Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เมื่อโลกผมหยุดหมุน......วันนี้คือฝันร้ายของผม........ vote ติดต่อทีมงาน

ผมไม่เคยคิดเลยว่า วันนี้จะต้องมาพิมพ์ข้อความระบายความในใจอย่างนี้

ใช่ครับ ตอนนี้ผมอกหัก......เจ็บมากจริง ๆ

มันเกิดขึ้นรวดเร็วมากครับ  เร็วมากจนผมไม่ได้ทันตั้งตัว

ผมกับแฟนคบกันมา 3 ปีกว่า เพิ่งครบรอบ 3 ปีเมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมานี้เอง

ผมเจอแฟนครั้งแรกที่ทำงานครับ เราต่างเป็นเด็กจบใหม่ทั้งคู่  

ครั้งแรกที่่ผมเจอเค้า ผมก็ปิ๊งเลยครับ เพราะแฟนผมน่ารักมาก หมวย ขาว หนุ่ม ๆ ในบริษัทต่างมาขายขนมจีบอย่างไม่ขาดสาย ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น

แต่ด้วยความโชคดีของผม (ผมถือว่าเป็นความโชคดีนะครับ เพราะผมขี้เหร่มากกกกกกกก ไม่มีเค้าความหล่อเลย จริง ๆ นะ) แต่เค้าก็เลือกผม เราเริ่มคบกัน ตกลงเป็นแฟนกัน ท่ามกลางเสียงนินทาที่ว่า ไม่เหมาะสมกันเลย ก็แหง่แหละ นางฟ้ากับซาตานหนิ

แต่แฟนผมก็ไม่แคร์ ไม่สนใจ แถมยังให้กำลังใจผมด้วยว่า  อย่าไปสนใจ เราคบกันมันเป็นเรื่องของคนสองคน ไม่เกี่ยวกับคนอื่น  เค้าไม่สนใจหรอกว่าคนอื่นจะมองผมอย่างไร แต่เค้าเห็นผมเป็นคนดี และที่สำคัญเค้ารักผม...น่ารักใช่มั๊ยล่ะ แฟนผม

สุดท้าย เสียงนินทาก็เริ่มหายไป ทุกคนในบริษัทเริ่มรู้และยอมรับว่าเราเป็นแฟนกัน

ปราการต่อไป แม่เค้าครับ ....เค้ายังไม่กล้าพาผมไปเจอแม่เค้า  เพราะกลัวว่าแม่เค้าจะรับไม่ได้ (ที่ผมมันขี้เหร่) เพราะแฟนเก่าของเค้า หล่อมาก  หล่อมากจริง ๆ  เห็นครั้งแรกนึกว่าดารา .....

แต่ก็มีเหตุการณ์ครั้งหนึ่ง ที่ทำให้ผมกับแม่เค้าเจอกันจนได้ และไม่ได้เจอกันแบบธรรมดานะครับ เพราะผมต้องไปนอนบ้านเค้าครับ!!!

วันนั้น ผมจำได้แม่นเลย ผมกับเค้า และเพื่อน ๆ ของเค้าไปเที่ยวน้ำตกด้วยกัน ผมดันทำกระเป๋าตังหายซะนี่ เพราะในนั้นมันมีกุญแจห้องผมด้วย กว่ากลับมาจากการเที่ยว ก็เล่นซะดึกแระ คงหาช่างกุญแจไม่ได้

เค้าก็เลยพยายามชวนผมนอนบ้านเค้าก่อน เดี๋ยวบอกแม่ให้ ตอนแรกผมก็ไม่กล้านะ ขอตัวไปนอนห้องเพื่อนก็ได้  แต่เค้าก็คะยั้นคะยอ อ่ะ นอนก็นอน  จึงเป็นครั้งแรกที่ผมกับแม่ของแฟนผมได้เจอกัน

