Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
“รถขนาดใหญ่” กับอุบัติเหตุบนถนน ภัยใกล้ตัวทุกคน..ที่มักถูกมองข้าม vote ติดต่อทีมงาน

“ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงเทพฯ”

คำกล่าวประโยคนี้คงสะท้อนอะไรหลายๆ อย่าง ที่เป็นไปในสังคมไทยได้เป็นอย่างดี เมื่อการพัฒนา การขยายกิจการต่างๆ ยังคงมุ่งทำกันในเมืองหลวงแห่งนี้เป็นหลัก ผลก็คือมีการหลั่งไหลของผู้คนจำนวนมหาศาล จากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศเข้ามายังกรุงเทพมหานคร โดยปัจจุบันมีการคาดการณ์กันว่า จำนวนประชากรใน กทม. ทั้งที่มีชื่อในทะเบียนบ้านโดยตรง รวมกับประชากรแฝงที่เข้ามาอยู่อาศัยแต่มิได้ย้ายชื่อเข้ามาด้วยแล้ว อาจสูงถึง 15 ล้านคน หรือ 1 ใน 5 ของประเทศเลยทีเดียว สิ่งที่ตามมาก็คือ เมื่อมีผู้คนเข้ามามากขึ้น ความต้องการในการสัญจรก็มีมากขึ้น ระบบขนส่งสาธารณะนานาชนิดถูกตั้งขึ้นมารองรับ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน รถเมล์หลากหลายชนิด เมื่อรวมกับรถยนต์ส่วนบุคคลแล้ว ทำให้ยอดรถที่วิ่งไปมาใน กทม. มีจำนวนถึงกว่า 4 ล้านคัน

และประกอบกับเมื่อมีกิจการต่างๆ อยู่ในกทม. จำนวนรถอีกประเภทหนึ่งที่วิ่งเข้าๆ ออกๆ เป็นประจำ คือรถบรรทุกข้าวของ สินค้าต่างๆ หรือรถที่ใช้ในการก่อสร้าง ซึ่งหลายครั้งอุบัติเหตุก็มักเกิดขึ้นจากรถประเภทนี้ อย่างล่าสุดที่ผ่านมารถเครนที่เข้ามาก่อสร้างอาคารย่านถนนพระราม 3 ไหลลงมาเกี่ยวสายไฟฟ้า ส่งผลให้เสาไฟฟ้าเกือบ 30 ต้นล้มระเนระนาดและไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง เคราะห์ดีที่เป็นวันหยุด การจราจรไม่คับคั่งจึงไม่มีผู้ได้รับอันตรายมากนัก วันนี้สกู๊ปหน้า 5 จะพาไปรับฟังเสียงสะท้อนของคนกทม. โดยเฉพาะผู้คนย่านถนนพระราม 3 ซึ่งเส้นทางสายนี้มุ่งตรงสู่ท่าเรือคลองเตยอันเป็นจุดรับ-ส่งสินค้าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ว่าพวกเขาพบเจอกับอะไร และใช้ชีวิตบนถนนอย่างไรกันบ้าง

“ถามว่าเห็นไหม ก็เห็นประจำนะ ที่อาจจะคลุมไม่มิดชิด ตำรวจคงดูแลไม่ทั่วถึง” หญิงวัยกลางคนรายหนึ่งที่อยู่อาศัยไม่ไกลจากอาคารที่เกิดเหตุดังกล่าวมากนัก เล่าให้เราฟังว่าถนนเส้นนี้มีรถค่อนข้างเยอะ และเมื่อเธอต้องขับรถบ่อยครั้งก็ต้องเจอกับรถบรรทุกขนาดใหญ่เหล่านี้ ซึ่งก็ยอมรับว่าทุกครั้งที่เจอ ก็รู้สึกกลัวอยู่เหมือนกัน แต่ก็ทำได้เพียงพยายามขับอยู่ห่างๆ ไม่เข้าไปใกล้เป็นอันขาด และสิ่งที่เธออยากจะฝากไปถึงบรรดาคนขับรถเหล่านี้ คือขอให้ระมัดระวัง และเห็นใจคนที่ใช้เส้นทางเดียวกันบ้าง

