สปิริตแห่งโตโยต้า
ผมเพิ่งกลับจากญี่ปุ่น โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ชวนไปดูการแข่งรถ Fuji Sprint Cup 2012 ที่ฟูจิสปีดเวย์ ก่อนไปญี่ปุ่น ผมได้พบกับ คุณอาคิโอะ โตโยดะ ซีอีโอ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ทายาทตัวจริงของโตโยต้า ซึ่งบินมาเป็นประธานฉลอง 50 ปี โตโยต้าประเทศไทย ก็ได้ทักทายฟื้นความหลังกันเล็กน้อย เพราะเคยเจอกันครั้งหนึ่งที่ญี่ปุ่น
คุณอาคิโอะ ได้ประกาศในงานฉลองว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น โตโยต้าจะร่วมเติบโตเคียงข้างกับประเทศไทยตลอดไป ตามสโลแกน 50 ปีโตโยต้า ร่วมทางตลอดมา เคียงข้างตลอดไป เป็นการการันตีว่าโตโยต้าจะอยู่คู่เมืองไทยตลอดไป
ก่อนหน้านี้ คุณวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ได้เล่าให้ผมฟังว่า ปีนี้โตโยต้าเมืองไทยคาดว่าจะผลิตรถยนต์ได้กว่า 8 แสนคัน (จากยอดผลิตทุกยี่ห้อที่คาดว่าจะผลิตได้ 2.2 ล้านคัน และวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ จะมีฉลองยอดผลิต 2 ล้านคัน) ภาย 1-2 ปีข้างหน้า คาดว่าโตโยต้าจะผลิตรถได้ปีละ 1 ล้านคัน จากการปรับลดเวลาการผลิตเหลือ 56 วินาทีต่อ 1 คัน ซึ่งเร็วที่สุดในโลก
ถ้าการผลิตรถยนต์ในเมืองไทย เพิ่มขึ้นเร็วขนาดนี้ ผมเชื่อว่าสิ้นปีหน้า 2556 หรือภายในปี 2557 ไทยคงผลิตรถยนต์ได้ปีละ 3 ล้านคันแน่นอน เร็วกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ว่าจะผลิตรถยนต์ให้ได้ 3 ล้านคันในปี 2560
แต่ขณะที่ อุตสาหกรรมรถยนต์ในเมืองไทยทำกำไรกันมหาศาล อุตสาหกรรมรถยนต์ในญี่ปุ่นกลับขาดทุนมหาศาล โตโยต้าญี่ปุ่นก็ประสบชะตากรรมเดียวกัน ต้นทุนการผลิตแพงขึ้น แต่ต้องขายในราคาตํ่ากว่าทุน เพราะคนญี่ปุ่นวันนี้ซื้อรถยนต์กันน้อยลง สู้ค่ารถค่าที่จอดรถไม่ไหว และระบบรถไฟสารพัดชนิดในญี่ปุ่น ก็เดินทางสะดวกสบายกว่ารถยนต์ คนญี่ปุ่นจึงหันไปใช้บริการรถไฟกันมากขึ้น และโตโยต้ายังเจอวิกฤติการเมืองในจีน ทำให้ยอดขายในจีนลดลงมาก
ผมถาม คุณวิเชียร ว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ ในอนาคตโตโยต้าคงต้องปิดโรงงานในญี่ปุ่น ลดการผลิตลงและหันมาลงทุนผลิตในเมืองไทยแทน แล้วส่งกลับไปขายที่ญี่ปุ่น เพราะมีต้นทุนถูกว่า มีกำไรดีกว่ากันเยอะ
ผมฟังคำตอบจากคุณวิเชียรแล้วก็อึ้งไปเลย
คุณวิเชียร ตอบว่า บริษัทโตโยต้าญี่ปุ่น มี สัญญาใจ กับตัวเองว่า โตโยต้าจะผลิตรถยนต์ปีละ 3 ล้านคันในญี่ปุ่นต่อไป แม้จะขาดทุนมหาศาลก็ตาม เพื่อให้คนญี่ปุ่นมีงานทำ โตโยต้าจะนำกำไรจากทั่วโลกไปชดเชยการขาดทุนให้โตโยต้าญี่ปุ่นแทน
ผมอึ้งเพราะคิดไม่ถึงว่า ผู้บริหารโตโยต้าจะมีสปิริตอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ นี่คือ ความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างแท้จริง เป็น CSR ของแท้ ไม่ใช่เอากำไรมาทำซีเอสอาร์พอเป็นพิธี เพื่อประชาสัมพันธ์เอาหน้า แต่การรับผิดชอบต่อสังคมที่แท้จริง จะต้องมีความเสียสละอันยิ่งใหญ่เช่นนี้
เขียนเรื่อง สปิริตโตโยต้าญี่ปุ่น แล้ว ผมก็คิดถึงการ ขึ้นค่าแรงขั้นตํ่าวันละ 300 บาททั่วประเทศ ที่กำลังได้รับการต่อต้านจากนักธุรกิจกลุ่มหนึ่ง อ้างว่าค่าแรง 300 บาท ทำให้ต้องปิดโรงงานกันมากมาย ที่ ตลก หรือ โกหก ก็ไม่รู้บอกว่า โรงงานสิ่งทอ จะย้ายจากต่างจังหวัดมาตั้งโรงงานมาอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลแทน เพื่อลดต้นทุนการขนส่งและบุคลากร
คนคิดได้อย่างนี้ สมองคงต้องนิ่มสุดๆ ไม่รู้ว่า ค่าที่ดิน ค่าโรงงาน ในกรุงเทพฯแพงกว่าต่างจังหวัดหลายเท่า เทียบกับค่าแรงวันละ 300 บาทไม่ได้เลย
เมื่อเทียบ สปิริตโตโยต้า ที่ยอมขาดทุนจากการผลิตและการขายรถในญี่ปุ่นปีละ 3 ล้านคัน เพื่อให้คนญี่ปุ่นนับแสนคนมีงานทำต่อไป กับ สปิริตนักธุรกิจไทย ที่ประกาศจะปิดโรงงาน ย้ายโรงงาน เพื่อไม่ยอมจ่ายค่าแรงขั้นตํ่าวันละ 300 บาท ผมก็ไม่รู้จะเทียบกับอะไรดี เมื่อไรเราจะมีนักธุรกิจที่มีสำนึกสปิริตอันสูงส่งแบบนี้ เพื่อทดแทน ความโลภ ที่กำลังกลืนกินสังคมไทย.
ลม เปลี่ยนทิศ
-------------------
ส่วนตัวอยากให้บริษัทคนไทย รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันบ้างครับ
สปิริตแห่งโตโยต้า : ไปอ่านมาแล้วชอบครับ
