Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ขออนุญาตเล่าต่อ "เมื่อผมเริ่มเล่นหุ้น" 2 vote  

 ประสบการณ์เก่าๆ ที่อาจจะเป็นประโยชน์กับบางคน " เมื่อผมเริ่มเล่นหุ้น"      

เมื่อผมเริ่มเล่นหุ้น ครั้งแรกประมาณ พ.ศ.2533  ตอนนั้นผมทำงานอยู่ธนาคารไทยพาณิชย์  เงินเดือนน้อยนิด  มีรุ่นพี่ในธนาคารบางคนเล่นหุ้น   ผมก็เลยได้รู้จักกับหุ้นครั้งแรกโดยไม่รู้อะไรเลยว่ามันอันตรายแค่ไหน

จำได้ว่าหุ้นตัวแรกที่ซื้อคือ บง.นวธนกิจ  (เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว)   ราคาประมาณ 80 บาท ตอนนั้นลงทุนประมาณ 20000 บาท  พอซื้อแล้วหุ้นก็ขึ้น แต่ไม่ได้ขาย  อีกไม่นานก็มีเหตุร้ายอะไรซักอย่างทำให้หุ้นลงแรง  สุดท้ายก็ต้องขายขาดทุน  หลังจากนั้นก็ไม่ได้เล่นหุ้นอีก  จนถึงปลายปี 35  ผมก็ลาออกจากธนาคาร มาทำธุรกิจส่วนตัว  เลยมีเวลาว่างเยอะ  จึงหันกลับไปเล่นหุ้นและชวนรุ่นพี่ที่ธนาคารเล่นด้วยอีกครั้ง   แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งที่แล้ว เมื่อผมประมาท เพราะอยากรวยทางลัด   รุ่นพี่ชวนเล่นหุ้นด้วยบัญชีมาจิ้น คนละ 500,000 บาท  คือเปิดบัญชี ห้าแสนบาท เล่นหุ้นได้ 1,000,000 บาท   ตอนนั้นเป็นที่นิยมของคนเล่นหุ้นมาก   ( ร้ายไปกว่านั้นคือผมกู้เงินจากธนาคารมา 1 ล้านบาท โดยเอาบ้านของพี่ชายเป็นหลักประกัน  )    
     เริ่มเล่นหุ้นจริงจังเดือน ธ.ค. 35  ภายในเดือนเดียว ได้กำไร 3 ถึง 4 แสนบาท  และหลังจากนั้นมา เริ่มต้นปี 36 ผมติดหุ้นบนดอยสูงสุดของเมืองไทย คือประมาณ 1700 จุด  และหลังจากนั้น 1 ปี ผมเป็นหนี้จากการเล่นหุ้น ประมาณ 1 ล้านบาท  ตอนนั้นดอกเบี้ยเงินกู้ประมาณ 13 % ต่อปี  ตอนนั้นผมไม่มีรายได้อะไรเลย รายจ่ายรออยู่เดือนละ 2 หมื่นกว่าบาท  

     แล้วอะไรจะเกิดขึ้น


(เล่าให้ฟังย่อๆ แบบขำๆ นะครับ   บางคนอาจจะอยากฟัง แต่บางคนอาจจะไม่อยากฟัง   แต่เป็นประสบการณ์ที่เลยร้ายครั้งหนึ่งของคนเล่นหุ้นคนหนึ่งซึ่งตอนนั้นผมก็อายุประมาณ 25 ปี เหมือนน้องๆหลายๆคนในนี้นะครับ)

ที่เล่ามานี่ ไม่ได้บอกให้กลัวการเล่นหุ้นนะครับ  ถ้าผมกลัวคงไม่เล่นมาถึงทุกวันนี้
     ผมยังคิดว่าว่าผมโชคดี ด้วยซ้ำ  ที่วันนั้นผมมีเงินแค่นั้น ผมก็หมดแค่นั้นและทำให้ผมรู้จักกับความโหดร้ายของตลาดหุ้นเป็นอย่างดี   และผมได้เห็นหลายคนที่หมดตัวกับหุ้นจำนวนมากตอนอายุเกินกว่า 50 ปี บางคนหมดตัวตอนแก่ แล้วทุนวันนี้หลายๆคนที่ผมรู้จักก็ยังแย่อยู่เลย

     ผมดีใจที่ได้เข้ามาอ่านในเวปนี้  ก่อนที่ผมจะสมัครเป็นสมาชิก ห้องสินธร   ผมได้อ่านข้อความของหลายๆคนในห้องนี้รู้สึกแต่ละคนก็น่ารักทุกคน
ยกตัวอย่างเช่น  จานปลา  chcmos   คนจนที่อยากรวย  หมอสัจจะ  kamung6  phon77  ดร.เพียว  แท็กซี่นิรนาม  และอีกหลายๆคนที่ผมต้องขออภัยที่ไม่ได้เอ่ยนาม  

