Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สุขนี้ที่สามพราน vote ติดต่อทีมงาน

(๑)
ผมเพิ่งกลับมาจากเล่นกอล์ฟที่หัวหินเมื่อสองวันก่อน  นั่งติดคาโต๊ะทำงานตรวจต้นฉบับของนักเขียนได้สองวัน ก็ถึงเวลานัดหมายอีกครั้งกับก๊วนประจำซึ่งมีพี่เต้ย บูรพา พี่เจน พี่วินัย และคุณหน่อยภูวนาถ เที่ยว นัดกันคราวที่ไปเล่นที่สนามราชครามตั้งแต่เดือนที่แล้ว ไม่ว่าฝนจะตก แดดจะออกก็ต้องไปออกรอบให้ได้

พี่เต้ยบรรยายสรรพคุณคร่าว ๆ ว่าสนามสามพรานนั้นเป็นสนามเก่าแก่ สองข้างแฟร์เวย์เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ เป็นสนามที่นักกอล์ฟส่วนใหญ่อยากไปลองเล่นดูสักครั้ง

ผมชอบเข้าไปเล่นในสนามกอล์ฟใหม่ ๆ รู้สึกเหมือนได้เข้าในดินแดนที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน เพราะการออกแบบสนามแต่ละแห่งนั้นไม่เหมือนกัน บางแห่งเน้นบังเกอร์ให้เป็นอุปสรรคสำคัญ บางแห่งก็ใช้บ่อน้ำขวางไว้ บางแห่งก็เต็มไปด้วยป่า บางที่เต็มไปด้วยหญ้ารก หากตีหลุดออกไปนอกแฟร์เวย์เมื่อไร แทบไม่ต้องเข้าไปควานหาลูกให้เสียเวลา หายแล้วก็หายเลย

ผมเคยขับรถไปทางนครชัยศรี เลยวัดไร่ขิงไปไม่ถึงกิโลเมตรก็มักจะเห็นป้ายสนามกอล์ฟสามพราน จึงค่อนข้างมั่นใจว่าไปถูกแน่นอน ตอนที่พี่เจนเขียนเมล์มาถามสมาชิกว่า ว่าไปทางไหน ผมก็ทำเป็นอวดรู้ เขียนตอบว่า ไปทางนครชัยศรี ทางที่เราเคยไปสนามสุวรรณเมื่อครั้งก่อนโน้น ดูซ้ายมือไว้ ก็จะเห็นป้ายสนามสามพรานชัดเจน เลี้ยวเข้าไปเลย

ผมตอบทั้งที่ไม่เคยไปสนามแห่งนี้หรอก แต่นิสัยอวดรู้ อวดดีนั้นมักจะติดตัวติดกระดูกมาแต่ชาติไหนก็ไม่รู้ ลบก็ไม่ได้ขูดก็ไม่ออก แถมยังบอกพี่เจนด้วยว่า เปิดกูเกิลสิ มีแผนที่ไว้ให้เราโหลดเสร็จสรรพ พูดโม้ไปอย่างนั้น ตัวเองก็ไม่เคยเปิดดูแม้แต่สักครั้ง