“ถามว่าเจอบ่อยไหม ไม่บ่อย แต่ก็เห็นประจำ อย่างช่วงลงสะพานคลองเตย มีอยู่หนหนึ่ง รถบรรทุกไม้ และไม้ก็หล่นลงมา น่ากลัวมาก” ใกล้ๆ กัน เราพบพนักงานส่งของรายหนึ่ง ที่เวลาส่วนใหญ่ในการทำงาน ต้องเสี่ยงชีวิตอยู่บนรถจักรยานยนต์เพื่อทำเวลาในการส่งสินค้า พนักงานรายนี้เล่าว่าถนนสายนี้มีรถบรรทุกวิ่งผ่านบ่อย ซึ่งหลายคันก็มีผ้าใบคลุมอย่างดี แต่อีกหลายคัน ก็ไม่ได้มีการคลุมแต่อย่างใด ซึ่งดูแล้วน่าจะเกิดจากความประมาท “ถามผมว่ากลัวไหม? ก็ต้องกลัวสิครับ ถ้ามันมาโดนรถเราทีก็เรียบร้อย ทุกวันนี้เจอรถพวกนี้ก็พยายามขับให้ห่างๆ ตลอด” พนักงานส่งของรายนี้กล่าวกับเรา ก่อนที่จะรีบไปส่งของต่อ ในช่วงเวลาเที่ยงวัน ที่แสงแดดร้อนระอุและรถวิ่งเข้า-ออกถนนเส้นนี้เป็นจำนวนมาก

หากพนักงานส่งของต้องทำเวลาในการส่งของ ผู้ขับขี่จักรยานยนต์รับจ้าง หรือที่เราเรียกว่า “วินมอเตอร์ไซค์” ก็เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่กับความเสี่ยงบนท้องถนนอยู่ตลอดเวลาอย่าง พี่ศักดิ์ หนุ่มใหญ่วัย 42 ปี ซึ่งเป็นวินมอเตอร์ไซค์บริเวณดังกล่าว ได้เล่าว่า เช้าวันที่เกิดเหตุนั้น เขายังไม่ได้ออกมาทำงาน ทำให้ไม่ได้รับอันตรายใดๆ แต่เมื่อเราถามถึงสภาพการจราจร พี่ศักดิ์เล่าว่ารถบรรทุกที่ผ่านไปมาบริเวณนี้ หลายครั้งพบว่าการบรรทุกไม่ได้ทำอย่างปลอดภัยเท่าที่ควร “พวกที่บรรทุกเหล็ก เอาแค่สายรัดไว้ ไม่มีอะไรคลุม ดูน่ากลัว ผมนั่งอยู่แถวนี้ ก็เจอของหล่นลงมาบ่อยๆ อยู่เหมือนกัน ส่วนใหญ่จะเป็นเหล็กเส้น”

เมื่อถามถึงคำแนะนำวิธีการเอาตัวรอดเมื่อต้องเผชิญกับรถขนาดใหญ่บนท้องถนน พี่ศักดิ์กล่าวว่า แม้กระทั่งคนที่ขับรถบรรทุกเหล่านี้ ก็ยังเตือนว่ารถเล็กๆ ทั้งหลาย อย่าเข้าไปใกล้รถบรรทุกขนาดใหญ่เป็นอันขาด เพราะกระแสลมใกล้ๆ กับรถประเภทนี้ จะดูดเอารถเล็กๆ เข้าไปใต้ท้องรถ จนเกิดอุบัติเหตุได้ และอีกอันตรายหนึ่ง คือรถบรรทุกมักจะประสบปัญหายางแตก หรือยางระเบิด โดยที่บ่อยครั้ง คนขับเองก็ไม่รู้ตัวยังคงขับต่อไปเรื่อยๆ ด้วยซ้ำไป