ตามที่คิดครับ แม่เค้าก็ไม่ค่อยชอบผมเลย และบอกให้เค้าคิดใหม่ เพราะผมดูไม่มีราศีเอาซะเลย  แต่เค้าก็ไม่ฟังครับ ยังยึดมั่นในความรักที่มีให้ผมอยู่.... ผู้หญิงคนนี้กำหัวใจผมไว้ทั้งดวงแล้ว

จนเราสามารถประพฤติตัว วางตัว และดูแลซึ่งกันและกัน จนแม่แฟนผมเห็นว่า ผมสามารถดูแลเค้าได้ (อันนี้แม่เค้าพูดกับเองเลยนะครับ ในวันนี้ที่ผมไปคุยกับแม่เค้าวันนี้ เดี๋ยวค่อยเล่ารายละเอียดตอนท้าย ๆ ) และเริ่มยอมรับในตัวผม

ช่วงน้ำท่วมใหญ่ในปีที่ผ่านมา  เค้าและแม่ยังย้ายหนีน้ำมาค้างที่ห้องผมเป็นเดือน ๆ เลย

ตลอดสามปีที่คบกันมา ก็มีทะเลาะกันบ้าง งอนกันบ้าง แต่ไม่รุนแรงอะไร ก็รักกันดี (สำหรับผมนะ) เจอกันทุกวัน เพราะทำงานที่เดียวกัน  กินข้าวตอนเช้าด้วยกันทุกวัน

ปกติทุก ๆ วันผมนั่งรถตู้ไปส่งแฟนผมทุกวัน นั่งจาก BTS กรุงธนฯ ไปส่งที่หนองแขม (ไกลโครต) ส่งเสร็จอาจจะกินข้าวด้วยกัน แล้วแต่อำนวย กว่าผมจะนั่งรถเมล์กลับมาที่พักก็ประมาณ 4 ทุ่มกว่า ๆ ทำอย่างนี้ทุกวันครับ

เสาร์ - อาทิตย์ ก็มีเจอกันบ้าง ไปกินข้าว ช็อปปิ้งบ้างตามปรกติ และมันก็เริ่มหายไป เพราะแฟนผมลงเรียนโท เสาร์- อาทิตย์  เราจึงเจอกันน้อยลง (แต่วันธรรมดาก็เจอกันทุกวันเหมือนเดิมนะ) แต่ผมก็ไม่รู้สึกว่า เราห่างกันนะครับ เพราะถ้าเค้ามีการบ้านหรืองานอะไรที่ส่งอาจารย์ ก็จะมาให้ผมช่วยทำเสมอ กว่า 80% ของการบ้าน เป็นงานที่ผมทำให้ครับ ไม่ว่าจะเป็น IS ที่ทำเทอมสุดท้าย ผมก็ช่วยหา ช่วยเขียนให้ แต่ก็มีบ้างที่ผมมีอารมณ์งี่เง่า เพราะบางอาทิตย์ที่เค้าว่าง ผมก็อยากไปเที่ยว แต่เค้าต้องไปเที่ยวกับเพื่อนกลุ่มป.โท ของเค้า อ่ะ ก็เข้าใจได้

อ่อ ลือบอกเราวางแผนด้วยกันว่า อายุ 30 เราจะแต่งงานกันครับ  ให้ผมเก็บเงินให้ได้ ล้านหนึ่งก่อน แล้วค่อยมาขอแม่เค้า......  3 ปีที่ผ่านมา ผมก็เก็บบ้างใช้บ้าง  ลงทุนอย่างอื่นบ้าง ได้เงินจากแหล่งอื่นบ้าง   เก็บหอมรอมริบมาเรื่อย ๆ ก็ได้ประมาณห้าแสนกว่า ๆ ก็คิดว่าน่าจะทันนะ แต่ไม่ค่อยได้พูดให้เค้าฟัง เค้าก็จะรู้สึกว่า ผมไม่ค่อยกระตือรือร้นในการสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างครอบครัว ซึ่งก็มีทะเลาะกันบ้าง แต่ผมก็ได้อธิบายเสมอว่า ตอนนี้ผมมีเงินเท่าไร เอาไปลงทุนอะไร เหลือเท่าไร กำไรเท่าไร ประมาณนี้ ซึ่งเค้าก็เข้าใจครับ

