|
ช่วงนี้ขอโหดก่อนนะคะ พระเอกโหดค่ะ
หลังจากนั้นปันนาจัดการรื้อกระเป๋าเอาเสื้อผ้าออกมา ค่อยๆจัดเรียงเสื้อผ้าเข้าตู้เสื้อผ้าใหญ่ในห้องแต่งตัวที่เชื่อมกับห้องนอน จากนั้นก็หยิบกล่องยาสีฟัน แปรงสีฟัน สบู่และอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในห้องน้ำ ออกมา
หันซ้ายแลขวา เจอซุ้มโค้งแบบโรมันตั้งเสาดอริครับกับตัวซุ้ม แต่งด้วยคิ้วบัวเรียบๆเปิดเป็นทางเดินเชื่อมกับห้องใหญ่อีกห้องหนึ่ง ไม่ใช่ห้องน้ำ!
เป็นห้องทำงานส่วนตัวขนาดใหญ่ โต๊ะทำงานไม้สักตัวใหญ่พร้อมเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กวางอยู่ตรงกลาง ผนังด้านหนึ่งเป็นตู้ไม้สักกรุกระจกใส บางส่วนโชว์เครื่องประดับจำพวกเซรามิกราคาแพง
ตู้ส่วนที่ยังว่างอยู่น่าจะใช้วางหนังสือ ด้านหลังห้องเป็นผนังกระจกใสบานใหญ่ มีม่านสีเขียวอ่อนรูดเปิดไว้เพียงครึ่งเดียว มองออกไปเห็นทิวทัศน์ด้านนอกไกลสุดลูกหูลูกตา
นี่คงเคยเป็นห้องของใครมาก่อน คงไม่ใช่ห้องที่เตรียมไว้สำหรับ คนที่เป็นแค่ หมอเฝ้าไข้ อย่างหล่อนแต่แรก หมอที่ตกเป็นจำเลย อยู่ระหว่างการใช้หนี้คดีความผิดพลาดทางการแพทย์ จนทำให้บุคคลสำคัญของเจ้าของบ้านสองคนกลายเจ้าหญิงนิทรา ในขณะนี้
หญิงสาวใช้สายตาสำรวจเพียงคร่าวๆก่อนจะเดินย้อนออกมาข้างนอก ประตูกระจกทางขวาระหว่างห้องแต่งตัวและห้องนอน คงใช่ห้องน้ำแน่
แล้วก็ไม่ผิด เป็นอีกห้องหนึ่งที่ทำให้ปันนาอดตะลึงไปกับความกว้างใหญ่สวยงามอีกแห่งหนึ่งไม่ได้
ห้องน้ำใหญ่ตกแต่งด้วยซุ้มโค้งโชว์ปูนปั้นลวดลายเรียบๆ กรุด้วยหินอ่อนทั้งห้อง แยกเป็นสองฟากส่วนเปียกกับส่วนแห้ง ด้านหนึ่งมีอ่างจากุชชี่สีขาวขนาดใหญ่บนแท่น ทางขึ้นมีบันไดหินอ่อนสองขั้นตั้งเสาไอโอนิคประดับทั้งสองมุม ดูโอ่อ่าราวกับกำลังจะเดินขึ้นบัลลังค์กระนั้น
เลยออกมาเป็นห้องยืนอาบน้ำฝักบัวกรุกระจกใส ด้านนอกเป็นชั้นอ่างล้างมือเป็นหินสีดำแปลกตา ยังมีทางเดินโรยหินกรวดเปิดเชื่อมกับเรือนกระจกด้านหลัง ปลูกต้นไม้ในที่ร่มและดอกสีสวยหอมกรุ่น เหมือนสวนหย่อมเล็กๆให้ความร่มรื่นสบายตา
