ความคิดเห็นที่ 1 ปาดฮะ รออ่านเพราะดื่ม latte ทุกเช้า จากคุณ : Mr.itid เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 15:57:15

ความคิดเห็นที่ 2 จากนั้นก็เลยมาคุยกับแฟนเรื่องการเปิดร้านกาแฟครับ เหตุผลเดียวในการยกโครงการนี้ขึ้นมาอีกคือผมมีเมล็ดกาแฟที่เชื่อว่ามึคุณภาพไม่แพ้ชาติใดในโลก แฟนก็เห็นด้วยครับ ก็เลยมาหาลู่ทางกันใหม่ อันดับแรกที่คิดไว้คือทำเลครับ ตอนนั้นก็เลยตะเวนหาทำเลกับแฟนในวันหยุด เพื่อดูว่าตรงไหนปล่อยเช่าที่บ้าง ในใจอยากทำร้านstand alone ริมถนน เพราะรถผ่านเยอะ ก็มีโอกาสในการขายเยอะตามไปด้วย ก็ไปดุกันมาหลายที่ครับ จนได้ไปดูแถวมีนบุรี บ้านอยู่นนทบุรี ที่ทำงานสาธร ก็เลยยกเลิกดีกว่าคงดูแลไม่ไหวแน่ ไกลขนาดนั้น จากนั้นก็เลยมาดูกันที่ในเมืองบ้าง ตระเวนไปดูตามปั๊มบ้าง แต่ก็ยังไม่ได้ครับ จนวันนึ่งไปเปิดเจอร้านเซ้งที่ในตึกกลางเมืองที่ถ.เพชรบุรีครับ เลยนัดเจ้าของร้านไปดูกับแฟนแบบเก้ๆกังๆ เพราะไม่รู้ว่าต้องถามอะไรบ้าง แต่ก็ได้ถามเรืองทั่วไป ยอดขาย เมล็ดกาแฟที่ไหน การต่อสัญญาเช่าที่ อะไรพวกนี้ล่ะครับ ราคาตอนนั้นเซ้งที่ 150,000 บาท ไม่แพงเลยสำหรับทำเลแบบนี้ แต่ตึกนี้มีสตาร์บัคอยู่กลางตึกชั้นล่างเลยครับ แต่ใจคิดว่ายังไงก็คนละลูกค้าอยู่แล้ว ก็เลยขอเจ้าของกลับมานั่งคิดก่อน แต่แน่นอนล่ะครับ ทำเลดีขนาดนี้ใครจะไปรอกันได้ ผมกับแฟนไปดูวันเสาร์ สนใจแต่ไม่ได้วางเงินจองเป็นกิจลักษณะ เพราะตอนนั้นตื่นเต้น ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้หาเงินที่ไหนมาเซ้ง สุดท้ายพอตกลงว่าจะเซ้งต่อร้านนี้ ยังไม่ทันจะโทรถามเจ้าของร้านในวันรุ่งขึ้น ร้านก็โดนเซ้งไปเรียนร้อยแล้วครับ จ่ายเช็คเงินสดกันวันนั้นเลย จากเหตุการณ์นี้บอกได้เลยว่า คนที่มีประสปการณ์ในการทำธุรกิจด้านนี้ เค้าจะดูออกได้ทันทีเลยครับว่า ทำเลแบบนี้ เค้าจะขายได้หรือไม่ได้ ถ้าได้เค้าก็คว้าไว้แบบไม่มีลังเลใจ พวกมือใหม่อย่างผมกับแฟน ก็ได้แต่บ่นกับตัวเองว่า ต่อไปถ้าเจอทำเลที่ถุกใจ จะไม่รีรออีกแล้ว จากนั้นก็ได้ตะเวนกันไปหลายที่ล่ะครับ เพราะคิดว่าถ้าไม่ได้ทำเลที่เรามั่นใจจริงๆ ก็จะไม่ทำเด็ดขาด จนกระทั่งเลยมาถึงปลายปี 53 ผมก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ ก็ได้แต่นั่งอ่านบอร์ดที่เค้าประกาศเซ้งร้านกาแฟ ซึ่งมีเยอะมากจนน่าตกใจครับ แอบคิดในใจไม่รู้ว่าตัวเองจะได้ใช้บริการบอร์ดประกาศเซ้งร้านนี้หรือป่าว เพราะมีเยอะจริงๆครับ จนถึงกระทั้งตอนนี้ก็ยังมีร้านกาแฟมาให้เราๆเซ้งกันทุกวันครับ จนกระทั่งวันหนึ่งก็มีร้านในออฟฟิศประกาศเซ้งร้านครับ ทำเลตัวตึกก็กลางๆครับ แต่ที่สำคัญคือไม่ไกลจากบ้านที่ผ่อนอยู่(นนทบุรี)ไม่ไกลจากนิด้า(แฟนเรียน แต่ค่าเซ้งร้านประมาณเกือบ 5 แสน......... จากคุณ : ผมชื่อกานต์ เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 16:00:45

ความคิดเห็นที่ 3 @Mr.itid ขอบคุณครับ แต่เนื่องจากทำเลร้านมันตรงกับความต้องการอะไรหลายๆอย่างมากครับ อยู่ในออฟฟิศ ใกล้บ้านมีเวลาดูแลหลังเลิกงาน เพราะยังไงคงไม่ได้ออกจากงานประจำมาทำแน่นอนครับ ร้านก็ตกแต่งได้สวยในระดับนึง พอตกลงกันว่าจะไปดูทีร้านก็เลยสุ่มๆไปดูก่อนครับว่าเป็นยังไง แต่ตัวเองก็บอกกับแฟนว่าคงต้องสรุปให้เร็วที่สุด ไม่งั้นปิ๋วแน่นอน เพราะประสปการณ์จากครั้งก่อนสอนไว้ จากนั้นก็ลองนัดเจ้าของคุยครับ เจอกันครั้งแรกแน่นอนครับ เจ้าของบอกว่า ร้านนี้ดีทุกอย่าง ยอดขายก็ดี เมื่อก่อนเคยได้วันละ 100 แก้ว แต่เนื่องจากมีเหตุที่บริษัทลูกค้าในตึก ย้ายไปที่ตึกอื่นทำให้ยอดลดลง แต่ก็อยู่ประมาณ 60-70 แก้วเป็นอย่างน้อย เค้าก็ทำมาเกือบ 2 ปีคืนทุนเรียบร้อยหมดแล้ว เรามาแต่ตัว ขายได้เลย เก็บยอดขายไปเลยวันละเกือบ 3000 บาท กำไร50% ตกเดือนละ 30,000 บาท มีพนักงานเดิม 2 คน พร้อมทำงานกับเราได้เลย แค่ไปตกลงค่าจ้างกันเอง เหตุผลของการเซ้งคือ เหนื่อยกับการหาพนักงานมาทำไม่มีเวลาดูแล(เหตุผลของเจ้าของทุกร้านที่บอกเซ้งครับ) เพราะเจ้าของเค้าก็ทำงานประจำด้วย พอได้ยินอย่างนี้ แก้มยิ้มปากแทบฉีก ขนลุกตื่่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกครับ กำไรเดือนละตั้ง 30,000 บาท หลังจากคุยกันเบื้องต้น ทางเจ้าของก็บอกว่า ทำสัญญามัดจำก่อนครับ เพื่อให้สิทธ์เราดำเนินเป็นเจ้าแรกเพื่อหาเงินมาเซ้ง ซึ่งทุกอย่างทำการโดยเงินสดทั้งหมด ตกลงกับแฟนไว้ครับ ลงทุนกันคนละครึ่ง ก็คนละ 250,000 บาท ของแฟนไม่มีปัญหาครับเค้าหาได้ แต่ตัวผมเองมีบ้านที่ผ่อนอยู่ รถที่พึ่งผ่อนเสร็จโอนมาเป็นชื่อตัวเองได้ 2 เดือนเอง แล้วก็เงินในบัญชี 20,000 บาท งานนี้มืดแปดด้านจริงๆครับ จากคุณ : ผมชื่อกานต์ เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 16:17:24

ความคิดเห็นที่ 4 ขอมานั่งฟังด้วยคนค่ะ แค่เริ่มต้นก็สนุกแล้ว จากคุณ : บี (aor-udomsab) เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 16:21:36

ความคิดเห็นที่ 5 ปูเสื่อรอครับ กาแฟหอม ๆ เช้า ๆ สดชื่นครับ จากคุณ : ปลาหมึกพอล เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 16:25:11

ความคิดเห็นที่ 6 เข้ามาเกาะติด รออ่านต่อครับ จากคุณ : immarch เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 16:34:00

ความคิดเห็นที่ 7 แน่นอนครับ หลักทรัพย์ที่มีอยู่กับตัวคือ รถยนต์ครับ city'03 ตอนนั้นหน้ามืดตามัว ไม่สนแล้วครับ คิดแต่ว่าจะเอาร้านนี้ให้ได้ ยังไงก็ต้องให้ได้แล้วก็เร็วด้วย เลยไปวางเงินมัดจำแล้วทำสัญญาไว้ว่า ว่าจะจ่ายเงินค่าเซ้งร้าน พร้อมกับไปเปลี่ยนสัญญากับทางตึกในวันเดียวกัน ซึ่งตกลงกันไว้ประมาณ 10 วันหลังจากจ่ายมัดจำ ทางผมก็ไปดำเนินการเอารถเข้าไฟแนนซ์ทันทีครับ ได้มาประมาณ 280,000 บาท จำได้เลยว่า โทรไปขอทางธนาคารช่วยเร่งให้หน่อยเพราะต้องเอาเงินไปทำสัญญา ระหว่างที่รอดำเนินการนั้น ก็ได้ขอเจ้าของร้านเข้าไปเซอร์เวย์ร้านคร่าวๆ เพราะถ้ายอดขายไม่เป็นไปตามที่เจ้าของบอก จะได้ขอยกเลิกสัญญา โดยการที่แฟนลางาน 1 วันไปนั่งจดจำนวนแก้วที่ร้าน แต่ด้วยเงื่อนไขจากเจ้าของบอกว่า อย่าพึ่งบอกกับพนักงานว่าจะเซ้งร้าน เพราะไม่อยากให้ตกใจ วันนั้นก็จดกันไปได้ 67 แก้วตามที่เจ้าของเค้าว่าไว้จริงๆล่ะครับ ก็เลยวางใจกับเรื่องยอดขายของร้าน คิดในใจว่าสบายแล้วเรา ลูกค้าก็ไม่ต้องหา มีฐานลูกค้าเลย โชคดีสุดๆ ถึงวันเซ้งครับ วันนั้นก็รอเงินจากธนาคารโอนเข้าบัญชีมา จากนั้นเจ้าของร้านขอไว้ว่าให้ไปทำธุรกรรมเงินกันเลยที่ธนาคาร ไม่รับเชคใดๆ กลัวโดนโกง ก็โอเคครับ เพราะว่าเจ้าของร้านเค้าก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะโกงอะไร พอจัดการเรืองเงินกันเสร็จ ก็พากันไปเปลี่ยนสัญญากันที่ตึก ตอนแรกก็เจรจาเรื่องค่าเช่ากับทางตึกเพื่อขอราคาเดิม แต่ทางตึกยืนยันว่าจำเป็นต้องขึ้นหากมีการเปลี่ยนมือผู้เช่า แต่ทางตึกจะช่วยลดได้บ้างนิดหน่อย ทางผมก็ตกลงครับ เพราะก็ไม่ได้ขึ้นมากจนรับไม่ได้ พอเปลี่ยนสัญญากันเสร็จ ก็ตกลงเรื่องทรัพย์สินในร้าน ทางเจ้าของยกให้หมด ยกเว้น ชื่อร้าน กับเครื่องดูดฝุ่น ก็ยอมรับได้ แต่....ทางเค้าจะขอเก็บรายรับของร้านจนถึงวันสุดท้ายของเดือน เพราะสัญญในชื่อเค้าอยู่จนถึงวันสุดท้ายของเดือน เพราะฉะนั้นเค้ามีสิทธ์ ทางผมก็เถียงอะไรไม่ได้ล่ะครับ แต่ก็ขอต่อรองเรื่องชื่อร้านไป เพราะว่าถ้าไม่มีชื่อร้าน ทางตึกไม่ยอมให้เปิดร้านครับ ซึ่งทางเจ้าของเดิมจะหมดสัญญาวันเสาร์ ทางผมจะปลดป้ายเค้าได้ก็ต่อเมื่อเย็นเท่านั้น ซึ่งวันที่จ่ายค่าเซ้งกันคือวันพฤหัส ซึ่งไม่ทันแน่นอนที่จะทำป้ายขึ้นมาใหม่ เพราะอันเก่าเป็นตัวอักษรขึ้นรูปด้วยเหล็กดัดพ่นสี ซึ่งณ.ตอนนั้นทางผมมีแค่อาร์ตเวิคของชื่อร้านใหม่เท่านั้นเองครับ ที่ไม่กล้าสั่งทำเพราะ ไม่สามารถปีนขึ้นไปวัดขนาดของตัวหนังสือร้านได้ เพราะทางเจ้าของขอไว้ไม่ให้ทำ กลัวพนักงานจะรู้ เท่ากับว่ามีเวลา 2 วันในการสั่งผลิตตัวอักษรชื่อร้านที่ทำจากเหล็กดัดแล้วเอามาพ่นสี แล้วก็ไปติดตั้งแทนชื่อร้านเดิม ทางผมขอต่อรองเจ้าของเก่าว่าขอชื่อร้านเดิมก่อน เค้ายืนยันว่าไม่ได้ และวันเสาร์เย็นเค้าก็จะไปมาเอาออกไป หลังจากนั้นทางเราจะทำอะไรกับร้านก็เป็นสิทธ์ของเรา แต่ก่อนหน้านั้นยังเป็นสิทธ์เดิมเค้าอยู่ จากคุณ : ผมชื่อกานต์ เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 16:39:45

ความคิดเห็นที่ 8 ว้าววววว โวตๆๆๆ จากคุณ : รักหนักแน่น เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 16:52:27

ความคิดเห็นที่ 9 อ่านถึงตรงนี้ขอชื่นชม จขกท. ที่มุ่งมั่นทำมาหากินครับ เป็นสิ่งที่ดีมากครับ ส่วนเรื่องอื่นที่เราพึงจะได้ จขกท. กำลังพาเราเข้าไป ผมก็จะรออ่านนะครับ (แต่ผมแอบเดาไว้แล้ว ^^') จากคุณ : Mr. Prodigy เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 17:04:33

