ความคิดเห็นที่ 1 ผมเกิดในครอบครัวที่มีแม่ เพียงคนเดียวครับ (ความจริงผมมีพี่ชายต่างพ่อและพี่สาวต่างพ่ออีกครับแต่ไม่ได้เคยอยู่ด้วยกัน ต่างอยู่กันคนละทิศละทาง นานๆเจอกันที แต่ผมเป็นลูกชายคนสุดท้องซึ่งคนละพ่อกับพี่ๆ ซึ่งผมไม่เคยเห็นหน้าพ่อด้วยซ้ำไปตั้งแต่เกิดเลยอยู่กับแม่มาตลอด) ครอบครัวเราค่อนข้างมีฐานะยากจนครับ แม่ผมค่อนข้างเป็นคนเจ้าอารมณ์ (แต่ผมก็รักแม่มากครับ แม่หายหน้าไม่ได้เลยทีเดียว) ซึ่งเวลาแม่ไม่พอใจอะไร แม่ก็จะฟาดผมด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถคว้าได้ ขนาดที่ว่าเคยโดนไม้ที่แม่เอามาทำฟืนตีจนลงไปนอนกอง แล้วโดนกระทืบซ้ำ(อ่อ บอกก่อนนะครับโดนตอนเป็นเด็ก) ผมจึงเป็นเด็กที่ค่อนข้างเก็บตัว ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร มีเพื่อนบ้างก็จะเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แถวๆ บ้าน แต่ผมก็ไม่ค่อยได้ออกไปเล่นกับเค้าหรอก แม่ไม่ค่อยให้ออกไปไหน แม่จะคอยบอกเสมอว่า ไม่มีใครรักหรอก ไม่ต้องออกบ้านไหนเลยนะ และนั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ผมไม่เคยได้เล่นอย่างกับเด็กเค้าเล่นกัน จากคุณ : แรงเทียน เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 09:18:59 A:202.29.52.220 X: TicketID:385175

ความคิดเห็นที่ 2 และด้วยที่ไม่ค่อยได้เล่นกับใคร ผมก็เป็นคนที่กลัวเจ็บ(ที่โดนตีทุกวันนี่ก็เจ็บจะแย่ละ) เวลาไปโรงเรียนผมจึงไม่เคยไปเล่นอะไรบู้ๆ กับเขา ผมชอบเล่นกับเพื่อนผู้หญิงมากกว่า(ก็เล่นขายของ เล่นหมากเก็บมันไม่ต้องเสี่ยงเจ็บตัว) คนรอบข้างก็จะมาล้อผมว่าเป็นตุ๊ด เล่นแต่กับผู้หญิง ไม่เห็นเล่นเหมือนเด็กผู้ชายคนอื่นๆเลย (ไอ้อยากเล่นผมก็อยากเล่นหรอกแต่กลัวเจ็บอ่ะเสื้อผ้าเลอะก็โดนตีได้) พอนานวันเข้า จากที่ล้อผมเป็นกลุ่มเล็กๆ ว่าเป็นตุ๊ด กะเทย ก็เริ่มล้อกันเยอะขึ้นไม่เว้นแม้กระทั่ง ญาติ พี่ น้องที่รู้จักกัน รวมถึงแม่แท้ๆตัวเอง ผมก็จะโมโหมากเวลาใครมาล้อ แต่ผมเองก็ทำอะไรเขาไม่ได้ครับ ด้วยความที่เราเป็นเด็ก เราทำอะไรเขาไม่ได้หรอกครับ จากคุณ : แรงเทียน เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 09:19:35 A:202.29.52.220 X: TicketID:385175