ปีนี้ หลังจากแฟนเริ่มเรียนโทไปก่อนปีหนึ่ง ผมสมัครเรียนโทต่อ แต่คนละที่เลย ซึ่งที่นี่มันเรียนหลังเลิกงาน วันธรรมดา (จันทร์ - พุธ) และนี่แหละ ที่ผมคิดว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เค้าคิดว่า เราเริ่มห่างกัน

แน่นอนว่าวันจันทร์ถึงวันพุธ ผมไม่สามารถไปส่งเค้าได้เหมือนเดิมแล้ว ส่วนวันที่เหลือผมก็มีทำรายงานกับเพื่อน ๆ บ้าง ต้องอ่านหนังสือสอบเก็บคะแนนบ้าง แรก ๆ เค้าก็มีเหวี่ยงนะครับ แต่หลัง ๆ ก็เริ่มหายไป ผมก็นึกว่าเค้าคงเข้าใจ มีทะเลาะกันรุนแรงสุดก็คือ เค้าเห็นข้อความไลน์ในมือถือของผมคุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เป็นแฟนเก่าผม ซึ่งจริง ๆ นะ ผมไม่ได้คิดอะไรแล้ว ในข้อความก็เป็นข้อความธรรมดา ที่ถามเรื่องทั่ว ๆ ไป ไม่ได้มีเชิงชู้สาวเลย แค่ชวนเค้ามาเรียน ป.โท มหาลัยเดียวกันเท่านั้น (ไม่ใช่คณะเดียวกัน) เพราะเคยไปเจอกันโดยบังเอิญ ตอนไปสอบวิชาภาษาอังกฤษ ผมก็แค่คุยกันธรรมดา ถามว่ามาสอบ เพื่อยืนเรียนอะไรเหรอ...ลองมายื่นที่นี่ดูสิ และที่สำคัญ เพื่อนผมคนนี้ (ขอใช้คำว่าเพื่อนนะครับ เพราะเราเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ ) ก็มีแฟนแล้ว แฟนมันก็มาด้วยตอนที่เจอกัน แถมแว่ว ๆ จะมีแผนแต่งงานเร็ว ๆ นี้ซะอีก แฟนผมเค้าก็กลัวว่าถ่านไฟเก่ามันจะคุขึ้นมาใหม่ ก็เลยทะเลาะกัน จนเกือบจะเลิกกัน แต่ก็เคลียร์กันมาได้  ณ จุดนี้ ผมขอย้ำอีกที่ว่า ผมไม่เคยคิดนอกใจผมแฟนเลยสักครั้งเดียว  เพราะผมกับแฟนผ่านอะไร ๆ ด้วยกันมาเยอะ

จนมาถึงจุดจบ ณ วันนี้

พอผมขึ้นเทอม 2 เค้าก็เริ่มเอาขับรถยนต์มาจากที่บ้าน แล้วเอารถมาจอดที่คอนโดผม แล้วเราก็ไปที่ทำงานด้วยกัน โดย BTS หลังเลิกงาน เค้าก็ขับกลับ ส่วนผมก็ไปเรียน ที่นี้แหละ ผมก็ไม่เคยนั่งรถตู้ไปส่งเค้าอีกเลย ก็ประมาณ เกือบ 2 เดือนได้แล้ว

แต่ตอนนั้น ผมก็ไม่รู้ว่า เราห่างกันนะ (ผมอาจจะโง่ที่สุดก็ได้) เพราะยังคุยกันทุกวัน ยังหวานใส่กัน (เค้าจะเรียกผมว่า ปีศาจ ส่วนผมจะเรียกเค้าว่า นางฟ้า  เรียกกันขำ ๆ นะครับ)

Iphone 5 ออกมา เค้าอยากได้ ผมก็ไปซื้อกับเค้า (โดยออกกันคนละครึ่ง เพราะตอนนั้นผมใช้เงินยอะมาก และต้องซื้อกระเป๋า Coach ที่เค้าอยากได้ให้อีกด้วย โบนัสก็ยังไม่ออก ซึ่งเค้าก็โอเคนะ)  

