ลองเทรดแบบฟรีๆในคลิก2วินน่ะค่ะ
เข้าใจว่าตลาดหุ้นมันไม่ใช่การพนันค่ะ เพราะถ้ามันจะเป็นการพนันก็อยู่ที่ตัวคนเล่นเองที่ทำให้มันเป็นแบบนี้
แต่เรื่องการปั่นหุ้นนี่ เราไม่เข้าใจจริงๆ เรากลัวมาก เพราะเคยเห็นคนแถวบ้าน โดนหุ้นปั่น เกือบฆ่าตัวตายเลยก็มี...
เลยอยากถามว่า คนธรรมดา มีเงินเก็บแค่5หลักแบบนี้ เข้าไปจะพอมีโอกาสมั๊ยคะถ้าศึกษาดีๆ
เราคงเน้นปันผลน่ะค่ะ แต่ทราบดีว่าเงินที่มีมันยังน้อยอยู่ เพราะงั้นเลยอาจเก็งกำไรควบไปด้วย
แต่ก็คงเน้นปันผลซะมากกว่าค่ะ นอกเสียจากถ้าหุ้นมันขึ้นมาเยอะ(พูดเหมือนง่ายเลย T^T)
แล้วหุ้นไทยเราเขาปั่นกันทุกตัวเลยมั๊ยคะนี่ แบบว่ายังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องหุ้นปั่นเลยน่ะค่ะ
ยังไงรบกวนขอคำแนะนำ+กำลังใจด้วยนะคะ ได้โปรดอย่าดุกันเลยนะคะ....คือมือใหม่จริงๆ
ศึกษาเรื่องแนวๆนี้มาเกือบ2ปี โดนทางบ้านสกัดมางี้ ใจก็วูบเหมือนกัน
แค่อยากรู้น่ะค่ะว่าเงินเท่านี้ จะมีโอกาสยืนหยัดอยู่ในสนามหุ้นได้มั๊ยคะถ้าศึกษา ดูมาดีๆ
รบกวนขอคำชี้แนะด้วยนะคะ
ทุน 5,000 ก๋เริ่มต้นได้แล้วครับ
ถ้าเลือกพื้นฐานดี มีปันผล ก็ไม่ต้องไปกลัวหุ้นปี่น
ผมเดาเอานะครับ
ของจริงรอคนเก่งใจบุญแถวนี้มาอธิบายเอา
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I13129090/I13129090.html#33
ลองอ่านประสบการณ์พี่ satan@เต้ย น่าจะมีกำลังใจนะครับ
ผมก็พึ่งเข้ามา แสนกว่าๆนี้และครับ ... เงินน้อยเหมือนกัน
เก็งกำไร 5,000 บาท ก็เล่นได้แล้วครับ
เงิน 5 หลักก็ลงทุนหุ้นปันผลได้ผลตอบแทนดีกว่าฝากธนาคาร
ถ้าเลือกถูกตัว และถูกจังหวะ
จัดยาวๆไปเลย. ไม่ต้องกลัว
จากคุณ : THE FINAL 2 [วันสิ้นปี 55 13:54:39 ]โอ้ววว...โดน คห.2 ชิงตัดหน้าาาาา!!!