พูดจบก็ลองเปิดดูแผนที่ว่ามีเส้นทางบอกไว้ชัดเจนแค่ไหน แต่สิ่งที่พบก็คือแผนที่เล็กๆ  มองด้วยตาเปล่าแทบไม่เห็น ผมดูแผนที่ไม่ค่อยเป็น ไม่รู้ว่าถนนไหนอยู่ตรงไหน ถนนไหนตัดกับอะไร รู้อย่างเดียวว่าไปทางนครชัยศรี แต่นั่นแหละสิ่งที่ผมลืมนึกไปอย่างหนึ่งว่า เราไม่ได้นัดกันตอนกลางวัน แต่นัดกันตอนเช้าตรู่พบกันที่หน้าสนามตีห้าครึ่ง เวลาที่ฟ้ายังไม่ทันเปิด ผมไม่มีทางมองเห็นป้ายได้ชัดเจนเหมือนตอนกลางวันอย่างแน่นอน  แถมสายตาของผมก็สั้นมาก เคยมองแคดดี้อายุห้าสิบสาม ว่าเป็นสาวอายุสิบห้าก็เคย
มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนนัดกันไปเล่นกอล์ฟที่เมืองเอก ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าตัวเองสายตาไม่ดี และก็บ้าเห่อแว่นดำเพราะเพิ่งถอยมาใหม่  ใส่มันทั้งวันทั้งคืน ตอนใส่กลางวันไม่มีปัญหา แต่เผลอใส่ตอนกลางคืนนั้นแหละที่ทำให้เพี้ยนหนักมองหน้าคนแทบไม่เห็น  เช้านั้นผมตื่นตั้งแต่ตีห้า ออกรถไปได้ครึ่งทาง สงสัยตัวเองว่าทำไมมองอะไรไม่ชัด รถที่สวนมาก็เห็นแต่ไฟแว่บ ๆ  นึกขึ้นมาได้ว่าลืมแว่นสายตา พกมาแต่แว่นกันแดด กว่าจะคลำทางไปถึงสนามเมืองเอกได้ใช้เวลาเกือบชั่วโมง เกือบชนถังขยะข้างทางหลายครั้ง เล่นเอาใจหายใจคว่ำ  เลี้ยวผิดเลี้ยวถูกเพราะมองป้ายไม่ออกแม้แต่ป้ายเดียว

นี่คงเป็นฤทธิ์ของความอวดดีอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ตัวเองต้องลำบากใจอยู่เรื่อย ๆ

เมื่อดูแผนที่ไม่ออก ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จะโทรถามพี่เต้ยก็เกรงใจ เพราะพี่เต้ยคงได้อ่านเมลของผมอยู่เหมือนกัน พี่เขาคงเข้าใจว่าผมรู้ดีกว่าใคร เห็นตอบคำถามพี่เจนเสียด้วยความมั่นใจเกินร้อย

เมื่อถามใครไม่ได้อีก ก็เสี่ยงเองดาบหน้า ขอแค่อย่าลืมแว่นสายตาก็แล้วกัน คิดปลอบใจว่า ถึงอย่างไรก็คงเลี้ยวซ้ายเข้าไปถูก

ผมตื่นตอนตีสี่ครึ่ง ลุกขึ้นมาเอ้อระเหยลอยชายเล่นกับน้องหมาอยู่พักหนึ่ง  เดี๋ยวนี้เจ้าบัตเตอร์หมาของผมชักพูดจาสื่อสารกันได้รู้เรื่อง เวลาผมออกนอกบ้านมันก็วิ่งตามไปที่รถ เปิดประตูเป็นไม่ได้วิ่งกระโจนเข้าไปนั่งที่เบาะข้าง ๆ ทันที หันมามองและกระดิกหางเหมือนอยากจะบอกว่าไปด้วยนะ ผมบอกว่าไม่ได้ ๆ  มันก็ไม่ยอม เห่าตอบกลับมา คล้าย ๆ จะประท้วงว่า ขอไปด้วยคน พอปล้ำจับลงจากรถเอาเข้าไปเก็บไว้ในบ้าน มันก็ทั้งเห่า ทั้งเรียกเสียงดังอย่างบ้าคลั่ง เช้านี้ถ้าไม่ไปสนามกอล์ฟ ก็อาจจะต้องติดรถไปด้วย ตอนนี้มันเป็นเพื่อนเดินทางได้ค่อนข้างดี ชี้ชวนกันดูหญิงดูเหยิงกันไปได้ตลอดทาง บางครั้งผมยังหันมาบอกหมาเลยว่า ดูคนนั้นสิ สวยจัง เสียดายนะที่เราแก่ไป หมากระดิกหางเหมือนจะบอกว่า อย่างนี้แหละลูกพี่ เขาเรียกเจอไม้งามเมื่อขวานบิ่น

