ความคิดเห็นที่ 1   อืม ๆ ๆ ขี้เกียจอ่าน ฮ่า ๆ จากคุณ : คุณชายแบดบอย & หมาน้อยซื่อบื้อ เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 52 22:55:26

ความคิดเห็นที่ 2   พวกบัตรเครดิตนี่ต้องระวังดีๆเลย แล้วพวกนี้นะ พอขอเบอร์โทรกลับมันก็จะตอบแบบกุกๆกักๆ ดูรู้เลย จากคุณ : Gritzymiiw เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 52 23:01:05

ความคิดเห็นที่ 3   ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ ปล.แต่สงสัยอย่างนึง สงสัยมานานละ แบบว่าเวลาพนักงานเอาบัตรเครดิตไปอ่ะ เช่น เวลาซื้อของตามห้าง แล้วเขาเอาไปรูดอีกที เกิดเขาจดแล้วเอาไปใช้อ่ะ ? เพราะเวลาซื้อของผ่านเน็ตมันใช้เลขตามบัตรก็ซื้อได้เลย จากคุณ : hmeaw_nb เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 52 23:10:38

ความคิดเห็นที่ 4   กำลัง งง เลย สิ่งที่ งง คือ เลข 7 หลัก ด้านหลังบัตรเนี่ย คือไรครับ เพราะบางบัตร จะมีแค่เลข 3 หลัก สุดท้า้ยเท่านั้น แล้ว 3 ตัวเลขสุดท้ายเป็นตัวเลขความปลอดภัยของบัตร เป็นเรื่องจริง ก็แปลว่าตัวบัตรจริงๆ แล้ว แทบจะไม่มีความปลอดภัยเลย ถ้ามีคนขอเอาไปดูเล่น แบบไม่ต้องรูด แล้วสามารถ เอาไปทำุธุรกรรมใดๆ ได้เนี่ย นับว่างานเข้าของผู้ถือบัตรเครดิตเลยนะครับเนี่ย สุดท้าย อยากทราบจริงๆแล้ว เค้าต้องการข้อมูล อะไรจากเราไปบ้างเพื่อทำธรุกรรมแบบนี้ ผมว่าไม่ใช่ เลขหลังบัตร 3 ตัวสุดท้ายอย่างเดียว น่าจะมี    - หมายเลข หน้าบัตร 16 ตัว    - หมายบัตรเลขประชาชน    - วันเดือนปีเกิด    - แล้ว ก็หมายเลข หลังบัตร 3 ตัวนะครับ ปล. ถ้าเลขหลังบัตร 3 ตัวเป็นตัวรักษาปลอดภัยของบัตร เค้าก็ไม่น่าจะนำมาแสดงในตัวบัตรเลยนะครับ มันง่ายต่อการสังเกตุมากๆ จากคุณ : [R][A][I][J][I][N] เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 52 23:45:16

ความคิดเห็นที่ 5   เพิ่งอ่านฟอร์เวิดเมล์มาไม่นานนี้ บอกว่า ระวังให้บัตรพนักงานไปรูดค่าจ่ายค่าอาหาร หรือสินค้าที่เรามองไม่เห็น พอลับสายตา พนักงานจะแอบใหช้มือถือถ่ายรูปหน้าบัตร และหลังบัตร ซึ่งจะได้ข้อมูลบนบัตรครบถ้วน รวมทั้งรหัสเลข 3 ตัวหลังบัตร ก็ขอให้ระมัดระวังไว้บ้างก็ดีค่ะ จากคุณ : สีน้ำสายรุ้ง เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 52 23:57:34