แสดงว่าอ่านแล้วคิดถึงเม้นท์ของคุณ satan@เต้ย เหมือนกันซินะครับ 555555
(^___^)
คห.5 ครับ
อ่านตั้งแต่เมื่อคืนครับ นอนดึก ได้กำลังใจ แล้วก็แนวคิดพอสมควรครับ
ล้านแรกมาให้ได้ก่อนละกัน 555+
มือใหม่ทุนน้อย เข้ามาเล่นหุ้นตอนนี้ย่อมได้ แต่คงไม่รวยถล่มทลาย
อย่างดีก็ชนะเงินเฟ้อ มีเงินต้นเพิ่มขึ้นพอควร ถ้าไม่พลาดไปเล่นหุ้นปั่นแปะแล้วเจ๊ง
มองตัวเองให้ออกว่าอยากเป็นนักลงทุนแนวไหน ฝึกวินัยการลงทุนก่อน ถึงจะอยู่รอดในตลาดได้นานๆ
ตอนแรกอ่านผ่านๆ นึกว่ามีเงินเก็บเดือนละ 1 หมื่น ถึง 1 แสน ต่อเดือน ฮ่าๆๆ
ถ้าแค่นี้เรียกว่าเป็นคนธรรมดา ผมคงเป็นปลวกแน่ๆ ฮ่าๆๆ
== เข้าเรื่องดีกว่า==
เงินที่คุณบอกมาจะว่าน้อยก็ว่าน้อย จะว่าเยอะก็ว่าเยอะครับ
มองในมุมมอง "เยอะ" ก่อน ก็คือ คุณเป็นมือใหม่ แค่นี้ถือว่าเยอะแล้วครับ กับการเริ่มเข้าตลาด อันที่จริงผมอยากให้ลองสัก 1 หมื่น หรือ ไม่เกิน 5 หมื่น ซึ่งคุณต้องเผื่อใจไว้ว่า เงินก้อนนี้ อาจจะสร้างกำไรให้คุณยิ้มได้ แต่!! เงินก้อนนี้ ก็อาจจะหาย จนทำให้คุณพูดไม่ออกไปหลายวันก็ได้ ดังนั้น เริ่มน้อยๆ ซื้อวิชา สะสมประสบการณ์ เรียนรู้ไปกับมัน แล้วค่อยทยอยลงทุน เป็นการลงทุนที่ยั่งยืน นอนหลับสบายทุกคืน
มองในมุมมอง "น้อย" ก่อน ก็คือ คุณเป็นมือใหม่ แค่นี้ถือว่าน้อยมาก ถ้าเทียบกับทักษะ ความรู้ ประสบการณ์ ที่คุณมี(ผมประเมินจากข้อความคุณนะ ไม่ได้ว่าตัวเองนะ >///<) มีมือใหม่หลายคน วาดฝันซะสวยหรูว่า เงินหมื่นของเค้าจะกลายเป็นเงินแสนในพริบตา บางครั้งมือใหม่เล่นด้วยเงินอันน้อยนิด พอได้ผลตอบแทนกลับมองเห็นว่าผลตอบแทนน้อยกว่าที่คิด จึงเที่ยวแสวงหาช่องทางรวยทางลัดจากคนอื่น จึงเริ่มเกิดความโลภเข้าครอบงำ เห็นมีผี/พราย/ปลวก/จิ้งจอกมาบอกใบ้ ให้ซื้อตัวโน้น ตัวนี้ รวย!! แต่สุดท้ายครับ เจ๊งกันเป็นแถบๆ โดนจูงจมุกเหมือนวัวเหมือนควาย เป็นเหยื่อให้คนสาระ(รวย)กลุ่มนี้รุมโทรมอยู่เรื่อยๆ
ดังนั้น เงินของคุณ ผมอยากให้คุณรักษามันไว้ดีๆ อย่าให้เป็นเหมือนมือใหม่คนอื่นๆก่อนหน้า(มีตัวอย่างเยอะ) ศึกษาข้อมูลเยอะๆ "เน้นลงทุนหุ้น" ไม่ใช่ "เล่นหุ้น" แล้วท้ายสุด คุณก็จะเป็น มือเก่า ที่คนในบ้านและคนรอบข้างของคุณจะวิ่งมาถามคุณว่าประสบความสำเร็จได้อย่างไร ในตอนนั้น
เป็นกำลังใจ ให้เสมอ
ขอบคุณครับ
ที่เล่นๆกันอยู่นี่ก็คนธรรมดาทั้งนั้นแล่ะครับ
หุ้นเล็กมีโอกาสปั่นได้ง่าย
หุ้นใหญ่ปั่นยาก ต้องใช้เงินเยอะมากๆ
แต่กลโกงในตลาดไม่ใช่มีแค่ปั่นหุ้น
ยังมีการแต่งบัญชี การโยกย้ายเงินภายใน
แล้วทำไมถึงยังเล่นหุ้นอยู่อีก
_ ผลตอบแทนดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก
_หุ้นใหญ่ มีความมั่นคง มีธรรมาภิบาล
_หุ้นเล็กๆหวือหวา คนเล่นต้องเร็ว เข้าไวออกไว
เงินจำนวนนี้ เพิ่มพูนได้ ถ้าลงทุนเป็น
โชคดี ต้อนรับปีใหม่ครับ
สองคน ยลตามช่อง คนหนึ่งมอง เห็นโคลนตม
คนหนึ่ง ตาแหลมคม เห็นดวงดาว อยู่พราวพราย
------------------------------------------
ห้ามความคิด คนรอบข้าง ไม่ได้หรอกครับ
แต่ถ้าใจเรามุ่งมั่น ตั้งใจ ไม่มีอะไรยากเกินไปครับ
เงินเก็บต่อเดือนพี่เยอะกว่าผมอีกนะครับ -.-
ถือยาวหุ้นเติบโตพื้นฐานดี ผู้บริหารมีธรรมมาภิบาลสูง แค่นี้ก็พอละครับ
5หลักนี่ เกือบแสนนะครับ(99,900) อิ อิ
ลุยเลยครับ..
