|
คห 18
ที่คุณพูดเหมือนคุณสับสนเองนะคะ ข้อมูลมันขัดกันน่ะ
"ผู้ชายดีๆคนอื่นเขาเห็นเขารู้แล้วก็จะไม่มาจีบซ้ำ อยากดูนิสัยใจคอก็ดูได้ตั้งแต่ช่วงเห็นต้นๆ -จีบกัน - เป็นแฟนกัน ไม่ดีเลิกได้ สังคมไทยไม่ว่า"
อ้าว ถ้าเป็นแบบที่คุณว่า ถ้าเดทได้เฉพาะกับแฟน เพราะตอนเป็นแฟนยังสามารถดูคนอื่นเผื่อเลือกที่ดีกว่าได้ แต่ถ้าผู้ชายดีๆเห็นคนเดทกันแล้วจะไม่มาจีบซ้ำ แล้วจะเอาที่ไหนมาเผื่อเลือก??? สรุปก็คือผู้หญิงก็ไม่มีโอกาสเลือกอยู่ดีเพราะถ้าตกลงเป็นแฟนไปแล้วก็ไม่มีผู้ชายดีๆที่ไหนมาจีบให้เลือกอีก
และถ้าเป็นแบบนี้จริง นี่ก็อาจจะเป็นสาเหตุนึงที่คนไทยเป็นแฟนกันแล้วนอกใจหรือเลิกแล้วเปลี่ยนคนใหม่บ่อยมาก ปกติคนสองคนเป็นแฟนกันพยายามปรับตัวเข้าหากันก็มีสาเหตุที่สามารถทำให้เลิกกันได้เยอะอยุ่แล้ว เช่นนิสัยต่างกัน เข้ากันไม่ได้ แต่ของไทยดันบวกค่านิยมว่าเป็นแฟนแล้วยังดูคนอื่นเผื่อเลือกได้อีก ก็ทำให้โอกาสที่จะเลิกเพราะฝ่ายใดฝ่ายนึงไปเจอมือที่สามยิ่งเยอะเข้าไปใหญ่เลย
ก็เพราะไม่ได้เคารพคำว่า แฟน อย่างที่มันควรจะเป็น ถ้าเป็นแบบที่คุณพูด คำว่า แฟน สำหรับคนไทยก็มีค่าเท่ากับคำว่า เดท ของฝรั่ง คนที่เรียกกันว่า แฟน ในเมืองไทย ความสัมพันธ์จริงๆแล้วก็คงอยู่ในขั้น เดท ของฝรั่ง ซึ่งผิวเผิน รู้จักกันในระดับนึง แต่ไม่ได้ผูกพันธ์อะไรมาก คนที่เป็นแฟนกันก็จะไม่มีความผูกมัดซึ่งกันและกันในขั้นที่แฟนควรจะเป็น ปฏิบัติตนเหมือน เดท ของฝรั่ง ก็คือควบหลายคนไว้เผื่อเลือกได้ ทั้งๆที่เรียกตัวเองว่าแฟนกัน
และไม่น่าแปลกใจว่าคนไทยหลายคนถึงไม่ค่อยมีความละอายใจหรือรู้สึกผิดเวลาเข้าไปเป็นมือที่สามระหว่างคนที่เค้าเป็นแฟนกัน เพราะคงคิดสรุปเอาเองว่า แค่แฟนเอง ไม่ได้จริงจังอะไร ความรู้สึกเวลาเลิกกับแฟนก็คงเหมือนความรู้สึกฝรั่งเวลาเค้าเลิกเดทกับคู่เดทคนนึงก็เท่านั้นเอง
และถ้าเป็นอย่างนี้ มันก็นำไปสู่ปัญหาอื่นๆ เช่น ทำให้คู่แต่งงานหลายๆคู่ไม่รู้จักกันดีพอ เพราะ ขั้นต่อไปจากแฟน ก็คือแต่งงานหรือตกลงอยู่เป็นคู่ชีวิตกัน ถ้าคนไทยเป็นแฟนมีความสัมพันธ์ที่มีค่าเท่ากับการเดทของฝรั่ง มันก็จะเหมือนข้ามขั้น จับคนที่เดทกันไปแต่งงานอยู่ด้วยกันเลย ไม่อยากจะคิดว่าพอแต่งไปแล้วจะแย่ขนาดไหน ถ้าผู้หญิงไทยไม่ใช่ประเภทยอมทน สามีแย่ๆก็ทนๆไปเพราะแต่งแล้ว ป่านนี้สถิติหย่าคงสูงปรี๊ด
"ตรงช่วงจีบนี่แหละที่ไปไหนมาไหนด้วยกัน ดูหนัง กินข้าวด้วยกัน คนไทยเป็นแบบนี้"
ข้อนี้ไม่น่าจะจริง เพราะมีผู้หญิงไทยจำนวนมากบอกว่า จะไม่ไปไหนมาไหน ดูหนัง กินข้าว สองต่อสองกับผู้ชาย นอกจากจะสนิทกันในระดับนึงหรือเป็นแฟนกันแล้ว ในเมื่อ จีบ มันเป็นแค่ขั้นแรกสุดของการทำความรู้จัก แล้วผู้หญิงเค้าจะถือว่าสนิทกันพอที่จะไปไหนมาไหนสองต่อสองในขั้นจีบหรือ?
