CP+คาร์ฟูร์ นี่จริงใช่ไหม
|
|
วันนี้มีข่าวอีกแล้ว
ซีพีร่วมทุนคาร์ฟูร์
Source - ข่าวหุ้น (Th)
Wednesday, December 12, 2012 04:06
กรุงเทพฯ--12 ธ.ค.--ข่าวหุ้น
เจ้าสัวย้ำวินวิน
เพิ่มช่องทางขายไก่ หมู กุ้ง อาหารแช่แข็งไปทั่วโลก
ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานซีพีกรุ๊ป ย้ำมีนโยบายร่วมทุนกับคาร์ฟูร์ ฝรั่งเศส และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ระบุวิน-วินทั้งคู่ มั่นใจคาร์ฟูร์กำไรฟื้นตัว เล็งใช้เป็นช่องทางขายไก่ ไข่ไก่ หมู กุ้ง ปลา อาหารแช่แข็งในสาขาของคาร์ฟูร์ทั่วโลก ตั้งเป้าลงทุนเพิ่มเป็น 2,400 ล้านดอลลาร์ใน 5 ปีข้างหน้า
นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพีกรุ๊ป ให้สัมภาษณ์กับ CNBC สถานีโทรทัศน์ธุรกิจชื่อดังระดับโลก ลงในเว็บไซต์ของ CP e-NEWS (http://www.cpthailand.com/Default.aspx? ... cleId=1360) ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2555 เกี่ยวกับนโยบายการลงทุนในต่างประเทศ ว่า ซีพีมีนโยบายจะไปลงทุนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่รายหนึ่งของคาร์ฟูร์ แต่ไม่ใช่ซื้อหุ้นทั้งหมด หรือเทกโอเวอร์กิจการ
ซีพีจะไปลงทุนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่รายหนึ่งในคาร์ฟูร์เพื่อจะนำสินค้าในเอเชียไปผ่านเครือข่ายในการขายสินค้าของคาร์ฟูร์ หรือคาร์ฟูร์มาลงทุนในเอเชียผมมีโอกาสสนับสนุน นโยบายของซีพีเป็นอย่างนี้ครับ อย่าเรียกว่าไปซื้อ เรียกว่าไปร่วมลงทุนเลยดีกว่า ร่วมงานกับคนเก่ง แล้วก็ไปกับเขาและก็เสริมซึ่งกันและกันได้ประโยชน์ทั้งคู่ แต่อย่าเข้าใจผิดว่าไปซื้อคาร์ฟูร์ แค่ไปร่วมลงทุนลงหุ้นกับเขา นายธนินท์ กล่าว
ดังนั้น การที่ซีพีได้แสดงเจตนาว่าจะไปร่วมลงทุนกับคาร์ฟูร์ คิดว่าได้รับการต้อนรับจากนักลงทุนรายอื่นหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะเปิดเผย คือถ้าหากทางผู้ถือหุ้นเดิมหรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ไม่ต้อนรับ ซีพีก็จะไม่ไปเข้าร่วมหุ้น เพราะซีพีเข้าไปเป็นมิตรกันเป็นเพื่อนกัน ไม่ใช่เข้าไปควบคุม
นายธนินท์ กล่าวว่า ถ้าซีพีไปร่วมลงทุนก็ต้องทำประโยชน์ให้กับคาร์ฟูร์ และในเวลาเดียวกันซีพีก็ได้ประโยชน์ด้วย อย่างนี้ถึงจะไปร่วม ไม่ใช่ว่าไปร่วมกับบริษัทที่ไม่สำเร็จ ซีพีจะร่วมกับบริษัทที่สำเร็จ และที่สำคัญที่สุดต้องมีทีมงานที่บริหารที่เก่งถึงจะไปร่วม อย่างคาร์ฟูร์มีประธานบริษัทที่เก่งมาก เห็นว่าเขาบริหารคาร์ฟูร์จะต้องได้ผลกำไรฟื้นกลับมาแน่นอนและก็กำไรดีมาก ดังนั้น ซีพีจึงต้องอาศัยคนเก่งในคาร์ฟูร์
ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารซีพีกรุ๊ป กล่าวว่า ถ้าซีพีไปซื้อหรือไปร่วมลงทุนในธุรกิจอะไรก็ตาม จะต้องหาธุรกิจที่ดีมีทีมงานที่ดีที่เก่ง ไม่ได้ซื้อทั้งบริษัทแล้วเอาคนไทยไปบริหาร เพราะยังไม่มีคนผมดำไปบริหารคนผมแดง ถ้ายังไม่ถึงขั้นนี้ แต่ผมจะไปเข้าหุ้น ไปลงทุนในบริษัท