ภาพที่ติดตาผม นึกทีไร น้ำตามันก็ไหลดังห่าฝนทุกที ก็คือ
ลองจินตการตามดูนะครับ โอ้ย ไม่ไหว น้ำตาไหลจนเปื้อนคีย์บอร์ดไปหมดแล้ว

วันนั้นเราไปเที่ยวมา กลับมาถึงคอนโดผมประมาณ 6 โมง เค้าก็ยังไม่ขับรถกลับ เพราะคิดว่าเย็น ๆ อย่างนี้รถติดแน่นอน รอค่ำ ๆ ค่อยขับกลับ เราจึงมานั่งโต๊ะที่ข้างสระว่ายน้ำของคอนโด  เรานั่งเล่น Linepop ใน iphone ด้วยกัน ผมกับเค้าสนุกมา เพราะเพิ่งเคยเล่นครั้งแรก และจะพยายามทำคะแนนให้ชนะที่ 1 ให้ได้ เราเล่นกันอยู่นานมาก  อีกมือผมที่่ว่างก็จับมือเค้าไว้ตลอด ผมมีความสุขที่เห็นเค้าหัวเราะ ยิ้ม และที่สำคัญ แววตาของเค้าครับ ผมจำแววตานั้นได้ดี อธิบายไม่ถูกอ่ะ รู้แต่ว่า มันเป็นแววตาที่อบอุ่น ที่มีความสุข และความรักที่ส่งมาให้ผม (จริง ๆ นะ ผมไม่ได้น้ำเน่า ผมรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ)
ผมคิดในใจว่า ยังไงผมต้องแต่งงานกับผู้หญิงตรงหน้าให้ได้!!

2 สัปดาห์ต่อมา เค้าต้องเริ่มอ่านหนังสือ เพราะต้องสอบประมวลความรู้ทั้งหมดของ ป.โท ที่มีขึ้นในวันเสาร์และอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งผมก็ไม่พยายามไปยุ่งไปกวนเค้า ไม่ได้ชวนไปเที่ยวที่ไหน เพราะเห็นว่าเค้าต้องอ่านหนังสือสอบ

เป็นครั้งแรกครับที่ผมเริ่มตะหงิด ๆ ว่า มันมีอะไรแปลก ๆ เช่น ผมโทรไปเค้าไม่รับ ซึ่งเป็นปกติ เพราะเค้าเป็นคนไม่ค่อยรับโทรศัพท์  แต่หลังนี้ ๆ มันแปลกไปตรงที่ว่า เค้าไม่โทรกลับครับ ปกติเค้าต้องโทรกลับมาตลอด  และที่สำคัญ พอผมโทรบ่อย ๆ จะเริ่มสังเกตว่า มันขึ้นเป็นสายซ้อนครับ  เค้าก็ไม่รับทันทีนะครับ ต้องรอจนเค้าคุยเสร็จก่อน ถึงจะโทรกลับมา ซึ่งบางทีก็ไม่โทรกลับ

แต่ผมก็ไม่เอะใจมากขนาดนั้น เพราะคิดว่าเป็นช่วงสอบไง ต้องคุยกับเพื่อน กับพี่ ๆ ที่เรียนโทด้วยกัน เพื่อถามเกี่ยวกับข้อสอบ อะไรงี้

วันอาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นวันสอบวันสุดท้ายของเค้า หลังสอบเสร็จ เค้าก็ไปฉลองสอบเสร็จกับกลุ่มเพื่อน ป.โทของเค้าต่อ ผมก็โทรหา แล้วก็บอกว่าอย่ากลับดึกนะ เป็นห่วง ขับรถคนเดียวมันอันตราย เค้าก็โอเค บอกเดี๋ยวกับถึงบ้านแล้วจะโทรหานะ