หาความรู้เยอะๆ เข้าไว้ แล้วจะรู้ว่าจะอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ยังไง ขั้นแรกอยู่อาศัยในตลาดให้ได้ก่อน
เดี๋ยวกำไรจะมาเองครับ สุดท้าย "รู้อะไรไม่สู้รู้งี้ครับ"
เงินเก็บ จขกท เยอะกว่าผมด้วย แถมศึกษาหาความรู้มานาน ลองลงเล่นตลาดจริงเลยครับ ความรู้พอมีอยู่แล้ว ประสบการณ์จะเกิดได้ต้องลงสนามจริง เน้นสไตล์ที่เราชอบ และ ต้องมีวินัย ด้วยครับ
ความ กลัว ก็ดีครับทำให้เราไม่ประมาท แต่ถ้ามากไปก็ทำให้เราไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ ให้ใช้สิ่งที่ จขกท ศึกษามาและประสบการณ์ นำมาเป็นอาวุธสู้กับ เจ้ามือครับ
คนที่เข้ามาในตลาดแล้วกลับออกไปแบบขาดทุนมักจะมองว่าเป็นการพนัน
คนที่เข้ามาในตลาดแล้วประสบความสำเร็จ จะมองว่านี่คือการลงทุน
หุ้นมีตั้งหลายร้อยตัว สำหรับมือใหม่ถ้าให้ดีพยายามอย่าไปยุ่งกับหุ้นปั่น
อย่าให้ความโลภเข้าครอบงำ ไม่เก่งจริง ไม่มีเครื่องมือ ระวังจะหมดตัว(ไม่ขายไม่ขาดทุน แต่เงินจมนะครับ)
เน้นมุ่งแต่หุ้นพื้นฐานดีมีปันผล (วิเคราะห์ด้วยตัวเองนะครับว่าดีจริง ไม่ใช่ฟังเขาว่าดีแล้วไปเชื่อตาม แบบนั้นเอาเงินให้เขาไปลงทุนแทนเหอะ)
กลับเข้ามาเรื่องเงิน ไม่น้อยหรอกครับ หมื่นถึงแสน
ส่วนจะหมดหรือจะงอกเงยอยู่ที่ทัศนคติครับ
จะ "เล่น" กับมัน(แนวเก็งกำไร) หรือจะ "ลงทุน" กับมัน(แนวVI)
ต้องเลือกตามที่เราถนัดและให้ผลตอบแทนดีครับ
จุดสำคัญอยู่ที่มีวินัยครับ สำคัญมากสำหรับตลาดนี้
และอย่ามองแค่ด้านเดียวคือด้านมีกำไรให้ทำใจเผื่อไว้ด้วยว่าอาจขาดทุนถึงขั้นหมดเช่นกัน
ปล.คนที่ทำงานให้กับบ.หลักทรัพย์(โบรกเกอร์) เรียกว่า มาร์เก็ตติง นะครับคนส่วนมากมักจำสลับกัน ^^
ผมเห็นด้วยกับ คห.8 ครับ
ศึกษาภาคทฤษีมาเเล้วก็ลงมือปฏิบัติ(ลงทุน)ถึงจะเห็นผลค่ะ
ส่วนตัวลงมือปฏิบัติเลย ทฤษฏีไม่มี
ผมเริ่มซื้อกองทุนด้วยเงิน 5,000 บาทจนมันเติบโตแล้วเอาไปเปิดพอร์ตด้วยเงินเริ่มต้น 20,000 บาท ครับ
มั่นใจว่าศึกษามาดีแล้วความรู้ที่มีพร้อมลุยแล้วก็จัดการเลย ทำตามแผนที่วางเอาไว้ ... เรื่องที่ควรห่วงที่สุดสำหรับคนที่เข้ามาใหม่ทุกๆคน คือ ความโลภและความกลัว ขอให้ประสบความสำเร็จในการลงทุนครับ
ลงทุนในตลาดหุ้นมีความเสี่ยงนะครับ