ความคิดเห็นที่ 6   โทร หาเจ้าหน้าที่ มาแล้ว ทำให้รู้เลย ว่า บัตรเครดิต เราเนี่ย มันไม่ปลอดภัยมากๆเลย สรุป ประเด็นได้ัดังนี้ 1. ข้อมูลที่อยู่ในตัวบัตร ทั้งด้านหน้า และด้านหลังเนี่ย ถ้ามีคนรู้ทั้งหมด อาจจะสามารถเอาไปทำธุรกรรมต่างๆ ได้ โดยไม่มีความจำเป็นสำหรับข้อมูลของ ผู้ถือบัตรเลย จะลองแจงเท่าที่มีในบัตรให้ดูนะครับ           - หน้าบัตร                ๐ หมายเลขบัตร 16 หลัก                ๐ Valid From (month/year)                ๐ Good THRU (month/year)                ๐ Name                ๐ ประเภทบัตร เช่น ธนาคารไร บัตรประเภทไหน           - หลังบัตร                ๐ หมายเลข 3 หลัก(CVV) เท่านี้ละครับ เท่านี้ ก็สามารถเอาไปธุรกรรมได้แล้ว ข้อมูล พวก วันเดือน ปีเกิด หมายเลขบัตรประชาชนแทบไม่มีความจำเป็นเลย     ดังนั้นจะต้องเพิ่มความระมัดระวัง ในการใช้บัตรเครดิตเสมอ การส่งบัตรให้เครติด ให้ใครซักคน หรือว่า ร้านค้าที่ต้องใช้บริการ จะต้องดูก่อนว่า คนคนนั้น หรือว่า ร้านค้านั้นมีความน่าเชื่อถือ มากเพียงใด     ถ้ามีการโทรมาสอบถาม ข้อมูล บัตรเครดิต เราจะต้องทราบ ว่าใครโทรมาก่อนเสมอ แล้ว คนที่โทรมามีความเชื่อถือ มากพอที่จำให้ข้อมูลบัตรเครดิต ได้เหรอไม่  คิดซะว่าข้อมูลในบัตรเครดิต ต้องรักษาไว้ยิ่งชีพ     อีกอย่างที่ผมคิด เพราะตอนนี้ มักจะเห็นว่า พวกรายการออกบู๊ตบางทีมักจะหาผู้โชคดี โดนการใช้ หมายเลขบัตรเครดิต ในการเล่นเกม อันนี้ก็ต้องระวังไวด้วยเหมือน     สรุป ข้อมูลในบัตรเครติด ทั้งด้านหน้า ด้านหลัง มีความสำคัญสูงมากต่อการทำธุรกรรมต่างๆ จงพึงระวังเสมอในการใช้บัตรเครดิต รวมถึงการให้ข้อมูลต่างๆ แก่คนอื่น     ปล. ผมว่าแค่รู้ข้อมูลด้านหน้า ทั้งหมด ก็น่าจะเีพียงพอด้วยซ้ำนะ ส่วนข้อมูลด้านหลังบัตร มันมีแค่ ตัวเลข 3 หลัก เอง เท่ากับว่าจะมี ตั้งแต่ตัวเลข 000 - 999 ทั้งหมด 1000 หมายเลข เท่านั้น ถ้ามิจฉาชีพเจาะข้อมูลในส่วนนี้ ผมว่ามันง่าย มากๆเลยที่เค้าจะทำ จากคุณ : [R][A][I][J][I][N] เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 00:28:34

ความคิดเห็นที่ 7   ลอง Search ข้อมูล เีกี่ยวกับ CVV มาครับ แล้วเจอนี่ ครับ เผื่อจะเป็นข้อมูลเสริมได้บ้าง ---------------------------------------------------------------------------- เรียน     ผู้ถือบัตรเว็บการ์ด            เนื่องจากการซื้อสินค้าบนอินเตอร์เน็ตยังคงมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง ทั้งจากการลักลอบนำบัตรของผู้อื่นไปใช้ หรือจากการทุจริตของร้านค้าเอง โดยปัจจุบันทางวีซ่าได้มีมาตรการที่เพิ่มความปลอดภัยในการซื้อสินค้าบน อินเตอร์เน็ต โดยร้านค้าและผู้ถือบัตรสามารถเลือกสมัครใช้บริการ Verified by VISA (VbV) เพื่อใช้ยืนยันความเป็นเจ้าของบัตรได้ และหากร้านค้าไม่ต้องการสมัครใช้บริการ Verified by VISA ก็ยังสามารถเลือกที่จะให้ผู้ถือบัตรระบุหมายเลข CVV เมื่อทำการซื้อสินค้า เพื่อใช้หมายเลข CVV เป็นข้อมูลในการตรวจสอบกับธนาคารอีกระดับหนึ่งได้อีกด้วย            แต่อย่างไรก็ตาม ธนาคารได้ตรวจสอบพบว่า มีรายการทุจริตจากร้านค้าที่ไม่ได้ใช้บริการ Verified by VISA (ร้านค้า NON-VbV) และไม่ได้ให้ผู้ถือบัตรระบุหมายเลข CVV เป็นจำนวนมาก ซึ่งร้านค้าเหล่านั้นเป็นร้านค้าที่มีระดับความปลอดภัยต่ำที่สุด โดยจะให้ผู้ถือบัตรกรอกเพียงหมายเลขบัตรและวันหมดอายุในการซื้อสินค้าเท่า นั้น จึงง่ายแก่การทุจริต ซึ่งก่อให้เกิดปัญหากับลูกค้าเป็นจำนวนมากที่จะถูกคนร้ายทำรายการทุจริตเข้า มาตัดเงินในบัญชีและต้องมาดำเนินการปฏิเสธรายการเพื่อขอเงินคืน            ดังนั้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการที่บัตรของท่านจะถูกนำไปทุจริต ธนาคารกสิกรไทยจึงได้ปรับระดับความปลอดภัยให้สูงขึ้นอีกระดับหนึ่ง โดยตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2550 เป็นต้นไป ท่านจะไม่สามารถทำรายการซื้อสินค้าที่ร้านค้า NON-VbV ที่ไม่ได้กำหนดให้ท่านระบุหมายเลข CVV ได้ ทั้งนี้ ท่านยังคงสามารถทำรายการที่ร้านค้า NON-VbV ได้ตามปกติหากร้านค้านั้นกำหนดให้ท่านระบุหมายเลข CVV ด้วย            การเปลี่ยนแปลงนี้ จะมีผลถึงกรณีที่ท่านนำบัตรไปซื้อสินค้าที่มีการตัดค่าใช้จ่ายเป็นประจำด้วย (recurring charges) หากร้านค้านั้นไม่ได้ใช้บริการ Verified by VISA และไม่ได้ให้ระบุ CVV ซึ่งท่านจะต้องติดต่อกับทางร้านค้าเพื่อเปลี่ยนวิธีการชำระเงินเป็นวิธีการ อื่น เช่น ชำระด้วย Paypal หรือใช้บัตรเครดิตอื่นๆ ในการชำระค่าสินค้าแทน            ทั้งนี้ ธนาคารใคร่ขอความร่วมมือจากผู้ถือบัตรทุกท่านให้เก็บรักษาหมายเลขบัตร วันหมดอายุ และหมายเลข CVV ไว้เป็นความลับพร้อมทั้งเพิ่มความปลอดภัยให้กับตนเอง โดย            1. กำหนดวงเงินซื้อสินค้าไว้ให้น้อยที่สุด โดยท่านสามารถปรับเพิ่มได้ด้วยตนเองทันที เมื่อต้องการใช้บัตรซื้อสินค้าที่มีราคาสูงกว่าวงเงินซื้อสินค้าที่กำหนดไว้            2. จำกัดจำนวนเงินในบัญชีที่ผูกกับบัตรเว็บการ์ดให้มีน้อยที่สุด เมื่อต้องการซื้อสินค้า ท่านสามารถโอนเงินจากบัญชีอื่นเข้าไปในบัญชีที่ผูกกับบัตรเว็บการ์ดได้ทันที ผ่านบริการ K-Cyber ฺBanking            3. หมั่นตรวจสอบรายการซื้อสินค้า (Statement) ของบัตรเว็บการ์ดเสมอ หากพบความผิดปกติให้อายัดบัตร พร้อมแจ้งให้ธนาคารทราบทันที            4. สมัครเป็นสมาชิก Verified by VISA ซึ่งจะให้ท่านกำหนดรหัสความปลอดภัย (Password) ทำให้การซื้อสินค้าของท่านมีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น หมาย เหตุ: CVV คือ หมายเลข 3 หลักที่ผู้ถือบัตรใช้ในการซื้อสินค้าบนอินเตอร์เน็ต โดยท่านสามารถดูหมายเลข CVV ของบัตรเว็บการ์ดได้ใน K-Cyber Banking โดย                        1. Login เข้าสู่ระบบ K-Cyber Banking                        2. เลือก "ดูรายละเอียดบัตรเว็บการ์ด" ในหน้า "ออมเงินและลงทุน"                        3. เลือกหมายเลขบัตรเว็บการ์ดที่ต้องการตรวจสอบข้อมูล                        4. ระบบจะแสดงรายละเอียดของบัตรทั้งหมด รวมทั้งหมายเลข CVV ด้วย ทั้งนี้  หากท่านมีความประสงค์จะสอบถามรายละเอียดหรือข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ K-Contact Center โทร. 02 888 8888 ขอแสดงความนับถือ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จากคุณ : [R][A][I][J][I][N] เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 00:41:13