ผมก็รอของผมไปเรื่อย จน 4 ทุ่ม ก็ยังไม่โทร โทรไปก็ไม่รับ  จนเกือบประมาณ 5 ทุ่ม ผมก็โทรไปอีกครั้งหนึ่ง ก็ขึ้นเป็น สายซ้อน (อีกแล้ว) คุยกับใครวะ 5 ทุ่มแล้วยังไม่นอน ปกติเค้าเป็นคนนอนเร็วครับ 4 ทุ่มก็นอนแล้ว (เพราะเค้าเป็นโรคภูมิแพ้ หมอสั่งให้อย่านอนเกิน 4 ทุ่ม)  สักพักเค้าก็โทรกลับมา ผมก็ถามว่า เมื่อกี้คุยกับใคร เค้าก็บอกว่าพี่ที่เรียน ป.โทด้วย ผมก็ไม่ติดใจอะไร

เหตุการณ์ที่โลกของผมหยุดหมุน มันเริ่มคืนวันอังคารที่ผ่านมา (25 ธ.ค. 2555) ตอนกลางคือก่อนนอน เราจะต้องคุยกันเป็นประจำ 3 ปีนี้มาไม่เคยขาดครับ จนถึงเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว ผมบอก พรุ่งนี้เช้าให้เค้าออกมาจากบ้านเร็ว ๆ ผมอยากอยู่ด้วยนาน ๆ ก่อนไปทำงานครับ (ก็อย่างที่บอก ตอนช่วงที่สอบเราแทบไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย)  เค้าก็บอกว่า เค้าต้องมาแต่เช้าอยู่แล้ว แต่นัดพี่ที่ทำงาน (ผู้หญิง) ว่าจะไปเดินซอยแบงค์ (ที่ทำงานผมอยู่แถวนั้น)  เค้าจะนั่ง BTS ไปก่อน แล้วให้ผมค่อยตามไป  ผมก็โอเค สาวจะไปช็อปกัน ไม่ไปกวนดีกว่า

ตกกลางคืน เราก็โทรคุยกันเช่นเคย และผมก็ย้ำอีกทีว่า พรุ่งนี้มาเช้า ๆ นะ จะได้อยู่ด้วยกันซะที คิดถึง....เค้าก็โอเครับปาก  แต่พอรุ่งเช้าผมก็นั่งรออยู่ในห้อง จบเกือบจะสายแล้ว เค้าเพิ่งมา ผมก็เริ่มโมโหนิด ๆ (คิดแค่ว่า เมื่อวานนัดกับพี่ที่ทำงานยังมาเช้าได้เลย แต่ทำไมจะหาผมต้องออกมาสายด้วย)  เราก็ทะเลาะกัน เค้าก็อ้างว่า รถติด (ติดที่ไหน รถโล่งจะตาย เท่าที่ผมดูตอนนั้นนะ) ผมก็ถามเค้าว่า ออกมากี่โมง เค้าก็เริ่มอารมณ์เสีย เริ่มอาละวาด  เริ่มรำคาญผมที่ถามนู้น ถามนี่ จนเราทะเลาะกัน ผมก็เริ่มรู้ตัว ก็พูดขอโทษ ที่ถามเพราะอยากรู้เฉย ๆ ไม่ได้จะหาเรื่อง แต่เค้าไม่สนใจแล้ว

ตอนเย็นผมก็ไปเรียนตามปกติ  พอเรียนสอบเสร็จก็รีบโทรหาเค้าทันที โทรหลายทีกว่าเค้าจะรับ  เค้าก็บอกว่าไม่อยากคุยด้วย ไม่มีอารมณ์ ผมก็พยายามขอโทษเค้า ให้เค้าให้อภัย อยู่เค้าก็พูดว่า เราเลิกกันเถอะ เราคบเธอ เราไม่มีความสุขแล้ว ตอนนี้เรากำลังคบกับคนอื่นอยู่ ผมก็ไม่เชื่อนะ คิดว่าเค้าคงพูดอ้างเหตุผลเพื่อจะได้เลิกกัน ผมก็ใจเย็น บอกว่าไม่เชื่อ เพราะปกติเค้าเป็นคนรักเดียวใจเดียวมาก แม้จะมีหนุ่ม ๆ มาจีบเค้ามากมาย แต่เค้าก็ไม่เคยหวั่นไหว ผมก็เลยไว้ใจเค้า เค้าจะไปไหนกับเพื่อน ๆ ผมจะไม่เคยเข้าไปยุ่งเลย เพราะไว้ใจครับ  