ผมมานั่งทบทวนชีวิต ตั้งแต่เริ่มเล่นกอล์ฟ จนกระทั่งเข้าไปถึงขั้น “บ้ากอล์ฟ” กิจกรรมชั่วร้ายอื่นใดแทบไม่ได้ทำเลย ไม่ว่าจะไปนั่งดื่มเหล่สาวในร้านเหล้าตอนกลางคืน ไปเล่นรูเล็ตที่คาสิโน เปิดบ้านเป็นบ่อนป๊อกเด้ง ไปตีสนุ้กกับเพื่อน ไปนอนจีบหมอนวดแผนโบราณ ไปนั่งดูคนเท่ ๆ ในร้านสตาร์บั๊ค หรือไปนั่งเล่นรัมมี่ข้ามคืนข้ามวันตามบ้านเพื่อน กิจกรรมเหล่านี้หายไปจากชีวิตอย่างไม่น่าเชื่อ

ช่วงนี้อ่านแต่หนังสือกอล์ฟ พูดแต่เรื่องกอล์ฟ วางแผนที่จะไปเล่นที่นั่นที่นี่อยู่ไม่หยุด คอยเงี่ยหูฟังว่าสนามไหนสวยหรือไม่สวย ถูกหรือแพง ควรจะไปเล่นเมื่อไร กับใคร ไปนั่งวงไหนก็มักจะมีเรื่องกอล์ฟเข้ามาปนอยู่ด้วยแทบ
ทุกครั้ง เพื่อนฝูงที่สนิทชิดเชื้อก็รู้ถึงอาการ “บ้ากอล์ฟ” เป็นอย่างดี บางคนซื้อเสื้อกอล์ฟมาให้เพื่อเป็นการสนับสนุนความบ้าให้หนักขึ้น บางคนก็ซื้อลูกกอล์ฟแพง ๆ มาฝาก บางคนก็เอาหนังสือกอล์ฟมาให้อ่าน บางคนก็ชวนคุยเรื่องกอล์ฟเสียยืดยาวทั้ง ๆ ที่ตัวเองเล่นกอล์ฟไม่เป็น

วันก่อนที่ผมไปเล่นสนามหัวหิน หลังจากจบเกม กลับไปเอาข้าวของในห้องพักขึ้นรถ ก่อนเลี้ยวกลับกรุงเทพฯ คิดถึงพี่บ๊าฟภาณุขึ้นมา เขาเป็นนักเขียนสารคดีชื่อดัง ย้ายบ้านจากเชียงใหม่ มาเปิดร้านขายหนังสือที่หัวหินหลายปีแล้ว

ไปหัวหินทีไรสิ่งที่ผมทำไม่เคยขาดคือ แวะไปคุยกับพี่เขาสักสิบยี่สิบนาที ในฐานะนักเขียนรุ่นพี่ ผมรักนับถือเขามายาวนาน อ่านหนังสือเขาทุกเล่ม เขาเป็นคนแรก ๆ ที่เดินทางไปด้วยเขียนหนังสือไปด้วย ไปมาแล้วเกือบทั่วโลก ครั้งหนึ่งผมผมมีวาสนาได้ทำงานเป็นลูกน้องเขาช่วงสั้น ๆ เขาน่ารักเป็นกันเอง ผมเคยได้รับความรู้ ความคิด ความอ่านจากเขาหลายอย่าง เคยได้รับความรักและความเอ็นดูจากเขาเหมือนพี่มีต่อน้อง  เมื่อรู้ว่าเขาอยู่หัวหิน ก็มีความรู้สึกอยากจะไปหา ไปไหว้ทักทายและคุยกับเขา
ผ่านไปกี่ปีๆ พี่บ๊าฟก็ดีต่อผมอย่างเสมอต้นเสมอปลาย

ระหว่างที่นั่งคุยกัน พี่ถามว่า ไปไหนกันมา หน้าแดง ตาแดงเชียว
ที่จริงผมบอกว่ามาเที่ยวหัวหินเฉย ๆ ก็ได้ แต่ผมก็ไม่ได้อยากโกหก จึงตอบอย่างอาย ๆ “ไปเล่นกอล์ฟกันมาครับ”