แล้วหญิงสาวก็เบิ่งตาโตด้วยความประหลาดใจกึ่งตื่นเต้นเมื่อมองไปที่ผนังด้านหลังซึ่งก่อกระจกหนาสีน้ำเงินอ่อนทำเป็นอ่างเลี้ยงปลาขนาดใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดาน มีปลาหลากหลายเผ่าพันธ์สีสวยสดใสว่ายน้ำฉวัดเฉวียนไปมาราวกับกำลังยืนชมชีวิตสัตว์ใต้ทะเลลึก
กำแพงตู้ปลาขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ปันนาเคยเห็นมาเลยเชียวแหละ
เมื่อเทียบกับตู้ปลาขนาดจิ๋วที่คอนโดของหล่อนแล้วเหมือนเลี้ยงปลาในมหาสมุทรกับในบ่อน้ำเลยทีเดียว
คำพูดของพี่เตยเมื่อวันเกิดครบ 15 ปีของปันนาแว่วมาให้ได้ยินเมื่อหล่อนบอกว่า
"กล้วยอยากได้ผนังห้องนอนเป็นตู้กระจกสูงๆเอาไว้เลี้ยงปลา เวลานอนจะได้เหมือนอยู่ใต้ทะเล น่าดูออก
"ไม่ดีหรอก ปัญหาที่ตามมาเยอะแยะ อันตรายด้วย
"ทำไม จะมีอะไรกันมากมาย ก็แค่ให้อาหารปลาแล้วก็นอนดูปลา สบายดีจะตาย"
มันไม่ใช่แค่นั้นนะกล้วย เลี้ยงปลาในห้องนอนทำให้ห้องมีความชื้นสูง แอร์กินไฟแค่ไหน ก็ไล่ไม่หมด เปลี่ยนน้ำทีก็ลำบาก ทำห้องเลอะเทอะเฉอะแฉะ นอนอยู่ในห้องที่มีความชื้นสูง ถ้าระบายอากาศไม่ดี ก็เป็นอันตรายได้
ถึงนี่จะไม่ใช่ที่หญิงสาวเคยวาดฝันไว้ แต่ก็ใกล้เคียงไม่น้อย
ช่างบังเอิญจริงๆ เจ้าของบ้านหรือคนที่เคยเป็นเจ้าของห้องนี้คงชอบปลามาก
นึกแล้วก็อดคิดถึงปลาในตู้ที่จากมาไม่ได้ พี่ขวัญสัญญาว่าจะแวะไปให้อาหารปลาทุกวัน ถ้ากลับไปแล้ว มีปลาตัวใดตัวหนึ่งตาย ผู้อำนวยการหรือไม่ก็นายเฉิ่มคนใดคนหนึ่งต้องรับผิดชอบ
ตั้งแต่รถเลี้ยวเข้ามาในบ้าน ปันนาก็ตื่นตาตื่นใจกับความเลิศหรูอลังการของบริเวณบ้าน การตกแต่งหลากหลายสไตล์ด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูราคาแพง แบรนด์เนมที่หล่อนเคยรู้จักมาบ้าง
ก็บ้านเดิมของพี่เตยและของปันนาก็ใหญ่โตใช่ย่อยที่ไหน ทั้งสองแห่ง ปันนาได้ใช้ชีวิตคลุกคลีเข้านอกออกในมากว่า 10 ปี ความสวยความงามเลิศหรูก็เคยผ่านมาแล้ว แต่ก็เทียบไม่ได้กับที่นี่
หากบ้านเดิมของพี่เตยกับปันนาเรียกว่าคฤหาสน์ ที่นี่ก็เป็นพระราชวังดีๆนั่นเอง
