ข่าว MINT สำหรับคอกาแฟ "Black Ivory Coffee : The Most Expensive coffee in the world"
|
|
ข่าว MINT สำหรับคอกาแฟ "Black Ivory Coffee : The Most Expensive coffee in the world"
เผื่อแฟนๆ MINT จะไปลองชิมกันที่ Anantara
เครืออนันตราเปิดตัว"แบล็ค ไอวอรี่ คอฟฟี่"กาแฟขี้ช้างครั้งแรกในโลก โดยใช้มูลนิธิช้างสามเหลี่ยมทองคำ ณ อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งดูแลช้างกว่า 30 เชือก เป็นแหล่งผลิต
ล่าสุดประเดิมขายใน 5 โรงแรมในเครือทั้งที่เชียงรายและมัลดีฟส์ เผยเป็นกาแฟที่แพงที่สุดในโลกด้วยราคาถึง 1.1 พันดอลลาร์สหรัฐฯต่อกิโลกรัม
นายดิลลิป ราจาคาเรียร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มโรงแรมในเครือไมเนอร์ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ในขณะนี้เครืออนันตรา ได้นำเสนอประสบการณ์การดื่มกาแฟที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ด้วยการเปิดตัวกาแฟขี้ช้าง "แบล็ค ไอวอรี่ คอฟฟี่" โดยให้บริการอยู่ใน 5 โรงแรมของเครืออนันตรา ในประเทศไทย 1 แห่งและที่ประเทศมัลดีฟส์อีก 4 แห่ง ได้แก่ อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดเชียงราย,อนันตรา ดิกุ รีสอร์ท แอนด์ สปา,อนันตรา คิฮาวาห์ วิลล่าส์,อนันตรา นาลาดู และอนันตรา เวลี รีสอร์ท แอนด์ สปา
" แบล็ค ไอวอรี่ คอฟฟี่ เป็นส่วนผสมที่ลงตัวกับปรัชญาในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มรีสอร์ตในเครือไมเนอร์ ที่มุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์พิเศษให้แก่นักเดินทางผู้ต้องการเก็บเกี่ยวเรื่องราวดีๆระหว่างการท่องเที่ยว นอกเหนือจากความงามของสถานที่ การเปิดตัวกาแฟขี้ช้างในโรงแรม ก็จะทำให้คอกาแฟได้สัมผัสกับรสชาติของหนึ่งในสุดยอดกาแฟที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นครั้งแรกของโลก"
โดยขั้นตอนการทำกาแฟขี้ช้าง แบล็ค ไอวอรี่ คอฟฟี่ เริ่มจากการคัดเลือกเมล็ดกาแฟไทยอาราบิก้าจากแหล่งที่ปลูกบนความสูง 1.5 พันเมตรเหนือระดับน้ำทะเล กาแฟที่คัดสรรแล้วจะถูกนำไปให้ช้างกิน ควาญช้างจะเก็บเมล็ดกาแฟที่ช้างขับถ่ายออกมาไปตากแดดให้แห้ง กาแฟ 1 กิโลกรัมจะมีเมล็ดกาแฟประมาณ 1 หมื่น เมล็ด ซึ่งจากเมล็ดกาแฟกว่า 33 กิโลกรัม เมื่อผ่านกระบวนการย่อยและคัดแยกแล้วจะได้กาแฟขี้ช้างเพียง 1 กิโลกรัม ทำให้กาแฟขี้ช้าง เป็นหนึ่งในกาแฟที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ด้วยราคาถึง 1.1พันดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อกิโลกรัมหรือราว 3.4 หมื่นบาทต่อกิโลกรัม ซึ่ง ณ ปัจจุบัน มีกาแฟ ขี้ช้างวางจำหน่ายในท้องตลาดเพียง 50 กิโลกรัมเท่านั้น
