|
ไม่เกี่ยวกับแพะเรื่องนี้นะครับ แค่อยากบอกว่าผมก็เพิ่งรู้จักและเจอแพะมาเหมือนกัน เมื่อไม่นานมานี้ เผื่อเป็นประโยชน์กับผู้อ่านจึงขออนุญาตเล่าเรื่องแพะให้ฟังละกันครับ
เรื่องมีอยู่ว่า แพะคนนี้ได้เช่าซื้อรถยนต์กระบะกับไฟแนนซ์ตั้งแต่ปี 2550 ผ่อนเป็นเวลา 5 ปี เมื่อต้นปีนี้เหลือค่างวดอีกหนึ่งปีก็จะหมดหนี้ แต่ต้องการซื้อรถใหม่ จึงขายรถกระบะให้เต๊นท์รถมือสองในจังหวัดทางภาคเหนือ ราคา 460,000 บาท
ขั้นตอนการซื้อขาย มีการทำสัญญาซื้อขายกัน โดยเต๊นท์รถต้องปิดบัญชีกับไฟแนนซ์ ส่วนที่เหลือจ่ายเงินสด 1 หมื่น และสั่งจ่ายเช็คบางส่วน มีการลงชื่อในหนังสือโอนรถของกรมขนส่งทางบก และหนังสือมอบอำนาจ ส่งสำเนาเอกสารประจำตัวทั้งหมดเพื่อให้เต๊นท์ไปดำเนินการเปลี่ยนชื่อทางทะเบียนเป็นชื่อเจ้าของร้านเองภายหลัง
รุ่งขึ้นเต๊นท์ก็ปิดบัญชีกับไฟแนนซ์ ๆ ก็โอนรถมาเป็นชื่อแพะ อีกสองวันต่อมาแพะก็เบิกเงินไปซื้อรถใหม่สมใจอยากขับขี่ไปทำงานโดยไม่ได้ตรวจสอบว่าเต๊นท์เปลี่ยนชื่อทางทะเบียนหรือยัง
25 วันหลังจากแพะขายรถให้เต๊นท์ มีเด็กชาวเขาอายุเพียง 21 ปี มาซื้อรถคันดังกล่าวกับเต๊นท์ราคา 520,000 บาท วางเงินมัดจำตั้ง 445,000 บาท ส่วนที่เหลือผ่อนชำระเป็นสัญญาเช่าซื้ออีกสองงวด และมีคนทำสัญญาค้ำประกันอีก 2 คน โดยเจ้าของเต๊นท์รถก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงทางทะเบียนเพราะรอไว้โอนเมื่อเด็กชาวเขาจ่ายครบหมดจะได้เสียค่าโอนต่อเดียว
หลังจากนั้นเด็กชาวเขาก็เปลี่ยนชื่อนามสกุลใหม่ทั้งหมด และต่อมาอีก 20 วัน ก็มีชาวเขาเผ่าหนึ่งทางภาคเหนือเอาไปขนยาเสพติดเป็นจำนวน 2 ล้านเม็ด และถูกตำรวจจับได้ที่จังหวัดลำปางเพียง 1 คน ที่เหลืออีกสามคนวิ่งหนีเข้าป่าหายตัวอย่างไร้ร่องรอย
ตำรวจตรวจค้นรถแล้วพบสำเนาคู่มือรถยนต์มีชื่อแพะเป็นเจ้าของภายในรถ และเย็นวันที่ตำรวจจับยาสองล้านเม็ด ได้มีตำรวจมาหาแพะที่บ้านและสอบถามเรื่องรถกระบะแต่ไม่เจอ พ่อแพะจึงบอกว่ายังไม่กลับบ้าน ส่วนรถขายให้เต๊นท์ไปแล้ว
หลังจากวันเกิดเหตุอีก 3 เดือน แพะคนนี้ก็ถูกออกหมายจับ และอีก 3 เดือนหลังจากออกหมายจับแพะก็ถูกจับตัวได้ แพะได้อธิบายพร้อมให้พ่อแพะเอาหลักฐานการขายรถและเอกสารต่าง ๆ ให้ตำรวจแล้ว แต่ก็ไม่เป็นผลแพะถูกคุมขังดำเนินคดีเพราะเป็นเจ้าของยาสองล้านเม็ด