เงินลงทุนเอามาเท่าไหร่ก็ได่ หลักพัน หลักหมื่น หลักแสน หลักล้าน
แต่ผมอยากให้มันเป็นเงินที่เย็นจริง ๆ นะครับ ต้องคิดว่าถ้าเราเสียไปทั้งหมดแล้วเราจะไม่เดือดร้อนครับ
ศึกษามา2ปี
ความรู้น่าจะเยอะมากพอควรครับ น่าจะมากกว่าผมด้วย 555
น่าจะเน้นแนว VI หุ้นไม่แพง ถือยาวๆครับ มีปันผล
ไม่น่าเสี่ยงเยอะครับ
สวัสดีครับผมอยากจะแนะนำให้แยกย่อยออกมาทีละประเด็นแล้วกันนะครับจะได้ไม่สับสนและ ง่ายต่อการทำความเข้าใจ
"มีเงินอยู่แค่นี้ มีไม่ถึงล้านไปเล่นไม่ได้หรอก โดนพวกใหญ่ๆเงินทุนเยอะๆกินหมดแหละ พวกเรามันก็แค่เม่า เค้าปั่นหุ้นทีเราก็เสร็จ"
-ประเด็นนี้นะครับ หากเราเลือกลงทุนในหุ้นที่ดีเช่นหุ้น intuch ที่ราคาปัจจุบัน 69 บาทต่อหุ้น หากเราพอใจที่ราคาดังกล่าว และพอใจในปันผลที่ได้ ต่อให้ใครทุบราคาลงมาจนเหลือ 50 มันไม่ได้หมายความว่าเราขาดทุน 19 บาทนะครับ มันเป็นเพียงการขาดทุนทางบัญชีเท่านั้น และเราก็ยังพอใจกับเงินปันผลที่ได้อยู่ ในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับวิจรณญาณในการเลือกหุ้นด้วยครับ ไม่มีใครสามารถบีบบังคับให้เราซื้อ หรือ ขายหุ้นตัวใดได้ครับ
"รู้มั๊ย น้าแกเป็นพนักงานบริษัทตลาดหลักทรัพย์ เค้ายังไม่เล่นเลย เพื่อนชั้นที่เป็นโบรกเกอร์อยู่ก็ไม่เห็นเล่นเลย มันบอกว่าเสี่ยง เข้าไปก็โดนพวกปั่นกินหมด เม่าดีๆนี่เอง"
-เค้าอาจจะหวังดีและกลัวเราศึกษาไม่ดีพอเลยพูดแบบนั้นครับ และคนเราก็รับความเสี่ยงได้ไม่เท่ากัน เราจึงควรศึกษาให้ดีและมั่นใจก่อนทำการลงทุนในตลาดหุ้นครับ สุดท้ายอยู่ที่ใจและความมุ่งมั่นในการหาความรู้เพื่อการลงทุน
ผมแนะนำว่า หาความรู้และทำความเข้าใจกับมันให้มากก่อนจะลงทุน หาตัวเองให้เจอว่าเราอยากเป็นนักลงทุนแบบไหน เทคนิค หรือ ปัจจัยพื้นฐาน อ่านให้มาก ศึกษาให้เยอะจะนานแค่ไหนก็ไม่เป็นไรแต่ถ้าคุณผ่านไปถึงจุดนั้นได้คุณก็จะได้รู้ว่ามันคุ้มค่าครับ ขอให้โชคดีในการลงทุนนะครับ ^ ^
สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มลงทุน ไม่ว่าจะมีเงินเยอะหรือน้อย คุณควรเริ่มต้นจาก "วางแผนการลงทุน" ก่อน เป็นอันดับแรก
ก่อนไปถึงเรื่องการวางแผนการลงทุน ขอพูดเรื่องระดับของนักลงทุนหน้าใหม่ ซึ่งมี 3 ระดับ คือ...