ผมก็พยายามตัดบท บอกว่าพรุ่งนี้เค้าคุยกันละกัน เราก็ว่างโทรศัพท์ไป ก่อนที่ผมจะนอน ผมก็ไป line ไปขอโทษเค้า  เค้าก็ตอบกลับมา เหมือนเดิม ว่าจะขอเลิก  เค้ากำลังคบกับผู้ชายคนหนึ่งอยู่ เค้ารู้สึกผิด และขอโทษผมด้วย ที่เค้าไม่ซื่อสัตย์  ผมอ่านก็จะยังไง ๆ แล้ว ก็โทรไปหาเค้าอีกที เค้าก็พูดจริงจัง (ผมเริ่มเชื่อแล้ว เพราะน้ำเสียง คำพูดเค้าจริงจังมาก ไม่ใช่น้ำเสียงเล่น ๆ แล้ว)

โลกผมหยุดหมุนครับ  ใจผมรู้สึกชา มันเหมือนรอบข้างมันหยุดเคลื่อนไหวไปหมด มันเงียบมาก เงียบที่สุด  ทั้งที่เค้ากำลังเล่าเรื่องผู้ชายคนนั้นให้ฟัง

เป็นเพื่อนสมัยเรียน ม.ต้นของเค้า บังเอิญเพื่อนคนนั้นทักมาในเพซบุ๊ค ก็เลยได้คุยกัน ขอ line กัน และก็ขอเบอร์กัน

ผมช็อคครับ

แฟนผมก็เล่าต่อไปว่า ผมไม่สนใจเค้า เวลาที่เค้าเหงา เค้าอยากคุย ผมก็เรียน ไม่มีเวลาให้เค้า พอเพื่อนคนนี้เข้ามา คุยกับเค้า เค้ารู้สึกดี ไม่รู้สึกเหงา เพื่อนของเค้าก็รู้นะว่า แฟนผมกำลังคบกับผมอยู่  เค้าก็แค่อยากเข้ามาปลอบคนเหงา ๆ คนหนึ่งเท่านั้นเอง

แต่มันกลับเริ่มมีความสัมพันธ์ขึ้นมาน่ะสิ จากที่เริ่มคุยกันทางโทรศัพท์ ก็เริ่มมีนัดเจอกัน (แบบเพื่อนๆ ) บ่อย ๆ เค้า เพื่อนคนนั้นก็มารับมาส่ง....ก็เลยเริ่มรู้สึกดี ๆ ต่อกัน

และแฟนผมก็ตัดสินใจบอกเลิกกับผม เพราะเค้ารู้สึกผิดที่คบพร้อมกัน 2 คน เค้าจะบอกผมมาหลายวันแล้ว แต่กลัวผมเสียใจ (แต่กลัวผมเสียใจ แล้วทำไมทำอย่างนี้ TT)

ยอมรับครับ ว่าผมเสียใจมาก นอนไม่หลับทั้งคืน หลับตาเมื่อไรผมก็เห็นแต่แววตานั้น ใช่ครับแววตาของเค้าที่มองผมในวันนั้น วันที่เราเล่นเกมส์ด้วยกันใต้คอนโด แววตานั้นไม่ได้หลอกผมครับ ผมเชื่อว่าตอนนั้นเค้ารักผมจริง ๆ แววตานั้นเป็นแววตาที่จริงใจมาก....มากซะจน ผมหลับตาทีไร น้ำตามันไหลลงมาเองทุกที

