|
ความคิดเห็นที่ 1 |
|
และย้ำกันอีกรอบ กับสิ่งที่ผมเจอบนถนน กทม. ทุกวันๆ
-----------------------
Bangkok Guideline สิ่งที่ควรรู้หากต้องอยู่ใน กทม.
E-Mail : siam_shinsengumi@hotmail.com FaceBook : Siam Shinsengumi
ก่อนอื่นต้องกล่าวว่า สวัสดีหลังวันสิ้นโลก ครับ ในที่สุดวันสิ้นโลก 21/12/2012 ได้ผ่านพ้นไปแล้ว และเราๆ ท่านๆ ยังมีชีวิตอยู่ โลกใบนี้ก็ยังอยู่ ไม่มีแม้กระทั่งพายุสุริยะ ที่จะทำให้ระบบไฟฟ้า โทรศัพท์ และอินเตอร์เน็ตล่ม (แต่ผมกำลังจะเป็นบ้า เพราะการจราจรใน กทม. มีแต่จะติดขึ้นๆ ตามนโยบายรถคันแรก ที่มีรถใหม่ๆ ออกมาวิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ขนาดคุณสรยุทธ์ ยังถามว่า แล้วปีหน้าจะอยู่ยังไง เพราะรถใหม่จะตามมา รวมกันได้ 1 ล้านคัน)
เหนื่อยครับเหนื่อย..วันนี้ผมบอกว่าผมไม่ชอบนโยบายรถคันแรก ก็หาว่าผมเป็นสลิ่มมั่ง เป็นพวกมีรถอยู่แล้วเลยไม่อยากให้ใครมาแย่งถนนมั่ง เอ่อ..ผมบอกไปไม่รู้กี่รอบแล้วนะครับ ว่าผมใช้รถเมล์เป็นหลัก รถไฟฟ้าเป็นรอง แท็กซี่เป็นอันดับสาม เพราะไม่มีรถส่วนตัวครับ เอาเถอะ...พอดีอาทิตย์นี้ไม่มีอะไรจะเขียน เลยขอระบายสิ่งที่ผมพบใน กทม. มาเป็นข้อๆ ตามนี้ละกันครับ เป็น Guideline หากคุณจะใช้ชีวิตในเมืองหลวงแห่งนี้ให้รอด
1.ถ้าคุณอยากนั่ง (ย้ำว่าอยากนั่ง) รถเมล์ไปทำงานสบายๆ คุณไม่ควรออกจากบ้านช้ากว่า 6 โมงเช้า ไม่งั้นคุณได้ยืน และไม่ใช่ยืนแบบธรรมดา แต่ยืนแบบเบียดกันแทบไม่มีที่หายใจ (ผมเคยเจอพวกตื่นเช้าสุด ตี 3 ครึ่ง บริเวณ BTS สะพานควาย ยืนรอรถเมล์กันแน่นแล้วครับ รองลงมา ก็ตามเส้นถนนวิภาวดี ตี 4 ครึ่ง คนก็แน่นรถแล้วครับ)
2.ถ้าคุณขับรถ เช่นกัน คุณไม่ควรออกจากบ้านหลัง 6 โมงเช้า ไม่งั้นคุณจะต้องติดหนึบ เดี๋ยวนี้ไม่ว่าฝั่งธนหรือพระนคร ก็ติดกันถ้วนหน้า
3.เลี้ยวซ้ายผ่านตลอด บางทีมันก็ไม่ผ่านตลอด เพราะพวกจะตรงไป มักจะเข้าไปจอดขวางทางเสมอ (และบางคนนิยมไปจอดบนทางม้าลาย)
4.ไฟแดงสี่แยก แทบทุกครั้งแม้ไม่ใช่คิวช่องทางของตน แต่ช่วงเสี้ยววินาทีที่ต่างฝ่ายต่างชะงัก จะต้องมีมอเตอร์ไซค์บางคันวิ่งฝ่าไฟแดงไปเสมอ (ส่วนใหญ่เป็น Messenger หรือพี่วินรับจ้าง และเด็กแวนซ์ตามลำดับ)
5.บางครั้ง ไฟจราจรสี่แยก แม้จะเป็นไฟเขียว แต่คุณก็ไปไม่ได้ เพราะอีกทางหนึ่ง แม้จะไฟแดง แต่ด้วยความที่รถติด จึงมีหลายคนใช้กลยุทธ์ ไหลตามน้ำ วิ่งจ่อรถคันหน้าในจังหวะไฟเหลือง ทำให้พอไฟแดงพอดี รถคันดังกล่าวก็จะไหลตามไป แม้จะเป็นไฟแดงไปแล้วก็ตาม (แน่นอนว่าตำรวจก็เอือม ไม่อยากจับแล้ว) บางครั้งอาจเห็นรถไหลในกรณีนี้ได้ถึง 5 คัน ทำให้เลนที่ได้ไฟเขียว ช้าไปเกือบ 10 วินาที กว่าจะออกได้เลยทีเดียว
6.รถเมล์สังกัด ขสมก. เป็นพวกซื่อสัตย์กับกฏระเบียบมากๆ แม้ว่ารถจะติดแค่ไหน แต่คนขับจะไม่ยอมเปิดประตูให้คุณลงนอกป้ายเป็นอันขาด ถึงคุณจะกดกริ่งยังไงก็ตาม (แหม..บางทีดูสถานการณ์บ้างก็ได้ ^ ^!)
