Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ผอม สดใส อ่อนวัย ด้วยการกินมังสวิรัติ บทความดีๆ เอามาฝาก vote ติดต่อทีมงาน

ผอม สดใส อ่อนวัย ด้วยการกินมังสวิรัติ



ผอม สดใส อ่อนวัย ด้วยการกินมังสวิรัติ

About the Vegetarian

ในแวดวงคนรักสุขภาพที่ไม่ต้องการมีน้ำหนักเกินพอดี เราเคยคุยเรื่องกินยังไงให้ผอมกันในหลายประเด็น ตั้งแต่การอด(เพื่อล้างพิษ) กินตามโปรแกรมลดน้ำหนัก กินพร่องแป้งแบบโลว์คาร์บ

คราวนี้จะขอพูดถึงการกินอีกแบบที่แม้จะไม่ช่วยให้คุณผอมเร็วเป็นคนละคน แต่จะช่วยให้ร่างกายของคุณค่อยๆ กำจัดส่วนเกินที่สะสม พร้อมๆ กับขจัดสารพิษตกค้างในร่างกาย คืนความสดใส อ่อนเยาว์ และสร้างสุขภาพสมดุลอย่างยั่งยืน หรือที่เราเรียกติดปากกันว่าการกิน "มังสวิรัติ" ไงคะ


ละเนื้อ ละอย่างไร
คนที่หันมากินแบบละหรืองดเนื้อแบบมังสวิรัตินั้น ไม่ได้มีเหตุผลจากความเชื่อทางศาสนาหรือไม่อยากเบียดเบียนชีวิตสัตว์ เพราะการละเนื้อโดยสิ้นเชิงทำได้ยากในชีวิตปกติ ด้วยเหตุนี้การกินมังสวิรัติจึงมีหลายระดับ ตั้งแต่ยังกินเนื้อสัตว์บางประเภท ไปจนถึงไม่กินอะไรเลยนอกจากพืชผัก

* Pollovegetarians คือกลุ่มที่ไม่กินเนื้อแดง แต่กินเป็ด ไก่ และอาหารจากพืช
* Pescovegetarians คือกลุ่มที่กินปลาเพิ่มขึ้นมาจากกินผักอย่างเดียว
* Lacto-Ovo-Vegetarians คือกลุ่มที่กินนมและไข่เพิ่มจากการกินพืช
* Lacto-Vegetarians คือกลุ่มที่กินเฉพาะนม และผลิตภัณฑ์จากนมทุกชนิด ร่วมกับการกินพืช
* Vegans คือกลุ่มที่กินอาหารจากพืชล้วนๆ ไม่กินเนื้อสัตว์ แม้กระทั่งไข่ ผลิตภัณฑ์จากนม และน้ำผึ้ง

นอกจาก 5 กลุ่มข้างบน ยังมีการละเว้นเนื้อสัตว์เก๋ๆ อีก 3 แบบ คือ
* Sproutarians คือกลุ่มที่นิยมบริโภคหน่อต้นอ่อนของพืช อันได้แก่เห็ด ถั่วงอก ต้นอ่อน ก้านใบอ่อนของพืช ถั่วโตเร็ว ซึ่งว่ามีพลังและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง

* Fruitarians คือกลุ่มที่บริโภคผลไม้เป็นหลัก กินผลไม้ทุกชนิด โดยเฉพาะพวกเบอร์รี่ นิยมดื่มน้ำผลไม้คั้นสด รวมทั้งผลไม้เปลือกแข็งอย่างลูกนัต เมล็ดพืช และถั่วต่างๆ

* Raw Foodism คือกลุ่มที่นิยมบริโภคอาหารไม่ผ่านความร้อน หรือใช้ความร้อนไม่เกิน 48 องศาเซลเซียส เนื่องจากเชื่อว่าความร้อนจะทำลายเอนไซม์และคุณค่าทางโภชนาการในอาหารไป นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าในอดีตพระเยซูคริสต์ก็บริโภคอาหารในลักษณะนี้เช่นกัน


สิ่งดีที่ได้จากการกินมังสวิรัติ
ลองกินมังสวิรัติสักอาทิตย์ คุณจะพบความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นหลายอย่าง อาทิ