พี่บ๊าฟว่า ดีจัง ได้ออกกำลังกาย นักเขียนเล่นกอล์ฟไม่เห็นต้องอายอะไร
“กีฬาอะไรก็ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้เล่น เพียงแต่ว่าอย่าคิดว่า สิ่งที่ตัวเองกำลังหลงใหลอยู่นั้นดีกว่าของคนอื่นก็พอแล้ว” พี่บ๊าฟพูด
เขาแนะนำให้ไปหาหนังสือกอล์ฟของมรว.เสนีย์ ปราโมชอ่าน พี่เขาว่า เป็นหนังสือที่เขียนถึงกอล์ฟได้สนุกมาก เป็นหนังสือเก่า วาดภาพปกโดยประยูร จรรยาบรรณชื่อปกว่า “ก๊อบตูเอง”

ผมกลับมาถึงกรุงเทพฯพยายามจะค้นหาหนังสือกอล์ฟของมรว.เสนีย์มาอ่านสักเล่ม ถามไปยังเพื่อน ๆ ที่ขายหนังสือเก่า เขาบอกว่าไม่มี แต่ถ้าหาพบจะเก็บไว้ให้ ราคาจำหน่ายในตลาดหนังสือเก่าตอนนี้ประมาณเล่มละสองพันบาท หรือาจจะแพงกว่านั้น

ผมได้ยินราคาแล้วอึ้งบอกว่า เก็บไว้ก่อนก็ได้ ค่อยไปซีร็อกมาจากห้องสมุดแห่งชาติ น่าจะถูกกว่า

ค้นในกูเกิล ได้อ่านตอนหนึ่ง มรว.เสนีย์บอกว่า

“กีฬาก๊อป หรือปู่ของก๊อป มีคนเล่นกันติดมาเป็นเวลาตั้ง 2,000 กว่าปีแล้ว ตามประวัติเริ่มตั้งแต่ เมื่อคนเลี้ยงแกะอยู่ว่างๆ  ไม่มีอะไรทำ จึงใช้ไม้ต้อนแกะ (crotch) ซึ่งปลายข้างหนึ่งเป็นตาขอคล้ายไม้เท้.ที่โค้งมือถือ ตีก้อนหินเล่นแก้รำคาญ เมื่อไปยึดเกาะอังกฤษราว 2,000 ปีมานี้  ทหารโรมันนำกีฬาปู่ก๊อปที่ว่านี้ไปเล่นที่อังกฤษ โดยเฉพาะที่สก๊อตแลนด์ มีชาวพื้นเมืองเล่นตามกันแพร่หลาย ชาวสก๊อตชอบเล่นกีฬาประเภทนี้ที่สุด และเรียกชื่อว่า golf ขึ้นเป็นครั้งแรก

แต่คำว่า Golf นั้น สงสัยว่าจะมีที่มาจากภาษาฮอลันดาว่า Kolf ซึ่งเป็นชื่อไม้ที่ชาวฮอลันดา ใช้เล่นกีฬาบนน้ำแข็ง เรียกชื่อว่า  Kolven เล่นคล้ายกับฮ๊อกกี้น้ำแข็ง (ice hockey) คำว่า kolf ชาวฮอลันดาก็อ่านว่า ก๊อลฟ ไม่ใช่ ค๊อลฟ เพราะอักษร K อ่านออกเสียงนุ่ม เสียงแข็งใช้อักษร g เช่น gek แปลว่า บ้า ตามประวัติปรากฏด้วยว่า ชาวฮอลันดาทำลูกก๊อปส่งไปขายชาวสก๊อต ทำให้เงินออกนอกประเทศปีละมาก ๆ