ระดับที่ 1 : ประเภทมีเงินอย่างเดียว แล้วอยากเอาเงินนั้นมาแสวงหากำไร แต่ไม่ทำอะไร ไม่คิดทำการบ้าน ไม่คิดศึกษาหาข้อมูล วันๆคิดแต่จะถามหาหุ้นเด็ด จากมาร์เกตติ้ง หรือบรรดาเซียนหุ้น ไม่เคยให้คำตอบตัวเองได้ว่าซื้อเพราะอะไร แค่อยากมีกำไรเฉยๆ คนประเภทนี้เป็นพวก 70% ในตลาดหุ้น ผลสุดท้ายคือติดหุ้น แดงทั้งพอร์ต และใช้เวลาที่เหลือทั้งชีวิตกับการสาปส่งมาร์เกตติ้ง เซียนหุ้น และตลาดหุ้น และคอยกีดกันคนที่อยากลงทุนด้วยคำพูดที่ว่า "อย่าเลย เดี๋ยวก็เจ๊ง"
ระดับที่ 2 : ระดับนี้คือคนที่เริ่มต้นจากการศึกษาข้อมูลทุกสิ่งอย่าง แม้กระทั่งการเปิดบัญชี รู้จักที่จะเรียนรู้วิชาทั้งหลายแหล่ ที่มีอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ คนประเภทนี้มักไม่ค่อยมีปัญหากับมาร์เกตติ้งหรือใครๆ เป็นประเภทที่สามารถอยู่ในตลาดหุ้นได้แบบ "ลุ่มๆดอนๆ" เป็นประเภทที่เข้าข่าย "ความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด" เป็นที่สุด เนื่องจากมีความรู้เยอะมากมาย แต่ขาดการ "กลั่นกรอง" ความรู้ที่สามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพออกมา ถ้าคนประเภทนี้ศึกษาเรื่องเทคนิคัล จะพบว่า ตัวเองซื้อหุ้นช้า และขายช้า ไม่ทันกินชาวบ้านเขาเสียที เพราะมัวแต่เอากราฟนู้นมาเทียบกราฟนี้ คอนเฟิมกราฟนั้น ไม่กล้าจะซื้อไม่กล้าจะขายเสียที คนประเภทนี้เป็นพวก 20% ในตลาด สามารถทำกำไรได้ดีในภาวะที่ตลาดเป็นขาขึ้น แต่เมื่อใดที่เกิดวิกฤต อาจไม่ถึงกับทุนหาย แต่กำไรหดแน่นอน
ประเภทที่ 3 : ประเภทนี้คือคนที่ศึกษามามาก และกลั่นกรองเอาสิ่งที่ศึกษามานั้น ให้กลายเป็น "แผนการลงทุน" คนประเภทนี้มีทัศนคติต่อการลงทุนดี มีวินัยในการลงทุน มีการวางแผน มีการกำหนดจุดซื้อ จุดขายอย่างชัดเจนแน่นอน คนประเภทนี้คือ 10% ของตลาด ที่จะกลายเป็นเซียนหุ้นในอนาคต
แล้วคุณๆที่จะเริ่มลงทุน วันนี้คุณตอบตัวเองได้หรือยัง ว่าคุณอยู่ระดับไหน?
ถ้านับจาก ณ จุดนี้...
ผมว่า...คนที่มาทักคุณ..... มีความรู้ในเรื่องหุ้น น้อยกว่าคุณครับ...