ความคิดเห็นที่ 8   แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 52 01:01:45 แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 52 01:00:19 แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 52 00:59:42 จากคุณ : little love (mycool01) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 00:59:31

ความคิดเห็นที่ 9   เมื่อ 3วันที่แล้วมีโทรมาเป็นโืทรศัพท์ไม่ระบุหมายเลข อ้างว่าโทรมาจากกสิกร บอกว่าคุณได้ใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้า จำนวน 3900 บาท โปรดกด 9 เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่  (แต่ผมไม่เคยทำเครดิตกสิกร เลยกดวางสายไป) จับได้ต้องรุมแบบนี้คับ จากคุณ : little love (mycool01) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 01:01:31

ความคิดเห็นที่ 10   CVV (Card Verification Value) ในวิกิเค้าบอกว่าเรียกได้หลายแบบ     - Card Security Code (CSC)     - Card Verification Value Code (CVVC)     - Card Verification Code (CVC)     - Verification Code (V-Code or V Code)     - Card Code Verification (CCV)   พูดถึง ตำแหน่ง CVV ที่ อยู่บนบัตร นะครับ บัตรส่วนมากเค้าอยู่ที่ด้านหลังบัตรกัน ยกเว้น บัตรตระูกูล American Express ซ้ำยังแถมเป็นตัวเลข 4 หลักด้วย ตามรูปนะครับ ใน wiki เค้ายกตัวอย่างแบบทำเองขึ้นมา แต่ตำแหน่งจะตำแหน่งเดียวกับบัตร American Express เลยนะครับ ปล.คงไม่ว่าอะไรนะครับ สำหรับข้อมูลเหล่านี้ เพราะคิดว่าจะน่ามีคนอย่างผม(ใช้อย่างเดียว ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับ บัตรเครดิตนักหรอก) และมันคงพอจะเป็นประโยชน์บ้าง สำหรับการใช้ับัตรเครดิต ในคราวต่อๆไป จากคุณ : [R][A][I][J][I][N] เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 01:05:27