Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Love Like Blood - รักรสเลือด - เลือดหยดที่เก้า ; บ้านริมป่าช้า vote ติดต่อทีมงาน

เรื่องสั้นชุด Love Like Blood - รักรสเลือด

เลือดหยดที่หนึ่ง บึงนางพราย Part 1
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2012/07/W12451148/W12451148.html

เลือดหยดที่หนึ่ง บึงนางพราย Part 2

http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2012/08/W12462582/W12462582.html

เลือดหยดที่สอง กลิ่นคาวของความตาย
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12527580/W12527580.html

เลือดหยดที่สาม ทรายในหลุมดำ ฉบับไฟเขียว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12670872/W12670872.html

เลือดหยดที่สี่ ขย้ำ

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12683725/W12683725.html

เลือดหยดที่ห้า คำขอร้องของตั๊กแตน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12733988/W12733988.html

เลือดหยดที่หก แดนบูชายักษ์

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12766041/W12766041.html

เลือดหยดที่เจ็ด รักรสเลือด

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12797419/W12797419.html

เลือดหยดที่แปด เชือด/ชม/ชิม

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12835086/W12835086.html

----------------------------------

Love Like Blood – รักรสเลือด

เรื่องที่ 9

บ้านริมป่าช้า

ถึงแม้หญิงสาวหน้าตาสะสวยที่นั่งอยู่บนเบาะผู้โดยสารด้านข้างจะได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขา แต่ความบึ้งตึงบนใบหน้าของเธอกลับทำให้ธารารู้สึกเหมือนเขากำลังขับรถอยู่กับคนแปลกหน้าอย่างไรอย่างนั้น

“แถวนี้เงียบสงบดีจังเลยเนอะ คุณว่าไหม?” ธาราเอ่ยทำลายความเงียบ พยายามทำน้ำเสียงให้กระปรี้กระเปร่าเหมือนกระตือรือร้นที่จะเดินทางไปให้ถึงที่หมายเสียเต็มประดา ทั้งที่ความรู้สึกในใจจริงๆ แล้ว ธาราอยากอยู่บ้านเขียนต้นฉบับมากกว่า แต่ก็รู้ดีว่าหากเขากับภรรยาไม่ใช้โอกาสวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ปรับความเข้าใจกัน ชีวิตครอบครัวที่เคยวาดฝันเอาไว้อย่างสวยงามคงต้องถึงกาลอวสานแน่ๆ

“ฉันว่ามันเงียบเหมือนป่าช้ามากกว่า มีคนอยู่บ้างรึเปล่าเถอะ ขับหลงทางมารึเปล่าก็ไม่รู้” วีณาตอบกลับด้วยเสียงมะนาวไม่มีน้ำ “ฉันจับเวลาดูแล้ว ตั้งแต่คุณขับเข้ามาถนนเส้นนี้ สิบห้านาทีแล้วเรายังไม่เจออะไรเลยนอกจากป่า ป่า แล้วก็ป่า”

ธารากลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ เขาไม่รู้ว่าความห่างเหินระหว่างเขากับภรรยาเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ธาราไม่เข้าใจว่าวีณาโกรธเคืองเขาด้วยเหตุอันใด เขาไม่ใช่คนดื่มเหล้าสูบบุหรี่ ยิ่งเที่ยวผู้หญิงก็มีสถิติเป็นศูนย์ เพราะนักเขียนอย่างเขาวันๆ ก็ได้แต่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ใช้ชีวิตเหมือนนักโทษ โอกาสออกไปนอกบ้านพบปะผู้คนแทบไม่มี

“ตัวเธอน่ะเย็นชากับพี่วีเค้ามากไปหรือเปล่า บางทีผู้หญิงเค้าก็ต้องการการเอาใจใส่นะ ยิ่งหลังแต่งงานด้วยแล้ว ไปทำตัวเหมือนว่าพี่วีเค้าเป็นของตาย แบบนี้ผู้หญิงที่ไหนก็ไม่ชอบหรอกค่า” มนต์ชัย น้องชายแท้ๆ ของธาราให้คำแนะนำหลังจากธาราโทรศัพท์ไปขอคำปรึกษา ที่ธาราเลือกปรึกษาน้องชายของตัวเองก็เป็นเพราะมนต์ชัยเป็นสาวประเภทสอง น่าจะเป็นคนใกล้ตัวของเขาที่เข้าใจหัวอกผู้หญิงมากที่สุดแล้ว

“พี่ว่าพี่ก็ไม่ได้ทำตัวเปลี่ยนไปเลยนะ แต่ช่างเถอะ แกพอจะมีวิธีทำให้พี่สะใภ้แกกลับมาเป็นเหมือนเดิมบ้างมั้ยวะ?”