อีกทั้งการที่กาแฟขี้ช้าง แบล็ค ไอวอรี่ คอฟฟี่ ผลิตขึ้นที่มูลนิธิช้างสามเหลี่ยมทองคำ ณ อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดเชียงราย ซึ่งทางมูลนิธิมีช้างภายใต้การดูแลกว่า 30 เชือก ควบคู่ไปกับการดูแลครอบครัวของควาญช้างผู้ที่เป็นกำลังสำคัญในการเลี้ยงดูช้าง ตลอดจนกระบวนการผลิตกาแฟขี้ช้าง โดย 8% ของรายได้จากการจำหน่ายกาแฟขี้ช้าง ณ รีสอร์ตต่างๆ จะถูกมอบให้กับมูลนิธิช้างสามเหลี่ยมทองคำเพื่อใช้สนับสนุนค่าใช้จ่ายของสัตวแพทย์ในการดูแลและรักษาพยาบาลช้างและการก่อสร้างห้องปฏิบัติการของมูลนิธิช้างสามเหลี่ยมทองคำ
สำหรับการเสิร์ฟกาแฟนั้น จะมีการนำเมล็ดกาแฟ( ^o^ )ง มาบดสดใหม่ด้วยวิธีการบดมือบนโต๊ะ ก่อนชงโดยใช้เทคนิคการต้มกาแฟแบบดั้งเดิมของออสเตรียที่มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1840 การต้มกาแฟโดยใช้แรงดันอากาศนับเป็นวิธีที่ดีที่สุดในบรรดาวิธีชงกาแฟหลากหลายวิธีที่ได้รับความนิยม เมื่อชงกาแฟด้วยน้ำร้อนที่อุณภูมิ 93 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 4 นาที จะช่วยให้ได้กาแฟที่บริสุทธิ์ รสชาติดี ซึ่งกาแฟดังกล่าวจะขายที่ อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ รีสอร์ท แอนด์ สปา จะขายในราคาแก้วละ 1.2 พันบาท++
ด้านนายเบลก ดินกิ้น ผู้ก่อตั้ง แบล็ค ไอเวอรี่ คอฟฟี่ กล่าวว่าที่ผ่านมาได้ร่วมมือกับนักวิทยาศาสตร์ทางอาหารค้นคว้าศึกษาและพบว่าเมล็ดกาแฟที่ผ่านการย่อยในกระเพาะของสัตว์กระเพาะเดี่ยว(monogastric animal) ทำให้ได้รสชาติที่ดีขึ้น จึงได้เลือกช้างมาผลิตกาแฟ เนื่องจากช้างเป็นสัตว์ที่มีระบบการย่อยอาหารและเอ็นไซม์ที่เอื้อต่อการผลิตกาแฟ และยังเป็นสัตว์ที่ไม่เคี้ยวอาหารจึงทำให้เมล็ดกาแฟไม่แตกหักเพื่อผลิตกาแฟขี้ช้างอย่างจริงจัง และได้ทราบว่า อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ รีสอร์ท แอนด์ สปา มีมูลนิธิช้างสามเหลี่ยมทองคำ ที่ให้การดูแลช้างเป็นอย่างดี จึงได้ติดต่อทางมูลนิธิและในที่สุดก็ได้ร่วมมือกันผลิตกาแฟขี้ช้างขึ้น
อย่างไรก็ตามกาแฟขี้ช้างผลิตได้จำนวนไม่มาก เนื่องจากการผลิตกาแฟต้องอยู่ภายใต้การดูแลและควบคุมทางโภชนการคือต้องให้ช้างกินเมล็ดกาแฟสดในปริมาณที่เหมาะสมต่อโภชนาการ และไม่กระทบกับพฤติกรรมการกินปกติของช้าง ทั้งในการคัดแยกเมล็ดกาแฟจากขี้ช้างและในช่วงของการเก็บผลผลิต ควาญช้างและผู้ดูแลจะคัดเมล็ดกาแฟที่แตกหักและคุณภาพไม่ตรงตามมาตรฐานออกไปจำนวน 30% โดยประมาณ ดังนั้นด้วยจำนวนการผลิตที่มีจำกัด จึงเลือกที่จะขายกาแฟขี้ช้าง ณ โรงแรมและรีสอร์ตระดับห้าดาว มากกว่าที่จะขายตามร้านกาแฟทั่วไปหรือในท้องตลาด
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 32 ฉบับที่ 2,786 วันที่ 25-27 ตุลาคม พ.ศ. 2555
http://www.thannews.th.com/index.php?option=com_content&view=article&id=150103:2012-10-24-06-40-09&catid=136:a-tourisn-&Itemid=448
| จากคุณ |
:
AQG_Area 
|
| เขียนเมื่อ |
:
8 ธ.ค. 55 06:55:43
|
|
|
|