ความคิดเห็นที่ 10 @aor-udomsab ใช่ครับ ตอนเริ่มทำร้านเป็นอะไรที่สนุกตื่นเต้นที่สุดแล้วครับ @ปลาหมึกพอล ขอบคุณครับ ตอนเช้าได้กาแฟร้อนซักถ้วยก็สุดยอดไปเลยครับ @immarch ขอบคุณนะครับ หลังจากผ่านพ้นวันที่เปลี่ยนสัญญากัน ก็มาถึงวันที่เข้าร้านเป็นทางการวันแรกคือเย็นวันเสาร์ครับ ทางเจ้าของเก่าก็มอบกุญแจ แจงว่ามีอะไรบ้าง เช่น เครื่องกาแฟ astoria ckxxr + macap m5 อายุเกือบ 2ปี ที่เป็นหัวใจของร้านนี้ แล้วก็พวกซิงค์ต่างๆ ตู้เย็น เก้าอี้นวม อะไรพวกนั้น ที่สำคัญที่สุดคือ สต๊อกวัตถุดิบครับ มันเยอะมากๆครับ ยิบย่อยไปหมด ไม่คิดว่าจะทำร้านกาแฟเนี่ยต้องมีของเยอะขนาดนี้เลยหรอเนี่ย แล้วแต่ละอย่างนะครับ ไม่ได้ซื้อจบในที่เดียว ต้องไปตะเวนหาจากแหล่งที่ถูกที่สุด ซึ่งที่ผมมีเป็นของตัวเองนั้นมีแค่เมล็ดกาแฟเท่านั้นเองครับ พอส่งมอบกันเสร็จก็เข้าไปดูหลังร้าน....ว่างและโล่ง งงเป็นไก่ตาแตกเลยครับ ไอ้เกือบ 5 แสนที่เซ้งไปเนี่ย ได้แค่เครืองกาแฟ กับ เคาเตอร์ครัว ตู้เย็น โซฟาและเก้าอี้ พื้นปาเก้ เท่านั้นเองครับ พวกวัตถุดิบเหลือไว้อย่างละเล็กละน้อย พอขายต่อได้เพียง 1 วันเท่านั้น ถ้าตีเป็นราคาทรัพย์สินหักค่าเสื่อมคงไม่เกิน 150,000 บาทเป็นอย่างมากครับ เช่น เคาเตอร์ก็ท๊อปเป็นฟอร์เมก้า ตัวบานประตูก็เป็นไม้อัดธรรมดา ดุแล้วแบบว่า น้ำตาจะไหลตอนนั้นเลยครับ เหมือนกับร้านนี้ถูกใช้มาแบบเพื่อทำธุรกิจจริงๆ พอมันหมดค่าหมดราคาก็จบกันไป กว่าจะออกจากร้านตัวเองที่ได้เป็นเจ้าของวันแรกก็เกือบจะ 5 ทุ่ม ทั้งเช็คของที่ต้องใช้ ติดต่อกับร้านที่ดัดเหล็กเพื่อทำตัวหนังสือชื่อร้าน พอกลับมาถึงบ้าน บอกอย่างไม่อายเลยว่า น้ำตาไหลอาบแก้มเลยครับ เหลือวันอาทิตย์อีกวันเดียวเพื่อเตรียมร้านให้พร้อมขายในวันจันทร์ อ้อ! เกือบลืมเรื่องพนักงานครับ จากร้านเก่ามีอยู่ 2 คน คนหนึ่งเป็นคนเก่าอยู่มา 1 เดือนกับอีกคนอยู่มา 1 อาทิตย์ พอรู้ก็ได้แต่อึ้งครับ นี่คือเหตุผลที่เค้าไม่ให้เราไปถามพนักงานของเค้า ไม่ใช่ว่ากลัวพนักงานตกใจ แต่กลัวว่าทางเราจะตกใจมากกว่า แต่ก็ทำใจครับเพราะยังไงซะคนที่ทำมา 1 เดือนก็น่าจะพอไว้ใจในฝีมือได้บ้าง และตัวน้องก็เข้ามาคุยว่า จะอยู่ช่วยเราจนถึงที่สุด พอวันอาทิตย์ ก็ไปตะเวนซื้อของตลาดบางเขน แม๊คโครแจ้งวัฒนะ ตลาดสี่มุมเมือง เป็นการตะเวนซื้อของที่สนุกมากครับ พอตอนเย็นก็เข้าร้านไป โชคดีมากที่ร้านเหล้กดัดเค้าลัดคิวทำชื่อร้านให้ และจะมาติดตั้งตอนหัวค่ำวันอาทิตย์พอดี จริงๆแล้วเหตุการณ์การขอร้องร้านเหล็กดัดเป็นอะไรที่ตื่นเต้นและทุลักทุเลที่สุดครับ เพราะว่ากว่าจะคอนเฟิมอาร์ตเวิคกันเสร็จก็เช้าวันเสาร์แล้วครับ แต่สุดท้ายก็ผ่านมันมาได้ด้วยดี ทุกอย่างผ่านไปได้เหมือนสวรรค์ช่วยครับ ตอนนี้พร้อมมากกับการเปิดร้านวันแรก พรุ่งนี้ตัวเองก็ลางานเพื่อมาเปิดร้าน โทรคุยกับน้องพนักงานคนเก่าทั้ง 2 คนว่าเจอกัน 7 โมงเช้าเพื่อเปิดร้าน จนในที่สุดก็ถึงวันจันทร์วันเปิดร้าน น้องคนที่พึ่งเข้ามาได้ 1 อาทิตย์ก็เข้ามาร้านก่อน ก็คุยกันว่าเป็นยังไงบ้าง ทำเก่งมั๊ย น้องบอกว่า พึ่งเคยหัดทำก็ที่นีแหละ ได้แต่เห็นแต่ไม่ค่อยได้ทำ เป็นลูกมืออย่างเดียว สรุปว่าคนนี้พึ่งไม่ได้แล้วครับ ต้องรอน้องอีกคนที่ทำมานาน น่าจะฝากความหวังไว้ได้แต่คงยังมาไม่ถึง สักพักลูกค้าคนแรกเข้ามาที่ร้านครับ สั่งคาปูร้อน ตอนนี้ก็งงเป็นไก่ตาแตกเลยครับ ทำไม่เป็น ตอนแรกวางแผนไว้ว่าจะรอน้องที่เป็นบาริสต้ามาทำให้แต่ก็ยังมาไม่ถึง ก็เลยบอกลูกค้ารอแป๊บนึง จากนั้นก็โทรตามน้องอีกคนทันที ปรากฎว่าตัดสายทิ้ง โทรไปอีกทีปิดเครื่องหนี...... ขออนุญาตมาแชร์ต่อตอนหัวค่ำนะครับ แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 55 17:11:11 จากคุณ : ผมชื่อกานต์ เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 17:09:08

ความคิดเห็นที่ 11 ลุ้นๆๆ ไปด้วย เราก็เพิ่งเปิดร้านเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ร้านกาแฟ นอกจากจะมาลุ้น ว่าจะมีลูกค้าเข้ามั้ย ก็มา นั่งลุ้นเรื่องลูกจ้าง ด้วยเหมือนกัน ว่าจำไว้ใจได้มั้ย ทำงานดีมั้ย เครียดจนน้ำตาไหล ก็เคยเหมือนกันนะ ก็คนมันเครียดดด.. T T จากคุณ : น้องมานี เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 17:21:23

ความคิดเห็นที่ 12 อ๊ากกก ตัดบท รอตอนค่ำ ฉะนั้น เดี๋ยวกลับมาอ่านต่อเช่นกันๆ จากคุณ : immarch เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 17:45:09

ความคิดเห็นที่ 13 กำลังหนุกเลยครับมาลงชื่อไว้เหมือนกัน จากคุณ : อยากให้คนเลวๆหายไป เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 18:31:56

ความคิดเห็นที่ 14 มาลงชื่อรออ่านนะค่ะ จากคุณ : jannice เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 18:44:36

ความคิดเห็นที่ 15 เล่าได้สนุกมาก แต่เรื่องจริงคงไม่สนุกเลยใช่มั้ยคะ รออ่านต่อไป จากคุณ : areewan เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 19:38:43

ความคิดเห็นที่ 16 ปูเสื่อค่ะ ๆๆ จากคุณ : Margaret เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 20:21:14

ความคิดเห็นที่ 17 ใครสักคน ช่วยหาวิธีบล๊อคน้องแคท( teddylovesbear )จขกท.แนะนำสัปดาห์ที่แล้ว อย่าให้เข้ามาอ่าน  เดี๋ยวหมดกำลังใจไปอีกคน  อ่านแล้วใจแป้วเลย.. อิอิ จากคุณ : FreeWing เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 20:32:09

ความคิดเห็นที่ 18 รออ่านค่ะ แอบลุ้นไปด้วยตัวโก่ง จากคุณ : tolone (Tolone) เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 20:40:46

ความคิดเห็นที่ 19 โห กำลังสนุก   ตัดฉับไปเหมือนพนักงานที่หายไปเลย เราว่าเจ้าของเก่า แอบขี้โกงหน่อยๆนะ จากคุณ : music&lyric and cats เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 20:45:01

ความคิดเห็นที่ 20 ติดตามด้วยคนครับ เพิ่งทำธุรกิจเปิดร้านมาได้ 2 เดือน ยอดกำลังไปได้ดี พอเข้าเดือนนี้  พนักงานลาออกกะทันหัน เครียดเลยครับ ยอดหายไป 1/3 ส่วนตัวยังมีงานประจำอยู่ เลยว่างมาเปิดร้านได้ตอนเย็น ก็เลยไม่รู้จะเป็นยังไงต่อไป -_- จากคุณ : ton@home เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 20:46:16

ความคิดเห็นที่ 21 ลุ้นครับ จากคุณ : ผู้ชายขี้อาย เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 20:48:49

ความคิดเห็นที่ 22 สงสัยต้องส่งหลังไมค์ไปตามน้องแคท teddylovesbear  มาอ่าน จากคุณ : I-PULSE เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 21:03:28

ความคิดเห็นที่ 23 @รักหนักแน่น ขอบคุณครับ @Mr. Prodigy ผมว่าเดาถูกแน่นอนครับ ^_^ @น้องมานี น้ำตาไหลเรื่องหนึ่งแล้ว จะไม่กลับมาซ้ำเรื่องเดิมอีกแล้วไงครับ @immarch ขอบคุณครับ @อยากให้คนเลวๆหายไป ขอบคุณครับ @jannice ขอบคุณครับ @areewan ขอบคุณครับ @Margaret ขอบคุณครับ @FreeWing แชร์ประสปการณ์ให้ฟังมากกว่าครับ เรื่องพวกนี้น่าจะต้องเจอกันทุกคน ถ้าคิดทำร้านกาแฟ @Tolone ขอบคุณครับ @music&lyric and cats จริงๆเค้าก็เรียกตามสิทธิที่เค้าพึงมีมากกว่าครับ @ton@home เอาใจช่วยนะครับ @ผู้ชายขี้อาย ขอบคุณครับ @I-PULSE ยินดีครับ จากนี้ไปจะมีศัพท์ทีเกี่ยวกับกาแฟมากขึ้นนะครับ ถ้าสงสัยตรงไหนก็ถามได้เลยนะครับ หลังจากที่พยายามโทรหาน้องบาริสต้าอีกคน(มีประสปการณ์)อีกหลายๆครั้ง ก็แน่ใจได้ว่า น้องทิ้งเราแน่นอนครับ ทีนี้มาดูที่ร้านกาแฟที่เซ้งมาด้วยราคาเกือบ 5 แสนบาท มีพนักงานที่เคยทำมาแล้ว 1 อาทิตย์ กับ เจ้าของร้านที่เคยแต่เสนอเมล็ดกาแฟแต่ไม่เคยทำขายเองเลยสักครั้ง ตอนโทรหาแฟนแล้วบอกว่า น้องบาริสต้าอีกคนที่เราหวังจะพึ่งพิงไม่มาทำงานที่ร้านเราแน่ๆ ตอนนั้นรู้สึกว่าน้ำตามันเอ่อมากครับ รู้สึกว่าที่เราลงทุนเอารถสมบัติชิ้นเดียวไปเข้าไฟแนนซ์ + เงินที่แฟนเอามาลงทุนด้วยกันนั้น เป็นการกระทำที่โง่ที่สุดในชีวิตเลยครับ อยู่ดีไม่ว่าดี "เจียะป้าบ่อสื่อ" จริงๆ แต่ก็คิดว่าไม่เป็นไร ช่างมัน!ทำเท่าที่ทำได้ หลักๆก็ให้น้องอีกคนที่ทำได้ 1 อาทิตย์ ทำกาแฟแบบงูๆปลาๆไปครับ นมตีขึ้นโฟมบ้าง ไม่ขึ้นบ้าง ร้อนไม่เท่ากันก็มี ผงกาแฟก็โดสเท่ากันบ้างไม่เท่ากันบ้าง พูดง่ายๆคือไม่คงที่นั่นเอง วันแรกก็ทุลักทุเลพอสมควรครับ ส่วนใหญ่ลุกค้าจะถามว่าเปลี่ยนเจ้าของหรอ เกือบทั้งหมดจะถามอย่างนี้ เพราะว่าทางรสชาติกาแฟเปลี่ยนครับ สาเหตุคือผมใช้เมล็ดกาแฟอาราบิก้า(กาแฟมี 2 สายพันธ์ อาราบิก้าปลูกภาคเหนือ โรบัสต้าปลูกภาคใต้) ที่ปลูกและคั่วมาจากไร่ของเพื่อนที่เชียงราย ที่มั่นใจว่าดีไม่แพ้ชาติใดในโลกแน่นอน ลูกค้า 80% บอกว่ารสชาติเปลี่ยนไป เปลี่ยนเมล็ดกาแฟหรอ รสชาติอ่อนไปนะ ทุกๆคนส่วนใหญ่บอกกันอย่างนี้ แต่ผมก็คิดมั่นใจเอาเองว่า ถ้าเรามีเมล็ดกาแฟที่ดี มั่นใจว่ายังไงซะก็ต้องมัดใจลูกค้าได้ ซึ่งส่วนผสมส่วนใหญ่จะอิงจากสูตรเดิมเกือบทั้งหมด ผลปรากฎว่า วันแรกกับการที่เตรียมการไม่พร้อมเท่าไหร่ ทุลักทุเลสุดๆ ก็ขายไปได้ 67 แก้ว ตัวเองดีใจมากๆที่ยอดไม่ทิ้งจากร้านเดิมเท่าไหร่ วันรุ่งขึ้นก็จำเป็นต้องลางานอีกเพราะยังหาคนไม่ได้ วันนี้ก็เข้าที่เข้าทางครับ เพราะเหตุการณ์เมื่อวานมันบังคับให้เราต้องทำกาแฟเป็น หน้าทีส่วนใหญ่ของผมคือรับลูกค้า (ผมทำงานด้านการขาย ชินกับการเข้าหาลูกค้าอยู่แล้ว)รับออเดอร์ แล้วก็บดกาแฟ โดสลงก้านชง สกัดเอสเพรสโซ่ออกมาเพื่อทำเครื่องดื่มต่อไป น้องอีกคนก็จะเตรียมส่วนผสมทุกอย่างเพื่อรอเอสเพรสโซ่จากผม ค่อนข้างเข้าขาเลยครับ ตอนนั้นรู้สึกสนุกมากๆครับ มีความสุขที่ได้ทำกาแฟให้ลูกค้า มีความสุขที่ได้ถามลูกค้าว่ารสชาติเป็นอย่างไรบ้าง ส่วนใหญ่ลูกค้าไม่มีตินะครับ มีบอกแค่ว่า "ใช้ได้" ลูกค้าก็เข้ามาเรื่อยๆ ขาดหายบ้างเป็นบางช่วง ตอนนที่ทำกาแฟตอนนั้น ภาวนาไม่อยากเจอกาแฟร้อนเท่าไหร่ เพราะกลัวการสตรีมนมมากๆครับ เครื่อง astoria ckxxr ที่ผ่านการใช้งานมาเกือบ 2 ปีนั้น ไม่ค่อยตอบสนองเท่าไหร่ ก็เลยกลัวการสตรีมนมมากครับ แต่ก็พอถูๆไถๆไปได้ครับ พอตอนเย็น แฟนก็จะเข้ามาเคลียร์บิล เก็บเงิน เตรียมเงินทอนในวันถัดไป ตอนนั้นก็รู้สึกเบาใจมากนะครับว่า ร้านเรา"รอด"แน่นอน หลังจากทำแบบงงๆมาประมาณ 1 อาทิตย์ ก็เอายอดมาสรุปกันกับแฟน สิ่งที่คิดว่า "รอด" นั้นอาจจะไม่ใช่แล้วล่ะครับ แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 55 21:53:27 จากคุณ : ผมชื่อกานต์ เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 21:52:46