ปกติปันนาก็ชอบดูของสวยๆงามๆอยู่แล้ว หากการเข้ามาอยู่ในสถานที่นี้ ในสถานะปกติ หล่อนคงจะอดตื่นเต้น วิ่งวุ่น ผลุบเข้าห้องโน้นออกห้องนี้ ขาเป็นระวิง แต่นี่ หล่อนเป็นหมอนะ จำไว้ ภาพพจน์ต้องสง่างามเสมอ (ยกเว้นเวลาเผลอ)
หญิงสาวจัดเรียงยาสีฟัน แปรงสีฟัน สบู่และแขวนผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัวไว้อย่างเป็นระเบียบ เรียบร้อย ซึ่งไม่จำเป็นต้องเอาติดตัวมาด้วยซ้ำ
ห้องน้ำที่นี่มีทุกอย่างครบ แถมของแบรนด์เนมอีกต่างหาก
แชมพูสระผมอย่างดี ใช้แล้วผมนุ่มสลวยสวยเก๋ ไหนๆ วางล่อหูล่อตาแบบนี้ ขอลองใช้หน่อยเถอะน่า เผื่อคราวหน้าผมเราจะได้ไม่ยุ่งเหยิงเป็นยุงตีกัน จนหมอวิกรมค่อนขอดเอาบ่อยๆ
อยากกินรังนกไม่ต้องไปหาซื้อที่ไหน มาคุ้ยๆเขี่ยๆแถวหัวยายกล้วยเดี๋ยวก็เจอ
หล่อนอดยิ้มให้ตัวเองไม่ได้
หมอวิกรมก็เป็นตัวสร้างสีสรรในชีวิตของปันนาเหมือนกันนะ มาอยู่ที่นี่ คงไม่มีใครทำให้หล่อนทั้งโกรธทั้งหัวเราะในเวลาเดียวกันได้ เฮ้อ ทำไมชีวิตเราถึงต้องมาเจออะไรแปลกๆแบบนี้ด้วยน้า
พี่เตย
พอคิดถึงพี่เตย ใจก็ฮึกเหิมขึ้นมาอย่างประหลาด
หล่อนเดินมาหยุดที่เตียง มองเจ้าตุ๊กตาหมี สายตาเศร้าสร้อย ถึงจะเก่าคร่ำจนเปลี่ยนสีไปแล้ว หล่อนก็ยังเก็บไว้อยู่ หากเขาอยู่ที่นี่จริง ปันนาจะอวดตุ๊กตาหมีให้ดู พี่เตยต้องหายโกรธแน่
สำรวจห้องจนพอใจแล้ว ปันนาก็เดินตรงไปยังประตูกระจกบานใหญ่ที่ยังไม่ได้ลองเปิดดู เป็นส่วนกั้นแยกห้องนอนกับระเบียงออกจากกัน หญิงสาวเลื่อนบานประตูกระจกที่รูดปิดด้วยผ้าม่านไหมสีอ่อนยาวจรดพื้นออก เดินมายืนชะโงกดูด้านล่าง แล้วก็ร้องอุทานอีกครั้ง
โอ้โฮ
มิน่าใหญ่โตอย่างนี้นี่เอง ถึงเคยเป็นรีสอร์ทมาก่อน
ด้านหลังไกลสุดลูกหูลูกตา เป็นสนามหญ้าสีเขียวขจี พื้นตัดเรียบเสมอกัน ราวกับใครคลี่ผ้ากำมะหยี่ผืนใหญ่ลงไป มองเห็นกระทั่งทะเลสาบเล็กๆ ระหว่างเนินดินสูงๆต่ำ สวยงามจนรู้สึกเหมือนตัวเองลามาพักร้อนยังไงยังงั้น
แล้วโน่นอะไร ไกลลิบๆนั่น ท่ามกลางหมู่ต้นไม้ใหญ่ ให้เงาร่มครึ้มนั่น เห็นหลังคาทรงปั้นหยาโผล่พ้นขึ้นมารอมแรม