เมื่อเช้านี้ เราได้คุยกันอีกรอบ ก่อนเค้าจะนั่ง BTS ไปทำงาน เค้าก็เล่าเหมือนเดิม และยืนยันว่าเป็นความจริง และจะพูดอีกว่า  เรารู้ว่าเราผิด เราไม่ดีต่อเธอ แต่เธอปล่อยเราไปได้ไหม.....มันยังกัองอยู่ในหูผมอยู่ตอนนี้ ผมถามกลับไปว่า จำได้มั๊ยตอนที่เรานั่งเล่นเกมส์กันอยู่ใต้คอนโด ตรงนั้น (ผมเริ่มพูดติด ๆ ขัด ๆ แล้ว เพราะพยายามกลั้นน้ำตาสุดริด เพราะคุยอยู่ตรงโถงกลางคอนโดข้างล่าง ลุงยามก็อยู่ กลัวเค้าผิดสังเกต) เรายังจำแววตานั้นของเธอได้ แววตานั้นมันโกหกเราไม่ได้หรอก (ผมไปเปิดรูปที่เราถ่ายด้วยกัน ดูแล้ว มันเพิ่งวันที่ 7 ธ.ค. เองนะครับ แค่ 2 อาทิตย์เอง) แฟนผมก็ตอบว่า ใช่ตอนนั้น เรายังรักเธออยู่ แต่มันคือเมื่อนั้น ไม่ใช่ตอนนี้...เวลานี้  ผมน้ำตาไหลครับ ไหลเหมือนน้ำตกเลย

มันเร็วมากครับ  มันเร็วเกินไป ผมตั้งตัวไม่ทัน....

...สุดท้ายเค้าพูดว่า ขอเถอะ ถ้ารักเราจริง  ปล่อยเราไปนะ....

จะให้ผมพูดยังไงอะไรละครับ  ผมพูดไม่ออกแล้ว มันจุก มันแน่น สมองมันตื้อไปหมด

ผมไม่พูดอะไร เดินออกมาช้า ๆ กลับขึ้นห้อง แล้วปล่อยโฮ........ร้องอย่างเดียว

คิดอะไรไม่ออก  ร่างกายมันรู้สึกอ่อนล้า รู้เลยว่า อกหักจริง ๆ มันเป็นเช่นไร  ผมโทรหาลางานกับหัวหน้า

แล้วแต่งตัวไปหาแม่เค้าครับ  และเล่าเรื่องทุกอย่างให้แม่เค้าฟัง

และเน้นย้ำไปว่า  แม่อย่าไปว่าเค้านะครับ

แฟนผมไม่ได้ผิดหรอก  เป็นผมไม่ดีเอง ที่ดูแลเค้าไม่ดี ถ้าเค้าไม่รู้สึกเหงา เค้าก็คงไม่ไปคุยกับคนอื่น มันก็จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้  ซึ่งมันอาจเกิดจากการที่เค้าเหงาแบบสะสมมาก็ได้ โดยที่ผมไม่รู้ตัวเลย พอรู้ตัวก็เป็นแบบนี้ซะแล้ว

ตอนผมคุยกับแม่เค้า ทรมานที่สุดครับ  เพราะต้องพยายามกั้นน้ำตาสุด ๆ พูดไปจะร้องไห้ไป แต่จะให้แม่เค้าเห็นน้ำตาผมไม่ได้  ผมพูดแบบว่า ผมมาลาแม่ เพราะหลังนี้ จะไม่เห็นผมแล้ว เพราะผมคิดว่าผมจะลาออกจากงานกลับไปทำงานที่บ้านครับ (บ้านจริง ๆ ผมอยู่ต่างจังหวัด) และฝากแม่ดูแลแฟนผม ซึ่งเป็นลูกแม่ด้วย ช่วงนี้เค้ากลับบ้านดึกบ่อย ๆ  แม่ก็เตือนๆ เค้าบ้าง คนใหม่ที่เค้าคบ ผมก็ไม่รู้ว่าเค้าเป็นใคร รู้แต่ว่าเป็นเพื่อนเก่า แม่ก็ช่วยดูๆ ด้วยนะครับ (ตอนนี้ผมน้ำตาไหลแล้ว) สุดท้าย แม่ต้องบังคับให้เค้าออกกำลังบ่อย ๆ เพราะเค้าเป็นโรคภูมิแพ้ หมอสั่งว่าต้องออกกำลังกายเป็นประจำ หลัง ๆ มานี้เค้าไม่ได้ไปฟิตเนสเลย แม่ต้องบังคับเค้าบ้าง.....ผมจำได้ขึ้นใจ จำได้ทุกประโยค...แม่เค้าก็น้ำตาซึม ๆ แล้วก็บอกให้ผมอย่าคิดมาก เรายังไม่เจอคนที่ใช่ สักวันเรา เราก็ต้องเจอ...