ความคิดเห็นที่ 24 โอ้วววววว ตอนนี้ดึกแล้ว รออยู่นะค้า จากคุณ : jinny (s.jin) เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 21:58:11

ความคิดเห็นที่ 25 มาลงชื่อ อยากมีร้านของตัวเองเหมือนกัน จากคุณ : masha22 เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:02:03

ความคิดเห็นที่ 26 รออ่านอย่างใจจดใจจ่อค่ะ จากคุณ : jinny (s.jin) เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:03:09

ความคิดเห็นที่ 27 รออ่านค่า จากคุณ : แค่หนึ่งมุมมอง เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:08:59

ความคิดเห็นที่ 28 จขกท. แมนมากครับ คนที่กล้าเล่าความผิดพลาดตัวเองแบบตรงประเด็น กลางๆ ไม่โทษใครมีไม่มากครับ จากคุณ : Mr. Prodigy เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:11:22

ความคิดเห็นที่ 29 สงสารอะ แต่ก็พอเข้าใจได้ ตามอ่านต่อนะ เล่าเรื่องสนุกดี เฮ้อ ขอคอมเม้นหน่อย ลูกค้าอะ เวลาเป็นลูกค้าประจำร้านกาแฟอะ พอรสชาดเปลี่ยนหรือมีอะไรเปลี่ยนอะ เค้ารู้นะ เค้าสังเกต แต่ทำเงียบๆไว้ก่อน ถามก็บอกไม่มีอะไร แต่สังเกต เราก็ทำอย่างนั้น เรื่องที่เจ้าของกระทู้เล่าอะ so typical มากๆเลยอะ (ตามแบบแผนธรรมเนียมการเปิดร้าน(ของเจ้าของใหม่) - และการปิดร้านของเจ้าของเก่า) แต่ก็ตามอ่าน สนุกดี โหวตให้นะ อ้อ เราก็ชอบ Latte มากกว่า Cappucino นะ ช่วงนี้กิน พัมพิ้น สไปซ์ ลาเต้ บ่อย กับ วานิลา ลาเต้,  เอกน็อก ลาเต้ เข้ากับเทศกาล แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 55 22:21:12 แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 55 22:19:16 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:18:21

ความคิดเห็นที่ 30 พอมาดูยอดในแต่ละวันหลังจากเปิดร้านกันมา 5 วัน จันทร์-เสาร์ จากวันแรก 67 แก้วนั้น ก็ลดลงมาเรื่อยๆจนมาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 30 แก้วต่อวัน ยอดขายประมาณวันละ 1,300-1,400 บาทต่อวัน เมนูที่ขายดีที่สุดคือ คาปูชิโนเย็น หวาน มัน ตามไทยสไตล์ จริงๆคนที่ทำร้านกาแฟอินดี้เกือบทุกคนอยากทำเมนูที่เหมือนกับทางต้นตำรับร้านกาแฟในอิตาลีทั้งนั้นล่ะครับ เน้นเมนูร้อนเป็นส่วนใหญ่ครับ ไม่อยากมี "เอสเพรสโซ่เย็น" ที่หาทานได้ที่ประเทศไทยเท่านั้น หรือลาเต้เย็นที่ใส่ นมข้น นมเทียม เพิ่มความหวานมันเหมือนคนไทย หลังจากผ่านไป 1 เดือน ยอดขายก็ตกเหลือวันละ 30 แก้วต่อวันเท่านั้นครับ แต่รายจ่ายมีทั้ง ค่าเช่า ค่าพนักงาน ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าวัตถุดิบ ยังไม่รวมค่าแรงตัวเองเลยนะครับ สรุปเดือนแรกขาดทุนยับครับ ยอดขายเหลือประมาณ 40-50% เมื่อเทียบกับยอดเดิม ลูกค้าเก่าหายไปกว่า 70% ได้ลูกค้าใหม่มาบ้าง ซึ่งถ้ายอดยังเป็นแบบนี้ รับรองต้องปิดร้านภายใน 3 เดือนเท่านั้นครับ แค่คิดก็แย่แล้วครับ ทั้งอายเพื่อน อายญาติ แถมยังเป็นหนี้อีก ถ้าเซ้งต่อก็คงขาดทุนน้อยหน่อย แต่สุดท้ายก็ยังเลือกกัดฟันทำต่ออีกเดือนนึงครับ ยอดขายก็ไม่ดีขึ้น เอาทั้งเค๊กมากระตุ้น ทั้งแซนวิช ก็เหมือนเดิม มาลองวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดต่างๆ เช่น คู่แข่ง ที่ตึกแห่งนี้มีเจ้าประจำอยู่คือ กาแฟแบรนด์นอกที่ตั้งอยู่กลางตึก ราคาแก้วละประมาณ 80 - 100 บาท ด้านนอกตึกอีกบานครับ ประมาณ 5 ร้านได้มีทั้งกาแฟสด กาแฟโบราณ เริ่มตั้งแต่ 18 บาท - 30 บาท ส่วนร้านผมตั้งราคาที่ 45 บาท เมื่อวิเคราะห์แล้วว่า คู่แข่งเราน่าจะเป็นกาแฟที่อยูในตึกเหมือนกันก็คือ กาแฟแบรนด์นอก แน่นอน เพราะทำเลใกล้กัน(ร้านผมทำเลแย่กว่า เพราะต้องเดินลงบันไดลงมา) ลูกค้ากลุ่มเดียวกัน แต่สิ่งที่ผมเชื่อมั่นมาตลอดคือ เมล็ดกาแฟที่ร้านเลือกใช้ครับ เป็นอาราบิก้า 100% ร้านกาแฟสดส่วนใหญ่นั้นจะใช้เมล็ดอาราบิก้าผสมกับโรบัสต้า อาราบิก้าได้ความหอมทำกาแฟร้อนสุดยอดครับ โรบัสต้าให้ความเข้มเหมาะกับกาแฟเย็น เจ้าของร้านเก่าผมนั้นก็เค้าก็ใช้แบบผสมครับ ส่วนจะผสมเท่าไหร่นั้นแล้วแต่สูตรร้านใครร้านมันครับ แต่ถ้าถามว่า ในเมื่อเรารู้แล้วว่า คนไทยส่วนใหญ่นั้นชอบทานเย็น แถมหวานมันอีกต่างหาก ที่สำคัญต้องเข้มๆ ซึ่งยังไงซะอาราบิก้า 100% ก็ไม่น่าจะเหมาะสมเท่าไหร่ ซึ่งจุดนี้ก็เป็นอุปสรรค 1 จุดที่ทำให้ยอดขายเจริญฮวบๆขนาดนี้ T_T จากคุณ : ผมชื่อกานต์ เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:21:56

ความคิดเห็นที่ 31 จากคนเคยเปิดร้าน และเซ้งไปทำร้านเหล้าแทน สรุปร้านเหล้ากำไรดีกว่าเยอะ ไม่วุ่นวายเท่าร้านกาแฟ ปล.มาเอาใจช่วยเจ้าของร้านกาแฟหน้าใหม่ อ่านแล้วคิดตามด้วยจะดีมากๆครับ จากคุณ : โอพ่อพระ เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:27:33

ความคิดเห็นที่ 32 @jinny (s.jin)ขอบคุณครับ @masha22 ถ้าอยากทำ ก็ต้องศึกษาก่อนครับ ลองไปลงคอร์สกาแฟซักคอร์สครับ @แค่หนึ่งมุมมอง ขอบคุณครับ @Mr. Prodigy ขอบคุณครับ ถ้าเรายอมรันความจริงแล้ว ก็จะมองอะไรๆชัดเจนขึ้นครับ @lovelypriest ขอบคุณครับ คงเหมือนกันทุกคนนะครับ แต่ต่างกันที่รายละเอียดตามสถานการณ์ที่เจอล่ะครับ จริงๆ ลองทานแค่ latte ธรรมดาดูนะครับ เสฟกาแฟโดยไม่ต้องมีสิ่งอื่นๆมาบดบังความเป็นกาแฟ รับรองจะติดใจครับ @โอพ่อพระ ถูกต้องเลยครับ ร้านกาแฟกำไรน้อยจริงๆ เทียบกับร้านเหล้าหรือร้านอาหารไม่ได้จริงๆครับ ควรเป็นอาชีพเสริมมากกว่าอาชีพหลัก หลังจากเมื่อรู้ว่าปัญหาของร้านคืออะไร 1.ลูกค้าส่วนใหญ่เลือกที่จะซื้อแพงกว่า เพราะเชื่อมั่นในชื่อเสียงของแบรนด์นอกมากกว่า ซึ่งต้องให้เครดิตของร้านกาแฟนอกอยู่แล้วครับ กว่าจะเป็นบาริสต้ากันได้ก็ต้องผ่านการฝึกฝนมาไม่มากก็น้อย ไม่เหมือนกับร้านผมที่มาแบบ "เลินนิ่งบายดูอิ้ง" แบบนี้ 2.เมล็ดกาแฟ คนไทยชอบกาแฟเย็นเข้มๆ หวานๆ มันๆ อาจจะจำเป็นต้องหากาแฟใหม่ที่ผสมโรบัสต้ามาให้ 3.ทำเล ร้านผมต้องเดินบันไดลงมา เพื่อมาซื้อกาแฟที่ร้าน ถ้าลูกค้าที่เป็ขาจร คงไม่สนใจอะไร เพราะนานๆทีเดินที แต่ถ้าเป็นคนที่ทำงานในตึกนี้ แล้วต้องเดินลงบันไดเกือบ 20 ขั้นเพื่อเดินลงมาซื้อกาแฟ แล้วเดินขึ้นไปเพื่อกลับไปขึ้นลิฟทุกวันล่ะก็ ไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่   ปัญหาหลักๆที่ว่ามานั้น แค่คิดจะสู้ต่อก็ท้อแล้วครับ ซึ่งที่พอทำได้คือ "ข้อ 2 การเปลี่ยนเมล็ดกาแฟ" เท่านั้น เพราะสามารถทำได้เลย และทำได้ทันที ก็เลยลองมาปรึกษากันกับแฟนครับว่าจะเปลี่ยนเมล็ดกาแฟ เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าที่ชอบเข้มๆ หวานๆ มันๆ แต่สิ่งที่แฟนผมท้วงออกมาคือ ถ้าเราเปลี่ยนเมล็ดกาแฟ เราก็ไม่ต่างจากร้านกาแฟสดทั่วไป หรือกาแฟโบราณที่มีแต่ เข้มๆ หวานๆ มันๆ และที่สำคัญ ร้านนี้เกิดมาได้ เพราะว่าเรามั่นใจในเมล็ดกาแฟที่เรามีอยู่ในมือว่า มันดีจริงๆ ถ้าเราไม่เชื่อมั่นในสิ่งที่เรามี ก็ไม่ควรจะทำร้านนี้มาแต่แรกด้วยซ้ำ สู้ไปซื้อเฟรนไชส์มาไม่ง่ายกว่า ไม่ต้องมาเหนือยขนาดนี้ ณ.ตอนนั้นบางทีก็รู้สึกว่า ทั้งผมและแฟนแค่พยายามปลอบใจตัวเองเท่านั้นเองหรือป่าว ดังนั้นเหลือแค่ ข้อ 1กับ3 เท่านั้นที่ทำได้ ซึ่งวิธีแก้ปัญหาทีข้อเดียวคือ สร้างลูกค้า เท่านั้นเองครับ ดึงลูกค้ามาจากแบรนด์เพื่อตอบโจทย์ข้อ 1 แล้วก็ทำยังไงก็ได้ให้ลูกค้าเดินลงมาซื้อกาแฟที่ร้านแบบรู้สึกว่า "อยากกิน" มากๆ จนไม่สนใจว่ามีบันได 20 ขั้นมาขวางการกินกาแฟ แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 55 22:49:00 จากคุณ : ผมชื่อกานต์ เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:47:02