แล้วปันนาก็เบิ่งตาโต มือเท้าเย็น ร่างทั้งร่างเหมือนถูกจับแช่แข็ง ร่างสูงใหญ่ที่ยืนเอามือซุกกระเป๋าสองข้างเห็นลิบๆใต้ปีกต้นจามจุรีใหญ่นั้นกำลังแหงนเงยมองมาที่ระเบียง ตรงที่หล่อนยืนอยู่พอดี ถึงจะอยู่ไกลจนตัวเล็กนิดเดียวเห็นหน้าไม่ชัด แต่ปันนาก็รู้สึกว่าช่างคุ้นตา คุ้นเคยอย่างเหลือเกิน ทันทีตารับรู้ส่งภาพไปแปลในสมอง พี่เตย! ไม่น่าเชื่อว่าจะเจอเร็วขนาดนี้ หญิงสาวยังไม่ยอมเชื่อสายตาตัวเอง หล่อนหลับตาแล้วยกมือขึ้นขยี้ตาทั้งสองข้างและมองลงไปอีกที
หายไปแล้ว! จะตาฝาดหรือแค่คนที่คล้ายคลึงกับพี่เตย การลงไปพิสูจน์ความจริง ก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไร คิดได้ดังนั้น หญิงสาวก็หมุนตัวกลับเข้าห้อง เดินแกมวิ่งลงบันไดไปทันที ป้านิ่มหรือหัวหน้าแม่บ้านเพิ่งจะวางหูโทรศัพท์รูปทรงโบราณลงบนคอนโซลครึ่งวงกลมตรงทางขึ้นบันได เมื่อปันนาเข้ามาหยุดเหลียวซ้ายแลขวา เหมือนตัดสินใจว่าจะไปทางไหนดี นางจึงถามว่า จะเอาอะไรคะคุณหมอ เอ้อ... หมอกล้วยอีกอัก บอกไม่ถูก จะบอกว่าวิ่งลงมาตามหาคนรู้จัก ที่เห็นแวบๆเมื่อครู่ ก็ไม่แน่ใจว่าคนอื่นจะว่า หมอคนนี้ติงต๊องหรือเปล่า มาถึงไม่ทันไร ก็มาวิ่งไล่ตามหาคน และถ้าหากเป็นแค่ตาฝาด และถ้าเป็นแค่จินตนาการ หล่อนคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เห็นบ้านหลังเล็กๆด้านหลังท่าทางน่าอยู่มาก เป็นของใครคะ" อยากถามอย่างนี้ หรือไม่ก็ "ฉันอยากจะลงไปเดินชมสวนข้างนอกหน่อยจ๊ะ หรือจะตอบว่า "พอดีเห็นเหมือนคนรู้จักอยู่สวนข้างหลัง ว่าจะไปดูหน่อยว่าใช่จริงหรือเปล่า?" แค่นึก ตัวเองยังรู้สึกไม่เข้าท่าเลย แล้วนี่จะพูดให้คนอื่นฟังในวันที่มาทำงานวันแรกนี่นะ แค่แต่งตัวง่ายๆสบายๆ แต่ทุกคนที่นี่แต่งตัวเต็มพิธี หล่อนก็รู้สึกตัวลีบแล้ว ยังมาหาเรื่องให้ขายหน้าเพิ่มอีก เอาน่า ไว้พรุ่งนี้เช้ามืด ลงไปเดินสำรวจ คงไม่น่าเกลียดหรอก ยังไงนายนั่นคงไม่หนีหายไปไหน ก็บ้านเขาเองนี่ อย่างน้อยก็รู้ว่าคนที่เหมือนพี่เตยนั้นมีความเกี่ยวข้องกับเฉินฮ่าวหมิงหรืออาจจะเป็นนายเฉินฮ่าวหมิงเองอยู่ที่นี่จริงๆ เพราะฉะนั้นเหตุผลที่ปันนาบอกหลังจากวิ่งจนเกือบเป็นถลาลงมาจากชั้นบนจึงเป็น "ห้องอาหารอยู่ที่ไหนคะ?"