* หลับสบาย- ถ่ายคล่อง
กระเพาะของเราย่อยผักผลไม้ได้ง่าย และใช้เวลาในการย่อยน้อยกว่าเนื้อสัตว์มากนัก การกินมังสวิรัติจึงช่วยลดภาระให้กับระบบย่อยอาหารไปในตัว นอกจากนี้ผักผลไม้ยังมีไฟเบอร์หรือเส้นใย ในขณะที่เนื้อสัตว์แทบไม่มีเลย เส้นใยมี 2 ประเภท คือกลุ่มไม่ละลายน้ำ ซึ่งจะไปเพิ่มจำนวนอุจจาระ ทำให้ไม่มีของเสียตกค้างในร่างกาย จึงช่วยป้องกันอาการอึดอัด ไม่สบายท้อง และการดูดซึมของเสียในลำไส้กลับเข้าไปอีก

อีกกลุ่มละลายน้ำได้ จะไปจับตัวกับน้ำดีและคอเลสเตอรอลในลำไส้แล้วขับออกมาทางอุจจาระ การกินผักจึงช่วยให้หลับสบายแบบไร้อาการท้องอืด ตื่นเช้าขึ้นมาก็ยังถ่ายคล่องอีก และถ้ายิ่งรู้จักเลือกกินให้ดี ไม่เน้นแป้งและน้ำตาล น้ำหนักตัวก็ยังลดอีกแน่ๆ


* ล้างพิษ
ลำไส้ของคนเรามีความยาวถึง 20 ฟุต เป็นลักษณะเดียวกับสัตว์กินพืชชั้นสูง ซึ่งต่างจากร่างกายของสัตว์กินเนื้อที่ถูกสร้างให้ย่อยและขับเนื้อที่กินออกจากร่างกายให้เร็วที่สุด ร่างกายมนุษย์ไม่อาจดูดซึมโปรตีนจากสัตว์ได้ทั้งหมด โปรตีนที่ร่างกายเราดูดซึมไว้ได้มากที่สุดคือ ไข่- ร้อยละ 94 ส่วนโปรตีนที่ดูดซึมได้น้อยที่สุดได้แก่ เนื้อวัว-เพียงร้อยละ 67 เท่านั้น อีกร้อยละ 33 ที่ไม่อาจดูดซึมได้จะเหลืออยู่ในลำไส้ซึ่งในที่สุดก็จะเกิดการหมักบูด เปลี่ยนไปเป็นสารเคมีกลิ่นเหม็น เช่น มีเทน แอมโมเนีย และซัลเฟอร์ไดออกไซด์(ก๊าชไข่เน่า)

เมื่อเดินทางถึงลำไส้ใหญ่ กระบวนการดูดซึมน้ำกลับสู่ร่างกายจะพาสารพิษเหล่านี้กลับมาด้วย สารเหล่านี้เองที่เป็นสาเหตุของอาการหืดหอบ ภูมิแพ้ ไปจนถึงมะเร็งในลำไส้ใหญ่ การงดกินเนื้อ หันมาเน้นผัก ผลไม้ ธัญพืชมากขึ้นจึงช่วยเคลียร์ลำไส้ให้สะอาด เป็นการล้างพิษกลายๆ นั่นเอง


* หน้าใส-ผิวสวย
นอกจากช่วยล้างพิษแล้ว การเน้นกินผัก-ผลไม้ทำให้ร่างกายได้วิตามินซีและอี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้เซลล์ของร่างกายแข็งแรง ผิวพรรณสดใส โดยเฉพาะวิตามินซีมีหน้าที่สำคัญในการสังเคราะห์เส้นใยคอลลาเจนส่วนใหญ่ ซึ่งทุกเซลล์ในร่างกายต้องมีเส้นใยนี้ร้อยรัด เสริมสร้างความแข็งแรงเสมือนบ้านต้องมีรั้ว หากรั้วไม่แข็งแรงหรือบุกรุกง่ายก็จะเปิดโอกาสให้เชื้อโรคเข้าโจมตีได้ การได้รับวิตามินซีอย่างเพียงพอจึงช่วยให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรง


* สุขภาพดี
ทราบหรือไม่ว่าในเนื้อสัตว์มีสารพิษจำนวนไม่น้อย ซึ่งจะเพิ่มภาระให้กับระบบย่อยอาหาร และขัดขวางการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันเป็นต้นว่าฮอร์โมน ยาปฏิชีวนะ ยานอนหลับ ยากล่อมประสาท สารปรุงแต่ง สารถนอมอาหาร ยาฆ่าแมลง และอีกจิปาถะ สารเหล่านี้อาจอยู่ในน้ำและอาหารสัตว์ และจะไปสะสมอยู่ตามเซลล์ต่างๆ ของสัตว์ ยิ่งกินเนื้อสัตว์มาก