“เรื่องยางรถระเบิดนี่ผมเจอบ่อยมาก คนที่ขับรถพวกนี้ เขาว่ารถพ่วงยิ่งระเบิดง่าย เพราะบรรทุกน้ำหนักมาก และการวิ่งก่อให้เกิดความร้อนสูง ซึ่งล้อระเบิดไปแล้ว คนขับยังไม่รู้เรื่องเลย หรือเคยมีครั้งหนึ่ง อันนี้ล้อรถพ่วงหลุด กลิ้งไปหารถเก๋งที่ขับตามหลังมา เกิดอุบัติเหตุอีก ผมว่านะ บางทีคนขับเองก็อาจจะลืมตรวจสภาพรถเบื้องต้นก่อนออกมาวิ่ง แต่คนขับรถพวกนี้ก็เคยเตือนนะ ว่าเห็นรถใหญ่ๆ อย่าเข้าใกล้ ขับห่างๆ ไว้ แล้วก็ถ้าจะแซงให้แซงขวา อย่าแซงซ้ายเป็นอันขาด เพราะ
คนขับไม่สามารถมองเห็นได้” พี่ศักดิ์กล่าวทิ้งท้าย พร้อมทั้งเสริมว่าคงไม่ฝากอะไรถึงคนขับรถเหล่านี้ แต่อยากให้มีการกวดขันในด้านกฎหมายมากกว่า

ถัดจากพี่ศักดิ์ ไม่ไกลจากนั้นเราพบกับ ลุงไร หนุ่มใหญ่วัย 60 ปี วินมอเตอร์ไซค์อีกรายหนึ่ง ที่รายนี้อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุรถเครนเกี่ยวเสาไฟฟ้า จึงสัมผัสวินาทีระทึกนั้นได้อย่างชัดเจน “โอย! มันดังสนั่นหวั่นไหวเลย เสียงดังตูมๆๆๆ อย่างกับระเบิดลง ก็วิ่งหนีเหมือนกัน ดีนะวันนั้นเป็นวันหยุด รถน้อย ถ้าเป็นวันธรรมดาที่รถติดแล้วละก็ หายนะแน่ๆ และดีแล้วที่มันไม่ล้มใส่ปั๊มน้ำมันข้างๆ ไม่งั้นปั๊มระเบิด ก็หายนะเหมือนกัน”

เมื่อเราถามถึงสภาพการจราจรบริเวณดังกล่าว ลุงไรเล่าว่าถนนพระราม 3 มีรถบรรทุกขนาดใหญ่ ทั้งรถ 6 ล้อ รถ 10 ล้อ ไปจนถึงรถ 18 ล้อ บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์วิ่งผ่านเป็นจำนวนมาก เพราะเป็นเส้นทางเข้า-ออก ของท่าเรือคลองเตย โดยเฉพาะในวันศุกร์ รถประเภทดังกล่าวจะเยอะเป็นพิเศษ แต่ถ้าหากถามว่าในบรรดารถชนิดต่างๆ เหล่านี้ ขนาดไหนอันตรายที่สุด ลุงไรและเพื่อนชาววินมอเตอร์ไซค์แห่งนี้ ลงความเห็นตรงกันว่าต้องเป็นรถพ่วง 18 ล้อ ที่บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์มาด้วย

เพราะมีหลายกรณี เมื่อรถ 18 ล้อนี้ทำการเลี้ยว มักจะมองไม่เห็นด้านข้างหรือด้านหลัง ทำให้ท้ายรถมักจะไปเกี่ยวรถมอเตอร์ไซค์ล้มเข้าไปใต้ท้องรถ ทำให้ผู้ขับขี่ถูกทับเสียชีวิตอยู่เสมอๆ หรือบางครั้งที่น่ากลัวกว่า คือตู้คอนเทนเนอร์เกิดพลิกออกจากฐานที่วาง หล่นลงมายังพื้นถนน เนื่องจากไม่มีการล็อกตู้ไว้กับตัวรถ โดยที่ผ่านมาเคยมีตู้คอนเทนเนอร์หล่นจากรถพ่วง 18 ล้อ บริเวณหน้าโรงเรียนวัดช่องลมมาแล้ว เคราะห์ดีที่เวลานั้นไม่มีผู้คนอยู่ในบริเวณดังกล่าว อย่างไรก็ดี ลุงไรกล่าวเสริมว่า บริเวณแยกวัดช่องลม ก็เป็นจุดที่มักเกิดอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับรถบรรทุกพ่วงอยู่บ่อยครั้ง