ความคิดเห็นที่ 3 จนเมื่อเวลาเริ่มผ่านไป จากการที่เราโดนล้อแล้วโมโห ก็เริ่มเป็นความเคยชิน ที่มาพร้อมกับความรู้สึกใหม่ นั่นก็คือ ความรู้สึกสับสนในตัวเอง ว่าที่แท้จริงแล้วเราเป็นอย่างที่เขาพูดจริงหรือเปล่า พร้อมกับกดดันความรู้สึกตัวเองภายในใจ ว่าตัวเองต้องเป็นผู้ชายสิ หรือว่าที่แท้จริงแล้ว เราเองเป็นตุ๊ด ที่เขาล้อกันจริงๆ ผมเองว่าการที่เราไปล้อเด็กเนี่ย ทำให้เด็กสับสนได้ง่ายๆ เลย เป็นการทำร้ายเด็กทางอ้อมเพียงเพราะความรู้สึกสนุกที่ล้อเด็กแล้วเด็กโมโห แล้วคุณพูดเพียงว่าถ้าไม่ได้เป็นก็อย่าร้อนตัวสิ (คำพูดนี้ผมได้ยินก็น้ำตาไหลทุกที ก็คุณล้อผมอยู่นี่จะให้ผมทำยังไง คุณพูดว่า ตุ๊ดๆๆๆ แล้วมองจ้องมาทางผม แล้วคุณจะให้ผมว่าคุณล้อใคร) อย่าคิดว่าเด็กเด่ยวมันก็ลืม อาจจะจริงครับถ้าโดนล้อเพียงครั้งเดียวในชีวิต แต่คุณล้อทุกวัน เด็กรู้จักการเปรียบเทียบพฤติกรรมครับ (ผมไม่ใช่นักจิตวิทยาครับเพียงแต่เล่ามองย้อนตัวองกลับไป) เพราะตัวผมเองเวลาโดนล้อมันเหมือนคำพิพากษาเลยทีเดียว เพราะผมชอบเอาตัวเองมาเปรียบเทียบกับเพื่อนผู้ชายคนอื่น ว่าเราไม่เหมือนเขาจริงๆ ตามที่เขาล้อ จนความคิดผมเริ่มเอนเอียง ว่าอาจจะจริงที่เขาล้อ จากคุณ : แรงเทียน เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 09:20:01 A:202.29.52.220 X: TicketID:385175

ความคิดเห็นที่ 4 จนเมื่อผมเริ่มโตขึ้น ผมได้แยกออกจากแม่ต้อนที่ขึ้น ม.3 ครับ พ่อของพี่สาวเขามาขอให้ผมไปอยู่เฝ้าบ้านสวนให้โดยบอกกับแม่ผมว่าจะส่งเสียทุกอย่างผมเอง ในช่วงเวลานี้เองที่ผมได้อยู่คนเดียว และมีโอกาสที่ได้ย้ายจากโรงเรียนชนบท เข้าสู่โรงเรียนในตัวเมือง ได้เจอสังคมใหม่ เพื่อนใหม่ และอย่างที่น่าจะทราบกันโรงเรียนส่วนใหญ่ในตัวเมืองจะมีกลุ่ม กะเทย เยอะมาก และในจังหวะนี้ผมก็ได้อยู่กลุ่มนี้ครับ (เนื่องด้วยผมไม่ได้คบเพื่อนผู้ชายมาเลย และกลุ่มนี้เข้ากันได้ง่ายสุด) แต่ผมอยู่กลุ่มนี้ผมเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าอยากเป็นผู้หญิงแต่อย่างใด แต่อยู่ด้วยแล้วมีความสุขครับ สนุกสนานแค่นั้นเอง (ทุกวันนี้ผมกับเพื่อนกลุ่มนี้ก็ยังคบกันอยู่) ช่วงนี้เองทำให้ผมต้องย้ำความรู้สึกตัวเองอีกครั้ง ว่าตัวเองก็ไม่ได้อยากเป็นผู้หญิง ไม่ใช่กะเทย แน่นอน จากคุณ : แรงเทียน เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 09:20:22 A:202.29.52.220 X: TicketID:385175