ฉะนั้น..คุณจะเชื่อเขา...รึจะเชื่อในความรู้ตัวเองล่ะครับ
( ปล. เพื่อนผมก็ทำงานที่ตลาดหลักทรัพย์เลย...มันก็ไม่เล่นหุ้น...พอได้คุยกัน ถึงได้รู้ว่า...มันไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นเลยยยยยย )
สวัสดียามดึกค่ะ สุขสันต์วันปีใหม่ทุกๆคนเลยนะคะ พอดีอยู่เคาท์ดาวน์เลยแวะมาชมกระทู้ ดีใจมากๆเลยค่ะที่มีพี่ๆน้องๆเข้ามาตอบและให้กำลังใจ
เงินเก็บที่มีตอนนี้เป็นเงินเย็นค่ะ มีอยู่ประมาณ6หลัก เพราะพึ่งเรียนจบ ยังไม่ได้ทำงานประจำเลยค่ะ
อาศัยทำพาร์ทไทม์ช่วงเรียน รับจ้างวาดภาพ และขายของนิดๆหน่อยๆตอนช่วงเด็กๆเลยสะสมมาได้ถึงเพียงนี้(กระอักเลือดเหมือนกันค่ะ - -")
ขออนุญาตย้อนรอยอดีตนะคะ
จุดเปลี่ยนที่ทำให้สนใจเรื่องหุ้นเมื่อ2ปีที่แล้ว ยอมรับเลยค่ะว่า"โลภ" อยากรวยเหมือนคนอื่นๆเขาบ้าง
เพราะชีวิตสมัยเด็กคลุกคลีกับการขายและรับจ้างมาพอสมควร เวลาเทศกาล บ้านอื่นให้แต๊ะเอีย
แต่บ้านเรา ญาติไม่ได้เป็นเงินค่ะ แต่ให้เป็น"ของ"เอามาขายเอง ขายออกไม่ออกชั้นไม่รู้ รู้แต่ชั้นไม่ให้เป็นตังค์อ่ะ
(ฐานะญาติรวยมากค่ะ แต่ที่เขาทำแบบนี้ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะสอนให้รู้คุณค่าเงินอะไรหรอกนะคะ พอดีเกิดมาในครอบครัวคนจีนค่ะ บ้านญาติเปิดร้านโชว์ห่วย
เค้าจะได้ของแถมเป็นพวกกล่องพลาสติก,จาน,ชามอะไรแบบนี้ ก็...ลูกหลานผู้หญิงมักจะโดนเมินอ่ะค่ะ หลานชายได้ตังค์ หลานสาวได้ของ(ที่ต้องเอามาขายแลกตังค์แทนค่ะ))
ก็ไม่อะไรมากค่ะ ก็ไปนั่งขายตามตลาดนัดแบบใสๆวัยทีนเบ็ดเสร็จขายได้ก็พันกว่าบาทค่ะ เหนื่อยก็เหนื่อย หลานชายได้แต๊ะเอียเป็นหมื่น
(บางทีไม่ได้เป็นเงิน ได้เป็น"คัน"เลยก็มีค่ะ...รถเก๋งกันเลยทีเดียว) ก็...ลูกผู้หญิงต้องอดทนค่ะ(ดันเกิดมาเป็นผู้หญิงคนเดียวในตระกูลอีก- -)
แต่ให้ทนไปตลอดชีวิตก็ไม่ไหว เลยไม่อยากไปเจอแบบนั้นอีก แต่ก็ขอขอบคุณที่ทำให้ได้ประสบการณ์ค่ะ(มาดราม่าซะงั้น 555)
แล้วทีนี้ ตอนอยู่ปี2 ก็มาเริ่มมองเงินที่มี ตอนแรกว่าเรียนจบตรีแล้วจะไปเรียนต่อเมืองนอกเพื่ออัพภาษา(อยากไปมากค่ะ)
แต่พอมาดูเงินเก็บตัวเองแล้วรู้สึกทุเรศชีวิตมาก สองแสน...เรียนเมืองนอกสามเดือนก็หมดและ(คือไม่ใช่ว่าดูถูกเงินนะคะ แต่ถ้าสำหรับไปเรียนเมืองนอกแล้วมัน...)
และอีกอย่าง คิดถึงทางบ้าน เป็นห่วงทางบ้านค่ะ ห่วงคุณแม่(แม่ไล่ให้ไปเรียนต่อทุกวันเพราะเขาเชื่อว่าเรียนเยอะๆจะได้เงินเดือนดีๆ)
แต่ชีวิตเราไม่อยากเป็นลูกจ้างใครแล้วค่ะ เบื่อสังคม เบื่อชีวิตที่ไร้อิสระ เลยเริ่มมาค้นหาว่าแทนที่จะไปเรียน
มาหาวิธีทำเงินให้งอกก่อนแล้วค่อยไปเรียนก็ยังไม่สาย(อ้อ..คุณแม่ก็เป็น1ในคนที่มาสกัดดาวรุ่งนะคะ อิอิ)
หลายคนบอกให้ฝากธนาคาร...กินดอกเบี้ย...อื้อหืม แต่ก่อนเห็นคุณแม่บอกร้อยละ10 เดี๋ยวนี้ ถ้าตีเป็นเลขสวยๆใสๆก็ร้อยละ3....
เยอะจริงอะไรจริง เยอะจนไม่อยากฝากเลยค่ะ ก็เลยคิดว่าไม่ไหวแล้วล่ะ มันไม่ใช่ทางแห่งแสงสว่างซะแล้วล่ะ...
