ความคิดเห็นที่ 1 ปล่อยเด็กให้เค้าเลือกเองเถอะครับ จากคุณ : คาคุศิษย์วิรศากดิ์ นิลกาด (Kaku-Eishi) เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 55 17:08:18

ความคิดเห็นที่ 2 เรื่องแบบนี้มันห้ามไม่ได้หรอกครับบอกตรงๆ คุณรู้จักไม๊ล่ะครับ ความรักน่ะมันไม่มีข้อจำกัดอะไรทั้งนั้น รักก็คือรักแหละครับไม่ว่าจะรูปแบบไหนมันก็ยังเป็นความรักที่มีให้กัน ถ้ามาเกิดกับลูกชายผมนะ บอกตรงๆขอแค่เค้าเกิดมาเป็นคนดีไม่ทำให้ใครเดือนร้อนแค่นี้ ผมก็ประสบความสำเร็จในการเป็นพ่อคนแล้วแหละครับ ปล.อยากให้จขกท.ทำความเข้าใจใหม่นิดนึงผมอ่านแล้วมันสะดุด คือผู้ชายที่ชอบผู้ชายเนี่ย ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นกระเทยหรือมีท่าทางเหมือนผู้หญิงทุกคนนะครับ จริงๆกระเทยใช้เรีนกคนเกิดมาเป็นผู้ชายแต่มีความผิดปกติทางร่างกายมีอวัยวะเพศทั้ง2แบบร่างกายก้ำกึ่ง หรือในปัจจุบันในสังคมเป็นคำใช้นิยามคนที่เกิดมามีเพศชายแต่อยากเป็นผู้หญิง คืออยากแปลงเพศไปเลย ส่วนผู้ชายที่ชอบผู้ชายด้วยกัน(แต่ไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงนะ)เป็นอีกเรื่องนึงครับไม่เหมือนกัน บอกตรงๆ ไปเรียกใครว่ากระเทยที่ มันเจ็บปวดอยู่เหมือนกันนะเออ จากคุณ : ฝุ่นสีชาด เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 55 18:06:37

ความคิดเห็นที่ 3 ปล่อยวางค่ะ และคิดว่า ลูกเป็นคนดีของสังคม เท่านี้น่าจะดีกว่าแล้วค่ะ ไม่ได้ตอบโลกสวย แต่ตอบจริง ๆ เรามีเพื่อนที่เป็น เขาเก่งมากนะคะ ทุกด้านเลย เรียน งาน ศิลปะแขนงต่าง ๆ จากคุณ : มินนี่ที่รัก เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 55 18:18:52

ความคิดเห็นที่ 4 คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นคนดีได้ จากคุณ : รอฟ้าเปลี่ยนสี เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 55 18:24:51

ความคิดเห็นที่ 5 แต่ละคนตอบไม่ตรงคำถามเลย เราว่าพ่อ แม่ควรใกล้ชิดลูกมากขึ้นนะคะ และอาจห้ามไปนอนค้างกับครู แต่ต้องแบบปราณีประนอมอะค่ะ เรื่องโทรคุยอาจให้เพลาลง น้องเขายังเด็กมาก ลองให้ไปทำกิจกรรมอื่นๆบ้างดีกว่าโดยพ่อ แม่ต้องใกล้ชิดด้วย ส่วนเรื่องเป็นไม่เป็น เราว่าอย่าเพิ่งไป focus ดีกว่าค่ะ น้องเขาเด็กไปสำหรับเรื่องนี้ เรากลัวน้องจะเสียการเรียนมากกว่าค่ะ จากคุณ : puthai เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 55 18:36:46

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าเรื่องเพศ ผมว่าอย่าไปบังคับเลยครับ ถ้าเค้าจะเป็น ไม่เป็นตอนนี้สักวันก็ต้องเป็นอยู่ดี แต่เรื่องไปนอนค้างบ้านคุณครู อาจจะต้องดูแลหน่อย ผมถูกสอนมาตั้งแต่เด็กเรื่องนอนค้างบ้านคนอื่น ถึงจะเป็นเพื่อนสนิทหรือคุณครูก็ตาม ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นก็ไม่ควรไปครับ แต่จากกรณีนี้ เห็นได้ชัดว่า เด็กได้รับความอบอุ่นจากคุณครูมากกว่าครอบครัวนะครับ เพราะเด็กเลือกจะคุยกับคุณครูมากกว่าเข้าหาพ่อแม่ อันนี้น่าจะต้องแก้ไขเป็นอย่างแรก จากคุณ : rockerหน้าดำ เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 55 19:04:48