สารเหล่านี้จะเปลี่ยนถ่ายเข้ามาสะสมในตัวเรา จนอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ในที่สุด การกินเนื้อสัตว์มากๆ ยังเป็นสาเหตุของโรคอย่างหลอดเลือดอุดตัน ผนังหลอดเลือดแข็งตัว และโรคหัวใจ จากไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลที่มีมากในเนื้อและไขมันสัตว์อีกด้วย ยิ่งกินน้อยลงเท่าไรจะยิ่งช่วยป้องกันโรคเหล่านี้ได้มากเท่านั้น


* หน้าตาแจ่มใส
ข้อนี้เป็นผลพลอยได้จากความรู้สึกดีๆ จากการไม่เบียดเบียนชีวิตอื่น เมื่อสุขภาพจิตดีหน้าตาก็พลอยแจ่มใส บุคลิกเมตตาอารียังดึงดูดผู้คนให้อยากคบหาสมาคมอีกด้วย


ก้าวแรกสู่การกินมังสวิรัติ
อย่าเพิ่งสร้างภาพวิถีแห่งการเป็นมังสวิรัติว่าเป็นถนนที่แห้งแล้งและขมขื่น ขอแค่อยากเริ่มต้นละเนื้อจริงๆ คุณจะพบว่ามีทางเลือกในการกิน(อร่อยด้วย) มากมาย

* ข้าวกับน้ำพริก กินเรียบง่ายแบบคนไทยสมัยก่อน จะเป็นน้ำพริกปลาร้า กะปิ ปลาทู หรือน้ำพริกหนุ่ม เต้าเจี้ยวหลน ฯลฯ เลือกได้ตามชอบ อาจกินแกล้มไข่ต้ม ปลาทอด นึ่ง หรือย่างก็ได้ ถ้าจะให้ดีควรกินกับข้าวกล้องซึ่งจะให้วิตามินบีและไฟเบอร์สูงกว่าข้าวขัดขาว ส่วนผักแนมน้ำพริกควรเน้นความหลากหลายเข้าไว้ ถ้าอยากลดหุ่นลองจัดสัดส่วนให้บริโภคผักมากกว่าข้าว

* อาหารญี่ปุ่น นอกจากหน้าตาน่ากิน รสชาติอร่อย และหากินไม่ยากแล้ว อาหารญี่ปุ่นยังมีความหลากหลายของส่วนผสมจากธรรมชาติ ทั้งผัก เห็ด และถั่ว มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูงมาก เพราะใช้ปลาทะเลและสาหร่าย ทั้งยังเสิร์ฟพร้อมชาเขียวซึ่งเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเลิศ

* กินหลากหลาย อย่าจำกัดอาหารมังสวิรัติอยู่แค่จับฉ่ายหรือสลัดผัก พืชผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการยังมีอีกมากมาย ไล่ตั้งแต่ข้าวไม่ขัดขาว ธัญพืชอย่างลูกเดือย ข้าวโพด ถั่ว ถั่วงอก อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ถั่วพิตาชิโอ เมล็ดฟักทอง งา เมล็ดทานตะวัน ถั่วเหลือง ไปจนถึงเห็ดสดต่างๆ นอกจากนี้เมืองไทยเรายังมีผลไม้สดตามฤดูกาลมากมาย แค่ขยันเลือกกินให้เหมาะสมและหลากหลายก็ได้รับทั้งคุณค่าทางอาหารและวิตามินเพียบแล้ว

* นมถั่วเหลือง คนเอเชียส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดมาพร้อมเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ย่อยแลคโตสในนมวัว กินแล้วเลยมีอาการไม่ย่อย ท้องอืด ท้องเฟ้อ ลองเปลี่ยนจากดื่มนมสดมาเป็นน้ำนมถั่วเหลืองดู

ถั่วเหลืองมีคุณค่ามากที่สุดในบรรดาถั่ว เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงราคาถูก เป็นแหล่งของวิตามินบี เกลือแร่ และกรดไขมน เลซิทินที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลในร่างกายก็มีอยู่มากเช่นกัน