7.แต่รถร่วมบริการ จะเป็นตรงกันข้าม นอกจากจะเปิดให้ลงนอกป้ายได้แล้ว บางครั้งแม้จะขับออกจากป้ายไปแล้ว แต่ถ้าเจอผู้โดยสารเรียกกลางทาง ก็จะจอดให้ขึ้นเสมอ แม่ว่ารถจะไม่ติดเลยก็ตาม (นี่ก็ตรงข้ามข้อบนอย่างสุดขั้วเลย - -!)
8.ป้ายรถเมล์บริเวณชุมทาง และจุดที่ใกล้ห้างใหญ่ๆ ทั้งหลาย ถ้าตำรวจหรือสายตรวจ ขสมก. ไม่มาคุมที่ป้าย จะต้องมีรถร่วมบริการบางสาย พยายามแกล้งขยับรถช้าๆ เพื่อรอผู้โดยสาร โดยเฉพาะถ้าป้ายนั้นอยู่ใกล้ไฟจราจรที่มีทางม้าลาย
9.และมันจะยิ่งวุ่นมากขึ้น ถ้าจุดนั้นมีทั้งรถเมล์ร่วมฯ , สองแถว , แท็กซี่ , รถกระป๋อง วิ่งอยู่บนทางเดียวกัน เพราะแต่ละคัน จะแข่งกันลากผู้โดยสารเต็มที่ ทำให้รถติดยาวได้ง่ายๆ
10.เวลาจะขึ้นรถเมล์ เมื่อคุณเห็นรถสายที่ท่านต้องการขึ้นมาในระยะลิบๆ สายตา จงเตรียมตัวเตรียมใจ เท้าคุณต้องขยับ หรือภาษานักมวยเรียกว่า ฟุตเวิร์ค (Foot Work) ถ้าคุณมีฟุตเวิร์คดี ท่านจะสามารถ Block ประตูทางขึ้นได้อย่างสบายๆ ตั้งแต่รถยังไม่จอด ซึ่งนั่นจะเพิ่มโอกาสให้คุณได้ที่นั่งบนรถมากขึ้น เพราะเมื่อรถจอดแล้วคนลงมาเสร็จสิ้นแล้ว คุณสามารถเดินขึ้นได้เป็นคนแรก
11.เมื่อคุณอยู่บนรถเมล์ จงใช้หลัก พลิก พลิ้ว ลอด หลบ ให้เหมือนงูหรือปลาไหล สายตาจ้องไปรอบๆ เมื่อเห็นคนลุก จงมุดเข้าไปทันทีเพื่อให้ได้ที่นั่ง
12.จากข้อ 10 กับ 11 จงยึดหลัก ไร้ความปรานี ไม่ฆ่าเขาเราก็ถูกฆ่า เพราะจะไม่มีใครลุก หรือให้ที่คุณนั่ง แม้ว่าคุณจะเป็นผู้หญิง เด็ก คนแก่ หรือคนที่ถือของมาเยอะๆ ก็ตาม ฉะนั้น..จงแย่งที่นั่งมาซะ!