ความคิดเห็นที่ 33 มารออ่านค่ะ สนใจจะทำร้านอาหารไทย-ฝรั่งที่ขายกาแฟด้วยเหมือนกันค่ะ จากคุณ : เบบี้ดอลล์ เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:53:52

ความคิดเห็นที่ 34 เยี่่ยมค่ะ เป็นกำลังใจให้เล่าต่อนะคะ จากคุณ : jinny (s.jin) เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 23:01:26

ความคิดเห็นที่ 35 มาปูเสื่อรอด้วยคนค่ะ จากคุณ : betting_candy เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 23:10:01

ความคิดเห็นที่ 36 มารออ่านต่อค่ะ จากคุณ : lovelymamy เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 23:18:45

ความคิดเห็นที่ 37 รออ่านครับ สนใจเหมือนกัน จากคุณ : Chivas Regal (Aitty.156) เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 23:28:36

ความคิดเห็นที่ 38 กำลังสนุกเลยครับ รออ่านต่อ จากคุณ : I-PULSE เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 00:18:13

ความคิดเห็นที่ 39 รออ่านค่ะ  (ขนาดปวดตาจากไมเกรน) แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 55 00:25:49 จากคุณ : นางสาวหญิง เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 00:25:14

ความคิดเห็นที่ 40 รออ่านจ้า จากคุณ : น้ำปลาหวาน มะนาวขม (น้ำปลาหวาน มะนาวขม) เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 00:34:49

ความคิดเห็นที่ 41 จากนั้นผมก็ได้สรุปวิธีแก้ปัญหาของการดึงลูกค้าจากคู่แข่งที่เป็นแบรนด์นอกก็คือ สร้างความเชื่อมั่นให้กับลุกค้าครับ โดยวิธีที่ง่ายที่สุด และเป็นวิธีส่วนใหญ่ที่ร้านกาแฟอินดี้ที่พอจะมีทุนอยู่บ้างคือ "การซื้อเครื่องชงกาแฟใหม่ + เครืองบดใหม่" แต่กับผมที่ลงหมดตัวไปแล้วตอนเซ้ง ตอนนี้ก็มีแค่เงินหมุนหลักพันที่เจือจุนร้านอยู่ เป็นวิธีที่ค่อนข้างเสี่ยงมากๆ ผมไม่แนะนำให้ทำเพราะมันเหมือนดันตัวเองให้ลงเหวเร็วขึ้นและลึกลงไปอีก ถามว่าทำไมถึงเลือกซื้อเครื่องกาแฟใหม่ ก็เพราะว่ามันเป็นตัวชี้วัดได้อย่างหนึ่งว่า ร้านนี้ใส่ใจกับการทำกาแฟมากแค่ไหน เวลาที่ไปร้านกาแฟอินดี้ดังๆ ลองสังเกตเครือ่งกาแฟกันดูนะครับ รับรองว่าแพงกว่าร้านกาแฟแบรนด์เนมในไทยกันทั้งนั้นครับ ในมุมมองของคนทำกาแฟ ถ้ามีเครื่องใหม่กว่าและใหญ่กว่า จะช่วยให้การสกัดเอสเพรสโซ่ทำได้นิ่งขึ้นครับ ความมั่นใจของคนทำก็จะมากขึ้นตามไปด้วย (แต่เครื่องแพงๆ ดีๆ ไม่ได้การันตีว่าร้านนั้นจะใช้ใจในการทำกาแฟอย่างจริงจังนะครับ มันแค่บ่งบอกแนวโน้มเท่านั้นเองนะครับ ร้านเล็กๆเครื่องเล็กๆที่ใส่ใจทำกาแฟได้ดีกว่าร้านใหญ่ๆ เครื่องแพงๆก็มีเยอะครับ) ตอนนั้นก็ตะเวนไปดูเครื่องกาแฟตามผู้นำเข้าต่างๆครับ ราคาที่มองไว้ก็ประมาณ 150,000 บาทรวมเครื่องบด แต่สุดท้ายไปจบที่ผู้นำเข้าเจ้าหนึ่งครับที่ราคาเกือบ 2 แสนบาท T_T เท่ากับว่ายังไม่ทันได้คืนทุนแม้แต่บาทเดียว กลับถลำลึกด้วยการสร้างหนี้เพิ่มอีกเกือบ 2 แสน เท่ากับตอนนี้ต้นทุนร้านปาไปเกือบ 7 แสนบาทแล้วครับ จากนั้นก็ไปตกลงกับทางผู้ขายเลยครับ ตอนนั้นก็ยังไม่มีตัง ก็เลยเอาบัตรเครดิตมาจ่ายมัดจำ 5 หมื่นบาท ที่เหลือค่อยหาทางเอาทีหลัง ขณะที่คุยกับทางผู้ขายแฟนผมก็เอ่ยปากว่า "ขอผ่อนได้หรือป่าว" ในธุรกิจกาแฟเมื่อตอน 2-3 ปีก่อนนั้น เกือบทั้งหมดซื้อขายด้วยเงินสดครับ ดังนั้นการที่แฟนผมเอ่ยไปแบบงงๆนั้น ก็ไม่ต้องคาดหวังคำตอบล่ะครับ แต่ทางผู้ขายซึ่งเป็นหุ้นส่วนบ.ด้วยดันตอบมาว่า "กล้าขอมา พี่ก็กล้าให้" งั้นผ่อน 3 งวดละกัน ตอนนั้นเดินออกมาแบบงงๆ แต่ก็ดีใจมากครับ เพราะว่าอย่างน้อยก็ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินใครมาจ่าย อย่างน้อยมีเวลาอีก 3 เดือนในการค่อยๆชำระหนี้ ต่อมาก็คือเรื่องแพคเกจ ผมเลือกใช้แก้ววัสดุเดียวกับสตาร์บัค ราคารวมฝาปาไป 5 บาทแล้วครับ นำเข้าจากไต้หวัน ทำสติกเกอร์ติดโลโก้ทำจากไวนิลกันน้ำอย่างดี ไม่มียุ่ยหรือลอก ถามว่าทำไมไม่สกรีนแก้ว ตอนนั้นโรงงานที่รับสกรีนแก้ว ติดขั้นต่ำ 2 หมื่นใบครับ อีกเรื่องคือ สุตรกาแฟ ผมเอาเมนูมาทำใหม่ทั้งหมด เอาง่ายๆคือเลียนแบบเมืองนอกเลยครับ แต่ต่างที่ถ้าลูกค้าต้องการเติมหวาน ผมมีน้ำเชื่อมเติมให้ แต่ก็มีเมนูที่เป็นไทยๆก็มีคาปูชิโนเย็น กับเอสเพรสโซ่เย็น ที่ขาดไม่ได้ในร้านกาแฟไทย และวัตถุดิบทุกอย่างใช้ของดีทั้งหมด น้ำเชื่อมกลิ่นต่างๆก็เลือกขวดละ 300 กว่าบาท เรียกได้ว่าขาดทุนตั้งแต่ซื้อของแล้วล่ะครับ เพราะถ้ายังขายได้แค่ 30-40 แก้วต่อวัน แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 55 00:50:41 จากคุณ : ผมชื่อกานต์ เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 00:48:12

ความคิดเห็นที่ 42 เริ่มเข้าฉากเลิฟซีนแล้ว ใช่มั้ยคับ 55 มีประโยชน์มากคับ ได้ความรู้และเปิดมุมมองคนทำธุรกิจทางด้านนี้ ผมชอบตอนที่แฟน จขกท. พูดว่า "ร้านนี้เกิดมาได้ เพราะว่าเรามั่นใจในเมล็ดกาแฟที่เรามีอยู่ในมือว่า มันดีจริงๆ ถ้าเราไม่เชื่อมั่นในสิ่งที่เรามี ก็ไม่ควรจะทำร้านนี้มาแต่แรกด้วยซ้ำ สู้ไปซื้อเฟรนไชส์มาไม่ง่ายกว่า" นึกถึงเพลง "ความเชื่อ" ของพี่ตูน บอดี้สแลม ฟังแล้วมีกำลังใจขึ้นมาทันทีเลย จากคุณ : single_club เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 00:50:30

ความคิดเห็นที่ 43 จากนั้นตัวผมเอง ก็ฝึกสตรีมนม,โดสกาแฟ,แทมป์กาแฟ,จับผงกาแฟเพื่อปรับใบมีดให้เหมาะสม และสุดท้ายผมขึ้นราคาจากเดิม 45 บาทต่อแก้วเป็น 50 บาท ถือเป็นการแลกหมัดสุดท้ายเลยครับ ทำไมถึงออกหมัดนี้ไปทั้งๆที่ ขายได้ 30 แก้วต่อวัน ทั้งที่เสียลูกค้าเก่าไปถึง 70% แต่ในมุมมองผม มันคือการเรียกร้องความสนใจไปที่ลูกค้าเท่านั้นเองครับ เรื่องการซื้อเครื่องใหม่นั้นคงไม่สามารถไปป่าวประกาศบอกลูกค้าได้หรอกครับ ผมซื่อเครื่องใหม่มาแล้วครับ ดังนั้นการที่ติดป้ายบอกว่าขอขึ้นราคานั้น ก็คงจะเป็นการทำร้ายตัวเองไม่มากก็น้อย แต่ก็เป็นการออกหมัดสวนไปด้วยครับว่า "ขายได้แค่นี้ ยังจะกล้าขึ้นราคาอีก" จากนั้นก็รอจนกระทั่งวันที่เค้าเอาเครื่องชงกับเครื่องบดใหม่มาติดตั้งให้ที่ร้านครับ ลองทำช๊อตทุกอย่าง ให้เหมาะกับสูตรที่มี ค่อยๆปรับสูตรให้รสชาติออกกลางๆมากที่สุด โชว์ความเป็นกาแฟของเราให้ได้มากที่สุด กาแฟที่ทำออกมานั้นไม่ได้ต้องการให้ลูกค้ารับรู้ถึง ความเข้ม มัน หวาน แต่มันคือความหอม ความสดชื่น ความเป็นกาแฟ ลดส่วนผสมทุกอย่างที่คาดว่าจะมาบังความเป็นกาแฟออกไป ไม่ว่าจะนมข้น หรือครีมเทียม พอวันเปิดขายจริงๆ ก็มีลูกค้าประจำที่ทานกันตั้งแต่เปิดร้านมาทานกัน แต่แปลกครับไม่มีใครถามเรื่องเครื่องใหม่แม้แต่คนเดียว แต่ลูกค้าบอกว่ากาแฟหอมขึ้นมากๆ ไม่มีรสขมติดคอ กลมกล่อม หวาน มัน กำลังดี ที่พูดมานี้คือ คาปูชิโนเย็นครับ เป็นเมนูยอดฮิตของคนไทยเลยครับ ตีคู่มากับเอสเพรสโซ่เย็น แล้วแต่ร้านว่าจะชูตัวไหนมากกว่ากัน จากนั้นยอดขายก็ดีขี้นเรื่อยๆครับ จากวันละ 30 แก้ว ก็ดีขึ้นจนกลับมาเท่าร้านเดิมที่ 60 แก้วต่อวัน ตอนนั้นผมบอกได้เต็มปากเลยว่า ร้านนี้"รอด"แล้ว แต่คำว่า"รอด" ก็คือไม่ขาดทุน ถ้าเราทำธุรกิจซักอย่างนึงแล้วไม่กำไร แต่ก็ไม่ขาดทุน เราจะทำมันไปเพื่ออะไรล่ะครับ เพราะเมื่อเรามาเกินจากคำว่า อยากมี อยากเท่ห์ แล้วล่ะก็ มันต้องการ "อยากกำไร" อยู่แล้วครับ แล้วจุดคุ้มทุนของร้านคืออะไร เพราะทั้งผมและแฟนก็มีงานประจำทั้งคู่ แต่วันเสาร์-อาทิตย์ต้องไปตะเวนซื้อของกันทุกอาทิตย์ บอกได้เลยว่าเหนื่อยมากครับ ในเมื่อกาแฟก็ทำได้แค่ 60 แก้วต่อวัน ก็คงต้องเอาเบเกอรี่มาลง เพื่อเพิ่อยอดขายแล้ว เพราะร้านกาแฟที่ขายกาแฟอย่างเดียว ไม่มีเจ้าไหนรอดหรอก แต่.....ผมคิดผิดครับ มาต่อกันพรุ่งนี้สายๆนะครับ ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานครับ จากคุณ : ผมชื่อกานต์ เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 01:17:20

ความคิดเห็นที่ 44 อาราบิก้า100% สามารถทำกาแฟเย็นได้อร่อยได้จริงๆครับ ร้านผมใช้วัตถุดิบดีแบบคุณ ไซรับดีแบบคุณ ขายแก้วละ40-45บาท อยู่ได้ครับ 6ปีแล้วครับ เริ่มแบบไม่รู้อะไรเหมือนกัน ลองมาคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันได้ครับ  หลังไมค์ ได้เลยครับ ของบางอย่างมันมีสูตรง่ายๆ แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 55 01:22:58 แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 55 01:21:43 จากคุณ : o_musachi เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 01:18:57

ความคิดเห็นที่ 45 @o_musachi ขอบคุณนะครับ เรื่องที่ผมมาแชร์นั้น ก็ผ่านมา 2 ปีกว่าแล้วน่ะครับ ^_^ จากคุณ : ผมชื่อกานต์ เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 01:26:34

ความคิดเห็นที่ 46 จขกท เจ๋งจริงๆ ครับ รออ่านต่อนะคร้าบบบ จากคุณ : ใบไม้ที่ปลายกิ่ง เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 01:41:35

ความคิดเห็นที่ 47 อยากอ่านต่อแล้ว T_T พรุ่งนี้ตื่นมาต่อก็ได้ หุหุ จากคุณ : immarch เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 02:13:37

ความคิดเห็นที่ 48 รออ่านต่อนะคะ :) จากคุณ : สีน้ำ -_- เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 02:20:55

ความคิดเห็นที่ 49 สนุกมากครับ เรื่องสนุกของคนทำธุรกิจที่เอามาเล่ากัน ก็ตอนเริ่มต้นเนี่ยแหละครับ ตอนธุรกิจอยู่ตัว มีกำไรสม่ำเสมอแล้ว ไม่สนุกเท่าตอนเริ่มหรอก ยิ่งลูกค้ารายแรกนะ หุหุ ผมสงสัยอย่างนึงคือ  พนักงานเก่าของร้านเดิมคนที่มีประสบการณ์ ทำไมเขาไม่ทำต่อกับคุณล่ะครับ  เห็นเขาบอกว่าจะอยู่ช่วยกัน แล้วหายไปเลย  โทรศัพท์ไม่รับ ไม่บอกไม่กล่าว จากคุณ : ป้อม (Bgate) เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 02:22:09

