ความคิดเห็นที่ 1 ร้านแผงลอย รายได้มากกว่าพนักงานออฟฟิศอีก ภาษีก็ไม่ต้องเสีย แล้วยังเอาภาษีของคนทำงานไปช่วยอีก แต่ใครออกมาท้วงก็จะบอกว่าไม่เห็นใจคนจน...เอ่อ...เอาเห๊อะ...ทำไรทำ จากคุณ : cantare เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 55 12:08:02

ความคิดเห็นที่ 2 ความคิดเห็น 1 คุณรู้ได้ไงว่าร้านค้าแผงลอย รายได้เยอะกว่าคุณ ถ้าเขามีเงินได้เยอะกว่าคุณ คุณก็ทำมาค้าขายแผงลอยสิครับ ลาออกจากบริษัทเลย ที่ภาษีเขาไม่เสีย เพราะว่ารายได้เขาไม่ถึงเกณฑ์ต้องเสีย คิดก่อนพูด หรืออคติไรหรือเปล่า แล้วคุณคิดว่า ถ้าเขาเลือกได้ เขาคงอยากทำงานบริษัท ไม่ดีกว่าหรือ คุณคิดว่าค้าขายแผงลอย วันหนึ่งจะได้กี่สตางค์ เหนื่อยขนาดไหน มันไม่เหมือนร้านค้าใหญ่ ร้านอาหารใหญ่ ๆ แล้วผมจะบอกว่า คนที่ค้าขายอะเขาเสียภาษีเยอะกว่าคุณอีก เขาเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม จากการซื้อของมาขาย เขาเคยได้คืนไหมครับ จากคุณ : มรกตนคร (มรกตนคร) เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 55 12:18:24

ความคิดเห็นที่ 3 รายได้เยอะน้อยไม่สำคัญ มันควรปล่อยไปตามกลไกตลาด ไม่ใช่สนับสนุนให้เพิ่มหนี้โดยการใช้บัตรเครดิตซื้อ LPG คิดแต่ละอย่าง.. จากคุณ : แจงแจว เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 55 12:44:09

ความคิดเห็นที่ 4 เอิบ.....ผมไม่ได้ทำงานบริษัท และ ถ้าคิดว่า แม่ค้ารายได้น้อยกว่าพนักงาน....ลองไปเดินดูครับ ....คิดก่อนแล้วค่อยมาพูด ตอนบัตรเครดิตแท็กซี่ เสียเงินไปป่านนี้ยังไม่ได้กลับ...เอาอีกแล้วประชานิยมแบบนี้ ..... ถ้าแม่ค้าขายข้าววันละ100 จาน จานละ30 บาท กำไรครึ่งๆ 15 บาท 15x100=1500/วัน  ต่อเดือนสามหมื่นกว่า เท่ากับระดับSenior ของบางบริษัท ต่อให้กำไรจานละ 10บาทและขายได้แค่ 50จาน ยังได้ 10x50=500 /วัน เดือนนึงขาย22วัน (เอาเท่ากับวันออฟฟิศทำงานเลย) 500x22= 11000 บาท ยังมากกว่าเงินเดือนลูกจ้างบางคนอีกครับ... นี่ยกตัวอย่างขายน้อยสุดนะ ลองไปเดินดูตามตลาดระแวกออฟฟิศขายเกินราคานี้และยอดเกินนี้ทั้งนั้น และสำคัญพวกนี้ บางคนไม่เสียภาษีครับ....ไม่ได้ว่าแม่ค้า แต่แค่ชี้ช่องให้เห็น ถ้ามีโอกาสก็อยากค้าขายแบบนี้เหมือนกัน ใครๆก็อยากมีกิจการส่วนตัวทั้งนั้น ... ... ลองไปคิดดูก่อนมั้ย แก้ไขเมื่อ 30 ธ.ค. 55 13:08:33 จากคุณ : cantare เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 55 13:07:19