บ้างก็บอกให้ปล่อยเงินกู้....เข้าใจค่ะว่าการลงทุนมีความเสี่ยง...แต่อันนี้....คุณแม่บอก...โคตระระเสี่ยงค่ะ เสี่ยงทั้งเงิน...และชีวี จริงๆคุณแม่ก็ทำอาชีพนี้อยู่
แต่ไม่ประจำ คิดดอกไม่เยอะค่ะ เวลาใช้คืนทบต้นและดอกค่ะ (เพราะส่วนใหญ่คนแถวบ้านปล่อยร้อยละ3-20 อันหลังนี้โหดขริงๆค่ะ)
ไม่กล้าเอาเยอะ่ค่ะ แกบอกกลัวคนกู้แค้นใช้เงินไม่ทันแล้วมาปลิดชีพปาดคอ....ส่วนใหญ่จะทำแบบขายฝากเพื่อป้องกันความปลอดภัยของเงินตัวเอง
แต่ด้วยความที่เราเงินน้อย จะปล่อยเยอะก็ไม่ได้+ไม่น่าไว้ใจในอะไรอีกหลายๆด้านค่ะ
ที่ศึกษามาสองปี เป็นเพราะคิดว่ายังอ่อนประสบการณ์ และคิดว่ายังวิเคราะห์ไม่ค่อยเป็น เลยขอด้อมๆมองๆ...
บางคนรอบตัวก็ชอบมาเหน็บแนมว่า "เล่นถึงไหนแล้วล่ะ" "รวยรึยัง" "รวยเมื่อไหร่บอกด้วยนะ"
ส่วนเวลาไปคุยกับเพื่อนเรื่องพวกนี้เขาก็เมินหน้าหนีกันหมด เค้าบอกว่าเราคุยอะไรไม่รู้เรื่อง ทำงานเดี๋ยวก็ได้ตังค์ จะไปอะไรให้ยุ่งยาก(ซะงั้น)
เลยไม่รู้จะคุยกับใครเลยค่ะ(เหมือนจะเก็บกดนิดๆค่ะ 555)
ส่วนตัวเป็นคนไม่เครียด(เพราะไม่ชอบเครียด) เพราะงั้นแนวเก็งกำไรอาจจะมีบ้างแต่คงไม่ใช่สายหลักค่ะ
คิดว่าจะแยกเงินเก็บออกมาลงๆซัก5-7พันก่อน(อยากลงทุนแต่แอบเสียดายค่ะ ขอกั๊กๆไว้ก่อน) แรกๆยอมรับว่าอ่านหนังสือหุ้นแล้วท้อค่ะ ไม่รู้เรื่องเลย
ก็เลยอ่านๆหยุดๆบ้าง แต่หลังๆมาโหมอย่างจริงจัง(เมื่อกลางปี) ก็เริ่มรู้สึกดีค่ะเพราะเวลาไปเจอศัพท์เฉพาะของเขาเราเริ่มเข้าใจนิดๆ
(พวกpe roe roa nm ค่าgc อะไรแบบนี้) แต่ก็ยังต้องศึกษาอีกเยอะแยะมากมายมหาศาลค่ะ(ณ ปัจจุบัน ยังอ่านกราฟไม่เป็นเลยค่ะ - -" )
แบบว่าแพล่มมานาน(แอบดราม่านิดๆด้วย อิอิ) ก็ต้องขอขอบคุณทุกๆคนอีกครั้งเลยนะคะที่เข้ามาตอบกระทู้ มาให้กำลังใจ ขอบพระคุณมากเลยนะคะ
จากนี้ไป อาจจะต้องขอเคล็ดลับ เทคนิค วิชา และความรู้ต่างๆจากห้องนี้ ยังไงก็...น้องใหม่คนนี้ก็ต้องขอฝากเนื้อฝากตัวฝากแขนฝากขาและหัวใจด้วยนะคะ
ณ จุดๆนี้กลัวอย่างเดียวค่ะ...กลัวคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่องค่ะ T^T ยังไงก็รบกวนช่วยชี้แนะ+ฝากตัวด้วยนะคะ
edit : แก้คำผิดค่ะ
อยากลองอ่านกราฟเป็น
เอาเล่มนี้โหลดไปอ่านดูก่อนครับ เบสิค อ่านสิบรอบก็ได้ มากกว่านั้นก็ได้ครับ
http://inv4.asiaplus.co.th/cms/index2.php?ln=t&sc=asp_educationzone-analyze#education02