13.และจากข้อ 10 11 และ 12 คุณสามารถใช้มันได้กับรถไฟฟ้า BTS
14.คุณสามารถฝึกฟุตเวิร์ค และประสาทสัมผัสตอบโต้ของคุณ ได้จากการเดินบนทางเท้าใน กทม. เพราะบนนั้นมีทั้งหาบเร่แผงลอย (แน่นอนคนซื้อก็เยอะ) , มูลสุนัข , สุนัขจรจัดที่พร้อมจะเห่าหรือกัดคุณ , มอเตอร์ไซค์ที่วิ่งผ่านไปมา หรือแม้กระทั่งแท็กซี่ที่จอดริมถนน แล้วเปิดประตูมาโดยไม่ดูรอบๆ แต่อย่างใด
15.บน BTS และรถไฟใต้ดิน คุณจะพบพวกบ้า Chat โทรศัพท์และแท็บเล็ตได้ทั่วไป โดยเฉพาะสาวออฟฟิศสวยๆ น่ารักๆ ทั้งหลาย พวกนี้เป็นพวกขา Chat ตัวแม่เลยทีเดียว ซึ่งก็มักจะเกะกะทางเดิน และหลายคนเลือกที่จะพิงเสา ทั้งที่เสาเขามีไว้ให้จับได้หลายคน (แต่คุณเธอไม่แคร์)
16.ทางม้าลาย (หรือแม้แต่ไฟจราจร) ก็ไม่ค่อยมีประโยชน์ ถ้าไม่มีตำรวจยืนกำกับด้วย เพราะถ้าท่านคิดจะข้าม รถจำนวนมาก พร้อมที่จะเร่งเครื่องขู่คุณเสมอ
17.แต่ในข้อ 16 ยกเว้นรถเมล์ ไม่ว่ารถร่วมหรือ ขสมก. พวกเขามักจะยอมให้คุณข้าม (ใจดีในบางโอกาสสินะ?)
18.ทางเลี้ยว ท่านควรจะระวังตัวเป็น 2 เท่า เพราะรถจำนวนมาก เลี้ยวไม่ยอมเปิดไฟ
19.จากข้อ 18 แต่รถบางคัน คนขับใช้วิชา สับขาหลอก ด้วยการเปิดไฟเลี้ยวทางหนึ่ง แต่เลี้ยวไปอีกทางหนึ่งกระทันหัน เพื่อชิงจังหวะขึ้นแซง
20.ถ้าท่านเห็นวัยรุ่น แต่งเครื่องแบบ นศ. ท่าทางนิ่งๆ ตาลอยๆ เหมือนคนระวังตัว อยู่ห่างๆ ไว้ หรือจะไปขึ้นรถคันอื่นก็ได้ เพราะให้สังหรณ์ไว้ก่อน เด็กคนนี้เรียนอาชีวะ และอาจมี ร.ร.คู่อริตามมาพบ อย่างเบาคือวิ่งขึ้นมาตี หรืออย่างหนักคือยิงขึ้นมาบนรถ อันตรายมาก
21.สาเหตุหนึ่งที่แท็กซี่ไม่รับผู้โดยสาร คือเขากลัวผู้โดยสารจะปล้นหรือฆ่าเขา (เช่นเดียวกัน ผู้โดยสารก็กลัวนะ T_T!) 22.และอีกสาเหตุ ปั๊มแก๊สใน กทม. ยังไงก็ไม่พอ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจ ว่าบางครั้งคุณอาจเห็นแท็กซี่ต่อแถวยาวไปหลายร้อยเมตรเพื่อเติมก๊าซ
23.ถ้าคุณขับรถยุโรปหรูๆ คุณจะไม่ถูกตำรวจเรียก (คิดเอาเอง)
24.แต่ถ้าคุณขับรถเก่าๆ หรือรถญี่ปุ่นถูกๆ เขาจะเรียกคุณแทบทุกจุด ทุกด่าน
25.และจะยิ่งถูกเพ่งเล็ง ถ้าคุณขี่มอเตอร์ไซค์
26.แต่ถ้าเป็นมอเตอร์ไซค์ Big Bike คุณจะแทบไม่ถูกเรียกเลย (คิดเอาเองเหมือนกัน)