     ผมขอฝากเรื่องราวบางเหตุการไว้แค่นี้ก่อน  ถ้ามีโอกาสจะนำเรื่องที่ดีๆเกี่ยวกับตลาดหุ้นมาเล่าให้ฟังบ้าง ว่าผมเอาคืนมันได้อย่างไร

จากคุณ : mister1288  

เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 18:10:42  


เมื่อวานผมเล่าถึงว่าผมเป็นหนี้ 1 ล้านบาทเพราะเล่นหุ้น  แต่จริงๆแล้วถ้าไม่ได้เล่นหุ้นแบบบัญชี มาจิ้น   และถ้าไม่ได้กู้เงินมาเล่นหุ้นบัญชี มาจิ้น  ก็คงไม่เป็นหนี้สินแบบนี้หรอก  เป็นเพราะความอยากรวยเร็วๆ  
        นิสัยส่วนตัวเป็นคนชอบความเสี่ยง ชอบหุ้นที่ขึ้นเร็วลงเร็ว หุ้นที่ผมเล่นส่วนใหญ่ก็จะเป็นหุ้นปั่น    ผมเริ่มรู้จัก วอแรนต์ครั้งแรกก็ตอนที่มี gf-w
ผมจำได้ว่าผมกำไรมันมาประมาณ 50% ภายใน 5 วัน  ผมก็เลยเริ่มเล่นหุ้นวอแรนต์มาโดยตลอด  
         พอมาประมาณปี 38  ผมเป็นหนี้โอดีธนาคารอยู่ประมาณ 1.15 ล้านบาท  ต้องจ่ายดอกเบี้ยประมาณเดือนละ 15000 บาท  เล่นหุ้นก็คงอยู่ไม่ได้แล้ว ต้องหางานประจำทำมาจ่ายหนี้สิน   ตอนนั้น  ผมคิดอยู่ในใจว่าผมจะมาแก้แค้นตลาดหุ้นให้ได้  เพราะที่ผ่านมาเป็นขาลงตลอด และคนทำราคา(เจ้า) ก็หรอกสาระพัด  ดูจากยอดซื้อขายของต่างชาติก็ชอบหรอก  ดูจากข่าวดีก็หรอก  ข่าวร้ายก็หรอก  ดูกราฟบางทีก็หรอก  ถามคนในห้องค้าก็ไม่มีใครรู้จริงเพราะโดนกันทุกคน
         ผมมาได้งานขายสินค้าชนิดหนึ่ง ทำให้ผมมีรายได้เดือนละประมาณ 40.000บาท  ก็พยายามจ่ายหนี้ และเจียดเงินบางส่วนมาเล่นหุ้น ซื้อเข้าไปที่ไรก็ยังขาดทุน มากกว่าที่จะได้กำไรอยู่ดี แต่ก็ยังไม่เข็ด
         ประมาณ กลางปี 40  ผมก็ออกจากงานเพราะพิษเศรษฐกิจ  และมาทำธุรกิจส่วนตัว  โชคยังเข้าข้างผมที่ผมทำธุรกิจได้ประสบความสำเร็จพอสมควรในขณะที่เศรษฐกิจเป็นขาลง   ผมสามารถหาเงินมาใช้หนี้ได้มากขึ้นจนหนี้ผมลดลงเหลือประมาณ 4 แสน  ผมก็นำเงินโอดีที่สามารถเบิกได้ประมาณ 6 แสนมาเล่นหุ้นอีก  ก็ยังไม่วายขาดทุนอีก  เพราะตัวที่ผมเล่นเป็นหุ้นปั่นทั้งนั้น  ตอนนั้นมูลค่าหุ้นในพอต์ทผมเหลือไม่ถึง 2 แสน ดัชนีก็มีแต่ต่ำลงๆ  
         พอเข้า 41 ผมก็หาเงินมาได้ก็พยายามฝืนความรู้สึกตัวเองซื้อหุ้นเข้าไปอีก จำได้ว่าผมซื้อ s-one-w3 ราคา 1.3 บาท ราคามันก็ลงไปเลื่อยๆ จนถึง 0.6 บาท (ตอนนั้นหุ้นขึ้นลงช่องละ 10 สตางค์)  ผมซื้อเฉลี่ยไปเลื่อยๆ  จนได้หุ้นพอสมควรประมาณ  400,000 หุ้น ๆ ละ 1 บาท ผมก็ได้แต่ทนต่อไป   เวลานั้นไปพูดกับใครเรื่องหุ้นก็มีแต่คนทำหน้าเบ้  มีแต่คนว่า  ไม่มีใครแนะนำให้เล่นหุ้นเลย  มีบางคนบอกว่าเมืองไทยอยู่ไม่ได้แล้วคุณกล้าเล่นหุ้นได้อย่างไร  