ความคิดเห็นที่ 7 มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่หลายๆคนคิดก็ได้นะคะ น้องยังเด็กมาก การคุยโทรศัพท์กับใครทุกวัน อยากไปนอนบ้านคนนั้น มันไม่ได้แปลว่าจะมีซัมติงไปซะหมด ตอนเราอายุประมาณนั้น เราไปซัมเมอร์ที่จีนมาค่ะ ได้รู้จักพี่คนนึง เป็นทอมเหมือนเราเนี่ยแหละ หลังกลับมาเราก็โทรคุยกับพี่เค้าทุกวันค่ะ พี่เค้าห่างจากเรา 7 ปี คือจะว่าชอบมันก็ไม่ใช่ แต่เหมือนเด็กปลื้มผู้ใหญ่มากกว่าค่ะ แบบว่าคุยแล้วรู้สึกดี แต่ไม่ได้อยากมากกว่านั้น เป็นอยู่ระยะนึงแล้วก็เลิกไปเอง อันนี้มองในแง่ดี แต่มองในอีกแง่ก็มีโอกาสเป็นไปได้ค่ะ เราเองก็เคยคบกับคนอายุมากกว่ามากๆ แต่ก็ไม่ขนาดนี้นะ เค้าเป็นอ.สอนพิเศษเหมือนกัน เพียงแต่ไม่ได้สอนเรา บังเอิญได้ไปเจอกันบ่อยๆ และได้อยู่ใกล้ชิดกันเฉยๆ ช่วงนี้พ่อแม่คงต้องดูแลใกล้ชิดหน่อยค่ะ ก็ลองถามเขาดูว่าที่อยากไปนอนบ้านครู มีสาเหตุอะไร น้องอาจจะอยากไปทำกิจกรรมที่บ้านตัวเองไม่มี (ที่ไม่ใช่ในแง่ลบ) ก็ได้ค่ะ แต่สำหรับบ้านเราไม่อนุญาตให้ไปนอนที่อื่นค่ะ จากคุณ : ล็อกอินนี้หน้าตาดีมาก เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 55 20:30:13

ความคิดเห็นที่ 8 ต้องตรวจสอบและหาข้อเท็จให้ชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไร เพระการล่วงละเมิดทางเพศเด็กหรือเยาวชนเป็นความผิดอาญา ขอให้จขกทและผู้ปกครองโปรดเข้าใจว่าเด็กเหมือนผ้าขาวทีพร้อมจะถูกเติมแต่งเป็นสีต่าง และรู้สึกไม่พอใจที่คุณพ่อคุณแม่ปล่อยให้ลูกไปนอนที่อื่นง่าย ดูช่างไรเดียงสาไม่รู้ความเป็นไปของโลกเสียเลย จากคุณ : มือหนี่ง เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 55 20:41:35

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าศึกษาเกี่ยวกับเรื่องจิตวิทยาพัฒนาการจะรู้ว่าตอนเด็กๆมันมีผลต่อการเบี้ยงเบนทางเพศ ผมว่าตอนนี้น่าจะยังทันลองคุยๆดูก่อนว่าความจริงมันเป็นยังไง อีกอย่างผมว่าตลกว่ะกับคนที่บอกว่าความรักห้ามไม่ได้ กับปล่อยให้เค้าเลือกเอง เรื่องเพศบังคับไม่ได้บลาๆๆ บอกตรงๆความคิดแบบนี้ส่วนใหญ่มีแต่ในสังคมพันทิพ ผมไม่ได้รังเกียจเพศที่สามนะ ไม่เคยดูถูกบุคคลเหล่านี้ แต่ถามคนที่พูดหน่อยถ้าคุณมีลูกชายคุณจะอยากให้ลูกชายคุณเป็นมั้ย จากคุณ : PhoenixYo-Amazon เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 55 22:08:31

ความคิดเห็นที่ 10 ดูครูก่อน ว่าครูเป็นป่าว จากคุณ : คุณชายใต้ทางด่วน เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 55 23:24:48

ความคิดเห็นที่ 11 ผมว่าเป็นครับ แต่ ถ้าไม่ได้แต๋วแตก ก็ไม่เรียกกระเทยหรือตุ๊ด เรียกว่าเกย์ครับ มันไม่ผิดหรอกที่ลูกจะเป็นเกย์ แต่มันผิดที่ศีลธรรมของคนเป็นครูครับ เรื้องนี้ยอมไม่ได้ จากคุณ : ไบร์ทปั่นชล เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 00:10:30