27.อย่าเชื่อในแผนการเดินทางของคุณ ไม่ว่าคุณจะวางแผนอะไรไว้ การจราจรใน กทม. จะทำให้เกิดเรื่องไม่คาดคิดเสมอ
28.แม้จะมีกฏหมายกำหนดว่ารถประเภทใดบ้างที่อนุญาตให้ติดเสียงไซเรนได้ แต่เราจะพบรถที่ติดเสียงเหล่านี้ (และแม้กระทั่งไฟด้วย) ได้ทั่วไป ไม่เว้นแม้แต่เด็กแวนซ์ หลายคันก็ติดเสียงไซเรนที่มอเตอร์ไซค์ได้เช่นกัน
29.รถพยาบาล รถกุ้ภัย เปิดไซเรนไปก็ไม่มีความหมาย เพราะยังไงรถมันก็ติด ไปไหนไม่ได้หรอก
30.แม้คุณจะเกลียดหาบเร่แผงลอยแค่ไหน แต่รู้ไว้เถอะว่า มันคือคลังเสบียงที่ดี ไว และถูก เหมาะสำหรับคน กทม. ที่เร่งรีบแข่งกับเวลา (และการจราจร) และรายได้น้อย (อย่าคิดว่ามีแต่คนจน คนโรงงานที่ซื้อ แม้แต่หนุ่มสาวออฟฟิศ หล่อๆ สวยๆ แต่งตัวดีๆ ก็ใช้บริการหาบเร่แผงลอยพวกนี้ทั้งสิ้น)
31.รถเมล์ฟรีถือเป็น Bonus พิเศษ ใครๆ ก็อยากขึ้น ตั้งแต่เด็กนักเรียนหัวเกรียน ยันสาวออฟฟิศขาวๆ ใสๆ
32.แต่บางครั้งอาจมีแขกไม่พึงประสงค์ เพราะคนเร่ร่อนจรจัด ก็มักจะขึ้นรถเมล์ฟรีเช่นกัน (ถ้าท่านคิดว่าทนพวกเขาไม่ได้ ท่านไม่ควรเสี่ยงขึ้นรถเมล์ฟรี ไปขึ้นรถเสียเงิน หรือปรับอากาศสบายใจกว่า)
33.ถ้าผมเป็นนายกรัฐมนตรี ผมจะเสนอให้แก้กฏหมาย อนุญาตให้คนนั่งบนหลังคารถได้ เพราะในความเป็นจริง รถเมล์แทบทุกสาย คนจะแน่นมากในช่วงเร่งด่วน (05.00-09.00 น. และ 16.00-21.00 น.) แม้กระทั่งบางสายที่มีทั้งรถธรรมดา ขสมก. , รถร่วมมินิบัส , รถปรับอากาศ แทบจะมากันนาทีละคัน ในช่วงเวลาดังกล่าว ก็ยังพบว่าทุกคันคนแน่นจนแทบจะปิดประตูรถไม่ได้อยู่เสมอ
34.เช่นเดียวกันกับข้อ 33 บนรถสองแถวหรือรถกระป๋อง ผู้โดยสารบางคนอาจเป็นจอมยุทธ์แฝงตัวมา เพราะพวกเขาสามารถยืนที่ท้ายรถ มือทั้งสองข้างเกาะราวพร้อมๆ กับถือของ ในขณะที่เท้าทั้งสองยืนหมิ่นเหม่กับพื้นท้ายรถ (หรือบางคนเหนือกว่านั้น ยืนด้วยเท้าข้างเดียว เพราะอีกข้างไม่มีที่เหยียบ)
35.แท็กซี่ส่วนใหญ่ เหตุผลในการรับผู้โดยสารฟังแล้วน่าเห็นใจ เพราะเข้าใจในสภาพการจราจร + มิจฉาชีพ (เติมก๊าซ ส่งกะ เสี่ยงภัย) ที่เดาทางอะไรไม่ได้ใน กทม. แต่บางคัน มันก็น่าหมั่นไส้ เพราะพี่แกจ้องจะรับแต่ฝรั่ง โดยเฉพาะตามสนามบิน หรือแหล่งชุมนุมนักท่องเที่ยวทั้งหลาย
