ตามข่าว bangkokbiznews.com
นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีข่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยหลังตรวจเยี่ยมการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่รับเรื่องขอคืนภาษีใน โครงการรถยนต์คันแรกของรัฐบาลที่กรมสรรพสามิตวานนี้(18 ธ.ค.)โดยเขาประเมินว่าโครงการรถยนต์คันแรกของรัฐบาล อาจทะลุ 1 ล้านคัน ภายในปลายปีนี้ โดยมีเม็ดเงินภาระภาษีที่ต้องคืนประมาณ 7 หมื่นล้านบาท
เขากล่าวด้วยว่า จนถึงขณะนี้มียอดคนยื่นเอกสารเพื่อขอใช้สิทธิ์ขอคืนภาษีตามโครงการนี้แล้ว 9.1 แสนคัน คิดเป็นเม็ดเงินภาษีที่ต้องคืนให้กับผู้ซื้อรถยนต์ ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท และ ณ ปัจจุบัน ผู้ซื้อรถยนต์ตามโครงการนี้ ที่ครอบครองรถยนต์ ครบกำหนด 1 ปีแล้ว ได้รับคืนภาษีไปแล้วประมาณ 3 หมื่นราย คิดเป็นเม็ดภาษีที่คืนไปแล้วประมาณ 2 พันล้านบาท
"ยอดการยื่นขอใช้สิทธิ์ตามโครงการนี้ยังคงทยอยมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ย วันละ 3.5 หมื่นคัน จากทั่วประเทศ ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ยอดการใช้สิทธิ์ จะทะลุ 1 ล้านคันภายในสิ้นปีนี้"เขากล่าว
ทั้งนี้ กรมสรรพสามิต และสรรพสามิตพื้นที่ทั่วประเทศ จะเปิดให้บริการแก่ประชาชน ที่จะยื่นขอคืนภาษี อย่างไม่มีวันหยุด จนถึงวันที่ 31 ธันวาคมนี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของโครงการนี้ โดยวันจันทร์ ถึงศุกร์ เปิดให้บริการตั้งแต่ 7.00 น ถึง 20.00 น และเสาร์ และอาทิตย์ เปิดให้บริการ 8.30 น ถึง 16.30 น
เขากล่าวอีกว่า โครงการนี้แม้ว่ารัฐบาลจะสูญเสียรายได้จากเม็ดภาษีสรรพสามิตที่ควรจะได้รับ แต่ขณะเดียวกันกรมสรรพสามิตหรือรัฐก็จะได้รับภาษี ทั้งจากมูลค่าเพิ่ม และภาษีนิติบุคคล จากการซื้อขายรถยนต์ตามโครงการนี้ มากขึ้นด้วย ซึ่งกรมสรรพสามิตจะประเมินผลว่า จะได้เม็ดภาษีทั้งสองตัวนี้เป็นจำนวนเท่าไหร่ หลังวันที่ 31 ธันวาคมนี้
นาย ทนุศักดิ์กล่าวอีกว่า การวิจารณ์ว่าโครงการนี้ เป็นการกระตุ้นให้ประชาชนบริโภคมากเกินไปนั้น ทำให้หนี้ภาคประชาชนสูงขึ้น แต่ในมุมมองของตนเห็นว่า คนที่เริ่มชีวิตทำงาน แล้วมีภาระในการผ่อนรถยนต์ จะทำให้มีความขยันมากขึ้นในการทำงาน เพื่อหาเงินมาผ่อนรถยนต์ ดังนั้น เมื่อมีรถยนต์ 1 ล้านคันที่เข้าโครงการนี้ ก็หมายความว่า มีคนอีก 1 ล้านคนที่จะขยันทำงานมากขึ้น
ส่วนประเด็นที่ระบุว่า โครงการนี้ทำให้รถติดในกทม.มากขึ้นนั้น เขากล่าวว่า ไม่น่าจะเป็นความจริง เพราะจนถึงปัจจุบัน รถที่ได้รับสิทธิ์คืนภาษี ส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับรถยนต์เลย และผู้ที่จองซื้อรถยนต์และใช้สิทธิ์ขอคืนภาษี ในพื้นที่ กทม.มีเพียง 30 % เท่านั้นจากยอดการใช้สิทธิ์ทั้งหมด
ปล.อ่านแล้วรถคงติดมากขึ้นอีกเยอะเลยครับ