ความคิดเห็นที่ 5 พอทำช่วยเหลือคนมีรายได้น้อย ก็บ่น ช่วยคนรวยก็บ่น คือ รัฐบาลนี้ทำไรไม่เคยดีเลย หรือว่า่ต้องให้เช็ค 2000 ฟรี ๆ หรือจะเอาไข่ชั่งกิโล แล้วที่ผมพูดถึง ร้านค้าแผงลอยทั่วไป ไม่ใช่ร้านอาหารที่มีตึกเป็นของตัวเอง ไม่ใช่พวกร้านใหญ่ ๆ แต่เป็นพวกร้านแผงลอย คุณคิดว่าได้เท่าไร ค่าเช่า ค่าลูกจ้าง ต้นทุน คุณคำนวณหรือยัง ถ้าทำแล้วรวยป่านนี้คงทำกันเยอะแล้วครับ จากคุณ : มรกตนคร (มรกตนคร) เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 55 14:31:54

ความคิดเห็นที่ 6 เริ่มตีโพยตีพายแล่ะ.....แบบผมว่าไว้ตอนความเห็น1 เลย อิอิ จากคุณ : cantare เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 55 16:24:20

ความคิดเห็นที่ 7 ความคิดเห็นแบบคุณ มันก็แค่คนเห็นแก่ตัว คุณคิดว่าคนหาเช้ากินค่ำ เขาสบายหรือ แล้วที่คุณบอกไม่ได้ทำงานบริษัท คุณทำงานอะไรล่ะ ถ้าไม่ทำงานคุณใช้บัตรทอง ถ้าคุณมีรถคุณใช้ถนน ใช้น้ำมันถูก ใช้น้ำ ใช้ไฟ ใช้โรงพยาบาล ฯลฯ มันก็ภาษีของคนที่พวกคุณว่าเขา ซึ่งบางอย่างเขากลับไม่ได้ประโยชน์ตรงนี้เลย คุณคงไม่เคยลำบาก ก็แค่คนไร้ราคาที่คอย จะถ่วงความเจริญ จากคุณ : มรกตนคร (มรกตนคร) เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 55 20:02:34

ความคิดเห็นที่ 8 เหตุ  ผล.....??? ..... จะบอกว่า SMEหน่ะ เป็นหนี้มากกว่าชาวนา เป็นหนี้มากกว่าแม่ค้า ภาษีโดนเต็มๆ  ใครจะประกันราคาสินค้าให้มั้ยไม่มี ใครจะออกนโยบายอะไรมาช่วยมั้ย ไม่มี ....ช่วยตัวเองทั้งนั้น ใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น ขยันก็ได้ไป มองโอกาสออกก็ได้ไป ได้ในสิ่งที่ควรได้ ไม่เอาเปรียบใคร  แต่จะทำอะไรก็ทำเห๊อะ อย่างที่บอก  ...เราจะช่วยเขาก็ช่วยให้เขารู้วิธีจับปลา ไม่ใช่เอาปลาไปให้เขา .... ถึงผมอาจจะไม่ค่อยชอบรัฐบาลนี้ แต่ผมก็อยากให้เขาบริหารประเทศให้ดี นโยบายหลายอย่างConceptดีมาก แต่ ช่องโหว่ค้อตตตตเยอะ รักใครชอบใคร จะรักรัฐบาล จะเกลียดฝ่ายค้าน ก็ให้มันลืมหูลืมตาบ้าง นี่อะไร พอพูดถึงเหตุผลไม่ได้ ก็ข้างๆคูๆ ด้วยความรู้สึก แบบที่ผมว่าแหละ พอไม่เห็นด้วยก็บอกว่าไม่เห็นใจคนจน  ถ้าโครงการนี้มานะรับรองว่าคนที่ไม่จนจริงได้ประโยชน์มากกว่า แล้วที่บัครเครดิตแท็กซี่หน่ะ เงินได้คืนหรือยัง..... จากคุณ : cantare เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 55 21:46:13