ความคิดเห็นที่ 12 อาจจะไม่ใช่ก็ได้นะคะ เค้าอาจจะคิดกับครูสอนเปียโนแบบรุ่นพี่มากกว่า ถึงน้องเค้าอาจจะสนิทกับพ่อแม่ แต่เรื่องบางอย่าง มันก็บอกกับครอบครัวไม่ได้ ถึงมีเพื่อนเยอะ แต่บางอย่าง เพื่อนกลุ่มรู้จักกันดีเกินไป จนบางเรื่องก็คุยไม่ได้อีก สรุปคือ ครูคนนี้ไม่ใช่คนในครอบครัว ทำให้สามารถปรึกษาอะไรได้หลายๆอย่าง โดยที่ไม่ต้องกลัวหรือห่วงว่าใครจะรู้ เพราะครูคนนี้ไม่ได้เข้ามาเกี่ยวโยงอะไรใดๆในชีวิตเท่าไหร่นัก.. เค้าอาจเป็นได้ทั้งเพื่อนและพี่ ให้ความเป็นเพื่อน ให้ความไว้ใจได้ แต่อีกแง่ ก็เป็นผู้ใหญ่พอที่จะให้คำแนะนำปรึกษาอะไรดีๆในชีวิต หรือปัญหาอื่นๆที่น้องเค้าไม่อยากให้คนอื่นรู้ ทำให้น้องเค้ารู้สึกไว้ใจและสนิทสนม :) ยังไม่อยากให้คิดมากนะคะ ตอนเราอายุสิบสาม จำได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เหนื่อยมาก รู้สึกเหมือนเป็นจุดเปลี่ยนชีวิต ทำอะไรอาจไม่สมเหตุสมผลนัก.. เป็นไปได้ว่าน้องเค้าอาจจะเป็นเกย์ แต่แค่อาจจะ อย่าเพิ่งคิดมากไปเลยค่ะ จากคุณ : MOCHAfrap เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 02:36:57

ความคิดเห็นที่ 13 เค้าอาจจะติดพี่ก็ได้มั้งคะ บางทีเค้าอาจจะเหงาเพราะเป็นลูกคนเดียว แถมช่วง 13-15 เป็นวัยกำลังเลือกเอง ตัดสินใจเอง พ่อแม่ก็ต้องให้กำลังใจ บอกว่าไม่ว่ายังไงจะอยู่ข้างลูก เค้าจะได้ไม่เก็บกด หรืออึดอัดค่ะ จากคุณ : DecodeBS เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 02:56:21

ความคิดเห็นที่ 14 สิ่งที่พ่อแม่คิดกังวลหรือคาดการณ์ทุกอย่างก็มีสิทธิ์เป็นไปได้หมดแหละค่ะ ประเด็นคือคิดจะจัดการปัญหานี้อย่างไรต่างหากล่ะคะ ถ้ากลัวว่าคุยกับเด็กแล้วเด็กจะไม่เข้าใจหรือต่อต้านก็ไปคุยกับครูโดยตรงเลยค่ะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงคุยโทรศัพท์กับเด็กถึงดึกดื่นเที่ยงคืน มีเรื่องไรคุยกันนักหนา แล้วทำไมเด็กถึงอยากอยู่กับครูมากกว่าพ่อแม่ เด็กมีปัญหาอะไรมั้ย เพราะเรื่องนี้รับรองว่าไม่ได้เกิดจากเด็กฝ่ายเดียวแน่นอน เราเชื่อว่าถ้าครูท่านนั้นมีสปิริตของความเป็นครูอยู่ในตัวบ้างก็คงบอกความจริง อาจะละอายใจหรืออะไรก็ตามแต่ ครูเป็นผู้ใหญ่แล้วเค้าจะรู้โดยทันทีว่าต้องวางตัวยังงัย รักษาระยะห่างแค่ไหนกับเด็ก หากพ่อแม่ลงมือพูดด้วยตัวเอง ซึ่งเราคิดว่าอายุ13นี่ยังเด็กมากนะคะ รีบทำซะตั้งแต่เนิ่นๆ เป็นพ่อแม่อันดับแรกก็ต้องกล้ายอมรับความจริง แล้วเผชิญหน้ากับปัญหาค่ะ จากคุณ : MisunLee เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 08:26:50

ความคิดเห็นที่ 15 คห.9 ไม่ได้อยากให้ลูกชายเป็นครับ แต่ถ้ามันจะเป็น จะไปห้ามมันได้เหรอครับ พอดีผมมีเพื่อนสมัยเรียนที่เป็นตุ๊ดแบบสุดเหวี่ยง แต่ที่บ้านเป็นทหาร พ่อแม่ไม่รู้ กลับบ้าน(ต่างจังหวัด)ต้องตัดผมให้สั้น แต่งตัวเป็นผู้ชาย แอ๊บแมน พอกลับมาเรียนก็เครียดไปพักนึงเพราะผมสั้น ไม่สวย ไม่กล้าออกไปไหน ย้ำอีกที ผมไม่ได้อยากให้ลูกผมเป็นเพศแปลกๆที่ไม่ใช่ผู้ชายกับผู้หญิง แต่ถ้ามันจะเป็นจริงๆ ผมก็ไม่ได้ห้าม ถ้ามันจะเป็นตุ๊ด ผมขออย่างเดียว "เป็นให้สวยๆนะลูก อย่าเป็นตุ๊ดหัวโปก" จากคุณ : rockerหน้าดำ เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 03:36:11