เหตุการณ์ที่6 หลังจากที่ผมได้รับการแนำนำจากพ่อเพื่อนแล้ว ผมมีสิ่งที่ค้างคาใจอย่างหนึ่งครับ พ่อเพื่อนบอกว่า ท่านแม่ ใส่ชุดขาว แบบนุ่งขาวห่มขาว คือในความรู้สึกผมและแม่ของผม คิดว่าท่านแม่ สวมชุดไทยแบบสไบน่ะครับ และคืนต่อมาจากวันนั้นครับ ผมฝัน ฝันถึงท่านแม่ ซึ่งในฝันท่านโกรธลูกค้าคนหนึ่ง ที่มาลบหลู่ท่าน ท่านเปิดหน้าต่าง (ถ้าจากในภาพ เป็นบ้านชั้นสองด้านซ้าย หากหันหน้าเข้าบ้าน) ออกมายืนบนสังกะสี และจ้องหน้าลูกค้า แล้วผมก็สะดุ้งตื่น ตอนเช้าผมเอาเรื่องนี้มาคุยกับแม่ผม และบอกแม่ว่า ท่านแม่สวมชุดสีชมพู แบบสไบ แม่ผมได้ยินแล้วอึ้ง แต่ผมก็อึ้งกว่าในสิ่งที่แม่บอกกลับมาว่า คืนนั้นแม่ก็ฝัน และเห็นท่านแม่สวมชุดไทย สีออกม่วงๆ ชมพูๆ โทนสีนั้น
เหตุการณ์ที่7 ขอย้อนกลับไปนิด ผมเล่าข้ามเหตการณ์สำคัญอีกหนึ่งเหตุการณ์ไป ช่วงก่อนที่จะเปิดร้าน ตอนนั้นเราตกแต่งกันอยู่ และเป็นประจำเหมือนทุกวัน ช่วงค่ำเราตั้งวงกันประจำ ในค่ำนั้น(ตอนนั้นเรายังไม่รู้เรื่องท่านแม่) มีพี่ที่ผมเคารพท่านหนึ่งมาเยี่ยม แกผ่านมาพอดีและเห็นผมจึงถามว่าทำไรกัน ตอนที่แกมายืนหน้าร้าน ผมกำลังจะเดินออกไปรับ เห็นแกมองไปบนบ้านชั้นสองและพยักหน้ายิ้ม ช่วงจังหวะนั้นมีผมคนเดียวที่เห็นอาการแก ผมก็งง งง และพาแกเข้ามาร่มวงแกก็บอกว่า อ่าวแล้วแฟนเราไปไหนล่ะ ม่ะกี๊เห็นยืนอยู่ตรงหน้าต่างข้างบน ... เล่นเอาทั้งวงเงียบกริบ แกสังเกตเห็นก็พูดต่อว่า แกอำเล่น ฮ่า ฮ่า (ก็จะไม่เงียบได้ไงล่ะครับ เพราะวันนั้นไม่มีผู้หญิงมาซักคนและแถม ไม่มีใครอยู่บนบ้านด้วย) พอแกบอกว่าแกอำ เพื่อนๆผมค่อยยิ้มได้หน่อย พอแกคุยสักพักก็ขอตัวกลับ และให้ผมเดินิิกมาส่ง แลแกก็บอกผมว่า "พี่ไม่ได้อำนะ แต่เห็นว่าพวกเราตกใจ จึงเปลี่ยนเรื่องให้ขำกัน" แกบอกว่า แกเห็นผู้หญิง สวย ผมยาว ยืนตรงหน้าต่าง ยิ้มให้แก และพยักหน้ให้แก แกยังยิ้มและพยักหน้าตอบ แกคิดว่าเป็นแฟนผม ผมถามต่อว่า เค้ามีท่างทางอย่างไร เป็นมิตรไหม พี่แกบอกว่า ดูเป็นมิตร ใจดี .... พี่ผมคนนี้ เคยเป็นอาจาย์สถาบันอาชีวะ แต่ปัจจุบันมาทำธุรกิจบ้านจัดสรรค์ และมีดีกรีปริญญาเอกครับ