หากยังหวั่นไหวกับความเชื่อเดิมๆ เรื่องกินมังสวิรัติแล้วจะขาดอาหาร เพราะขาดกรดอมิโนที่จำเป็นสำหรับร่างกายซึ่งหาได้จากเนื้อสัตว์ ผลวิจัยชิ้นหนึ่งจะช่วยขจัดความคลางแคลงใจนี้ได้ เพราะมีการพบว่าร่างกายของเราสามารถหากรดอมิโนจำเป็นที่ขาดหายไปจากอาหารมื้อหนึ่งๆ ได้เองจากแบคทีเรียนานาพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในลำไส้หรือเซลล์ในลำไส้นั่นเอง ด้วยเหตุนี้นักมังสวิรัติที่รู้จักเลือกกินอย่างหลากหลายและเหมาะสมจึงไม่เพียงมีหน้าใส หุ่นสวย สุขภาพดี แต่ยังแข็งแรงและอายุยืนกว่าคนกินเนื้อสัตว์ด้วย

ลองเริ่มกินสักอาทิตย์ แล้วดูว่าพอไหวไหม ถ้าทำได้ลองทำต่อให้ครบเดือน บางทีเมื่อถึงวันนั้น คุณอาจรู้สึกดีจนไม่นึกอยากกลับมากิน "ทุกอย่าง" อย่างที่เคยกินอีกก็ได้

นอกจากผลทางจิตใจอันเนื่องมาจากได้ละเว้นการเบียดเบียนสัตว์แล้ว การกินพืช ผัก ผลไม้ ถั่ว และเมล็ดธัญพืช ยังช่วยให้รู้สึกสบายตัว กระปรี้กรัเปร่า เพราะอาหารเหล่านี้ย่อยง่าย ใช้พลังงานน้อย อีกทั้งมีเส้นใยมาก ทำให้ขับถ่ายดี ท้องไม่ผูก ในเรื่องย่อยง่ายยังมือเหตุผลอธิบายว่า เป็นเพราะร่างกายมนุษย์เรา ไม่ว่าจะเป็นฟัน น้ำลาย กระเพาะ ลำไส้ หรือตับ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรับกับพืชผักและธัญหารเป็นหลัก มนุษย์เป็นสัตว์กินพืช มิใช่สัตว์กินเนื้อ เมื่อต้องมาย่อยเนื้อสัตว์จึงต้องใช้พลังงานมาก อีกทั้งยังมีของเหลือเพราะย่อยไม่หมดเช่น ไขมัน โคเลสเตอรอล กรดยูริก ทำให้อ้วนและตกค้างสะสมเป็นพิษกับร่างกาย
โดยเหตุที่ร่างกายมนุษย์ย่อยเนื้อสัตว์ไม่ได้ดี การกินเนื้อสัตว์จึงทำให้เกิดโรคร้ายแรงหลายโรค ซึ่งป้องกันได้ง่ายๆ เพียงเลิกกินเนื้อสัตว์

โคเลสเตอรอล เป็นผู้ร้ายที่เรารู้จักดี โดยเฉพาะที่ทำให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือดเพราะเส้นเลือดหัวใจอุดตัน มีแต่เนื้อสัตว์เท่านั้นที่มีโคเลสเตอรอล พืชผักไม่มีจริงๆแล้วร่างกายของเราต้องผลิตโคเลสเตอรอลอยู่เสมอเพื่อเลี้ยงเนื้อเยื่อ โคเลสเตอรอลจึงมีประโยชน์ เป็นของจำเป็น แต่ปัญหาอยู่ที่ร่างกายมนุษย์ไม่อาจใช้ประโยชน์โคเลสเตอรอลจากเนื้อสัตว์ และไม่อาทำลายมันได้หมด โคเลสเตอรอลจึงปนอยู่ในกระแสเลือด


ไขมันอิ่มตัวจากเนื้อสัตว์ ใช่แต่ทำให้หัวใจขาดเลือดเท่านั้น ยังทำให้เป็นโรคนิ่ว โรคความดันโลหิตสูงโรคหลอดเลือดตีบ และมะเร็งลำไส้ใหญ่ีอีก ซึ่งร้ายแรงไม่แพ้กัน


เนื้อสัตว์ที่แดงด้วยเลือดมีกรดยูริกในปริมาณสูง กรดยูริกเป็นสารพิษในร่างกายผู้กินเนื้อ ทำให้ไตทำงานหนัก มีโอกาสเป็นโรคเกาต์ เป็นโรคไต แต่ไตมนุษย์ไม่สามารถสลยกรดยูริกไปได้หมด การตกค้างสะสมจึงมักตามมา และทำให้เกิดอีกหลายโรค หากไปสะสมที่ข้อต่อกระดูก ก็ทำให้เกิดโรคข้อกระดูกอักเสบ ไปอยู่ในเลือดมาก ก็มีโอกาสเป็นมะเร็งเม็ดเลือดหรือลูคิเมีย