กรณีที่กลุ่มซีพีได้เพิ่มเป้าหมายการลงทุนใน 5 ปีข้างหน้าเพิ่มอีก 50% เป็นจำนวนเงิน 2,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นายธนินท์ กล่าวว่า ซีพีกำลังลงทุนเต็มที่ คือเรื่องอาหารสำเร็จรูปและการค้าปลีก และเรื่องศูนย์อาหารและเกี่ยวกับพวกอาหารเปิดร้านย่อย อย่างเช่นซีพี เฟรชมาร์ท ซึ่งเรามีกำลังการผลิต ต้องสร้างเครือข่ายในการตลาด ซึ่งต้องควบคู่กับการผลิตไม่ใช่ไปผลิตมากๆ แต่ไม่รู้ว่าจะขายที่ไหนขายให้ใคร สองเรื่องนี้ต้องดำเนินการไปพร้อมกันและสำคัญอย่างยิ่งที่ซีพีประสบความสำเร็จ
ดังนั้น ธุรกิจของซีพีจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องขยายไปทั่วโลกลงทุนไปทั่วโลก อย่างเช่นวันนี้ซีพีกำลังจะไปสร้างโรงงานผลิตอาหารสำหรับคนที่ประเทศอเมริกาแล้วขายกลับมายังเอเชียที่รสชาติและความต้องการตรงกับความต้องการของชาวเอเชีย แต่อเมริกาอาจไม่ต้องการและที่สำคัญราคาถูก ต่อไปในโลกนี้ไม่ใช่เอเชียไปขายให้อเมริกาอย่างเดียว แต่เอเชียจะต้องมีสินค้าขายไปยังอเมริกา เพราะเอเชียรวยขึ้นแล้ว ซึ่งสมัยก่อนประเทศอเมริการวยมีกำลังซื้อ แต่ในวันนี้เอเชียก็มีกำลังซื้อ อย่างเช่นประเทศจีนก็มีเงินตราต่างประเทศมาก และมีเงินตราต่างประเทศที่สะสมอยู่เป็นที่ 13 ของโลกยังมากกว่าฝรั่งเศสต้องเข้าใจว่าไม่ใช่เอาแต่สินค้าเอเชียไปขายยุโรปผมจะตั้งโรงงานผลิตใช้เครื่องอัตโนมัติ ใช้คนน้อยที่สุดเพื่อผลิตสินค้าที่ชาวเอเชียต้องการขายส่งไปประเทศอเมริกา และขายกลับมายังทวีปเอเชีย
ทั้งนี้ คาร์ฟูร์ถือเป็นยักษ์ใหญ่ค้าปลีก อันดับ 2 ของโลก รองจาก Walmart ประกอบกิจการค้าปลีกในฝรั่งเศส ยุโรป ทวีปอเมริกาใต้ เอเชีย ในรูปแบบร้านค้า Hypermarkets 1,450 สาขา Supermarkets 3,000 สาขา และ Convenience Stores 5,200 สาขา ยอดขายในปี 2011 มูลค่าถึง 3.2 ล้านล้านบาท 48% จาก foods ส่วนที่เหลือเป็นสินค้าเบ็ดเตล็ด ยอดขายแบ่งตามภูมิภาค ฝรั่งเศส 43% ยุโรป 29% ละตินอเมริกา 18.6% และเอเชีย 9% ด้วยยอดขายสินค้าอาหารในปี 2011 สูงถึง 1.55 ล้านล้านบาท
ดังนั้น จึงสร้างโอกาสให้ซีพีสามารถส่งออกไก่ ไข่ไก่ หมู กุ้ง ปลา อาหารแช่แข็ง ไปในสาขาหลักๆ ของคาร์ฟูร์ เช่น ยุโรป ซีพีเอฟเคยประสบปัญหาในเรื่องโควตา และการแข่งขันที่สูง จึงมีมูลค่าการส่งออกที่ไม่สูงมาก แต่การลงทุนครั้งนี้ ทำให้บริษัทสามารถส่งออกสินค้าตรงถึงมือผู้บริโภคในประเทศฝรั่งเศส เบลเยียม ไซรัส กรีซ อิตาลี สเปน โปแลนด์ โรมาเนีย ตุรกี ส่วนตลาดเกิดใหม่ เช่น ละตินอเมริกา ซึ่งมีประชากรสูงถึง 600 ล้านคน ก็จะเป็นตลาดใหม่ของซีพีเอฟ ที่ส่งออกเพิ่มไปในประเทศบราซิล อาร์เจนตินา โคลัมเบีย ส่วนตลาดเอเชีย และตะวันออกกลาง ก็จะเป็นช่องทางที่บริษัทจะขยายและเพิ่มยอดขายได้อย่างมีนัยสำคัญ เช่น จีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไต้หวัน UAE--จบ--
| จากคุณ |
:
Unchanged Melody 
|
| เขียนเมื่อ |
:
12 ธ.ค. 55 09:00:20
|
|
|
|
