21/12/2012
เขาว่ากันว่าโลกจะแตกตามปฏิทินของเผ่ามายา เผ่าที่เคยได้ยินแค่ชื่อ ไม่เคยเห็นหน้า ไม่มีข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าคำกล่าวนั้นจะเป็นจริง
เราเริ่มต้นวันด้วยการซุ่มซ่ามตกบันไดจนลุกไม่ไหว (เพราะจะรีบไปเรียน) ปรากฏเจ็บข้อเท้ามากจนต้องนั่งนิ่งๆ กว่าจะหายเลยสรุปไปเรียนสายหนึ่งชั่วโมง เรียนเสร็จก็อ่านหนังสือสอบควบคู่ไปกับการอ่านเว็บบอร์ดกะเทยกับเพื่อนสาวเทียมแล้วนั่งขำคำด่าในนั้น ก่อนออกไปยื่นเอกสารฝึกงานตามเรื่องตามราวที่ชีวิตนิสิตปีสามควรจะเป็น
ทุกอย่างปกติ ชีวิตเรื่อยๆ ไม่ได้มีความสำคัญโดดเด่นขึ้นเป็นวันพิเศษใดๆ
โลกยังไม่แตก
จนเมื่อเราได้รับข้อความว้อทส์แอพจากเพื่อนสมัยม.ต้น ว่าเพื่อนคนนึงซึ่งร่วมห้องมาตั้งสามปี บัดนี้จากไปแล้วตลอดกาล ด้วยเหตุ ชนแล้วหนี
เขาเพิ่งอายุ 20 มีทุกอย่างดีพร้อม ครอบครัว เพื่อน แฟน ฐานะ การเรียน งานพิเศษ ...ดีหมด และยังไม่ควรจากไปด้วยวัยและเหตุผลทั้งหลายทั้งปวงก่อนหน้านี้
เหมือนโลกหยุด เราร้องไห้ไม่ออก น้ำตาไม่ไหล แต่สั่นไปทั้งตัว
โลกยังไม่แตกในวันนั้น หากแต่กลับเป็นวันสุดท้ายในชีวิตของเพื่อนคนนี้
สังคมออนไลน์ในตอนนั้นยังคงพูดถึงเรื่องโลกแตก ถ้าคืนนี้โลกถล่มเกิดรอยแยกน้ำท่วมวินาศสันตะโร ฉันจะไปสอยผู้ชายหล่อล่ำก้ามปูมานอนดม บ้างก็ว่าจะปากองหนังสือและเท็กซ์ทิ้ง บ้างก็จะบินหนีไปนู่นนี่นั่น หากแต่ไม่ได้มีใครตระหนักถึงความโชคดีของตนว่าดีแค่ไหนที่ยังได้มีโอกาสหายใจ ได้ตอบแทนพระคุณบุพการี ได้อยู่ทำความดี เพราะโลกยังไม่แตกจริงๆ หากแต่คนบางคนกลับไม่ได้มีโอกาสทำอะไรตามใจอยาก เพราะความตายนั้นเข้ามาเร็วกว่าที่คิดเอาไว้นับสิบปี
เย็นวันเดียวกัน หลังจากคุยโทรศัพท์กับเพื่อนม.ต้นหลายๆคน เราลงท้ายกับทุกคนว่าคิดถึงนะ ดูแลตัวเองดีๆ แล้วก็ต้องได้รับข่าวดับเบิ้ลช็อค ว่าเพื่อนคนนึงซึ่งเคยอยู่ในกลุ่มเกเรและไม่ได้สนิทอะไรมากมายนัก จากไปเมื่อสองเดือนก่อนด้วยอุบัติเหตุเช่นกัน
เขาคนนั้นก็อายุ 20
หลายคนมักชอบคิดว่าตัวเองยังเด็กอยู่เสมอ 20 เองก็ยังน้อยๆ อีกตั้งนานกว่าจะตาย เราเองก็เคยคิดเช่นนั้นจนกระทั่งวันที่ได้รับรู้ข่าวร้ายของเพื่อนสองคนในวันเดียวกัน ไม่ว่าจะอายุเท่าไร คนเรามีสิทธิ์ตายวันตายพรุ่ง จนพาลนึกถึงเรื่องที่เพื่อนเคยเล่าให้ฟังว่าครั้งหนึ่ง ในช่วงrush hours ระหว่างคนจำนวนมากรอรถไฟฟ้าอยู่ชานชาลา จู่ๆรถขบวนนั้นหักเข้าบริเวณที่ผู้โดยสารยืนรออยู่ หลายคนตรงนั้นแทบไม่รู้ตัวเลยทีเดียวว่าตัวเองตายไปแล้วเพียงแค่ชั่วพริบตา
คำว่า อย่าใช้ชีวิตแบบประมาท ลอยเข้ามาทันที
อายุ 20 ไม่ใช่เด็กแล้ว ชีวิตไม่รู้จะอยู่อีกยาวไกลแค่ไหน ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้โลกจะแตก จะเทศกาลหรืออะไรก็ตาม การปล่อยตัวตามใจใช้ชีวิตอย่างไม่ระมัดระวังนั้นก็เป็นเรื่องน่าเป็นห่วงที่สุด
จงมีสติ มีความคิด ทำตัวให้มีค่า อยู่ให้เป็นที่รัก จากไปให้คนคิดถึง ในเมื่อไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงกฎธรรมชาตินี้ได้ ก็อย่าหายใจทิ้งไปวันๆ จงดีใจที่ทุกเช้ายังได้ตื่นมา ใช้เวลาทุกวันอย่างเต็มที่เหมือนกับวันนี้จะเป็นวันสุดท้าย
แล้วยิ้มรับวันหลับใหลที่สักวันจะมาถึงจริงๆอย่างงดงาม
ป.ล.แม้เราจะนานๆทีคุยกัน ไม่ได้เจอกันมานาน รู้ไหมว่าเพื่อนทุกคนกลับมาเจอกันในงานศพแล้วไม่ดีใจเลยแม้แต่นิดเดียว ขอโทษที่คงไม่ได้ไปทั้งงานทั้งวันเผาเพราะติดสอบ ทุกคนคิดถึงมาก ไว้จะทำบุญไปหาเป็นระยะๆ หลับฝันดีนะ:)
ป.ล.2 ขอเขียนในรูปแบบบทความนะคะ ในหัวปลงมาก T T อยากฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ค่ะ ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่คำว่าชนแล้วหนีจะหายไปจากสังคมสักที
จากคุณ |
:
Chanuikarn
|
เขียนเมื่อ |
:
25 ธ.ค. 55 19:05:30
|
|
|
|