พ่อแพะพยายามทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมให้ตร.เรียกเจ้าของเต๊นท์และคนซื้อรถไปรวมทั้งคนค้ำประกันมาสอบปากคำเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของแพะ แต่ตำรวจก็ไม่ดำเนินการให้โดยอ้างว่าไม่มีอำนาจ ! และบอกว่าเหตุที่แพะถูกออกหมายจับเพราะชาวเขาที่ถูกจับได้ซัดทอดว่า แพะคนนี้เป็นชนชาวเขาชนกลุ่มน้อยแถบชายแดนมากับพวก10คนพร้อมอาวุธสงคราม และเป็นคนว่าจ้างให้มาขนยา2ล้านเม็ด โดยได้รับค่าจ้างคนละสี่แสนบาท ตำรวจจึงเชื่อว่าแพะคนนี้เป็นผู้ว่าจ้างและขอออกหมายจับโดยไม่เคยมีการออกหมายเรียกมาให้ข้อเท็จจริงก่อนเลย
ตำรวจผู้หูเบาคงคิดประมาณว่าแพะคนนี้ใจดี จ่ายเงินค่าจ้างให้ขนยาคนละสี่แสนแล้ว แพะยังเอารถตัวเองที่มีชื่อตัวเองเป็นเจ้าของมาให้ขนยาอีก หากถูกจับได้แล้วจะได้ตามรอยมาหาแพะได้ถูก ว่างั้น ไอ้ชาวเขาคนที่ถูกจับได้กลับรู้จักชื่อนามสกุลของแพะและจำหน้าได้ว่าเป็นคนว่าจ้าง โดยระบุชัดเจนในคำให้การละเอียดยิบอีก อะไรมันจะพอดีขนาดนั้น นี่ยาบ้า 2 ล้านเม็ดเต็มหลังกระบะนะ ไม่ใช่ยาสองเม็ด
ปัจจุบันแพะคนนี้ถูกขังที่เรือนจำ ประกันตัวก็ไม่ได้ พ่อแพะร้องขอความเป็นธรรมไปยังคณะกรรมาธิการตำรวจสภาผู้แทนราษฎร และหน่วยงานราชการต่าง ๆ มีเพียงคณะกรรมาธิการฯเท่านั้นที่เรียกตำรวจผู้จับ, เจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์ และเจ้าของเต็นท์มาสอบปากคำ และส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบปากคำที่เต๊นท์รถอีกครั้งหนึ่ง แต่ยังไม่ทันได้สรุปความเห็นตำรวจก็ส่งสำนวนให้อัยการฟ้องศาลเสียก่อน หน่วยงานดังกล่าวจึงไม่ได้สรุปความเห็นเพราะจะเป็นการก้าวก่ายอำนาจศาล
แพะคนนี้ก็ต้องถูกจองจำต่อไปซึ่งกว่าที่ศาลจะมีคำตัดสินก็เกือบสิ้นปีหน้า สอบถามชาวเขาที่ถูกจับแล้วบอกว่าไม่เคยเห็นหน้าและรู้จักแพะมาก่อนในชีวิต อ้าวแล้วทำไมในคำให้การบอกว่าแพะเป็นคนว่าจ้างละ ชาวเขาบอกว่า.........ไม่อยากเขียน........
แพะตัวนี้จะไม่ได้รับโทษแค่ 30 ปี แต่คดีที่ถูกกล่าวหามีโทษถึงประหารชีวิต
จากคุณ |
:
ดั่งภูผา
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ธ.ค. 55 12:16:16
|
|
|
|
|