เหตุการณ์ที่8 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเด็กในร้านผมเอง ตอนนั้นปิดร้านแล้ว เด็กพวกนี้ก็เก็บข้าวของ ไปไว้ในครัวกัน และต้องเดินผ่านข้างบ้าน ซึ่งในบ้านจะมีตู้โค้กที่ใส่เครื่องดื่มอยู่ ระหว่างที่มันเดินเอาของไปเก็บในครัวนั้น สายตามันเหลือบไปเห็นผู้หญิงสวมชุดไทย หันมาจ้องมองมัน มันทิ้งจานชามลงพื้นแตกกระจาย วิ่งหัวหกก้นขวิด มากองตรงหน้าร้าน นั่งพับกับพื้น ผมเลยบอกว่า เอ็งทำไรไว้หรือเปล่า ไปขอขมาท่านซะ วันต่อมามันก็ให้ผมพาขึ้นไปขอขมาครับ
เหตุการณ์ที่9 เรื่องนี้เกิดตอนผมไม่อยู่ ตอนนั้นผมสนิทกับผู้กำกับสถานีตำรวจแห่งหนึ่งในลพบุรี ท่านมาที่ร้านประจำและมักชวนเพื่อนๆทั้งหญิงชายมาที่ร้านและเล่าเรื่องลี้ลับต่างๆให้เพื่อนๆฟัง ผมก็งง แกไปรู้มาจากไหน ทั้งๆที่บางเรื่องผมไม่เคยเล่า แถมยังมีเรื่องที่ผมไม่รู้อีกแน๊ะ (ตอนหลังทราบว่าแกร้จากยาม ยามคนนี้ของผมก็โดนไปหลายชุดเหมือนกัน) เรื่องของ ผู้กำกับมีอยู่ว่า อย่างที่บอกแกชอบชวนเพื่อนๆมาฟังเรื่องร้านผมบ่อยๆ วันหนึ่ง แกชวนลูกน้องแกมา เป็นรองผู้กำกับ มากับภรรยา แกก็เล่าเรื่องต่างๆตามสเต็ป แต่ผมไม่อยู่ตอนนั้น แกโทรเรียกผมมาแล้วแต่ผมยังเดินทางมาไม่ถึงร้าน พอผมมาถึงร้าน แกไม่อยู่กันแล้ว ผมก็งง จึงถามเด้ก เด้กบอกว่า ท่านไปแล้วรีบเช็คบิลออกไปก่อน ผมจึงโทรหาแกว่า ขออภัยครับที่ผมมาช้า มาไม่ทันท่าน แกบอกว่า ไม่เป็นไร และเล่าให้ฟังว่า หลังจากแกเล่าเรื่องท่านแม่ให้ลูกน้องและภรรยาฟัง ทั้งสองคนดูจะไม่เชื่อ และขำๆออกแนวลบหลู่ และในจังหวะนั้นเอง อยู่ๆ หน้าต่างชั้น2เปิดออกมาดื้อๆ (กลุ่มของแกนั่งตรงด้านขวาของบ้าน ถ้าหันหน้าเข้าตัวบ้าน จะเห็นหน้าต่างเล็กบานเดียวตรงชั้น2 คือบานนั้นแหละที่เิปดออก) ทั้งกลุ่มหันขึ้นไปมอง และพบว่า มีผู้หญิงใส่ชุดไทย ยืนจ้องเขม็งมาที่ภรรยาของรองผู้กำกับ ภรรยารองผู้กำกับร้องเสียงหลงเลย และรีบเดินกลับขึ้นรถหน้าร้าน ผู้กำกับจึงสั่งเช็คบิลและกลับไปก่อน
เหตุการณ์ที่10 เหตุการณ์นี้ เกิดกับผมเอง แม้จะไม่ใช่ประสบการณ์ที่พบเห็นอะไร แต่ มันเกิดเหตุประหลาดใจอย่างสูง และเรื่องนี้ จบลงด้วยการเสียชีวิตขอคุณตาเจ้าของบ้านครับ
เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงปีที่สามของการเิปิดร้าน ซึ่งกำลังจะหมดสัญญาเก่า ซึ่งบรรยากาศของผมและคุณตาเจ้าของบ้านไม่สู้ดีนัก คุณตาต้องการเพิ่มค่าเช่า ผมก็ไม่ยอม และด้วยความที่เป็นวัยคะนอง ผมก็ออกก้าวร้าวแกับแกนิดๆ ในใจคิดว่าร้านเราติดแล้วย้ายที่ใหม่ก็ได้ว่ะ และสรุปว่า ราวอีก หนึ่งอาทิตย์สัญญาเช่าจะหมดลง และได้ข่าวว่า คุณตาแกตกลงจะให้ สจ.ท่านหนึ่ง ที่ลพบุรีเช่าต่อ สจ.ท่านนั้นถึงขนาดลงทุนไปซื้อข้าวของไว้แล้วเพราะกะว่ายังไงได้เซ้งร้านต่อจากผมแน่ๆโดนไม่เสียเงินซักบาท ลืมเรื่องนี้ไป บ้านคุณตาอย่างที่บอกแกอยู่ข้างหลังร้านผมนั่นเอง ตอนนั้นร้านต่ำมาก พอน้ำมาน้ำจะขังพอควร แต่สักพักเดียวก็ยุบ และพอดีช่วงนั้นมีการทุบตึกใกล้ๆจากร้าน คุณตาแกไปขอเศษอิฐหินดินทรายจากซากตึกที่เค้าทุบทิ้ง เข้ามาถม พื้นให้สูงขึ้น (โบราณว่าไว้ อย่าได้เอาเศษซากตึกเก่ามาถมในบ้านมันอัปมงคล) ในเวลานั้น หลังจากผมรู้ว่าคุณตาไปตกลงกับ สจ.คนนั้น และไม่ต่อสัญญากับผมแน่นอนนั้น ผมก็ใจเสียนะครับ และหมดอาลัยตายอยาก แต่ทำเป็นเก่งไปงั้นเอง เพราะกิจการเรากำลังไปได้ด้วยดี ผมนึกถึงท่านแม่ และขึ้นไปกราบท่านทุกวันเหมือนอย่างเคย แต่ค่ำนั้น ซึ่งอีกอาทิตย์เด่วผมต้องออกขากที่ตรงนั้นแล้ว ผมนั่งตรงที่ตั้งเครื่องเซ่นไหว้ท่านแม่อยู่นาน อาการเสียวสันหลัวไม่มีแล้วประเด็นสำคัญคือมาลาท่าน และบอกว่า หากผมมีบุยได้อยู่ร่วมกับท่านแม่ ขอให้ท่านแม่ดลใจคุณตาให้เปลี่ยนใจที่เถอะครับ ผมจะได้ทำร้านอยู่กับท่านแม่ต่อไป ....ผ่านไปสามวัน ผมได้รับโทรศัพท์จากแม่ว่า คุณตาเดินอยู่ดีๆ เดินไปสะดุดก้อนอิฐที่เป็นซากตึกที่เค้าทุบทิ้งและเอามาถมที่ในบ้าน หกล้ม หน้าคง่ำลงไป หน้อกไปกระแทกก้อนอิฐ และสิ้นใจตรงนั้น หรือที่ไปสิ้นใจที่โรงยาบาลผมไม่แน่ใจครับ หลังจากเหตุการณ์นั้น ผมไปงานศพคุณตา เพื่อไวอาลัยแก และได้พบกับลูกชายแก พี่เค้าเป็นคนที่มีความยุติธรรมมากๆ ทั้งๆที่ผมไม่ได้ถามไถเรื่องสัญญาใดๆเลย(แกเป็นคนที่จะตัดสินใจทุกเรื่องแทนคุณตาหลังจากคุณตาเสีย) อยู่ๆแกบอกว่า ไม่ต้องห่วงนะ คุณลงทุนมาเยอะ ผมให้คุณทำต่อนั่นแหละ ไม่ให้ใครหรอก......!!!
(ขอพักไว้ที่เหตุการณ์นี้ก่อนครับ ยังมีอีก แต่ผมเหนื่อย ขอต่อพรุ่งนี้นะครับ)
จากคุณ |
:
Is Me177
|
เขียนเมื่อ |
:
6 ธ.ค. 55 23:43:00
|
|
|
|