 |
ความคิดเห็นที่ 154 |
|
Update/เซียนหุ้น ทำนาย หุ้นไทยสัปดาห์หน้าอ่อนตัวลงต่อ แนะจับตาศาลไต่สวน 76 โครงการมาบตาพุด ชี้หากจบเร็วหนุนกลุ่มพลังงานสดใส
เซียนหุ้น ทำนาย หุ้นไทยสัปดาห์หน้าอ่อนตัวลงต่อ หลังต้นปีดัชนีฯพุ่งแรง แถม Sentiment ยังลบ ชี้แม้ตัวเลข PMI จีนดีแต่ส่งผลระยะสั้นเท่านั้น แนะจับตาศาลไต่สวนระงับ 76 โครงการมาบตาพุด ชี้ หากจบเร็วหนุนกลุ่มพลังงานสดใส กลยุทธ์ แนะ ขึ้นขาย-ลงซื้อ ประเมินแนวรับอยู่ที่ 670 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 700 จุด
วันนี้ดัชนีฯ ปิดที่ 685.24 จุด ลดลง 4.86 จุด หรือ 0.70% มูลค่าการซื้อขาย 18,885.70 ลบ. หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรกได้แก่ 1.CPF ปิดที่ 9.65 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,038.60 ลบ. 2.PTT ปิดที่ 240 บาท ลดลง 3.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,517.99 ลบ. 3.PTTEP ปิดที่ 145 บาท ลดลง 1 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,403.93 ลบ. 4.TTA ปิดที่ 26.75 บาท ลดลง 0.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 637.67 ลบ. 5.BBL ปิดที่ 112 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 596.09 ลบ. สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิ 551.13 ล้านบาท นักลงทุน ต่างชาติขายสุทธิ 1,056.20 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 505.07ล้านบาท นางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซ รัส กล่าวถึงภาพรวมดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยในวันนี้ว่า ดัชนีฯสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในการ ซื้อขายช่วงเช้า แต่มองว่าเป็นเพียงการรีบาวน์ทางเทคนิคเท่านั้น หลังวานนี้ดัชนีฯปรับตัวลดลง ค่อนข้างแรง และการปรับตัวเพิ่มขึ้นถือเป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อย ขณะที่ปริมาณการซื้อขายน้อยเช่น กัน ประกอบกับนักลงทุนยังไม่มีความมั่นใจ ทำให้ในการซื้อขายช่วงบ่ายมีแรงเทขายออกมากด ดันทิศทางของดัชนีฯอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ดัชนีฯเคลื่อนไหวในแดนลบ ทั้งนี้ ประเมินว่า การเคลื่อนไหวของดัชนีฯในวันนี้ก็เป็นไปตามคาดการณ์ เนื่องจาก Sentiment ยังเป็นลบ ซึ่งแม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้ปรับประมาณการการเติบโต ทางเศรษฐกิจ (จีดีพี)ปี 2552 เพิ่มขึ้น เป็นติดลบ 3.5-2.5% จากเดิมที่ติดลบ4.5%-3.0% แต่ก็ ไปตามตามคาดการณ์ ขณะที่นักลงทุนก็ไม่ได้มองภาพเศรษฐกิจเพียงระยะสั้นเท่านั้น แต่มอง ภาพระยะยาวและคาดหวังไปถึงปีหน้าด้วย ส่วนกรณีที่สหรัฐฯประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/52 ออกมาเติบโตดีกว่าที่คาดอยู่ที่ 3.5% ขณะที่ตลาดคาด 3.3% ซึ่งถือว่าเป็นการขยายตัวครั้งแรก ในรอบ 1 ปี นั้น ประเด็นดังกล่าวก็ส่งผลบวกเพียงระยะสั้นเท่านั้น ด้านความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนี สเตรทไทม์: ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ปิดตลาดที่ระดับ 2,651.13 จุด เพิ่มขึ้น 18.82 จุด หรือ 0.72 % ดัชนี คอมโพสิต: ตลาดหุ้น อินโดนีเซีย ปิดตลาดที่ระดับ 2,367.70 จุด เพิ่มขึ้น 23.67 จุด หรือ 1.01% ดัชนี ฮั่งเส็ง: ตลาด หุ้นฮ่องกง ปิดตลาดที่ระดับ 21,752.87 จุด เพิ่มขึ้น 487.88 จุด หรือ 2.29 % ดัชนี SHI: ตลาด หุ้นจีน ปิดตลาดที่ระดับ 2,995.85 จุด เพิ่มขึ้น 35.38 จุด หรือ 1.20 % ดัชนี นิกเกอิ: ตลาดหุ้น ญี่ปุ่น ปิดตลาดที่ระดับ 10,034.74 จุด เพิ่มขึ้น 143.64 จุด หรือ 1.45 % สำหรับแนวโน้มดัชนีฯในสัปดาห์หน้า(2-6 พ.ย.52) ประเมินว่า ภาพรวมบรรยากาศ การลงทุนยังไม่ดีนัก โดยยังมีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อ และเป็นลักษณะพักฐาน หลังต้นปีดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก ทั้งนี้ในวันจันทร์จะมีการประกาศดัชนีภาคการผลิต(PMI)ของจีน ซึ่งคาดว่าตัว เลขดังกล่าวน่าจะออกมาดี และส่งผลบวกต่อตลาดเอเชีย แต่ทั้งนี้แม้ตัวเลขจะออกมาดีและช่วย สนับสนุนตลาดฯได้แต่ก็เป็นเพียงช่วงสั้นๆเท่านั้น นอกจากนี้ ในคืนนี้ยังมีตัวเลขการใช้จ่ายส่วน บุคคลเดือนต.ค.ของสหรัฐฯ รวมถึงติดตามประเด็นภายในประเทศ โดยในวันที่ 2 พ.ย.การไต่สวนกรณีคำสั่งศาล ปกครองกลางที่ระงับโครงการ 76 โครงการชั่วคราวที่มาบตาพุด ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่ง หากมีข้อสรุปที่เร็วก็จะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน เพราะมีผ่านมาแม้ว่าราคาน้ำมันดิบในตลาด โลกจะปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุ 80 เหรียญ/บาร์เรล แต่หุ้นกลุ่มพลังงานก็ถูกกดดันจากประเด็นดัง กล่าว โดยคาดว่าประเด็นดังกล่าวน่าจะจบในเร็ววัน เพราะการสั่งหยุดโครงการชั่วคราวได้ส่งผล กระทบค่อนข้างมาก สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำ ขายเมื่อดัชนีฯปรับตัวเพิ่มขึ้น และรอรับเมื่อดัชนีฯ อ่อนตัวลง โดยประเมินแนวรับอยู่ที่ 670 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 700 จุด
จากคุณ |
:
member28
|
เขียนเมื่อ |
:
30 ต.ค. 52 19:34:01
|
|
|
|
 |