ความคิดเห็นที่ 50 เคยคิดจะเปิดเป็นซุ้มแล้วจ้างคน เหมือนกันครับ แต่สุดท้ายคิดไปมา เจ๊ง แน่เพราะมีงานประจำไปอยู่บ่อยๆไม่ได้ แล้วจะไปซื้อแบรนดังๆมาลงเดี๋ยวนี้ก็แพงมาก อเมซอนนี่เป็นล้านๆ แบรนกลางๆก็ 5-6แสนขึ้นแล้ว ปละผมก้อยากไปขายตามห้าง ห้างมีการบอกว่า เลือกทำเลไม่ได้ ต้องซุ่มเอา แบบนี้ผมก็ตายซิครับ-*- ถ้าไปเจอทำเลห่วยๆ หลืบๆ ใครจะมากิน มีกาแฟเจ้านึงอยู่เซนทรัล แกทำอร่อยหอมมาก แต่ร้านแกทำเล ไม่ดีมากๆ ถ้าไม่สืบเสาะจริงๆไม่เจอครับ ร้านแกเลยเงียบกร่อยเลย ไปคุยกับแก แกก็เซงเช่นกัน แต่ทำไรไม่ได้ จากคุณ : red-racket เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 09:32:29

ความคิดเห็นที่ 51 เราไม่ชอบกินกาแฟค่ะ แต่มีเหตุต้องกินกาแฟบ่อยๆ (เป็นเซลล์ บางทีต้องแวะส่งเมล์ด่วน) เวลากินจะเทียบกับรสที่ตัวเองกินบ่อยๆ เราชอบกินมอคค่าเย็น เรื่องความสำคัญเราให้รสชาด 70% บริการ 30% ค่ะ เราชอบร้านเล็กๆ ชอบดูรายละเอียดการแต่งร้่านของเจ้าของร้าน และดูอัธยาศัย การบริการค่ะ มีครั้งหนึ่งเคยไปร้านที่พี่ที่รู้จักชวนแวะ รสชาดไม่แตกต่างกับที่เราเคยกิน แต่ความโอ้อวดของเจ้าของร้านที่อวดว่าเมล็ดกาแฟดีเริ่ด และแกมดูถูกร้านอื่นๆ ทำให้คุณค่ากาแฟลดลงทันทีค่ะ ร้านที่ว่าอยู่ในมาบตาพุดเมืองใหม่ ระยองค่ะ เราไปครั้งเดียว(พี่เค้าเลี้ยง)เกินพอ ปล.รอฟังเรื่องต่อนะคะ จขกท.เล่าได้สนุกดีค่ะ แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 55 09:55:55 จากคุณ : ChemNizz เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 09:53:49

ความคิดเห็นที่ 52 อ่านไปถึงตรงนี้ แอบอิจฉา จขกท. ครับ อิจฉาที่คุณมีแฟนน่ารักคอยส่งเสริมคุณ ผมเห็นว่าคุณมีปัญหา แต่ก็เฉพาะธุรกิจ ไม่ใช่กับคนรัก แฟนคุณดูสนับสนุนคุณดี จะผิดจะพลาดก็แก้กันไป ในเรื่องแย่ๆมันก็นำเราไปสู่เรื่องดีๆเหมือนกัน ^^ จากคุณ : Mr. Prodigy เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 10:37:07

ความคิดเห็นที่ 53 นับถื่อในความตั้งใจของคุณกับแฟนค่ะ ถ้าเป็นเราก็คงคิดหนักมากเลย เพราะว่าค่าเช่ากับพนักงานอีก2คนรวมกับค่าเซ้ง มันจะคืนทุนเมื่อไหร่น้อ....และจะมีค่าเหนื่อยให้เราหรือเปล่า  แต่รออ่านต่อนะคะ เพราะว่ามันคือประสบการณ์สอนกันได้จริงๆ แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 55 10:56:15 จากคุณ : famebeer เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 10:53:12

ความคิดเห็นที่ 54 @ใบไม้ที่ปลายกิ่ง ขอบคุณครับ @immarch ขอบคุณครับ @สีน้ำ -_-  ขอบคุณครับ @ป้อม (Bgate) จริงๆหลังจากที่เปิดร้านได้ซักระยะ น้องเค้าโทรมาขอโทษ เหตุผลคือเค้าได้งานใหม่น่ะครับ เงินเดือนได้เยอะกว่า แต่ทางผมก็ไม่ได้ว่าอะไรครับ เพราะดีซะอีกที่ทำให้ผมทำกาแฟเป็นในเวลาอันรวดเร็ว @red-racket เรื่องทำเล ผมให้ความสำคัญอันดับ 1 เลยครับ ยิ่งกว่ารสชาติ ยิ่งกว่าคนทำเสียอีกครับ @ChemNizz เรื่องบริการก็สำคัญมากๆต่อยอดขายครับ มอคค่าเป็นสูตรที่ทำให้ลงตัวยากที่สุดสูตรหนึ่งครับ เพราะว่าโกโก้ที่เอามาใช้ สัดส่วนที่ใช้ ต้องเข้ากับเอสเพรสโซ่ที่เรามีน่ะครับ ตอนนั้นที่คิดเรื่องการเพิ่มยอดขายได้ก็คือ การเพิ่ม"เบเกอรี่"เข้าไปในเมนูทางร้าน ผมก็หาคนที่ขายส่งในเน็ตนี่ล่ะครับ ก็หามาลงจนได้ บวกราคาเข้าไปแค่ 10-15 บาท แต่บังคับซื้อเป็นปอนด์ ก็ประมาณ 12 ชิ้น สั่งคละประมาณ 3 อย่างก็ 48 ชิ้น ไปรับแถวปทุมธานีทุกวันอาทิตย์ ดังนั้นกำหนดการของผมกับแฟนจะต้องไปซื้อของกันวันอาทิตย์ซึ่งจริงๆ ควรจะเป็นวันพักผ่อน เรื่องรสชาติเจ้านี้ทำได้ค่อนข้างดีครับ อาทิตย์แรกๆเอาเข้ามาก็หมดเกลี้ยงเลย ตอนนั้นก็ดีใจมากๆ เพราะผลตอบรับจากลูกค้าค่อนข้างดีเกินคาด แต่พอผ่านไปซัก 1 เดือนก็เริ่มมีปัญหาเรื่องความสดของตัวเค้กที่มีส่วนผสมของผลไม้สด พอผ่านไปซัก 3 วัน มันก็จะเหี่ยวไม่น่ากิน สุดท้ายก็จะเหลือจนถึงวันศุกร์ แน่นอนครับ ขาดทุน! ทันที เพราะต้นทุนเค้ก 1 ชิ้นก็หักกำไรของชิ้นก่อนหน้าที่ขายได้ไป 3-4 ชิ้นแล้วครับ พอเหลือประมาณ 3-4 ชิ้นก็ขาดทุนทันทีแบบไม่ต้องคิดมากเลย ยื้อเรื่องการลงเบเกอรี่ไปได้ไม่นานก็เลิกทำครับ เพราะว่าไม่อยากมานั่งลุ้นว่าจะหมดหรือป่าว แล้วเหนือยมากที่ต้องไปรับเค้กทุกอาทิตย์ แล้วถ้าถามว่าทำไมไม่ลงพวกคุ๊กกี้หรือพวกคัพเค้ก เนื่องจากร้านอยู่ในตึกออฟฟิศ ร้านด้านนอกนั้น เค้าขายกันในพรึบครับ มีทุกอย่างให้เลือกตั้งแต่เสื้อผ้ายันขนมขาไก่ แถมราคาก็ถูก รสชาติโอเค ทำให้การลงของพวกนี้ก็ต้องมีอันพับไปครับ จริงๆระยะเวลาในการลงเบเกอรี่นี่ ผมยื้อทำกันมากกว่าครึ่งปีเลยครับ จนแล้วจนรอดก็ต้องยกเลิกไป จากนั้นมาก็หาสินค้าอย่างอื่นแทนครับ เอาที่เก็บได้นานแล้วก็แปลกแยกออกจาก สินค้าที่มีขายอยู่ในระแวกเดียวกัน ก็มาได้อาหารแช่แข็งจำพวก ผักขมอบชีส ลาซานย่า มักโรนีอบชีส ตอนแรกที่ทางเจ้าของสินค้าเค้ามาเสนอเนี่ย ผมยังคิดอยู่เลยว่ามันจะขายได้หรอนี่ พวกตลาดนัดข้างนอกก็มีขาย ถาดละ 35 บาท แต่นี่ที่มาเสนอผมต้นทุนยังแพงกว่าราคาขายในตลาดนัดเลย แถมพอคิดเป็นราคาขายปลีกที่บวกกำไรไปแค่ 15 บาท ราคาซัดไป 79 บาท จะมีคนกินมั๊นเนี่ย ทางคนขายเค้าก็พยายามขายให้ครับ เค้าขอให้ลองวางสินค้าขายแบบconsign(ขายเท่าไหร่จ่ายเท่านั้น)ก่อน 2 เดือน ถ้าไม่ดียกกลับหมด ผมก็เลยลองขายดูครับ สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นครับ เพราะมันขายได้จริงๆ รสชาติถูกปากลูกค้ามากๆ ขนาดที่มองว่าเล็กแต่พอทานไปแล้วรู้สึกว่าไม่เลี่ยนจนเกินไป แล้วก็สามารถเก็บได้นานมาก ไม่ต้องเก็บสต๊อคเยอะ ทำให้ผมต้องซื้อตู้แช่แข็งเพิ่มเพื่อเก็บของพวกนี้โดยเฉพาะเลยครับ ถึงยอดจะไม่เยอะมากแต่ว่าขายได้ ไม่ยุ่งยาก และทางร้านก็มาส่งถึงที่ ถึงยังไงผมก็ไม่ล้มเลิกเรื่องการหาเบเกอรี่มาลงไว้ที่ร้านนะครับ แต่ตอนหลังๆก็เลือกแบบมาส่งให้ที่ร้าน แต่ก็เจอปัญหาเรื่องรสชาติ กับยอดขายอยู่ดี ไปๆมาๆก็ต้องเลิกอีกจนได้ครับ จนสุดท้ายผมก็เลยลองทำแซนวิชดูครับ ทำเองไม่ต้องไปรับมาจากที่ไหน ซื้อวัตถุดิบจาก 7-11 ซื้อมาแค่พอใช้ ไม่ต้องเก็บสต๊อคเพราะซื้อง่ายอยู่แล้ว ต้นทุนสูงหน่อย แต่ก็ขายได้ไม่เคยเหลือครับ แต่ยอดก็ไม่เยอะอยู่ดี จากคุณ : ผมชื่อกานต์ เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 10:54:55

ความคิดเห็นที่ 55 เมื่อก่อนเราก็ชอบกินกาแฟ วันไหนไปที่ร้านเห็นหน้าคนชงเปลี่ยนจะไม่ค่อยกล้าซื้อ แต่ถ้าลองครั้งแรกแล้วชงผ่าน ก็ซื้อประจำต่อ แต่ถ้าวันไหนคนชงไม่อร่อยมา  เราก็ไม่ซื้อ บาริสต้านี่ก็สำคัญเหมือนกัน จากคุณ : music&lyric and cats เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 10:54:57

