 |
ความคิดเห็นที่ 6 |
|
กลุ่ม PTT และ SCC ควงกันลง รอลุ้นศาลปกครองสูงสุด นัดไต่สวนคดีพิพาทมาบ ตาพุด ด้านโบรกฯ แนะรอซื้อดัชนีฯ ที่ ระดับ 670-650 จุด
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) PTT, บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์ (PTTAR) ,บมจ.ปตท.เคมิคอล (PTTCH) บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)(PTTEP)บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP )บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน)(IRPC) และบมจ. ปูนซิเมนต์ ไทย (SCC) พบว่า ราคาหุ้นปรับลดลงในการซื้อขายเช้านี้ ขณะที่วันนี้ ศาลปกครองสูงสุด นัดไต่สวนกรณีคำสั่งศาลปกครองกลาง สั่ง ระงับโครงการ 76 โครงการในพื้นที่มาบตาพุด จ.ระยอง โดยเป็นการนัดไต่สวน ระหว่าง สมาคมต่อต้านภาวะโลกร้อน กับพวกรวม 43 คน ซึ่งเป็นผู้ฟ้องคดี กับคณะ กรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กับพวกรวม 8 คน ในคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ ของรัฐ กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและละเลยต่อหน้าที่ ตามที่กฎหมาย กำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร ด้านบทวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย)ประเมิน PTT ว่า คาดว่าบริษัท จะประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/52 ออกมามีกำไรสุทธิ 15,939 ล้านบาท คิด เป็นกำไรต่อหุ้น 5.70 บาท ลดลง 20% qoq และ 11% yoy ผลประกอบการที่ลดลง จากไตรมาสก่อนเป็นผลมาจากผลประกอบการของ PTTEP ที่ชะลอตัวลงและส่วน แบ่งผลกำไรของธุรกิจโรงกลั่นที่ลดลง อักทั้งบริษัทยังมีผลขาดทุนจากการจำหน่าย NGV ที่ราคา 8.5 บาท/กิโลกรัม ต่ำกว่าทุนที่ 14 บาท/กิโลกรัมเป็นจำนวน 1.8 พันล้าน บาท แม้ว่าผลประกอบการของธุรกิจก๊าซ, น้ำมันและปิโตรเคมีจะดีขึ้นก็ตามแต่ก็ไม่ สามารถชดเชยผลลบข้างต้นได้หมด ในไตรมาสนี้ผลกำไรของ PTTEP ลดลง 19% qoq จากการตั้งสำรอง ค่าใช้จ่ายจากการรั่วไหลของน้ำมันที่โครงการ Montara จำนวน 5,174 ล้านบาท ในขณะที่ส่วนแบ่งผลกำไรของธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี คาดว่าจะลดลง 42% qoq จาก 8,025 ล้านบาทในไตรมาส 2/52 เป็น 4,623 ล้านบาท ในไตรมาสนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากการลดลงของกำไรจากสต๊อกน้ำมัน และค่าการกลั่นที่ ชะลอตัวลงจากเฉลี่ย 2.2 เหรียญ/บาร์เรลเหลือเพียง 1.68 เหรียญ/บาร์เรล แนวโน้มไตรมาส 4/52 ผลกำไรยังทรงตัว แต่จะดีกว่าปีก่อนมาก แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/52 คาดว่าธุรกิจก๊าซจะมีผลกำไรที่ดีขึ้นอย่างต่อ เนื่องตามความต้องการใช้ก๊าซที่กลับมาอยู่ในระดับปกติที่ประมาณ 3,600-3,700 ล้านลูกบาศ์กฟุต/วัน, ปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมและราคาจำหน่ายที่คาดว่าจะ เพิ่มขึ้นของ PTTEP บวกกับการบันทึกเงินประกันชดเชยการรั่วไหลของน้ำมันที่ โครงการ Montara อีก 3-4 พันล้านบาท