ผมก็ลาแม่เค้าแล้วก็มานั่งพิมพ์ระบายที่นี่แหละครับ เพราะไม่รู้ว่าจะไประบายที่ไหน

สิ่งที่ผมคิดตอนนี้

แผนที่ผมวางไว้ต้องเปลี่ยนใหม่หมด

อย่างแรก ก่อนหน้านี้ผมได้เตรียมย้ายทำงานใหม่  และคิดว่าน่าจะได้ มีบริษัทเรียกสัมภาษณ์ 2-3 ที่ เพราะต้องการอัพเงินเดือน ซึ่งเค้าเองแหละเป็นคนให้ผมทำ เพราะเงินเดือนผมทำงานมา 3 ปีไม่ค่อยขึ้นเท่าไรเลย จนน้องของเค้าเงินแซงหน้าผมไปแล้ว >>> ผมเลยกะว่าจะออกมาแล้วกลับบ้าน ไปอยู่กับพ่อแม่ก่อน เพราะตอนนี้ อยากกลับบ้านที่สุดเลย และที่สำคัญสภาพจิตใจของผม ยังไม่พร้อมทำงานอย่างยิ่งครับ  เงินเก็บ โบนัสผมก็พอมี อยู่ได้สบาย ๆ หลายเดือน รอพร้อมเมื่อไร ค่อยหางานใหม่  

หรือไม่ก็ ย้ายกลับไปหางานทำแถวบ้านเลย  ส่วนคอนโดที่อยู่ ตอนนี้ก็กะขายครับ เพราะตอนแรกกะเอาไว้อยู่แฟนหลังแต่งงานกัน เพราะเดินทางสะดวกดี ติดกับ BTS เลย

แต่ก็มีปัญหาอยู่ที่ว่า ผมจะบอกหัวหน้าผมยังไงดี แกดีกับผมมาก ๆ อยู่ ๆ ผมก็จะลาออกเลย (เพราะปัญหาส่วนตัว) งานที่ยังต้องรับผิดชอบอยู่ก็เหลืออีกมาก แต่จะให้ผมไปทำงานแล้วไปเจอสภาพที่คุ้นเคย ไปเจอเค้าคนนั้น ไปเจอบรรยากาศตอนที่เรายังเป็นแฟนกัน บอกตรง ๆ ผมรับไม่ไหวครับ ทำงานไม่ได้แน่นอน ดีไม่ดีจะนั่งร้องไห้ทั้งวัน
และที่สำคัญมันต้องยืนลาออกอย่างน้อย 30 วันเนี่ยสิครับ

ผมควรทำไงดี??

เย็นนี้ ผมกะจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้แม่ผมฟัง ไม่รู้ว่าท่านจะผิดหวังมั๊ย และจะยอมให้ผมกลับไปอยู่บ้านหรือปล่าว?

พอคิดก็ยิ่งเหนื่อยใจ...

เฮ้อ ใครว่าโลกหมุนเร็วขึ้นกว่าเดิม  ผมว่ามันกำลังหยุดหมุนมากกว่า เพราะผมไม่รู้จะให้มันหมุนไปทางไหนดี....

...ขออภัยถ้าอ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะพิมพ์ไปร้องไห้ไป....

แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 55 15:14:41

จากคุณ : at_together
เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 15:06:18




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com