      ( ขออนุญาตไปทานเข้าก่อน เดี๋ยวมาเล่าต่อ  )      

เล่าต่อเลยนะครับ

       ตอนนั้นดัชนีตลาดหุ้นอยู่ประมาณ 2 ร้อยกว่าจุด ผมก็ฝืนความรู้สึกที่จะซื้อมาตลอด   เพราะโดนมาเยอะแล้ว  ผมคิดถ้าผมจะหมดตัวอีกทีก็ให้มันรู้ไป     (และในช่วงปี 40 ผมชวนพี่ชายผม และญาติ และเพื่อน ซื้อหุ้นด้วย  แล้ววันหลังจะมาเล่าเรื่องชวนคนมาซื้อให้ฟัง มันเป็นเรื่องสนุกมากอีกแบบ)  
       ต่อมาประมาณปี 42 หุ้นก็ขึ้นมาตามที่ผมตั้งตารอ  ปรากฎว่า หุ้น s-one-w3 ของผมขึ้นช้ากว่าคนอื่น แต่ก็ขึ้น  แล้วมันไปพักตัวอยู่ที่ประมาณ 5 บาทกว่า แต่ผมขายได้ที่ประมาณ 4.2 บาท  แล้วหลังจากนั้นปรากฎว่า มี s-one-w4 ออกมาใหม่ที่ราคาประมาณ 2 บาทกว่า  ผมก็รอจังหวะซื้อหุ้นตัวนี้ได้ที่ราคาเฉลี่ย 1.7 บาท  แต่มันลงไปต่ำถึง 1.3 บาท   ผมซื้อได้มา 1 ล้านหุ้น  แล้วหลังจากที่ผมซื้อได้หลายเดือนผ่านไปดัชนีก็วิ่งต่อไปถึง 550 จุด   หุ้น s-one-w4 ที่ผมซื้อก็วิ่งขึ้นไปถึง 6.7 บาท  แต่ผมขายได้ในราคา 5.1 บาท  แล้วหลังจากที่ผมขายนั้น  หุ้นก็ลงตามที่ผมคิดทุกอย่าง  แล้วในช่วงนั้นผมได้เงินมา ประมาณ 5 ล้านบาท ผมก็ถือว่าผมแก้แค้นตลาดหุ้นสำเร็จ   จากนั้นผมหยุดเล่นหุ้นเป็นเวลา 6  เดือน เพื่อรอให้หุ้นลง  ทุกอย่างเป็นไปตามที่ผมคิด  ดัชนีลงมาจาก 550 จุด  แล้วผมก็เข้าไปซื้อหุ้นอีกครั้งตอนดัชนี  350 จุด  ตอนนี้ผมคิดแต่ว่า ถ้าหากครั้งนี้ผมได้กำไร 20 ล้าน ผมก็จะเลิกเล่นหุ้น  
          แต่มันไม่ได้ง่ายอย่างที่ผมคิด ดัชนีมันดิ่งลงจากที่ผมซื้ออีก ลงไปถึงประมาณ 250 จุด  แล้วตัวที่ผมซื้อกลับมันเป็น วอแรนต์ นะซิ  แล้วมันเกิดอะไรขึ้นอีก มันเหลือเชื่อมากๆ (ผมว่าผมเล่ามาถึงตรงนี้ก็คงพอก่อนดีกว่า มันก็มาเกือบครึ่งทางของการเล่นหุ้นของผมแล้ว)


          ผมขอรับรองว่าสิ่งที่ผมเล่ามาทั้งหมดเป็นความจริงทุกประการ  แต่มันยังไม่ละเอียดพอถึงความตื่นเต้นในช่วงเวลาที่หุ้นขึ้นและลง  
          จากเหตุการณ์ส่วนหนึ่งของผม  ทำให้ผมได้เรียนรู้ถึงวิธีการเล่นหุ้นในแบบของผม  อย่างหนึ่งก็คือ  

           "ตอนขึ้นก็ต้องได้กำไรเต็มที่  เพราะตอนหุ้นมันลง ม้นจะเอาคืนเยอะเลยทีเดียว"

           ในวันนี้ผมคิดว่าผมมาแชร์ประสบการณ์แค่นี้ก่อนดีกว่าถ้ามีเวลาจะมาเล่าเรื่องอื่นๆ ให้ฟังอีกนะครับ ถ้ามีคนสนใจ

           บางคนยังสงสัยว่าตอนนี้ สรุปว่าผมเป็นยังไงบ้าง  ผมขอตอบว่า ผมสบายดี และอยู่ในตลาดหุ้นนี้ได้อย่างสบายครับ


         

แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 52 19:16:29

แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 52 20:20:46

แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 52 20:15:46

แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 52 19:59:48

แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 52 19:58:16

จากคุณ : mister1288
เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 17:31:41




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com