ความคิดเห็นที่ 5 จวบจนผมได้ขึ้น ม.ปลาย ผมย้ายโรงเรียนใหม่ มีเพื่อนกลุ่มเดิมที่มาเรียนที่เดียวกันบ้าง แต่แยกเรียนกันคนละแผนการเรียน ผมได้พบกับเพื่อนใหม่ และหนึ่งในเพื่อนใหม่นั้นบอกตัวเองว่าตัวเองเป็น “เกย์” คือคนที่ชอบผู้ชายแต่ไม่ได้อยากเป็นผู้หญิง และในการเรียน ม.ปลายนี้เอง ทำให้ผมกล้าแสดงออกมากขึ้น กล้าพูด กล้าทำ และกล้าที่จะเป็นผู้นำ ผมจึงได้ทบทวนตังเองอีกทีว่าตัวเองจะอยู่ในเพศไหน ผมคิดเอาง่ายๆ ครับ ถ้าถามผมว่า ผมชอบผู้หญิงไหม ในลึกๆ แล้วผมก็ชอบ แล้วถ้าถามว่าผมชอบผู้ชายไหม ผมเองก็ไม่แน่ใจ เอาจริงๆก็คือ ผมยังสับสนตัวเองอยู่ จนเมื่อผมขึ้น ม.6 ผมจึงบอกตัวเองว่า ถ้าเราเกิดกดดันตัวเอง แล้วเราแต่งงานมีภรรยา มีลูก แล้วเราเกิดนึกได้ ว่า ตายละ เราชอบผู้ชาย แล้วเราก็ไปมีสามีเนี่ย คนที่จะเดือดร้อน คือภรรยาและลูก ตามที่เราๆ เห็นกันเยอะแยะไป สงสารเด็ก แต่ถ้าเราเป็นเกย์ ถึงเราจะมานึกได้ทีหลังว่าเราชอบผู้หญิง อย่างน้อยมันก็จะไม่มีเด็กที่จะมาเพิ่มให้เป็นปัญหาสังคมอย่างแน่นอน และถึงผมจะไปคบกับผู้หญิงผมก็จะบอกกับผู้หญิงคนนั้นก่อนว่าเมื่อก่อนผมเคยชอบผู้ชายคุณจะรับได้หรือไม่ ซึ่งผมจะไม่โกหกเขาเด็ดขาดครับ จากนั้นเองผมจึงเปิดเผยตัวเองในฐานะ เกย์ ไม่ใช่ด้วยเพราะอะไร แต่ผมไม่อยากรู้สึกสับสนเวลามีใครถาม ว่าผมชอบเพศไหนกันแน่ ทุกวันนี้ ผมก็กล้าที่จะเปิดเผยตัวในฐานะ เกย์ และผมเองก็บอกแม่ด้วยตัวเองว่าผมชอบผู้ชาย ดีอยู่อย่างหนึ่ง แม่ผมรับผมในเพศนี้ได้ ตั้งแต่ผมออกมาจากบ้าน มาอยู่บ้านสวนของพ่อของพี่สาวผม แม่ผมใจเย็นขึ้นมาก แม่เปลี่ยนแปลงไปเยอะ ผมมีความสุขมากครับ จากคุณ : แรงเทียน เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 09:20:46 A:202.29.52.220 X: TicketID:385175

ความคิดเห็นที่ 6 โดยสรุปแล้วตามที่ผมเจอมาในชีวิตผม การที่คุณล้อเด็กคนใดคนหนึ่ง นั่น อาจจะหมายถึงคำพิพากษาของคุณต่อเด็กคนนั้นในอนาคตเลยก็เป็นได้ และการปล่อยให้เด็กเก็บตัวอาจจะทำให้เด็กคนนั้นต้องคิดเองเออเองก็เป็นได้ นี่ก็เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่ง ที่จากเด็กผู้ชายคนหนึ่ง กลายมาเป็น ชายรักชาย จากคำล้อ สู่ความเป็นจริง จากคุณ : แรงเทียน เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 09:21:03 A:202.29.52.220 X: TicketID:385175

ความคิดเห็นที่ 7 ปัจฉิมลิขิต ผมอยากจะย้ำนะครับ นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ทั้งหมด สำหรับคนที่รสนิยมเดียวกันกับผมครับ จากคุณ : แรงเทียน เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 09:21:20 A:202.29.52.220 X: TicketID:385175

ความคิดเห็นที่ 8 รีบๆ พิมพ์แบบไม่ได้ตรวจคำนะครับ อาจจะมี งง อยู่ บ้าง จากคุณ : แรงเทียน เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 09:23:36 A:202.29.52.220 X: TicketID:385175

ความคิดเห็นที่ 9 อ่านจบแล้วครับ เป็นกำลังใจให้ครับ อย่าไปสนใจเสียงล้อเลียน เสียงด่าเลยครับ ทำตามหัวใจตัวเองสั่งมาดีกว่า ไม่ว่าจะมีรสนิยมแบบไหน ก็อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนนะครับ และพยายามช่วยเหลือ เป็นมิตรกับผู้อื่นให้ได้ครับ หาเพื่อนไม่ยากครับ ผมเป็นเพื่อนให้ก็ได้ครับ ^^ จากคุณ : หล่อจนหมาหลง เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 09:39:34