“มีจ้ะมี ตัวเธอก็แค่พาพี่วีเค้าไปเปิดหูเปิดตา เรียกคืนความรู้สึกเก่าๆ เสียหน่อยเท่านั้นเอง อาทิตย์นี้ลอง วีคเอนยาวด้วยนี่ ตัวเธอน่าจะพาพี่วีไปเที่ยวทะเลหรือภูเขาหรือที่ๆ มันสงบแล้วก็โรแมนติกอ่ะนะ  ดีไม่ดีกลับมาแล้วนอกจากจะคืนดีกัน หนูอาจจะได้อุ้มหลานก็ได้ ใครจะรู้ อิอิ”

หลังได้รับคำแนะนำจากน้องชายใจสาวแล้ว ธาราก็ค้นอินเตอร์เน็ตหาข้อมูลสถานที่พักผ่อนสำหรับคู่รักและเขาก็เจอตัวเลือกแรกๆ เป็นรีสอร์ทที่ภูเก็ตกับรีสอร์ทที่เขาใหญ่ แรกทีเดียวธาราตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกไปที่ไหนดี ส่วนตัวเขาชอบทะเลมาก แต่วีณาชอบบรรยากาศของภูเขา แล้วธาราก็คิดได้ว่าจุดมุ่งหมายสำหรับการพักผ่อนครั้งนี้คือเพื่อเอาใจวีณา เขาจึงติดต่อจองห้องพักที่เขาใหญ่โดยไม่รีรอ

แต่ดูที่วีณาเพิ่งพูดออกมาสิ เธอบอกว่ามองทางไหนก็เจอแต่ป่า ป่า แล้วก็ป่า น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความรำคาญและหงุดหงิดหัวใจ ผิดกับตอนที่คบกันใหม่ๆ ที่พากันไปเที่ยวอุทยานที่กาญจนบุรี วีณาตื่นตาตื่นใจกับบรรดาต้นไม้ที่เสียดแทงผืนฟ้ามาก เธอเคยบอกว่าได้เห็นต้นไม้และได้สูดกลิ่นอายอันบริสุทธิ์ของพวกมันเมื่อใด ไม่ว่าเจอะเจอเรื่องราวหนักหนาสาหัสอะไรมา เธอจะรู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง

บางทีกาลเวลาที่ผ่านมาอาจเปลี่ยนวีณาที่เขารู้จัก กลายเป็นวีณาอีกคน เขาอาจคิดผิดที่พาเธอมาเที่ยวที่นี่

หรือเขาอาจคิดผิดที่แต่งงานกับเธอ

ธาราคิดอย่างเศร้าใจขณะขับรถต่อไปกลางความเงียบ

ผ่านไปอีกสิบนาทีบนถนนที่เปลี่ยวร้าง

วีณาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าสะพายที่วางอยู่ข้างตัว เธอตั้งใจจะใช้แผนที่ดาวเทียวตรวจดูเส้นทางว่าสามีของเธอขับรถมาถูกทางหรือเปล่า แต่ทว่าหน้าจอกลับปรากฏว่าขีดสัญญาณโทรศัพท์สาบสูญไม่เหลือเลยสักขีด ไม่ต้องพูดถึงว่าสัญญาณอินเตอร์เน็ตจะใช้ได้หรือไม่ แต่ถึงอย่างนั้นวีณาก็ยังคงลองและก็ต้องหน้างอเพราะพบว่าสัญญาณอินเตอร์เน็ตก็หายสาบสูญไปเช่นเดียวกัน

“สัญญาณไม่มีเหรอ?” ธาราถาม “ลองหยิบเครื่องผมไปดูสิ ว่าแต่วีจะโทรหาใครจ้ะ?”

“ไม่ได้โทรหาใคร แต่จะเช็กดูว่าไอ้ถนนที่เรากำลังอยู่เนี่ยน่ะ มันจะพาเราไปที่ไหน” วีณาตอบขณะยัดโทรศัพท์ของตัวเองเข้ากระเป๋าและไม่มีทีท่าว่าจะเอื้อมมือมาหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของเขาแต่อย่างใด

“แหม มากับผมมันก็ต้องเป็นถนนที่พาเราไปสู่จุดหมายปลายทางอยู่แล้วน่า” ธาราพูดอย่างมั่นใจ ผิดกับความรู้สึกจริงที่เริ่มไม่ค่อยแน่ใจแล้วว่าตนเองขับรถมาถูกทางหรือเปล่า เขาเพิ่งสังเกตว่าสองข้างทางมีแต่ป่ารกชัฏ ไม่มีป้ายบอกทาง หลักกิโลเมตร เรือกสวนไร่นาหรือสิ่งปลูกสร้างของมนุษย์อยู่เลย