ส่วนธุรกิจน้ำมันคาดว่าปริมาณการจำหน่ายที่ ฟื้นตัวจะชดเชยกับค่าการตลาดที่อ่อนตัวลงได้ ในขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นคาดว่าจะมี กำไรปกติจากการดำเนินงานลดลงตามค่าการกลั่นที่ชะลอตัวต่อเนื่องแต่อาจมีกำไร จากสต๊อกน้ำมันมาช่วยพยุงกำไรส่วนหนึ่ง ในส่วนของธุรกิจปิโตรเคมีทั้งสายโอเล ฟินส์และอะโรเมติกส์ก็คาดว่าจะมีกำไรลดลงตาม spread margin ที่อ่อนตัวลงตามรา คาปิโตรเคมีเนื่องจากมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามามากในภูมิภาค โดยรวมเราคาดว่าผล กำไรปกติในไตรมาส 4/52 จะยังมีโอกาสใกล้เคียงกับไตรมาส 3/52 ได้ และดีขึ้นกว่า ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุน 22,189 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤต เศรษฐกิจทำให้กำลังซื้อหดตัวอย่างรวดเร็วและผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน (ที่เกิดขึ้น จากการที่ราคาน้ำมันปรับลดลงแรงในไตรมาส 4/51) จำนวนมากอีกด้วย จากการปรับราคาที่เหมาะสมของหุ้นในเครือ PTT ทั้ง PTTEP, TOP, PTTAR และ IRPC เป็น 193 บาท, 48 บาท, 31 บาทและ 3.80 บาทตามลำดับ ทำให้ ราคาที่เหมาะสมของ PTT ในปี 2553 ตามวิธี sum-of-the-part ปรับเพิ่มขึ้นจาก 296 บาท เป็น 323 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันมี upside อยู่ 35% จากราคาที่เหมาะสมใหม่ของ เรา แม้ว่าปัญหาการระงับโครงการในนิคมฯ มาบตาพุดและความล่าช้าของการรวม กิจการของบริษัทในเครือ PTT จะเป็นปัจจัยที่กดดันราคาหุ้นในช่วงสั้น แต่เราเชื่อว่า ราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมา 12% ในช่วง 3 สัปดาห์ได้ตอบรับปัจจัยดังกล่าวไประดับ หนึ่งแล้ว เราเชื่อว่าปัญหาดังกล่าวจะคลี่คลายไปในทางที่ดี (แม้ว่าโครงการบางแห่ง อาจมีความล่าช้าออกไปบ้างก็ตาม) ดังนั้นยังแนะนำ ซื้อ สำหรับ PTT ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราคาหุ้นในกลุ่มของ PTT เช่น PTTAR และ PTTCH รวมถึงหุ้นมาร์เก็ตแค ปขนาดใหญ่ อาทิ SCC พบว่า มีโอกาสที่ราคาหุ้นจะอ่อนตัวลง โดยเชื่อว่าน่าจะเป็น ไปในทิศทางเดียวกันกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่เข้าสู่ช่วงของการ พักฐาน ซึ่งหากนักลงทุนสนใจควรจะรอพิจารณาที่บริเวณดัชนีฯ ที่ ระดับ 670-650 จุด ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00น.ราคา PTT อยู่ที่ บาท 234.00 ลดลง 6.00 บาทหรือ - 2.50% มูลค่าการซื้อขาย 114.74ล้านบาท,PTTARอยู่ที่ 20.90บาท ลดลง 0.40 บาท หรือ -1.88% มูลค่าการซื้อขาย 21.46ล้านบาท,PTTCHอยู่ที่ 61.25บาทลดลง 1.25 บาทหรือ-2.00 % มูลค่าการซื้อขาย8.93 ล้านบาทและSCCอยู่ที่201.00 บาท ลดลง 3.00 บาทหรือ -1.47% มูลค่าการซื้อขาย 36.28 ล้านบาท
รายงาน โดย นันท์นภัส เปี่ยมสมบูรณ์ เรียบเรียง โดย พรทิพย์ พลสิทธิ์ อนุมัติ โดย พิมพ์รภัส ศิริไพรวัน อีเมล์แสดงความคิดเห็น commentnews@efinancethai.com
จากคุณ |
:
member28
|
เขียนเมื่อ |
:
วันลอยกระทง 52 10:04:15
|
|
|
|
 |