ความคิดเห็นที่ 11 กรณีของ จขกท.ผมว่ามันเหมือนเป็นปมในใจคุณมากกว่านะ ผมไม่เห็นด้วย ว่าการล้อกันของเด็ก จะทำให้เป็นเกย์หรอกครับ ของแบบนี้มันเป็นมาตั้งแต่เกิด อยู่ที่ใครจะยอมรับได้ตอนไหน เท่านั้นเอง ปล.เอาใจช่วยจขกท.นะครับ สมัยนี้เพศไม่สำคัญครับ จากคุณ : เมาคลีกับลูกหมาป่า เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 09:59:12

ความคิดเห็นที่ 12 เป็นกำลังใจให้ค่ะ เป็นอะไรที่เรามีความสุขนะคะ จากคุณ : Mrs.Beblow เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 09:59:25

ความคิดเห็นที่ 13 เป็นกำลังใจให้ค่ะ เราเห็นตรงที่บอกว่า คำล้อ นะค่ะ มันทำให้เด็กสับสนจริงๆค่ะ เราเอง ยังสับสน ส่วนตัว เราเป็นผู้หญิงนะค่ะ แต่คนอื่นๆ ญาติ พี่ น้อง จะคิดว่าเราเป็นทอม เราเองได้ยินตั้งปต่เด็กๆ ก้เอนเอียงไปทางนั้นจริงๆค่ะ ชอบผู้หญิง แต่ก็เล่นกับผู้หญิงนะ ไปทางห้าวๆ แข็งแรงๆ ลุยๆ ประมาณนี้ สับสนอยู๋พัหใหญ่ค่ะ หลายปีเลย 5555  จนตอนนี้ มีแฟนแล้ว แต่ก็ยังสับสนอยู่ว่าที่จริงแล้ว เราชอบผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่  เฮ็อ เหนื่อยค่ะ จากคุณ : warunee_AmE เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 10:35:55

ความคิดเห็นที่ 14 " จากการที่เราโดนล้อแล้วโมโห ก็เริ่มเป็นความเคยชิน ที่มาพร้อมกับความรู้สึกใหม่ นั่นก็คือ ความรู้สึกสับสนในตัวเอง ว่าที่แท้จริงแล้วเราเป็นอย่างที่เขาพูดจริงหรือเปล่า เพราะตัวผมเอง เวลาโดนล้อมันเหมือนคำพิพากษาเลยทีเดียว เพราะผมชอบเอาตัวเองมาเปรียบเทียบกับเพื่อน ผู้ชายคนอื่น ว่าเราไม่เหมือนเขาจริงๆ ตามที่เขาล้อ จนความคิดผมเริ่มเอนเอียง ว่าอาจจะจริงที่เขาล้อ " เรามั่นใจว่าคำกล่าวนี้ของ จขกท. เป็นความจริง เพราะเราก็รู้สึกแบบนี้ เมื่อกี้คุยกับเพื่อน เพื่อนก็บอกว่ามีส่วนเหมือนกัน เพราะตอนเด็กๆก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เวลาคนมาชี้หน้าหรือหันมาหัวเราะขำขันเหมือนเราเป็นตัวประหลาดในหมู่เพื่อน เราจะคิดว่า เราไม่เหมือนคนอื่นจริงๆหรอ แต่ในทางตรงกันข้าม ลึกๆแล้วคนที่เป็น และถูกล้อก็คงจะไม่เป็นผลเลยซักทีเดียว ถ้าลึกๆในจิตใจคุณเปลี่ยนไปตั้งแต่ก่อนถูกล้อ เป็นกำลังใจให้ จขกท.นะ ผ่านมาได้แล้ว ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและไม่เดือดร้อนใครเนอะ ^^ จากคุณ : รถโรงเรียน เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 12:38:42