ความคิดเห็นที่ 56 @Mr. Prodigy จริงๆแฟนผมก็รับผิดชอบในร้านไม่ได้น้อยไปกว่ากันเลย แต่เค้าจะดูเรื่องบัญชีในร้านด้วยน่ะครับ เพราะเรื่องเงินผมไม่ได้เข้าไปยุ่งเท่าไหร่ แต่ยอมรับว่าผมโชคดีมากๆครับ ที่แฟนผมเค้าพร้อมที่จะสนับสนุนความคิดที่ดูแล้วเข้าท่า และก็พร้อมจะห้ามถ้าความคิดไม่ได้เรื่องผุดออกมา @famebeer เรื่องการทำธุรกิจพวกร้านกาแฟอย่างนี้ ต้องคิดบนพื้นฐานว่าไม่ขาดทุนก็โอเคแล้วครับ แต่ก็ต้องมีแผนนะครับ ว่าระยะเท่าไหร่ถึงจะคืนทุน เพราะถ้าไม่คิดทำไปเรื่อยๆ เท่ากับเราจะไม่พัฒนาอะไรเลยครับ ทีนี่กลับเข้ามาเรื่องการเพิ่มยอดกาแฟนะครับ ตอนนี้ที่ร้านขายได้ประมาณ 60-70 แก้วต่อวัน ยอดขายวันละ 3500-4000 บาท เมื่อรวมแซนวิชกับทานเล่นหักทุกอย่างแล้วเหลือกำไรประมาณ 1000 บาทต่อวัน อาจจะมีคำถามว่าก็โอเคแล้วนี่ อยู่ได้สบายๆ แต่ยอดขายมันไม่ได้คงที่ทุกวันครับ วันพุธจะเป็นวันที่ขายได้น้อยที่สุด ต้นเดือนขายได้มากกว่าปลายเดือน เรื่องพวกนี้เป็นธรรมชาติครับ ควบคุมไม่ได้เป็นกันทุกธุรกิจ ทางตึกให้เช่าก็มีมาแนะนำเป็นระยะๆเรื่องโปรโมชั่นต่างๆ ลดราคาเลย ส่วนตัวผมไม่ชอบเรื่องการทำโปรโมชั่นที่หวือหวาเท่าไหร่ เช่น 1 แถม 1,ลด 50% แก้วที่ 2 แลกของรางวัล แต่ผมก็ได้ทำมาหมดแล้วครับ ยอดขายก็เพิ่มเฉพาะตอนที่ทำเท่านั้น เพราะลูกค้าที่มาทานส่วนใหญ่ไม่ได้อยากมาทานกาแฟจริงๆ แค่ต้องการมาร่วมสนุกเท่านั้น ดังนั้นการจะทำให้ยอดขายเพิ่มอย่างยั่งยืนจริงๆคือ การทดลองชิม ครับ ตอนนั้นผมจ้างน้องๆนักศึกษามาทำพาทไทม์ช่วงปิดเทอม ก็เอาไปให้ลูกค้าชิมดูในรสชาติที่เป็นคาแรคเตอร์ของร้านจริงๆ พอคนที่ชิมมาลองซื้อที่ร้าน ผมก็จะพยายามสื่อสารถึงความตั้งใจที่มี เช่น เมล็ดพันธ์ เครื่องกาแฟ ส่วนผสมต่างๆที่ผ่านการคัดเลือกมาอย่างดี เรื่องพวกนี้พอทำไปนานๆเข้า ลูกค้าจะสามารถรับรู้ถึงความตั้งใจได้จริงๆครับ จากลูกค้าที่เคยชอบทานหวานๆ มันๆ ก็เริ่มให้ความสำคัญกับความเป็นกาแฟมากขึ้น พิถีพิถันมากขึ้น ลูกค้าประจำบางท่านบอกว่า เค้าต้องเดินทางไปทั่วประเทศไทย แต่พอกลับมาที่ออฟฟิศนี่ ต้องรีบกลับมาทานที่ร้าน เพราะรู้สึกว่าราคา 50 บาทของร้านผม ให้อะไรมากกว่าที่อื่นจริงๆ จากคำต่อคำของลูกค้า จนปัจจุบันผ่านมา 2 ปีกว่านะครับ ยอดขายเพิ่มจากเฉลี่ย 50-60 แก้ว เพิ่มเป็น 130-140 แก้วต่อวัน ซึ่งก็ส่วนตัวก็ดีใจมากๆครับกับยอดขายขนาดนี้ แต่ปัญหาเรื่องพนักงานก็มีมาเรื่อยๆนะครับก็ต้องแก้กันไป มีคนมาขอซื้อต่อร้านในราคามากกว่าเซ้ง 2 เท่า มีคนถามว่าทำเฟรนไชส์มั๊ย มีคนถามว่ามีอีกสาขาหรือป่าว ผมก็ได้แต่บอกไปว่า ยังไม่ได้ทำ ยังไม่ได้คิด "เพราะยังไม่มีตังครับ" T_T   ส่วนที่ผมเขียนไว้บนหัวข้อเรื่องที่ขาย "ลาเต้ได้มากกว่าคาปูชิโน" นั้น ก็อย่างที่ประโยคด้านบนที่ผมบอกล่ะครับว่า ลูกค้าให้ความสำคัญกับกาแฟมากขึ้น อยากที่จะรับรู้ความเป็นกาแฟ อาจจะไม่ต้องถึงขนาดสั่งเอสเพรสโซ่ร้อนที่สกัดจากเครื่องชงแล้วดื่มปรื๊ดเข้าไป เหมือนที่นักทานกาแฟตัวยงชอบทานเวลาไปทดลองชิม แค่ลูกค้าเปลียนมาทาน ลาเต้ ที่มีแค่ นมกับเอสเพรสโซ่ เท่านี้มันก็สุดยอดแล้วครับ ส่วนตัวผมเองเมือก่อนชอบทานหวานๆมันๆ เหมือนทั่วไป ปัจจุบันผมทานแค่อเมริกาโน่ร้อน ได้เอสเพรสโซ่ดีๆ สดๆ ยิ่งสกัดมากจากเมล็ดที่พึ่งคั่วเสร็จไม่เกิน3-4วัน แล้วเอาบดสกัดออกมา มันก็สุดยอดแล้วครับ กาแฟไม่ใช่แค่เครื่องดื่มนะครับ แต่มันคือศิลปะ ที่บ่งบอกถึงวัฒนธรรมและนิสัยส่วนตัวออกมาได้เลยทีเดียวครับ ตอนท้ายๆอาจจะรวบรัดไปหน่อยนะครับ จริงๆมีเรื่องราวทีเกิดขึ้นอีกเยอะ แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับท่านอื่นๆเท่าไหร่มากนัก เพราะเป็นปัญหาเฉพาะตัวกันไป แต่สุดท้ายนี้นะครับ ไม่ว่าเราจะทำธุรกิจอะไรก็ตาม ต้องใส่ใจ เตรียมพร้อมให้ได้มากที่สุด ต่อให้จะรอดหรือไม่รอด แค่ขอให้ได้เริ่มมันก็กำไรแล้วครับ แต่ถ้ามีแค่เงิน โดยที่ไม่ได้เตรียมพร้อม ไม่ได้ศีกษา อาศัยความมัน ความเท่ห์ แค่คิดว่าจะทำ มันก็ขาดทุนเรียบร้อยแล้วล่ะครับ ขอบคุณทุกๆคนที่ตามอ่านกันมานะครับ หวังว่าคงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย ขอให้มีความสุขกับสิ่งที่ได้เริ่มครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : ผมชื่อกานต์ เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 11:31:46

ความคิดเห็นที่ 57 จากคุณ : THE FINAL 2 เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 11:58:11

ความคิดเห็นที่ 58 เยี่ยมเลยครับ   ถ้าได้ทำสิ่งที่เรารัก ก็ต้องประสบความสำเร็จซักวัน จากคุณ : masha22 เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 12:25:37

ความคิดเห็นที่ 59 ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จและยอดขายที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นมา แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 55 12:27:37 จากคุณ : areewan เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 12:26:58

ความคิดเห็นที่ 60 อิ่มเอมใจ และยินดีกับคุณและแฟนด้วยที่สู้กันจนมาถึงวัน "ผ่าน"   ขอบคุณที่แชร์ประสบการณ์ดีๆให้ได้เรียนรู้กับการจะมีอาชีพเสริม อาชีพหลักของหลายๆคน จากคุณ : jinny (s.jin) เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 12:30:41

ความคิดเห็นที่ 61 จริงๆมีเรื่องราวทีเกิดขึ้นอีกเยอะ แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับท่านอื่นๆเท่าไหร่มากนัก เพราะเป็นปัญหาเฉพาะตัวกันไป ..... ตรงนี้อ่ะค่ะ ที่อยากอ่าน 5555 อย่างไรถ้า จขกท. มีเวลาพอกรุณามาเล่าเพิ่มอีกนะคะ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : สีน้ำ -_- เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 12:31:31

ความคิดเห็นที่ 62 จขกท เก่งมาก เป็นกำลังใจให้ค่ะ เราเองก็เป็นคนที่ชอบทานลาเต้ร้อนมากๆ แต่หาร้านอร่อยๆได้น้อย ถ้าไม่ใช่ร้านแบรนด์ก็ไม่อร่อย ไม่ทราบ จขกท ขายที่ไหนคะ เผื่อจะได้ไปอุดหนุน จากคุณ : aggiena เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 12:54:49

ความคิดเห็นที่ 63 tonmelb ยินดีกับคุณผมชื่อกานต์ทีประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งในวันนี้ เเละต้องประสบความสำเร็จมากขี้นในอนาคตข้างหน้า เพราะตัวคุณเองเเละเเฟนคุณ เเฟนคุณดี ผู้ชายจะประสบความสำเร็จหลายๆครั้งขึ้นอยู่กับผู้หญิงที่ข้างกายเรา ผมเองยังไม่ประสบความสำเร็จในความรัก ที่ผ่านมาเหมือนสู้คนเดียว มีท้อบ้าง เเต่ชิลๆ เพราะเหมือนมีคนมาช่วยตลอดในเรื่องงาน ขอเสริมในเรื่องของตัวเอง เรื่องของคุณผมชื่อกานต์ เป็นตัวอย่างหรือกระจกสะท้อนที่ดีในการทำธุรกิจ ไม่ง่ายเลยครับ เเต่มันสนุก ท้าทาย ชีวิตคือชีวิตเลย ตัวผมเองทำธุรกิจเเบบไปขอเช่าตึก เช่าห้องสอนมาตั้งเเต่กลางปี 50 ถึงปัจจุบันนี้มีหยุดเลียเเผล หยุดเพราะเงินหมด ปีที่เเล้วหยุดเพราะน้ำท่วม เพราะใช้ระบบผ่อน โดยนำเงินจากสอนพิเศษตามบ้านมาจ่ายค่าห้องเดือนต่อเดือน 2-3 เเสนครับ เเฟนมาเลิกไม่นานนี้ ทั้งๆที่ผมมองว่ามันคงมีสักวันที่จะรุ่ง เเต่ผมไม่ใช่คนที่ใช่ของเธอตั้งเเต่เเรก ก็เลยลงเอยเเบบนี้ โชคดีเป็นคนที่มีงานสอนมาก เลยมีจ่ายค่าดอกเบี้ยบัตรเครดิต 3 ใบทุกเดือนมาได้ 3 ปีเเล้ว เงินต่อเดือนมีเหลือ เเต่ที่ผ่านมาไม่ได้ไปโปะหนี้ เพราะให้เเฟนคนนี้เกือบหมด ไม่เป็นไร ถือว่าชาติก่อนคงทำไม่ดีไว้เยอะ คุณผมชื่อกานต์ถือว่าโชคดีที่มีเเฟนดี ผมดีใจเเทน หลังสงกรานต์จะเริ่มลุยใหม่อีก ไม่เข็ดหรอกครับ คงจะมีอะไรมาเล่าให้ฟัง ในอนาคตอาจหาผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกันในการเปิดสอนติวภาษาอังกฤษ หาเเฟนเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ น่าจะดีนะครับ โชคดีครับ จากคุณ : tonmelb เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 13:03:38 A:171.6.214.17 X: TicketID:054700

ความคิดเห็นที่ 64 ใช่ร้านที่อาคารรสารึป่าวคะ จากคุณ : Atlantic Star เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 14:01:21

ความคิดเห็นที่ 65 อ่านแล้วเหมือนกินอเมริกาโนร้อนๆ เยี่ยมค่ะ จากคุณ : SoManyThings เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 18:59:21

ความคิดเห็นที่ 66 คุณเก่งมากเลยครับ ธุรกิจพวกนี้  ถ้าทำจนอยู่ตัว วางระบบให้ดี สร้างแบรนด์  ต่อไปก็ขยายไม่ยาก แค่หาสาขา แล้วก็ปั๊มระบบที่ success อยู่แล้ว ไปทำในที่แห่งใหม่ครับ แต่ถ้าคุณต้องการให้อยู่ในช่วงสะสมทุนก่อน ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่ง แต่อย่างคุณบอกแต่แรกแหละครับ ทำเลนี้ของคุณเสียเปรียบอยู่  ถ้าไปอยู่ในที่ทำเลดีๆ อาจจะดีกว่า เหมือนเล่าปี่ยึดเกงจิ๋วได้ แต่รู้ว่าชัยภูมิสู้ในระยะยาวไม่ดี ก็ต้องขยายเข้าเสฉวนเพื่อเอาเป็นที่มั่นครับ  ธุรกิจพวกนี้ เหมือนเข้ามาง่าย  แต่จริงๆ ถ้าคุณสร้างความแตกต่างได้แล้ว  อนาคตสดใสแน่ครับ จากคุณ : ป้อม (Bgate) เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 20:31:34

ความคิดเห็นที่ 67 ถามจขกทว่า....เอาเวลาไหนทำงานออฟฟิศครับเนี่ย...ไม่ต้องอยู่โอทีเลยหรือครับ จากคุณ : cantare เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 22:57:25

ความคิดเห็นที่ 68 ขอคารวะ คำนับ และ นับถือ จขกท. จริงๆ ครับ จากคุณ : นาฬิกาทรายสีขาวดำ เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 23:11:10

ความคิดเห็นที่ 69 สุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด จากคุณ : รักหนักแน่น เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 00:09:25

ความคิดเห็นที่ 70 ทำที่ไหนพอบอกได้มั้ยคะ อ่านแล้วอยากชิมขึ้นมาเลย จากคุณ : hoshikuzu เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 00:36:56

ความคิดเห็นที่ 71 @THE FINAL 2 ขอบคุณครับ @masha22 ขอบคุณครับ @areewan ขอบคุณครับ @jinny (s.jin) ขอบคุณครับ แค่ได้ทำก็ถือว่า ผ่าน แล้วครับ @สีน้ำ -_- ปัญหาที่เจอมันจุกจิกมากครับ เยอะจนไม่รู้จะเล่าเรื่องไหนก่อนเลยครับ แต่ถ้าได้เริ่มทำ ปัญหาอะไรก็ไม่ต้องกลัวแล้วล่ะครับ @aggiena ขอบคุณครับ ลาเต้ร้อนเนี่ย จริงๆต้องหาร้านที่ใช้เมล็ดคั่วอ่อนนะครับ แต่หายากมากครับ เพราะถ้าใช้คั่วอ่อนต้องเก็บเมล็ดกาแฟ 2 แบบทันที และกาแฟร้อนคนไทยทานกันน้อยมากครับ ที่ร้านผมเลยทำได้แค่ใช้เมล็ดคั่วอ่อนเกือบแก่น่ะครับ @Atlantic Star ใช่ครับ เคยไปทานหรือป่าวครับ ถ้ายังก็เรียนเชิญนะครับ หรือถ้าเคยทานแล้วยังไงก็รบกวนขอคำติเตียนด้วยนะครับ ขอบคุณครับ @SoManyThings ตอนนี้ผมชอบทานอเมริกาโน่ร้อนทีสุดเลยครับ ลูกค้าญี่ปุ่นทานกันวันนึง 4-5 แก้วเลยครับ ป้อม (Bgate) ใจจริงก็คิดเปิดอีกสาขานะครับ คงไม่ทิ้งที่นี่แน่นอน เพราะค่อนข้างสนิทและเคารพลูกค้าที่นี่มากๆครับ และถ้าเปิดสาขาต่อไปคงต้องออกจากงานประจำ แต่ตัวเองยังรักกับงานประจำค่อนข้างมากครับ ขอบคุณครับ @cantare ผมเป็นเซลล์ครับ ^_^ @นาฬิกาทรายสีขาวดำ ขอบคุณครับ @รักหนักแน่น ขอบคุณครับ @hoshikuzu ตามที่คุณ Atlantic star บอกเลยครับ ความสนุกเกิดจากการทำด้วยใจและความรัก แต่ความอยู่รอดเกิดจากการศึกษาตลาดครับ ทำยังไงให้ควบคู่กันไปได้สำคัญที่สุดครับ จากคุณ : ผมชื่อกานต์ เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 01:13:20

ความคิดเห็นที่ 72 โหวตคะ ขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆ จากคุณ : Crazy De Kapiaro เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 05:12:55