ความคิดเห็นที่ 9 ผมว่าคุณออกทะเลแล้ว กำลังพูดถึงแผงลอย กับกลายเป็นsme ถ้าอยากคุยเรื่องพวกนี้ เชิญห้องราชเดินครับ มีผู้รู้คอยตอบคำถามคุณครับ ไปตั้งคำถามรอเลย แล้วผมก็คิดเห็นแบบมีเหตุผล ไม่ใช่ข้าง ๆ คู ๆ เพราะผมก็ลูกแม่ค้าแผงลอย หาเช้ากินค่ำ ไปวัน ๆ คงไม่สบายแบบคุณหรอก เรื่องบัตรเครดิตแท็กซี่ เท่าที่ผมได้ฟังข่าวมา เปอร์เซ้นต์หนี้ยังไม่รับชำระยังน้อย เป็นแค่คนส่วนน้อย แต่คนส่วนมากเขาได้ประโยชน์ ประชาชนก็ได้ประโยชน์ ทำให้ค่าโดยสารไม่ขึ้น ผมว่าคุณออกมองโลกให้กว้าง เผื่อแผ่ เมตตาให้คนที่เขาลำบอกบ้างเถอะ โครงการที่รัฐบาลทำทุกอย่าง มันไ่ม่ได้ดีหมดเสมอไปหรอก แต่ก็ทำให้คนส่วนใหญ่เขาอยู่ดีกินดี ถ้าคุณเห็นพบทุจริตอะไรก็ร้องเรียนไปเลย แจ้งไปเลย อย่าทำเป็นดีแต่พูด เหมือนใครบางคน จากคุณ : มรกตนคร (มรกตนคร) เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 55 23:02:05

ความคิดเห็นที่ 10 ก็กำลังคุยเรื่องแม่ค้าอยู่นี่ และบอกว่าSMEสถานการณ์มันแย่กว่าแม่ค้าอีก...ใครช่วย เราควรออกนโยบายช่วยแม่ค้าอย่างนี้จริงๆหรือ....อ่านหนังสือให้แตกก่อนครับ คนลำบากหน่ะมี แต่คนหากินบนความลำบากคนมันแย่...ร้องเรียนไปได้อะไรมั้ย ขนาดหลักฐานชี้แจงกันในสภายังด้านกันอยู่เลย ผมไม่อยากพูดประเด็นการเมือง ....บอกแล้วว่านโยบายนี้ ช่องโหว่มันค้อตตตเยอะ แล้วอะไรที่ช่องโหว่มันเยอะเช่นเดียวกับนโยบายรถคันแรกนั่นแหละ...มันพร้อมจะมีคนหากินกับช่องโหว่นั้นครับ จากคุณ : cantare เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 55 23:09:52

ความคิดเห็นที่ 11 ...เราจะช่วยเขาก็ช่วยให้เขารู้วิธีจับปลา ไม่ใช่เอาปลาไปให้เขา จากคุณ : cantare เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 55 23:11:29

ความคิดเห็นที่ 12 พอออกมาจะช่วยแม่ค้าแผงลอย เผื่อไม่ให้กระทบกับราคาอาหาร ก็ไม่ได้ พอให้ลอยตัว ค่าอาหารขึ้น ก็บอกของแพง  คือว่าทำอะไรไม่เคยดี ส่วน sme ที่ฟังข่าวมาเป็นแค่ส่วนน้อย ซึ่งทางรัฐบาลก็มีมาตราการช่วยเหลือรองรับไว้แล้ว ส่วน sme ที่หากินบนหลังคน กดขี่ แรงงาน ถ้ามันจะเจ๊ง จะขาดทุนก็ช่างมันปะไร ส่วน sme ที่มองเห็นความลำบอกของลูกจ้าง เจียดกำไรนิดหน่อยมาให้ลูกจ้าง ก็ขอให้เติบโตเจริญก้าวหน้า   มันไม่มีนโยบายไหนดีไปหมดหรอกครับ แต่เป็นการทำให้ดีขึ้น ไม่ใช่ให้แย่ลง สำหรับคนที่มันหากินบนความลำบากของประชาชน มันมีอยู่ทุกที่ ทุกโครงการ มีอยู่ทุกชนชั้น ไม่ว่า สูง กลาง ต่ำ ปล. ผมว่าคุณลองมองกลับไปดูใหม่นะ ว่า sme แย่กว่า แม่ค้า หรือแม่ค้าแย่กว่า มองให้ลึก ๆ นะ อย่าไปฟังใครเขาพูดมา อย่าไปฟังพวกนักวิชาเิกินทั้งหลาย คุณลองไปคลุกคลีกับพวกพ่อค้าแม่ค้าดุแล้วคุณจะรู้ว่า กว่า่จะได้เิงินมาแต่ละบาทมันลำบอกแค่ไหน ตื่นตี2-3 มาซื้อของขาย ทำกำข้าวเตรียมรอขาย วันไหนฝนตก ขายไม่หมด ขาดทุน วันไหนขายดี ก็กำไรนิดหน่อย หักนู่น นี่ เหลือสักเท่าไรคุณ พอเถอะผมก็ขี้เกียจมานั่งเถียงกับคนแบบคุณ และสมัยนี้จะมามัวสอนวิธีจับปลาให้เขา คงไม่ได้แล้วละ มันไ่ม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว จากคุณ : มรกตนคร (มรกตนคร) เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 55 23:38:36