ความคิดเห็นที่ 15 นึกถึงในหนังเรื่อง "Me My Seft ขอให้รักจงเจริญ"  ผมชอบที่หนังเขาตั้งประเด็ณว่าคนๆ หนึ่งจะเป็นหรือ เลือกเป็นอะไรอย่างหนึ่งได้ จากใจจริงๆแท้ๆ ของตัวเขาเองหรือ สภาพแวดล้อมเป็นสิ่งที่หล่อหลอมให้ตัวเขาเป็น ถ้าสมมติว่า ผู้ชายคนหนึ่งเกิดความจำเสื่อม แล้วเขาได้เจอ ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ดีกับเขาเขาจะรักผู้หญิงคนนั้นได้จริงๆไหม ถ้าก่อนหน้าที่เขาจะความจำเสื่อมลืมว่าตัวเองเคยเป็นอะไร ผู้ชายคนนั้นเขาชอบผู้ชายอีกคนอยู่ ประเด็ณมันน่าสนใจครับ หัวใจของคนเรามักเป็นสิ่งลึกลับ ที่วิทยาศาตร์ เจริญเท่าไรก็ตอบปัญหา ทีมีในใจคนเราได้ไม่หมด อ๋อ ส่วนตัวผมเป็นลูกชายคนเล็กมีพี่สาว 3 คน คนที่ใกล้ผมที่สุดก็อายุห่างจากผม 9 ปี เพื่อนๆหลายคนก็คิดว่าแนวโน้มผมจะเป็นเกย์ แต่ผมก็ชอบผู้หญิงและมีแต่แฟนผู้หญิงนะครับ เพียงความคิดอ่านของผมเพื่อนๆชอบบอกว่า จะคิดเหมือนผู้หญิงคิดมากกว่าผู้ชายคิด (อาจจะเพราะผมโตมากับพี่สาว 3 คน แต่วิธีเลี้ยงลูกของพ่อผมคือ ในฐานะที่ผมเป็นลูกชายคนเดียว จะต้องทำตัวเป้นที่พึ่งของพี่สาวให้ได้) เพื่อนผู้หญิงถึงชอบมาปรึกษาปัญหา แต่ไลย์สไตรย์ ตัวผมยังชอบเล่นอะไรบู้ๆเถื่อนๆดิบๆทั่วไปอยู่ ถ้าเป้นเคสผม สภาพแวดล้อมอาจจะมีผลต่อวิธีการคิดในเรื่องต่างๆเป็นแบบผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย แต่ความชอบส่วนตัวก็ยังเป็นแบบผู้ชายทั่วไปอยู่ (เอ๊! รึว่าผมยังไม่พบตัวเองหว่า 555) ไม่ว่า สิ่งที่ตัวเราเป็น จะเกิดขึ้นจากใจตัวเราเองแท้ๆที่อยากเป็นหรือสภาพแวดล้อม ล้วนหล่อหลอมให้เราเป็น ขอแค่ไม่ได้ทำร้ายใคร ก็ขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับสิ่งที่เตัวเราเองเป็นนะครับ ^^ จากคุณ : Che (Che Guevara อดีตไม่ลืมเลือน) เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 13:37:12

ความคิดเห็นที่ 16 ผมก็อยากเป็นเกย์แต่ดันสอบไม่ติดครับ น่าเสียดาย จากคุณ : ล็อคอินนี้ยังคิดชื่อดีดีไม่ได้ เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 15:36:54

ความคิดเห็นที่ 17 เป็นกำลังใจให้ครับ ขอเป็นคนดี เจอคนที่เหมาะกับคุณนะครับ จากคุณ : บราวนี่ชีสเค้กท็อปปิ้งวิคครีม เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 15:46:38

ความคิดเห็นที่ 18 ตามหลักวัทยาศาสตร์  จะการแพทย์ หรือการพัฒนาการวัยเด็กก็แล้วแต่ เด็กจะรับรู้และเลือกเพศเองตอน 5-7 ขวบครับ ส่วนผมหน่ะหรอจำได้ว่าชอบเอาผ้าขนหนูมานุ่งเปนกระโปรงสั้นๆ แล้วก้ขอแม่ซื้อกระโปรงตั้งแต่ยังจำความไม่ค่อยได้เลย ๕๕๕๕๕๕๕๕ แต่โตขึ้นไม่อยากเป็นตุ๊ดนะ อยากแมนๆหล่อๆ อะดีแล้ว คิคิคิคิ จากคุณ : เพกา คุณไม่เคยหันมามองผมเลย เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 19:33:49