ความคิดเห็นที่ 73 เล่าได้สนุกมากครับ น่าจะมีคนเอาไปทำเป็นหนัง น่าจะดีนะ จากคุณ : พัด-ทะ-ยา เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 09:10:23

ความคิดเห็นที่ 74 สุดยอดครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ผมอ่านจนจบ และสนุกมากครับ เข้าใจชีวิตมากขึ้นจริงๆ ของจริงมันยากกว่าความฝัน เป็นพันเท่า จากคุณ : Subject เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 09:12:53

ความคิดเห็นที่ 75 ขอบคุณมากๆๆค่ะ ได้อ่านเรื่องของคุณ ทำให้เรามีมุมมองใหม่ๆๆๆ เราเป็นคนนึงที่อยากทำร้านกาแฟและ เบเกอรี่โฮมเมดมากๆๆๆ เพราะเราชอบทานกาแฟ และชอบทำเบเกอรี่ ร้านกาแฟมีอะไรมากกว่าที่เราคิดมากกกก  เราคงต้องศึกษาต่อไปอีกพักใหญ่ๆๆ กว่าจะตัดสินใจทำมัน  ... ขอบคุณมากๆๆค่ะ ปล  ตอนนี้เรากำลังคิดถึงกาแฟเฟรนไชส์ที่เค้ามาเสนอให้ร้านเรา (พอดีเราทำร้านอาหารอยู่นะคะ) เค้าบอกว่าแค่ 5 หมื่นได้พวกเครื่องบดไรแล้ว แถมรวมสอน สูตรด้วยนะคะ  ทำให้เราเริ่มไม่มั่นใจ ว่าทำออกมาแล้วมันจะหอม น่ากินจิงหรอป่าวเนี่ย จากคุณ : WonOccNU เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 10:06:52

ความคิดเห็นที่ 76 ร้านปิดกี่โมงคะ วันหลังจะได้ตามไปชิม เขียนดีมากค่ะ รู้สึกว่าร้านมันมี story ของมันได้เห็นความเจริญเติบโต น่าสนับสนุน ^^ จากคุณ : riskx_ray เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 11:48:44

ความคิดเห็นที่ 77 Crazy De Kapiaro ขอบคุณครับ พัด-ทะ-ยา ขอบคุณครับ เป็นหนังชีวิตแบบนี้มีลุ้นยอดตั๋วแน่นอนครับ Subject ใช่ครับของจริง ค่อนข้างจะกินเวลามากกว่าการเล่าเยอะครับ ปัญหามีได้เกือบทุกวัน แต่บางทีก็ปัญหาซ้ำๆจนบางทีก็กลาย WonOccNU เรื่องเฟรนไชส์กาแฟจริงๆไม่ได้แย่เสมอไปนะครับ ต้องดูที่จุดเด่นของร้านก่อนว่าคือ เบเกอรี่หรือกาแฟ ถ้าเด่นเบอเกอรี่ ก็แนะนำใช้เฟรนไชส์ ถ้ากาแฟ แนะนำทำเองครับ เพราะจริงๆแล้วคนที่เป็น Coffee lover มักไม่ค่อยทานของหวานกันเท่าไหร่ครับ มันค่อนข้างไปขัดกับรสชาติของกาแฟ จะมีก็แค่ไอศครีมแค่นั้นที่พอทานคู่กับเอสเพรสโซ่ได้ riskx_ray ปิดร้าน 5 โมงเย็นครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : ผมชื่อกานต์ เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 12:02:07

ความคิดเห็นที่ 78 ขอบคุณมากครับ :) อ่านง่าย ได้สาระ ตรงประเด็นดีมากเลยครับ วิเคราะห์สถานการณ์ ปัญหาต่างๆ อย่างเป็นกลาง และ การมีหุ้นส่วนที่ดี เป็นส่วนสำคัญเหมือนกันครับ (ที่แฟน จขกท. บอกว่า ถ้าเราเปลี่ยนเมล็ดกาแฟ ก็ไม่จำเป็นต้องทำร้านนี้ขึ้นมาก็ได้ - ผมว่าเป็นการตัดสินใจที่สำคัญเลยละ) แชร์นิดนิง ส่วนตัวก็พึ่งเริ่มทำธุรกิจเสริมเล็กๆ กับแฟน เชื่อว่าทำอะไร มันก็เจอปัญหาทั้งนั้นแหละ อย่ากลัว เจอแล้วก็แก้ไปทีละจุด บางทีการเริ่มต้นนั้นแหละ ยากที่สุด ปัญหาเยอะสุด มันจะมีจุดวัดใจ ว่าจะไปต่อหรือเลิกไป ถ้าผ่านไปได้ ประสบการณ์จะสอนให้เราจะดูแลเรื่องต่างๆได้ดีขึ้นครับ :) ปล. ไว้ถ้ามีโอกาสขอไปลองคาปูเย็นนะครับ จากคุณ : กองหลังหมายเลข10 เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 12:42:26

ความคิดเห็นที่ 79 ผมว่า จขกท. เป็นผู้ประกอบการที่ดีครับ ให้ความสำคัญกับทำเลมาเป็นอันดับ1 เพราะ ธุรกิจที่ทำเป็นสินค้าสะดวกซื้อ ลูกค้าไม่ได้เฉพาะเจาะจงมาซื้อ ทำเลจึงสำคัญมากที่สุด ยอมลงทุนลงแรง เฟ้นหาทำเลดีๆ ถ้าหาไม่ได้ก็ไม่ทำ เพราะถึงแม้สินค้าดีแค่ไหน ถ้าอยู่ในทำเลไม่ดี คนก็ไม่ถ่อไปกินถึงร้าน ร้านกาแฟสด อยู่คู่กับ พนักงานออฟฟิศ ถ้าอยู่ใกล้ที่ทำงาน โอกาสขายมีมาก แต่ถ้าอยู่ในปั้ม ต้องเป็น ปตท. ถ้าปั้มอื่นก็เงียบครับ หลายๆคนตกม้าตายตั้งแต่แรก คือ ไม่ลงทุนลงแรงหาทำเลที่เหมาะสม ไม่เข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภค อาจเป็นเพราะไม่ได้เป็นผู้บริโภคมาก่อน และไม่เคยสังเกต เพื่อนผมหลายคนก็เปิดร้านกาแฟสด แต่ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องทำเล มัวแต่ไปสนใจสินค้า และวิธีการชงให้อร่อย ซึ่งก๋สำคัญแต่มันเป็นกระบวนการต่อไปจากการหาทำเล เซ้งร้านต่อไปแล้ว 1 เจ้า อีกเจ้าก็พอถูไถ ขายได้วันละ 20 แก้ว แก้วละ30-35 บาท เพราะอยู่ไกลจากลูกค้าคือพนักงานออฟฟิศ แต่เจ้าที่อยู่ใกล้ออฟฟิศนั้นขายดีกว่ามาก แม้รสชาติจะไม่อร่อยเท่า แต่ทำเลสะดวกต่อการซื้อ อีกอย่างที่ขอชม คือ จขกทและแฟน.เข้าใจผู้บริโภคดี ตรงที่รู้ว่ากลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อสูง จนถึงกับว่าสามารถซื้อกาแฟยี่ห้อดัง ราคาสูงกว่าได้ จขกท.จึงไม่ใช้ กลยุทธ์บ้านๆที่คนไทยชอบทำกันคือ ลดราคา , จัดโปร , ทุ่มตลาด ซึ่งเป็นการทำลายตัวเองและทำลายตลาด เพราะลดราคา พร้อมกับลดคุณภาพ แต่ จขกท.สนใจไปที่การเพิ่มคุณภาพสินค้า เน้นไปที่จุดเด่น และ ทำให้ลูกค้ารับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง โดยการแจกให้ชิมและขึ้นราคา ซึ่งคนที่คิดได้ทำได้อย่างนี้มีน้อยมาก เป็นวิธีการที่ยั่งยืน เป็นวิธีการสร้างแบรนด์อย่างนึงเลยครับ (จำมาจากตอนเรียน ) ถ้าอันดับต่อไปถ้าจะต่อยอด ก็ขอให้ จขกท.คงคุณภาพและจุดเด่นนี้ไว้ ให้ลูกค้าจำชื่อร้านได้ แล้วอาจจะทำเป็นแฟรนชาย หรือ รับสอนคนที่สนใจที่จะเปิดร้านกาแฟสด เมื่อมีคนสนใจ แต่ จขกท.ก็ควรจะเป็นที่ปรึกษากับแฟรนชายซี่ ให้ความสนใจไปที่ทำเลเป็นอันดับแรก ควรจะต้องเป็นผู้เลือกเฟ้นทำเลให้แฟรนชายซี่ด้วยครับ จากคุณ : นะจังงัง เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 12:47:32 A:1.20.0.161 X: TicketID:273954

ความคิดเห็นที่ 80 ปรินท์กระทู้นี้ วางๆไว้ในร้าน เป็นการบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาและstoryของร้าน ขอบคุณที่แบ่งปันประสบการณ์ค่ะ อ่านสนุกมีสาระมากๆ จากคุณ : Miru เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 12:53:26 A:58.8.47.36 X: TicketID:377720

ความคิดเห็นที่ 81 อ่าาาา เยี่ยมมากเลยครับ นักสู้โดยแท้ นับถือๆ แม่ผมก็สู้มาหยังงี้อ่ะครับ ทุกวันนี้ประสบความสำเร็จไปแล้ว เยี่ยมๆ มากๆ เป็นกำลังใจให้ครับ สุ้ๆ จากคุณ : sailompantip เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 14:21:19

ความคิดเห็นที่ 82 " แรงบันดาลใจ ก่อให้เกิดความมุ่งมั่น กำลังใจจากคนรอบข้าง ทำให้มีความเพียรพยายาม   การค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม มุ่งไปสู่การประสบความสำเร็จ " ขอบคุณที่แชร์ประสบการณ์.. ขอให้ประสบความสำเร็จและรักกันตลอดไปค่ะ จากคุณ : บะหมี่เกี๊ยวและข้าวมันไก่ เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 14:55:16

ความคิดเห็นที่ 83 ขอบคุณมากคะที่แชร์ประสบการณ์ เราก็เป็นอีกคน ที่กำลังจะคิดทำร้านกาแฟ เพราะชอบทานกาแฟคะ และจะเอาประสบการณ์ตรงนี้ของ จขกท มาเป็นวิทยาทานให้ตัวเอง ความคิด จขกท กับเราคล้าย ๆ กัน แต่เรายังไม่มีประสบการณ์จริง รอโอกาสอยู่คะ แต่ของเราทำคนเดียว ลุยคนเดียว อิจฉาจัง ที่จขกท มีแฟน มีคู่คิดที่น่ารัก ขอให้รักกันนาน ๆ นะคะ :) จากคุณ : ra-waang taang เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 15:48:35

ความคิดเห็นที่ 84 งั้นคุณเจ้าของร้านก็คงเป็นทอมที่น่ารักๆกับคุณแฟนสาวน่ารักเช่นกันรึป่าวคะ จริงๆเราไม่ได้ไปตึกนี้บ่อยนะ อยู่ต่างจังหวัดด้วยซ้ำ แต่พอบอกว่าเป็นร้านกาแฟขายผักโขมอบชีสและลาซานญ่า ต้องเดินบันได้ลงไป เราเลยนึกถึงร้านนี้ เพราะองค์ประกอบตรงกันมาก ถึงร้านจะเล็ก แต่ดูตั้งใจทำดีนะ ถ้ามีโอกาสจะแวะไปอุดหนุนอีกนะคะ จากคุณ : Atlantic Star เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 17:15:19

ความคิดเห็นที่ 85 สุดยอดมากเลยค่ะ เราทานกาแฟ แต่ส่วนใหญ่เป็น starbuck เพราะว่ารสเค้าคงที่ ไม่ว่าจะเป็นที่ใด ๆ ในโลก รสเดิมตลอด เป็นกำลังใจให้นะค่ะ เราเองก็ทำธุรกิจค่ะ ทำ online marketing ยอมรับว่าสนุกมาก สำหรับตัวเอง ภายใน 2 ปีชิวิตเปลี่ยนไปเลย :) จากคุณ : onearth เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 17:20:29

ความคิดเห็นที่ 86 กลับมาอ่าน หลังจากอ่านคำนำเมื่อ2วันที่แล้ว ได้ความรู้มากขึ้นเบอะเลย จากที่รู้จักแค่อาราบิก้าและโรบัสต้า ส่วนตัวขอบโรบัสต้าร้อนร้อนครับ หอมกลิ่นนี้มากกว่า จากคุณ : คนบ้าบิต เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 17:37:38

ความคิดเห็นที่ 87 กลับมาอ่านอีกครั้ง อดใจไม่ได้ต้องขอโพสต์ชมเจ้าของกระทู้ค่ะ เป็นนักสู้จริงๆ อ่านแล้วรู้สึกมีแรงขึ้นมา สู้สู้ ต่อไป ปกติจะดื่มกาแฟวันละ 1 แก้ว แค่ตอนเช้าก่อนออกจากบ้าน พออ่านเรื่องนี้แล้ว ทำให้อยากรู้จักกาแฟมากกว่าเดิม จากคุณ : aor-udomsab เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 18:58:41