เช้าวันนี้ ปันนาตื่นแต่เช้า ความตื่นเต้นทำให้นอนหลับไม่สนิท หญิงสาวกระวีกระวาดเข้าห้องน้ำอาบน้ำแต่งตัวใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที เสียเวลาชำเลืองมองเงาในกระจกบานใสเพียงแวบเดียว
เสื้อเชิ้ตสีขาวเก็บชายไว้เรียบร้อยใต้ขอบกางเกงผ้าคอตตอนสีน่ำตาลอ่อนเข้ารูป มีกระเป๋าด้านข้าง พับปลายกางเกงด้านในขึ้นมาเกือบสองนิ้วโชว์ผ้าลูกไม้สีครีมตัดเย็บประณีต ยังไงก็คงดูเรียบร้อยกว่ากางเกงยีนสีซีดเข่าขาดเมื่อวานหรอกน่า
นอกหน้าต่างที่ไม่ได้รูดม่านปิดไว้ ท้องฟ้ายังไม่สว่างดี หญิงสาวรูดม่านสีเขียวอ่อนไปชิดขอบ รวบด้วยพู่ไหมสีสวยก่อนจะเลื่อนประตูกระจกหนาตรงระเบียงออก ข้างนอกอากาศดี ลมพัดเย็นสบายจนอดสูดลมหายใจเข้าลึกๆไม่ได้ นานๆจะได้เจออากาศบริสุทธิ์อย่างนี้สักที
ท่ามกลางไม้หนาทึบไกลออกไป ไม่เห็นความเคลื่อนไหวใดๆ นอกจากหลังคาเรือนไม้ทรงปั้นหยาที่ยังซ่อนตัวรอการมาเยี่ยมเยียน
ณ จุดที่เห็นใครคนหนึ่งยืนซุ่มเงยแหงนมองขึ้นมายังบริเวณที่หล่อนยืนอยู่ เช้านี้ว่างเปล่า
ถึงจะจำได้ว่า เมื่อตอนเย็นหลังรับประทานอาหารแล้ว ป้านิ่มพาหล่อนไปแนะนำสถานที่ต่างๆภายในบ้าน ยกเว้นเรือนด้านหลังที่หล่อนอยากรู้ที่สุด แต่ป้านิ่มกลับบอกว่า ที่ตรงนั้นคือที่ส่วนตัวของเจ้านาย ไม่ควรเข้าไปยุ่มย่าม หากท่านไม่ได้เรียก แต่ปันนาก็ไม่ใส่ใจ ปล่อยให้ไหลผ่านหูไป คนอย่างปันนา คิดจะทำอะไร ใครก็ห้ามไม่อยู่
ถึงจะเป็นนรก หล่อนก็จะตะเกียตะกายลงไปดูถ้านั่นจะทำให้พบพี่เตยได้
หญิงสาวลงบันไดมาเงียบๆ ทางปลอดโล่ง แม้จะได้ยินเสียงกุกกักและเสียงสนทนาแว่วแผ่วๆมาจากห้องใดสักห้องหนึ่ง แต่หล่อนหาสนใจไม่ รีบหาทางเดินอ้อมจากหน้าบ้านตรงไปยังบริเวณที่เห็นเมื่อวานเย็น
แล้วก็รู้ได้ทันทีว่า ไกลไม่ใช่เล่น เดินแกมวิ่งมาสิบนาทีแล้ว ก็ยังไม่ถึง ทั้งที่มองเห็นอยู่ในสายตาแท้ๆ หากมีรถจักรยานต์สักคันไว้ใช้ คงดีไม่น้อย วันนี้แหละ ควรจะรู้เสียทีว่า เมื่อวานตาฝาดไปหรือเปล่า และหากที่เห็นเป็นจริง ผู้ชายคนนั้นจะเป็นพี่เตยหรือไม
แล้วกระท่อมที่โผล่มาแต่หลังคาทรงปั้นหยาเมื่อมองจากที่สูงบนบ้าน ก็เห็นอยู่ข้างหน้า
ปันนาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกเหงื่อเม็ดเล็กไหลชุ่มมือและแผ่นหลังจนเปียกชื้น ประกอบกับความเย็นจากน้ำค้างยามดึกที่ตกค้างอยู่บนยอดกิ่งใบเมื่อคืน ทำให้รู้สึกหนาวยะเยือกบอกไม่ถูก จนต้องห่อตัวกอดอกเข้าหากัน แขนขาเปียกชื้นขณะบังคับให้ตัวเองค่อยๆก้าวเดินเข้าไปอย่างตื่นเต้น พุ่มไม้หนาทึบข้างหน้า ตามทางที่มีหินกาบวางเรียงทอดข้ามสะพานไม้ ที่สองข้างทางขนาบด้วยต้นไม้พุ่มและใบดอกกลิ่นหอมรวยริน เสียงคนสนทนากันแว่วๆดังเล็ดลอดออกมาจากประตู
หญิงสาวลังเล ชั่งใจ จะเดินหน้าต่อหรือหยุดแค่นี้ เสียมารยาทหรือเปล่าถ้าจะเข้าไปในขณะที่เขากำลังคุยกันเป็นส่วนตัว
แต่ใจอยากรู้คำตอบที่ค้างคาตั้งแต่เมื่อวาน ทำให้ตัดสินใจเดินหน้าต่อ
เข้าไปใกล้อีกนิด จนแยกออกว่าเสียงสนทนาเป็นภาษาจีนนั้นเป็นเสียงของชายและหญิงคู่หนึ่ง ฝ่ายชายเสียงทุ้มห้าว ฝ่ายหญิงน้ำเสียงอ่อนหวานนุ่มนวล คงต้องเป็นคนสวยคนหนึ่ง
ความตื่นเต้นพุ่งวาบเข้ามาจนหัวใจสั่นไหวราวจะออกมากองอยู่นอกอก เสียงผู้ชายพูดแผ่วๆจนต้องยอมเสียมารยาทย่องเข้าไปใกล้อีกนิดเพื่อแนบหน้ากับบานประตู แอบฟังคนอื่นคุยกันหน้าด้านๆ นี่เป็นครั้งแรกจริงๆนะ
ไม่เชื่อก็ตามใจ
เมื่อคืน คุณไม่ได้นอนเลยนี่คะ จะรีบลุกไปไหนแต่เช้า วันนี้วันหยุดด้วย ...
"ไปสายได้อยู่แล้ว อลันไม่ต้องไปส่งหรอกค่ะ ฉันไปกับอาห่าวก็ได้"
"..."
หมอมาแล้วหรือคะ แล้วให้พักที่ไหนคะ
เดี๋ยวนะ
เสียงสนทนายังคงดำเนินต่อไป แต่จนแล้วจนรอด เสียงฝ่ายชายก็ยังแผ่วเบาจับใจความไม่ได้ ซ้ำจับน้ำเสียงได้ยากอีกด้วย
กำลังแอบฟังอยู่อย่างตั้งใจ
ทันใดนั้น ประตูไม้หนาเบื้องหน้าก็ถูกดึงเปิดโดยแรง แก้มใสที่แนบสนิทกับบานประตูจึงเสียหลักเอนตามไปด้วย โดยไม่ทันตั้งตัว เนื้อแนบไม้เมื่อครู่ บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นเนื้อแนบเนื้อแทน
ปันนาทั้งตกใจทั้งอับอายเมื่อรู้ว่า ขณะนี้ศีรษะของหล่อนเอนซบกับทรวงอกหนาเต็มไปด้วยมัดกล้ามแข็งแรงและไรขนอ่อนๆของใครคนหนึ่งเต็มที่
หน้าและแก้มของหล่อนซับสีแดงระเรื่อ
หากเมื่อค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของอกที่ให้ที่พักพิงด้วยความบังเอิญและคงไม่เต็มใจอย่างยิ่ง
เคราและหนวดครี้มรอบริมฝีปากหยักบางสะดุดตามองเห็นเป็นสิ่งแรก และเมื่อเลื่อนสายตาขึ้นมาช้าๆ จมูกโด่งเป็นสันได้รูป ดวงตาเรียวคมดุ แพขนตาโค้งอนที่กำลังหลุบต่ำก้มดูผู้อยู่ในอ้อมอกแสดงอาการตกใจ ประหลาดใจและนึกไม่ถึง