36.ขับรถใน กทม. ถ้าไม่คิดจะเป็นนักเลงตามเพลง สู้ (ศรราม-เทพพิทักษ์ ประกอบละคร ตี๋ใหญ่ ปี 2542) ที่ร้องว่า ไม่สู้ก็ตาย จะสู้จนตาย ก็จงอยู่อย่างหดหัว ถ่อมตน ใครอยากแซง อยากปาด ก็ทำไปเถอะ รักษาชีวิตกลับไปหาลูก เมีย ผัว พ่อ แม่ ฯลฯ บลาๆๆ ดีกว่า
37.แต่ถ้าคุณเลือกไม่สู้ คุณจะต้องคำนวณเวลาเดินทางคูณ 2 เป็นอย่างน้อย เพราะรถส่วนใหญ่จะแซง จะปาดคุณ เพราะคุณอ่อนแอเกินไป
38.แต่ถ้าคุณเลือกสู้ หาปืนมาพกซะ เพราะรู้ไว้เถอะว่า รถแทบทุกคัน มีอาวุธเช่นแป๊บเหล็ก , คมแฝก , สปาต้า , ดาบซามูไร เก็บไว้เสมอ ถ้าคุณมีปืน ถึงไม่ยิง ก็ยังเอาไว้ขู่ได้
39.กทม. คนเยอะมาก ไม่ต้องแปลก เมื่อมีอุปทานเสนอ (ความต้องการกินอย่างเร่งด่วน หรือใช้ของราคาไม่แพง) ก็ต้องมีอุปสงค์ (หาบเร่แผงลอย ตลาดนัดบนทางเท้า) มาสนองเช่นกัน เพราะร้านอาหารหรือห้าง ยังไงก็ไม่พอกับจำนวนคนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่รายได้ก็ไม่ได้สูงเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ
40.จาก 39 ข้อที่ผ่านมา ใครที่แก้ปัญหารถติดใน กทม. ได้ สมควรยกขึ้นเป็นเทพเจ้า อย่างที่คนจีนเขายกกวนอู , เปาบุ้นจิ้น , งักฮุย , ขงจื้อ เป็นเทพเจ้าให้คนรุ่นหลังกราบไหว้กัน เพราะคนเหล่านี้ สร้างวีรกรรมสะท้านสะเทือนแผ่นดิน ที่คนทั่วไปยากจะทำได้ ดังนั้นหากใครแก้ปัญหารถติดใน กทม. ได้ ไม่ใช่แค่ยกย่องระดับรัฐบุรุษ แต่ต้องให้เป็นเทพเจ้า มีอนุสาวรีย์ไว้กราบไหว้บูชากันเลยทีเดียว (แต่ใครจะทำได้ละ?)
สรุปทั้ง 40 ข้อ ผมก็ขอสรุปง่ายๆ ว่า หากคุณจะอยู่ กทม. จงยึดหลัก กายต้องว่องไว ใจต้องไม่ลังเล เพราะถ้าคุณไม่ทำเช่นนี้ คุณจะอยู่ไม่รอด ถูกคนรอบตัวเอาเปรียบอยู่ร่ำไป
ขอให้โชคดี เจอกันใหม่สัปดาห์หน้า ส่งท้ายปีครับ
----------------------------
ปล.ฝากอีกนิด สาวๆ ที่รอรถเมล์ ช่วยตัดสินใจไวๆ สนใจมองถนนหน่อยนะครับ หลายทีแล้ว คนขับจะออกจากป้าย คุณเธอเพิ่งหยุด chat หยุดคุยกับเพื่อน แล้ววิ่งมาขึ้นรถทั้งที่รถจอดมาพักหนึ่งแล้ว (คนขับทั้งหลาย รวมทั้งผู้โดยสารอย่างผมด้วย รำคาญครับ)
----------------------
อยากบอกดังๆ ว่า "กทม.ทุกวันนี้ แ-ง เถื่อน ไม่แน่จริงบอกเลยว่าอยู่ไม่ได้"
จากคุณ |
:
Siam Shinsengumi
|
เขียนเมื่อ |
:
26 ธ.ค. 55 18:57:54
A:64.250.114.68 X: TicketID:383906
|
|
|
|
|