ความคิดเห็นที่ 88 กองหลังหมายเลข10 ขอบคุณครับ ยังไงถ้าวันไหนผ่านไปลองไปชิมดูนะครับ นะจังงัง ขอบคุณครับ เรื่องทำเลเป็นเรื่องที่ยากที่สุดเลยครับ ต้องขึ้นอยู่กับโอกาสส่วนหนึ่งครับ Miru ขอบคุณมากครับ sailompantip ขอบคุณครับ บะหมี่เกี๊ยวและข้าวมันไก่ ขอบคุณสำหรับคำอวยพรครับ @ra-waang taang ถ้ามีโอกาสลองทำดูนะครับ @Atlantic Star 2 คนนั้นเป็นพนักงานที่ร้าน แต่ตอนนี้น้องเค้าออกไปแล้วครับ ปัญหาเรื่องพนักงานนี่ปวดหัวมากๆครับ @onearth แฟนผมก็ชอบทานสตาร์บัคด้วยเหตุผลนี้เลยครับ แต่ด้วยความความคงที่ของรสชาตินี่ล่ะครับ ที่ทำให้กาแฟขาดเสน่ห์ไปนิดนึง บาริสต้าที่เก่งๆจะกำหนดโปรไฟล์กาแฟได้ครับ ถึงแม้จะเป็นเมล็ดกาแฟเดียวกัน นี่ล่ะครับเสน่ห์ของกาแฟ เปรียบเหมือนศิลปะครับ @คนบ้าบิต ร้านค้าที่ใช้โรบัสต้าเกือบ 100% คือ กาแฟโบราณครับ ซึ่งเค้าจะคั่วจนดำไหม้ ซึ่งไม่ดีเท่าไหร่นะครับ เพราะจะมีคาร์บอนเยอะมากครับ แต่จะได้เรื่องความเข้ม ความขมแทน หรืออีกอย่างก็พวกเนสกาแฟต่างๆน่ะครับ ส่วนอาราบิก้าน้้นจะให้ความหอมเป็นหลัก ลองไปทานร้านที่สกัดกาแฟดีๆนะครับ รับรองครับว่าลืมโรบัสต้าแน่นอนครับ เพราะอาราบิก้าจะโชว์กลิ่นตามแหล่งที่ปลูก จะได้กลิ่นจะคล้ายๆถั่วครับ สุดยอดครับ @aor-udomsab ลองหาเมล็ดอาราบิก้าดีๆมาทานดูนะครับ อย่างพวก Lavazza ก็ได้ครับ แต่อาจจะไม่ถูกปากในตอนแรก แต่ถ้าเริ่มชินรับรองว่าจะต้องทานกันทุกวันแน่นอนครับ จากคุณ : ผมชื่อกานต์ เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 21:09:57

ความคิดเห็นที่ 89 สุดยอดมากเลยครับ ผมว่ากระทู้นี้จะสร้างแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจให้คนอีกหลายคนเลยแหละครับ ผมเคยทำทั้งร้านเหล้า+เล่นดนตรีในร้านเองด้วย เล่นให้ร้านอื่นด้วย ร้านกาแฟก็เคยทำ แต่เนื่องจากเวลาจริงๆ ละต้องมาทำงานต่างประเทศ ทำให้ต้องเซ้งไปในที่สุด จากคุณ : อนุสัญญาปลาทูนอนกอดกันในเข่ง เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 21:11:18

ความคิดเห็นที่ 90 สุดยอดมากเลยครับ ขอให้กิจการเจริญรุ่งเรืองนะครับ จากคุณ : อยากเก่งต้องฝึกฝน (อยากเก่งต้องฝึกฝน) เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 21:56:03

ความคิดเห็นที่ 91 เยี่ยมเลยครับ ขอชื่นชม ผมก็กำลังจะทำธุรกิจคล้ายๆคุณครับ ขอถามไว้เป็นความรู้หน่อยได้มั้ยครับ คุณไม่ได้อยู่คุมเองเนื่องจากต้องทำงานประจำ ต้องไปเช็คสต็อค เช็คเงินทุกวันเลยรึเปล่าครับ แล้วมีวิธีเช็คเงินยังไงไม่ให้ลูกจ้างโกงครับ มีระบบยังไงครับ นับแก้ว เช็คของ ..... ที่อยากรู้ที่สุดคือหาคนจากไหนครับ ผมกำลังหาลูกจ้างมาขายอยู่ หายากมากๆ ขอบคุณครับ ขอให้ร่ำรวยๆ จากคุณ : สะเหร่อคุง เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 10:17:24

ความคิดเห็นที่ 92 เก่งมากค่ะ อ่านแล้วเป็นแนวทางที่ดีในการเริ่มธุรกิจเล็กได้ดีเลยค่ะ ^^ จากคุณ : tuk_boky เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 10:35:04

ความคิดเห็นที่ 93 ได้อะไร DD ขึ้นเยอะเลย ขอบคุณค่ะ^^ จากคุณ : Chic_Angel เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 11:47:00

ความคิดเห็นที่ 94 อ่าวเพิ่งรู้ว่าอยู่อาคารรสา เราแอบมองอยู่บ่อยๆคิดว่าร้านน่ารักดีค่ะ แต่ทำเลไม่ค่อยดีเพราะคนไม่ค่อยรู้ว่ามีลงไปชั้นใต้ดินแบบนั้น เราเองทำงานที่นั่นเป็นครึ่งปีกว่าจะรู้ว่าข้างล่างมีอะไร ^^ จากคุณ : JaE-Ny ThE PiG เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 13:32:09

ความคิดเห็นที่ 95 อ่านเรื่องของคุณผมชื่อกานต์แล้ว สะอึก ฮึ้ย เหมียนไอเลย ประมาณโดนเจ้าของเก่าเอาเปรียบ ของเรานี่แบบเจ็บแสบไม่ต่างกัน  เดี๋ยวมาเล่าอีกบ้าง จากคุณ : ตติตา เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 13:40:57

ความคิดเห็นที่ 96 อ่านแล้วรู้สึกทำให้มีกำลังใจจังเลยค่ะ ขอบคุณที่แบ่งปันสิ่งดีๆนะคะ จากคุณ : monkey milk (monkey milk) เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 14:04:34

ความคิดเห็นที่ 97 อ่านเพลินได้ความรู้ และหิวกาแฟขึ้นมาทันใด จากคุณ : นิทานกริมม์ เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 16:31:33

ความคิดเห็นที่ 98 @อนุสัญญาปลาทูนอนกอดกันในเข่ง ขอบคุณครับ ถ้าประสปการณ์ที่ได้เจอมาพอจะช่วยอะไรได้ ก็ดีใจมากเลยครับ @อยากเก่งต้องฝึกฝน ขอบคุณครับ @สะเหร่อคุง เช็คกันเองทุกวันครับ เรื่องการเช็คกันเรื่องการโกงนั้น ไม่มีครับ อาศัยการเลือกพนักงานแทนครับ แล้วก็ให้รายได้ค่อนข้างมากกว่าร้านทั่วไปครับ พนักงานที่ร้านผมจ่ายรวมๆมาก 1 หมื่นบาทต่อคนครับ ทำงาน 5 วัน เรื่องการหาคนพอดีมีเวปที่เป็นการรวมกลุ่มของคนที่ทำร้านกาแฟอยู่นะครับ คนที่อยากทำร้านกาแฟก็จะเข้ามาโพสในนี้กันครับ @tuk_boky ขอบคุณครับ @Chic_Angel ขอบคุณครับ @JaE-Ny ThE PiG ทำเลไม่ดีจริงๆครับ ทุกวันนี้ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประจำยอมที่จะเดินลงทานที่ร้านน่ะครับ ยังไงเรียนเชิญไปทานที่ร้านดูนะครับ หรือถ้ามีอะไรติติง หรือให้ข้อแนะนำรบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณครับ @ตติตา ของผมยังโชคดีครับ เพราะเจ้าของเก่าเค้าแค่ใช้ในสิทธ์ที่พึ่งได้แค่นั้นเอง จริงๆเค้าก็ไม่ได้โกงอะไรนะครับ แต่ให้เวลาผมน้อยไปหน่อยเองครับ ทางเค้ารอบคอบมากกว่า แต่ผมประสปการณ์น้อยเลยไม่รู้ต้องทำอะไรบ้าง @monkey milk ขอบคุณครับ @นิทานกริมม์ เรียนเชิญที่ร้านนะครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : ผมชื่อกานต์ เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 17:43:25

ความคิดเห็นที่ 99 กำลังจะถามเลย ว่าท่ีรสา หรือปล่าว เพราะคำว่า ร้านท่ีลงบันไดมากิน เราเคยทำอยู่ออฟฟิศท่ีรสา ( ไม่รู้ว่าใช่ออฟฟิศท่ีจข เก่าบอกหรือปล่าวว่าย้ายไป แล้วทำให้ยอดตก บริษัทเราเคยเช่าอยู่ 3-4 ชั้น แล้วย้ายมาตึกของตัวเองท่ีเพ่ิงสร้างเสร็จ น่าจะปี 50 น่ีแหละ) สำหรับเรา รสชาติสำคัญกว่าทำเลนะ จำได้ว่าแรกๆ มีร้านกาแฟร้านเดียว คือ mezzo กินไปก็บ่นไป กาแฟเย็นรสชาติไม่ได้เร่ืองเอาเสียเลย (เราเป็นคนติดกาแฟเย็นมาก และเช่ือว่า สาวออฟฟิศส่วนใหญ่ชอบเคร่ืองด่ืม หวานๆเย็นๆ ถือติดมือไปกินยามบ่าย ) ตอนนั้นเรากับเพ่ือนๆ ภาวนาว่าขอให้มีร้านกาแฟมาเปิดใหม่ทีเถอ  แล้วตอนท่ีร้านคุณ ( จขก) มาเปิด ดีใจมาก ก็ไปลองเลย แรกๆเค้ามีโปร 1 แถม 1 หลังๆ มี 10 ฟรี 1 รสชาติดี ไม่ขี้เหร่เลย เค้กก็ใช้ได้ กินวันละ 1-2 แก้ว ราคาไม่ใช่ประเด็น ฟังจขกท เล่าแล้วก็นึกถึงอดีต ไม่คิดว่าร้านจะปิดตัวลงแล้ว ท่ีออฟฟิศใหม่เรา มีร้านกาแฟร้านนึง โอว มายก๊อด เป็นคีออสเล็กๆนะ เราเช่ือว่าขายได้มากกว่า 500 แก้วแน่นอน เพราะถ้าไปซื้อช่วง 7:30-8:30 ต้องรอเป็นคร่ึงชม ช่วงพักเท่ียงเช่นกัน กาแฟเค้ากลางๆ ไม่ขี้เหร่ แต่ชาอังกฤษเย็นเค้าอร่อยมากกกกกกก แถมราคาถูก แก้วละ 3-40 ฿ (ถ้าอยากลอง แวะไปดูท่ีตึก ปตท สนงใหญ่ ตรงสหกรณ์ ) ส่วนตัวเรา กาแฟลาเต้เย็น กินแต่ดอยช้าง เท่านั้น ย่ีห้ออ่ืน รสชาติไม่ถูกปาก ราคาไม่สมเหตุสมผล อีกอย่างก็กาแฟ via ของสตาบัค ชงเอง อร่อยกว่าร้านชงอีกแฮะ ส่วนร้านท่ีไม่ชอบ นอกจากรสไม่ถูกปาก ก็คือ เจ้าของ แนวๆแบบดูถูกว่า กินแบบนี้ไม่มีรสนิยม ต้องกินเอสเท่านั้น อะไรอย่างเงี้ยก็บายเหมือนกัน เอาไว้ถ้ามีโอกาส จะแวะไปลองชิมนะคะ จาก สาวกลาเต้เย็น จากคุณ : sastress เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 18:09:38

ความคิดเห็นที่ 100 เข้ามาแอบอ่านได้หลายวันแล้ว ส่วนตัวไม่ชอบกาแฟหวานมันเกินไปค่ะ และก็คิดว่าตัวเองชอบเมล็ดกาแฟอาราบิก้า   เพราะรู้สึกเหมือนว่า โรบัสต้ามากจะรสชาติปร่าๆ ปลายลิ้น หรือเปล่าไม่แน่ใจค่ะ ชอบรสชาติร้านนึงเปิดใหม่ตรงตลาดเทเวศน์ จากคุณ : โดดเดี่ยวผู้น่ารัก เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 21:16:17

ความคิดเห็นที่ 101 ขอบคุณที่มาแชร์ประสบการณ์ เขียนได้สนุก อ่านได้ความรู้จริงๆค่ะ ปล. พี่ไม่กินกาแฟทุกชนิด  แต่กินชาทุกอย่าง แทนน้ำเปล่า จากคุณ : บ้านดอกชวนชมสารพัดสี เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 55 01:26:01

ความคิดเห็นที่ 102 มาช่วยโหวตค่ะ น่าอ่านมาก อยากให้เล่าอีก ตัวเองจากไม่กิน กาแฟเพราะใจสั่นตอนนี้ กาแฟดำใส่น้ำตาลอย่างเดียว ฟินน55 จากคุณ : jiji_ch เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 55 09:31:30

ความคิดเห็นที่ 103 อ่านแล้วยอดเยี่ยมมากครับที่แชร์ประสบการณ์ดีๆ มาให้พวกเราๆเ้รู้ อยากไปกินกาแฟทีาร้าน จขกท pm บอกร้านได้มั๊ยครับ จากคุณ : ปังปอนด์KM เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 09:48:34

ความคิดเห็นที่ 104 แอบอิจฉา จขกท ที่มีคู่ชีวิตที่เข้าใจและดูแลซึ่งกันและกัน สำหรับผมกำลังใจถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินการ ซึ่งเวลาเราท้อเราเหนื่อยเราไม่มีคนให้ปรึกษา คนที่จะมีคุยกัยเราคนแรกก็คือคู่ชีวิตที่จะมาช่วยแก้ไขและปลอบใจกันและกัน ผมนับถือ จขกท ที่มีความคิดและการแก้ปัญหา(ได้ผล)ไม่เหมือนใคร เป็นผมเองคงนึกไม่ถึงเรื่องการซื้อเครื่องทำกาแฟและการเปลี่ยนภาชนะการใส่กาแฟ ถือว่า เกาทุกที่จริงๆ สุดท้าย ผมขอขอบคุณที่นำประสบการณ์มาแช์ และขอนำมาปรับใช้ที่ร้าน(ขายเสื้อ)ของผมครับ ^^ จากคุณ : ntAViiZ เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 13:00:06

ความคิดเห็นที่ 105 อ่านแล้วรู้สึกว่า จขกท. กับแฟน มีวิธีคิดที่ดีมาก ๆ อ่ะค่ะ ช่วยกันคิด ช่วยกันปรับ ช่วยกันเตือน ช่วยกันต่อสู้กับปัญหา ปกติเราไม่ดื่มกาแฟค่ะ แต่พออ่านกระทู้นี้แล้ว อยากจะดื่มขึ้นมาซะเลยเชียว ^^ ยังไงก็ขอให้ขายดิบขายดี สมกับความตั้งใจนะคะ  ปล. จขกท. กับเรา ชื่อเล่นเหมือนกันเลย อิอิ จากคุณ : กานดา ขาร็อค เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 16:13:22

ความคิดเห็นที่ 106 ขอบคุณ จขกท ที่แบ่งปันประสบการณ์ครับ จากคุณ : pokemon trainer เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 23:03:30 A:171.5.223.132 X: TicketID:000119