ใครจะไปคิด อยู่ดีๆจะมีนางฟ้าจากสวรรค์ตกปุ๊บลงมาในอ้อมกอดแต่เช้ามืด
ปันนาเบิ่งตาโต ความอาย ความตกใจเมื่อครู่ถูกลบเลือนหายไปด้วยความตื่นเต้นยินดีที่พุ่งกระหน่ำเข้ามา จนหัวใจแทบจะออกมาเต้นระบำเริงร่าอยู่ข้างนอก
ไม่เชื่อสายตาตนเอง จนลืมตัวอยากจะเอนแนบซบลงไปบนอกแข็งแรงอบอุ่นที่ถวิลหา เอาแขนสองข้างโอบรอบคอแล้วร้องไห้ให้สาแก่ใจให้สมกับความคิดถึงมาเนิ่นนาน
แน่แล้ว อ้อมอกนี้เป็นอ้อมอกเดียวกับอ้อมอกอบอุ่นแข็งแรงที่ถวิลหามาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มาพบมาเจอในสภาพเช่นนี้ ต่อให้เติมเครา เติมหนวด ใส่หน้ากากจนปิดหน้าปิดตา ปันนาก็ยังจำได้
ใครมาหรือคะ
เสียงถามเป็นภาษาอังกฤษของสตรีอีกคนที่อยู่ด้านในดังลอดออกมา ก่อนที่เจ้าของเสียงจะโผล่หน้าสวยเฉี่ยว แต้มเครื่องสำอางบางเบาอย่างคนเพิ่งตื่นนอนออกมายืนเยื้องไปข้างหลังร่างสูงแกร่งของชายหนุ่ม
ปันนาที่บัดนี้ ลุกขึ้นยืนตั้งตัวได้ น้ำตาคลอเบ้าตา เตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง
หากเมื่อเหลือบมองผู้เข้ามาทีหลัง ชุดนอนสายเดี่ยวเนื้อผ้าบางเบาที่หล่อนสวมใส่ประกอบกับชุดเสื้อคลุมอาบน้ำของชายหนุ่มที่กำลังยึดพยุงตัวปันนาอยู่ ไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งสิ้น
ก็เข้าใจ สองคนนี้มีความสัมพันธ์ฉันใด
หญิงสาวหันมองสลับไปมา จากนั้นความผิดหวังก็แผ่ซ่านกระจายลงมาบดบังความยินดีเมื่อครู่จนแตกละเอียดไม่มีชิ้นดี คำเรียกขานว่า
พี่เตย
จึงติดค้างอยู่เพียงริมฝีปาก ความเจ็บปวด ผิดหวังที่ตามมาเกือบพร้อมๆกัน ความรู้สึกต่างกันสองขั้ว ตลอดจนอาการตื่นเต้นนอนไม่หลับติดๆกันสองสามคืน ทำให้ร่างบางค่อยๆเอนลง ดวงตากลมโตปิดลงช้าๆ มีเพียงเสียงแผ่วเบา พึมพำว่า
พี่เตย
จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป
[ ค้นหาเว็บบอร์ดทุกโรงเรียน แวะไปล่างสุดโฮมเพจ Dek-D ]
ขอบคุณ คุณนารีจำศีล, คุณรพิชา คุณ retronich สำหรับกำลังใจที่ให้ และขอบคุณคุณรพิชาสำหรับคำอธิบายเรื่องคำไม่สุภาพ ที่ทำให้โพสไม่ได้
แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 55 15:55:25
จากคุณ |
:
mamahuhu
|
เขียนเมื่อ |
:
1 พ.ย. 55 15:53:13
|
|
|
|
|