เมื่อประมาณ 400 ปีมานี้ กีฬาก๊อปที่สก๊อตแลนด์ใช้ไม้อันเดียวตีเป็นกิ่งไม้ตัดเอามาจากต้น รูปร่างคล้าย ๆ ไม้ก๊อปในปัจจุบัน แต่ใหญ่โตกว่า กระเดียดค่อนข้างจะเป็นไม้ฮ็อกกี้ ส่วนลูกก๊อปที่ใช้ตีก็โตเท่า ๆ กับลูกฮ๊อกกี้หรือลูกเบสบอล เป็นลูกกลม ๆ ข้างนอกหุ้มด้วยหนังข้างในใช้ขนนกหรือขนไก่บุให้เป็นลูกกลมพอตีเล่นได้ ชาวสก๊อตลุ่มหลงก๊อปกันเป็นอันมาก แต่ก่อนแต่ไรมาเมื่อมีเวลาว่าง เคยใช้เวลาว่างในการฝึกหัดยิงธนูหน้าไม้ หรือฝึกการใช้อาวุธอย่างอื่นให้ชำนาญ เมื่อมีศัตรูมาโจมตีมีฝีมือความชำนาญพอที่จะต่อสู้ได้ แต่ครั้งเริ่มเล่นก๊อปแล้วก็พากันติดเหมือนกับติดฝิ่น เล่นกันแต่ก๊อปไม่เป็นอันฝึกอาวุธไว้ต่อสู้กับศัตรู วันอาทิตย์เป็นวันสบาโต ซึ่งพระคัมภีร์ไบเบิ้ลให้อยู่กับบ้านเฉย ๆ กลับพากันไปเล่นก๊อปเป็นฝูง ๆ จนสภาปาเลียเมนต์ต้องออกกฎหมายห้ามมิให้เล่นก๊อป ใครเล่นก๊อปถูกจับได้มีโทษทั้งปรับและจำคุก

แต่ก๊อปเป็นกีฬาหัวแข็งไม่เลือกที่สูงที่ต่ำ แม้แต่พระเจ้าเจมส์ที่ 4 พระเจ้าแผ่นดินสก๊อตไปทรงเข้า ก็ติดก๊อปเช่นเดียวกัน กฎหมายห้ามเล่นก๊อปจึงตกเป็นหมันตั้งแต่นั้นมา พระนางแมรี ราชินีแห่งสก๊อตแลนด์ทรงเข้าก็ติดอีกเหมือนกัน พระนางมีชื่อในทางคบเด็กหนุ่ม ๆ เวลาทรงก๊อปโปรดให้นักเรียนนายร้อยถือไม้ก๊อปตามเสด็จ ไป ๆ แทนที่จะเรียกนักเรียนนายร้อยตามศัพท์จริงว่า คาเด็ท (cadet) ทรงเรียกเล่น ๆ ว่า แค้ดดี้ (caddie) เด็กถือถุงก๊อปจึงเรียกว่า “แค้ดดี้” ติดปากกันมาจนตราบเท่าทุกวันนี้”

ในนิยสารสารคดีก็อธิบายว่า “กอล์ฟเป็นกีฬาชนิดเดียวที่เริ่มเล่นได้ตั้งแต่อายุยังน้อยไปจนถึงวัยสูงสุดที่มนุษย์ยังสามารถจะเดินและเหวี่ยงแขนอยู่ได้ และเป็นกีฬาชนิดเดียวที่บ่อยครั้งคนที่มีอายุสูงวัยกว่ามีฝีมือและผลงานการเล่นที่เหนือกว่าผู้เล่นที่อยู่ในวัยหนุ่มสาว โดยไม่จำเป็นต้องมีการร้องขอให้อ่อนข้อหรือต่อแต้มให้แก่กันแต่อย่างใด

กอล์ฟเป็นเกมกีฬาที่มีตำนานน่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการถือกำเนิดเกิดขึ้นของเกมกีฬาชนิดนี้  บางตำนานเล่าว่าถึงแม้การเลี้ยงดูฝูงแกะจะเป็นอาชีพที่สุขสงบ แต่เด็กเลี้ยงแกะส่วนมากกลับรู้สึกว่ามันช่างเป็นกิจกรรมที่แสนจะน่าเบื่อหน่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่ต้องจับเจ่าเฝ้ารอดูฝูงแกะแทะเล็มหญ้าเป็นเวลานานๆ

กระทั่งอยู่มาวันหนึ่งพวกเขาจึงได้คิดค้นการละเล่นที่ง่ายและใกล้ตัวสำหรับกำจัดเวลาที่น่าชังนี้ให้หมดไป ด้วยการนำเอาไม้ต้อนแกะซึ่งมีปลายงองุ้มตวัดตีไปที่ก้อนกรวดกลางท้องทุ่ง และท้าทายแข่งขันกันว่าหากใครสามารถตีก้อนหินของตนเองออกไปได้ไกลและถึงจุดหมายที่กำหนดไว้ได้ในจำนวนครั้งที่น้อยกว่า ผู้นั้นก็คือผู้ชนะ