“ผมอยากจะฝากว่า ใครที่มาใช้ถนนพระราม 3 ขอให้ระวังหน่อย โดยเฉพาะรถบรรทุกขนาดใหญ่ทั้งหลาย ที่วิ่งกันบริเวณแยกวัดช่องลม หลายคนมักจะเคยชินว่าเลี้ยวซ้ายต้องผ่านตลอด ก็เลยฝ่าไฟแดงเข้ามาจนเกิดอุบัติเหตุ แต่ที่นี่ไม่ใช่เลี้ยวซ้ายผ่านตลอด ย้ำนะครับ ที่นี่ไม่มีเลี้ยวซ้ายผ่านตลอด ส่วนการบรรทุกของ อยากให้ดูให้ดี ระวังๆ เก็บให้มิดชิดหน่อยครับ มันอันตรายจริงๆ” ลุงไรกล่าวทิ้งท้าย

สำหรับ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 นั้นมีหลายมาตราที่เกี่ยวข้องกับการบรรทุกในระดับทั่วไป (ที่มิใช่วัตถุอันตรายที่ต้องควบคุมพิเศษ) ดังนี้ มาตรา 15 รถที่บรรทุกของยื่นเกินความยาวของตัวรถ ขณะที่อยู่ในทางเดินรถ ในเวลากลางวันต้องติดธงสีแดงไว้ที่ตอนปลายสุดของสิ่งที่บรรทุกนั้น โดยติดธงไว้ให้มองเห็นได้ในระยะไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบเมตร, มาตรา 20 ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถบรรทุกคน สัตว์ หรือสิ่งของต้องจัดให้มีสิ่งป้องกันมิให้ คน สัตว์ หรือสิ่งของที่บรรทุกตกหล่น รั่วไหล ส่งกลิ่น ส่องแสงสะท้อน หรือปลิวไปจากรถ อันอาจก่อเหตุเดือดร้อน รำคาญ ทำให้ทางสกปรกเปรอะเปื้อน ทำให้เสื่อมเสียสุขภาพอนามัยแก่ประชาชน หรือก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน

โดยบทกำหนดโทษนั้น ผู้ฝ่าฝืนมาตรา 15 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท (มาตรา 152) และผู้ฝ่าฝืนมาตรา 20 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท (มาตรา 148) อนึ่ง..หากการฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าว เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราย อาจต้องถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา ดังนี้ มาตรา 291 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือ มาตรา 300 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

แต่ถึงจะมีกฎหมายบังคับใช้..ก็คงทำได้แค่เพียงปลายเหตุ ทั้งการดำเนินคดีและเยียวยาแก่ผู้เสียหาย ซึ่งหากอุบัติเหตุนั้นมีผู้สูญเสีย ต้องบาดเจ็บทุพพลภาพหรือเสียชีวิต เชื่อได้ว่าความเสียหายนี้ คงไม่อาจชดเชยได้ด้วยตัวเงิน ไม่ว่าจะมากเท่าใดก็ตาม โดยเฉพาะหากเกิดกับหัวหน้าครอบครัว ที่เป็นกำลังสำคัญในการหารายได้

ดังนั้นทางที่ดีที่สุด..คือการที่ผู้ขับขี่รถที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยง ควรเห็นอกเห็นใจเพื่อนร่วมทางให้มากขึ้น ด้วยการขับรถ และบรรทุกสิ่งของด้วยความไม่ประมาท ก็จะทำให้ลดความเสียหายได้ โดยที่ไม่ต้องไปตามแก้ไขภายหลัง

SCOOP@NAEWNA.COM

ที่มา :

http://www.naewna.com/scoop/34360

จากคุณ : Siam Shinsengumi
เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 14:53:26 A:204.45.133.74 X: TicketID:383906




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com