ขั้นตอนที่ควรจะเป็น ตามหลักสากลก็น่าจะเป็นดังนี้
จีบ - ทำความรู้จักกันในขั้นต้น, ขอเบอร์, โทรคุยกัน, ไปไหนมาไหนเป็นกลุ่มๆหรือมีพี่น้องไปด้วย
เดท - สนิทกันมากขึ้น มากพอที่จะไปดูหนังกินข้าวด้วยกันสองต่อสอง ศึกษาพฤติกรรมและมารยาทต่างๆ รวมถึงมุมมองการใช้ชีวิต ในขณะเดียวกันก็สามารถมองคนอื่นไปด้วยได้ เผื่อมีคนที่ดีกว่าเข้ามาก็ตัดสินใจตอนนี้แหละว่าชอบคนไหนมากกว่ากัน
แฟน - ตกลงผูกมัดกันในระดับที่นึง คืออย่างน้อยต้องไม่นอกใจกันแล้ว พยายามอยู่ในชีวิตของกันและกันให้เหมือนแต่งงานให้มากที่สุด เพื่อเราจะได้เห็นลางๆว่าแต่งไปแล้วจะรอดไหม เพราะขั้นต่อไปจากแฟนก็คือแต่งงาน แฟนก็เหมือนซ้อมใหญ่ก่อนสนามจริง จะมีอะไรกันรึเปล่านั่นสิทธิ์ส่วนบุคคล แต่ที่แน่ๆควรมีความผูกพันธ์และมีส่วนร่วมในชีวิตของกันและกันมากกว่าแค่เจอกันในห้าง ดูหนังกินข้าวแล้วแยกย้าย นิสัยรายละเอียดต่างๆเช่น รกมั๊ย สะอาดมั๊ย ทำงานบ้านได้มั๊ย ชีวิตประจำวันเป็นไง นั่งเล่นแต่เกมหรือดูแต่ทีวีทั้งวันหรือเปล่า ทะเลาะกัน ถ้าอยู่กันสองต่อสองแล้วโมโหร้ายหรือไม่ เวลามีเรื่องเครียดแล้วมาระบายอารมณ์ใส่เราหรือไม่ ก็ควรดูให้ละเอียดตอนนี้ พาไปให้ครอบครัวรู้จักก็ต้องทำในขั้นแฟน แล้วถ้าดันปฏิบัติว่าแฟนเป็นเหมือนคู่เดท เปลี่ยนได้บ่อยๆ แล้วครอบครัวจะรู้สึกดีมั๊ยว่าพาแฟนมาไม่ซ้ำหน้า เราเคยเห็นนะ ผู้ชายแบบนี้ ที่ทำเหมือนแฟนเป็นแค่คู่เดท เปลี่ยนบ่อยจนแม่ทักแฟนของลูกผิดคน อาทิตย์ก่อนยังเจอคนโน้นอยู่เลย อาทิตย์ต่อมาเปลี่ยนแล้ว
แต่งงาน - อันนี้เป็นที่รู้กันว่าคืออะไร
แก้ไขเมื่อ 19 ธ.ค. 55 09:03:26
แก้ไขเมื่อ 19 ธ.ค. 55 08:45:37
จากคุณ |
:
Foxy Little Angel
|
เขียนเมื่อ |
:
19 ธ.ค. 55 08:39:17
|
|
|
|
|