หลายศตวรรษต่อมา การละเล่นง่ายๆ เพื่อคลายความเหงานี้ก็เริ่มเป็นที่รู้จักและนิยมเล่นกันในทวีปยุโรป และหลังจากการพัฒนารูปแบบการเล่นให้มีความสนุกสนานรัดกุมมากขึ้น ในที่สุดก็กลายเป็นเกมกีฬาโดยสมบูรณ์ และมีชื่อเรียกขานกันอย่างเป็นทางการว่ากีฬา “ กอล์ฟ

มีอยู่วันหนึ่ง ผมไปที่สนามไดร๊ฟ์สุระวงศ์ชัยแถวบ้าน ได้คุยกับนักกอล์ฟคนหนึ่ง เขามาซ้อมอยู่ใกล้ ๆ ผม ตอนพักเราคุยกัน ผมเห็นวงสวิงของเขาที่สวย บิดเอว บิดไหล่ได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ แถมยังตีลูกด้วยหัวไม้สามได้ไกลกว่าสองร้อยหลา ผมถามเขาว่า เล่นนานเท่าไรแล้วครับ เขาบอกว่าสี่ปี ผมถามว่าทำไมเก่งจัง เขาบอกว่า “ความชำนาญมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนปี แต่ขึ้นอยู่กับการซ้อม”

เท่านั้นเองก็เข้าใจ รู้ว่าตัวเองควรจะต้องทำอะไรต่อไป
ผมขับรถออกจากบ้านไปทางเส้นนครปฐม ขับชิดซ้ายไปอย่างช้า ๆ จนกระทั่งถึงวัดไร่ขิง ด้วยความมืด ผมชักไม่แน่ใจว่าเลยป้ายมาหรือยัง กำลังคิดจะยูเทินกลับไปเริ่มต้นใหม่ ก็เหลือบไปเห็นทางแยกข้างหน้า เห็นป้ายสนามกอล์ฟชัดเจน ผมขับไปทางลูกศร เลี้ยวซ้ายที่ป้อมตำรวจ แต่ขับไปราวสิบนาทีป้ายสนามกอล์ฟหายไป ผมชักไม่แน่ใจว่าใช่แน่หรือเปล่า จึงขับวนกลับมาที่ป้อมตำรวจ ตั้งใจจะถามตำรวจสักคนว่า สนามกอล์ฟไปทางไปไหนแต่โชคร้ายในป้อมไม่มีใครอยู่ มีแต่รถตำรวจจอดอยู่สองคัน เสียบกุญแจคาไว้เรียบร้อย ผมคิดว่าน่าจะขโมยรถตำรวจไปขับเล่นสักคัน คงไปได้ไม่ไกลเดี๋ยวก็แห่กันมาตาม ผมจะได้ถามเขาว่าสนามกอล์ฟไปทางไหน แต่นั่นก็เพียงแต่คิดขำ ๆ ผมคงไม่กล้าทำจริง

ผมเลี้ยวรถไปวนกลับไปทางเดิน ไปราวสิบนาทีก็พบแม่ค้ากำลังตั้งเตาจะขายขนมครกกับปาท่องโก๋อยู่ข้างถนน ผมชิดขอบทาง จอดรถ ลงไปถาม แม่ค้าออกมาเท้าสะเอวอธิบายเส้นทางอย่างละเอียด ว่า “คุณขับตรงไปนะ จนสุดถนนให้เลี้ยวซ้าย ข้ามสะพานแห่งหนึ่ง เจอสะพานลอยแรกให้ตรงไป ก่อนถึงสะพานลอยที่สองให้มองซ้ายไว้ จะเจอป้ายสนามกอล์ฟ จากนั้นก็เลี้ยวเข้าไปเลย” เธอหยุดและมองหน้า “จำได้ไหม”

ผมตอบว่า “จำได้ ขอบคุณมากนะครับ”

แม่ค้าอายุคงไม่ถึงสี่สิบ แต่ผมเผลอยกมือไหว้เสียอย่างสวยงาม

แม่ค้างง รับไหว้ผมแทบไม่ทัน

แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 55 10:58:22

จากคุณ : kajohnrit
เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 09:09:47




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com