ความคิดเห็นที่ 13 คลุกมาเยอะครับ แม่ค้าหน่ะ...เยอะพอจะรู้ว่าบางทีเขาไม่รู้วิธีการจัดการที่ดี ไม่รู้วิธีการทำให้ได้กำไรมากขึ้น โดยราคาและคุณภาพเท่าเดิม  ไม่รู้วิธีการควบคุมธุรกิจ และเรา ไม่ควรสปอย์ครับ แต่ควรให้ความรู้ ให้โอกาส มิใช่ให้ปลาโดยไม่สอนวิธีจับปลา ถ้าคุณมองโลกให้กว้างนะ อย่าไปคิดว่านักวิชาการมันเกินเสมอไป จะเห็นว่า ทุกนโยบายมันไม่ได้ลงไปช่วยคนที่ย่ำแย่จริงๆซักที มีเหลือบมาหาผลประโยชน์ทั้งนั้น ผมกินก๋วยเตี๋ยวอยู่เจ้านึง ตั้งแต่รถเข็นมีแต่พี่มอไซด์รับจ้างกิน ต่อมาเขาเซ้งร้านในปั้ม ต่อมาซื้อตึกแถวหนึ่งห้อง ขยายเป็นสองห้องซื้อปิ๊กอัพ....ทำไมเขาทำได้ ชาวนาขายสินค้าไม่ได้ราคา เอามาเทปิดถนน แต่ทำไมบางคนขายได้.....ขณะเดียวกันธุรกิจขนาดกลางกู้ไม่ได้ใครช่วย ประกันราคาสินค้ามีมั้ย แล้วไม่คิดว่าคนพวกนี้เดือดร้อนหรืออย่างไร ... บอกแล้วว่า ใครทำอะไรได้อย่างนั้น ไม่ทำอะไรก็ไม่ควรได้อะไร ไม่ใช่คิดแต่อารมย์ไม่ใช่คิดแต่เมตตาหรือไม่เมตตา  นโยบายช่วยคนหน่ะดี แต่ช่วยถูกคนหรือเปล่า แล้วช่วยเขาแล้วยังไงต่อ กรณีนี้ช่วยเขา เอาเงินมาจากไหน วางนโยบายแบบนี้ ส่วนบน สบาย ส่วนล่างสบาย โดนบีบให้ตายคือพวกตรงกลาง.... แก้ไขเมื่อ 31 ธ.ค. 55 00:59:38 จากคุณ : cantare เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 55 00:57:56

ความคิดเห็นที่ 14 เรื่องความลำบาก เป็นเรื่องของตัวเอง...ใครจะมาช่วยได้มากกว่าตัวเองครับ ..... เรื่องลำบากมันมีทุกคนแหละ ... เคยมั้ยทำธุรกิจ เหลือเงินติดตัวอยู่ยี่สิบบาท หนี้อีกก้อน งานที่ส่งไปยังไม่ได้เงิน เรื่องตื่นอย่ามาพูด เอานอนให้หลับก่อนดีกว่า แม่ค้าค้าขายเงินสดซะยังจะดีกว่า นาทีนั้น อยากไปขายเต้าฮวย รับเงินสด เงินมาของไป เหนื่อยไปวันๆไม่ต้องเครียดมาก อย่างน้อยมีเงินในมือ .... ลำบากมั้ย เครียดมั้ย ผ่านได้มั้ย ผ่านได้อย่างไร.....ใครจะช่วยบ้าง..... .... ต้องช่วยตัวเองครับ ตั้งสติดีๆ  บริหารเงินยังไง  หาทางและหาช่องทางที่จะเติบโต ตรงนี้ อยากถามว่าใครเมตตาบ้าง จากคุณ : cantare เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 55 02:53:56