นอกจากโคเลสเตอรอลและกรดยูริกแล้ว ในเนื้อสัตว์ยังมีสารพิษตกค้างอื่นๆ อันเนื่องมาจากกระบวนการทำฟาร์มในอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ ดีดีทีและโฮโมนอะดีนาลินที่หลั่งออกมาในเนื้อ ณ นาทีที่สัตว์รู้ว่าจะถูกฆ่า กล่าวโดยรวมแล้ว เนื้อสัตว์เป็นพิษกับร่างกายคนเรายิ่งนัก


โดยทั่วไป อาจแบ่งนักกินมังสวิรัติตามระดับความเคร่งครัด ได้ดังนี้
1) มังสวิรัติเคร่งครัด เรียกว่า "vegan" คือไม่กินทั้งเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ใดๆ แม้แต่นมและไข่ก็ไม่แตะ บางคนแยกย่อยขึ้นไปอีกว่ามีมังสวิรัติมหาเคร่ง คือ นอกจากไม่กินเนื้อสัตว์แล้วยังเข้มขึ้นกินเฉพาะพืชผักบางอย่างเท่านั้้น เช่น พวกผลไม้นิยม(fruitarianism) เน้นกินผลไม้สดเป็นหลัก พวกกินเจคือนักมังสวิรัติที่แถมไม่กินพืชผักกลิ่นแรง 5 ชนิด ได้แก่ กระเทียม หัวหอม หลักเกียว กุยช่าย และยาสูบ


2) มังสวิรัตินม เรียกว่า "lacto-vegan" คือพวกที่ไม่กินเนื้อสัตว์แต่ยังคงกินนมและผลิตภัณฑ์นม เพราะเชื่อว่านมบำรุงร่างกายให้แข็งแรง อีกหลายคนให้เหตุผลว่าการดื่มนมไม่ถือว่าเบียดเบียนสัตว์ เพราะนมเป็นของให้แต่ไข่เป็นของหวง


3) มังสวิรัติไข่ เรียกว่า "lacto-ovo-vegan" คือไม่กินเนื้อสัตว์ แต่ยังคงกินทั้งนมและไข่ ประเภทนี้ยังคงติดรสชาติของไข่ หรือไม่ก็ติเงื่อนไขชีิวิตครอบครัว เช่นการมีเด็กเล็ก ทำให้อาหารจานไข่ยังจำเป็นในชีวิตประจำวันอยู่


คุณค่าทางโภชนาการ
การกินมังสวิรัติไม่ได้ทำให้ร่างกายขาดสารอาหารบางชนิดที่จำเป็น เช่น โปรตีน วิตามินบี 12 และแคลเซียม จากการวิจัยเกี่ยวกับภาวะโภชนาการของนักมังสวิรัติ ล้วนยืนยันในทำนองเดียวกันว่า หากกินถั่ว งา ข้าวกล้อง ธัญพืช ผัก ผลไม้ อย่างหลากหลายไม่ซ้ำซากแล้วก็จะไม่ขาดสารอาหารแต่อย่างใด


นักกินอาหารแบบมังสวิรัติในกลุ่มที่สองและสาม ซึ่งกินไข่หรือนมหรือทั้งไข่และนมนั้น ไม่มีปัญหาเรื่องขาดสารอาหาร เพราะนมและไข่เป็นโปรตีนชั้นดีทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัต์ได้ และสำหรับกลุ่มที่หนึ่ง ซึ่งเป็นแบบเคร่งครัด ไม่กินทั้งนมและไข่จะมีปัญหาเรื่องการขาดโปรตีนหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการกินอาหารต่างๆ


พืชผักที่มีโปรตีนมาก เช่น กระถิน ใบขี้เหล็ก ตำลึง ผักกระเฉด ถั่วงอกดิบ พริก ผักบุ้งไทย กระหล่ำปลีดอก หน่อไม้ฯลฯ เป็นโปรตีนที่ยังไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้ อาหารมังสวิรัติที่มีโปรตีนมากคือโปรตีนที่ได้จากถั่วเหลือง งา ข้าวกล้อง เห็ดนานาชนิด และแป้งสาลี เป็นต้น



ถั่วเหลือง เป็นแหล่งโปรตีนสำคัญมีสารโปรตีนเกือบครบ ขาดเมทไธโอนีนตัวเดียว มีวิตามินบีหลายชนิด มีไขมันชั้นดี คือกรดไลเนอิก รวมทั้งมีเลซิตินหายากในพืชผักชนิดอื่นๆ

จากคุณ : kekei
เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 14:44:43




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com