มันเป็นเส้นทางที่รกร้างวังเวงเสียจนธารานึกถึงฉากหนึ่งที่เขาเคยเขียนในนิยายสยองขวัญขึ้นมาตะหงิดๆ

“ก็เพราะฉันมากับคุณนี่แหละ ฉันถึงไม่มั่นใจไงว่าเราจะไปถึงจุดหมายหรือเปล่า” วีณาโพล่งขึ้นกลางความเงียบ อะไรบางอย่างในน้ำเสียงของเธอบอกเขาว่าภรรยาไม่ได้พูดถึงการเดินทาง แต่เธอกำลังพูดถึงเรื่องชีวิตคู่ระหว่างเธอกับเขาต่างหาก

“อ่า คือว่าคุณมั่นใจได้เลยนะ ยังไงคุณก็ตัดสินใจไม่ผิดหรอกที่มากับผม” ธาราพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ใบหน้าของเขาที่สะท้อนในกระจกรถเป็นใบหน้าของชายหนุ่มแว่นหนา คิ้วดำเข้มกำลังขมวดวุ่นอย่างคนที่กำลังมีเรื่องยุ่งยากอยู่ในใจ

“ฉันก็เคยรู้สึกอย่างนั้น...” วีณาพูดค้างเอาไว้และเงียบเสียงลงดื้อๆ เธอยกมือกอดอก เอนหลังพิงพนักเบาะและทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง ปล่อยให้ธาราบังคับรถต่อไปด้วยหัวใจตุ้มๆ ต่อมๆ เพราะลุ้นว่าภรรยาจะพูดอะไรต่อหรือไม่

มือของนักเขียนหนุ่มที่เกาะกุมพวงมาลัยชื้นไปด้วยเหงื่อ เขาทราบว่าไม่ควรเริ่มต้นปรับความเข้าใจขณะเดินทาง เพราะนั่นอาจนำมาสู่การทะเลาะและเป็นเหตุให้แผนการง้อคืนดีระหว่างพักผ่อนสามวันสองคืนพังครืนไม่เป็นท่า แต่เขาก็ห้ามตัวเองไว้ไม่ทันขณะหลุดปากออกไป

“ผมมันโง่เกินไปที่ไม่รู้ตัวว่าทำอะไรให้คุณเกิดความรู้สึกไม่มั่นใจในตัวผม วี คุณช่วยบอกผมได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา?”
เสียงของธาราไม่ได้รื่นเริงอีกแล้ว มันเคร่งครึมจนวีณาต้องเหลียวมองใบหน้าด้านข้างของเขา

“ระหว่างเรามันก็ปกติดีนี่” วีณาตอบกลับเสียงกระด้างชนิดที่ผู้ฟังตระหนักได้ทันทีว่าคำตอบที่แท้จริงของเธอ คือสิ่งที่อยู่ด้านตรงข้ามกับคำพูดที่เธอเอื้อนเอ่ยออกมา

“แต่ผมว่าต้องมี” ธาราหันหน้ามองเข้าไปในดวงตาของภรรยา “ถ้าผมทำอะไรให้คุณไม่พอใจ ผมต้องขอโทษ แต่ช่วยบอกผมทีว่าผมทำอะไรผิด ผมว่าเราอยู่กันอย่างบึ้งตึงแบบนี้ไม่ได้ ผมไม่เข้าใจเลย คุณเป็นอะไร มีเรื่องอะไรทำไมไม่พูด”

“ฉันน่ะเป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง มีแต่คุณนั่นแหละที่เปลี่ยนไป” วีณาจ้องตาเขาอย่างไม่ยอมแพ้ “ลองนึกดูดีๆ สิว่าคุณ ‘ลืม’ หรือ ‘มองข้าม’ อะไรไปหรือเปล่า?”

ธาราขมวดคิ้ว จ้องมองใบหน้าภรรยาด้วยความประหลาดใจ

เขาลืมหรือมองข้ามอะไรงั้นหรือ?

ธาราหันหน้ากลับมามองถนน เป็นวินาทีเดียวกับที่วีณาก็ละสายตาจากใบหน้าเขามองไปข้างหน้าเหมือนกัน

ทั้งคู่จึงได้พบว่าบนถนนอันรกร้างเบื้องหน้า ร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินข้ามถนนและอยู่ในระยะประชิดที่รถของพวกเขากำลังพุ่งเข้าไปพอดี

“เฮ้ย!”

“กรี๊ดดด!”

โครม!

เสียงสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นเมื่อธาราหักพวงมาลัยเลี้ยวหลบร่างของชายผู้ข้ามถนนไปทางขวามือ เขาเลื่อนเท้าเหยียบเบรก แต่มันก็ไม่สามารถช่วยให้รถลอดพ้นการปะทะกับต้นไทรใหญ่ริมทางได้ ถุงลมนิรภัยพุ่งออกมาอัดกระแทกหน้าอกของธารากับวีณาแทบจะในวินาทีเดียวกัน

สองตาของนักเขียนหนุ่มพร่าลาย ความเจ็บปวดของการถูกเข็มขัดนิรภัยรั้งไหล่และแรงอัดของถุงลมนิรภัยทำให้เขาร้องครางออกมา มันเป็นอุบัติเหตุครั้งแรกในชีวิตการขับรถของธารา เขาสลัดหัวไล่ความมึนงง พลันนึกได้ถึงภรรยาจึงร่ำร้องออกมาด้วยความร้อนรน

“วี คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”

ร่างบางบนเบาะผู้โดยสารหันมาตอบเขาพลางปลดสายรัดเข็มขัดนิรภัยของตัวเอง “ฉันไม่เป็นไร...คุณล่ะ?”

สมองของธาราปลอดโปร่งขึ้นในพริบตาเมื่อจับกระแสความห่วงใยในน้ำเสียงของเธอได้ เขารีบตอบกลับไป “ผมไม่เป็นไรเหมือนกัน เรารีบลงจากรถกันเถอะ”

ไม่กี่นาทีต่อมา สองหนุ่มสาวก็ออกมายืนคู่กันบนไหล่ถนน เฝ้ามองรถยนต์ราคาเฉียดล้านนอนนิ่งอยู่กับที่ในสภาพที่กระโปรงหน้ารถยุบหายไปเกือบครึ่ง ท้องฟ้ายามบ่ายที่เมื่อครู่ยังแผดแสงแดดเจิดจ้า บัดนี้กลับปรากฏเมฆครึ้มทะมึนและมีสายฟ้าแลบแวบๆ เหมือนฝนกำลังจะตกในไม่ช้า

ธาราละสายตาจากรถยนต์มาที่ใบหน้าด้านข้างของภรรยา เธอกำลังยื่นมือที่ถือโทรศัพท์ไปกลางอากาศเพื่อหาคลื่นสัญญาณ ธาราแอบยิ้มเล็กน้อยให้กับท่าทีที่เหมือนเด็กไร้เดียงสาของเธอ ใบหน้างามหวานยามไม่ได้ตีหน้าขรึมยังคงทำให้หัวใจของเขาพองโตได้เสมอ นักเขียนหนุ่มล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเองและหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แต่เขาก็พบว่าขีดสัญญาณหายไปไม่เหลือสักขีด ไม่น่าเชื่อว่าในปัจจุบันยังที่พื้นที่ที่บอดสัญญาณโทรศัพท์อีกหรือ?

ขณะกำลังก่นด่าเครือข่ายโทรศัพท์อยู่นั้นเอง ธาราก็นึกได้ว่าสาเหตุที่ทำให้เขาต้องนำรถพุ่งชนต้นไม้ข้างทางเป็นเพราะมีผู้ชายคนหนึ่งข้ามถนนตัดหน้ารถในระยะกระชั้นชิด ทว่าตั้งแต่ออกจากรถมายืนอยู่ตรงนี้ ธารายังไม่เห็นมนุษย์คนไหนอีกเลยนอกจากตัวเขาเองกับภรรยาเพียงสองคน

ดูเหมือนว่าวีณาก็กำลังครุ่นคิดเรื่องเดียวกันนี้ เธอยัดโทรศัพท์เข้ากระเป๋าสะพายอีกครั้งอย่างปลงตกพร้อมกับกวาดสายตามองรอบตัวเหมือนมองหาอะไรสักอย่าง

“แปลกจังเลย หายไปไหนแล้วนะ” เธอพึมพำอย่างต้องการให้ธาราซักถาม
นักเขียนหนุ่มรีบทำตามที่เธอต้องการ “วีหมายถึงผู้ชายที่เดินตัดหน้ารถเมื่อกี้ใช่มั้ย?”

“อื้อ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรหรือเปล่านะ ไม่เห็นมีร่องรอยอะไรเลย” วีณากำลังพยายามจะบอกว่า หากผู้ชายคนนั้นถูกรถชนก็น่าจะมีร่องรอยของเลือดอยู่บนพื้นถนนบ้าง  หรือถ้าเขาเป็นชาวบ้าน ก็น่าจะย้อนกลับมาดูรถยนต์ที่ต้องเหเข้าไปหมดสภาพที่ข้างทางเพราะเขาสักนิด ไม่ใช่หายตัวไปเหมือนภูตพรายอย่างนี้

“เขาอาจจะ...ตกใจมั้ง ป่านนี้คงเดินเข้าป่าไปแล้วล่ะ” ธารากล่าวพร้อมกับคิดว่าหากชายคนนั้นไม่ใช่มนุษย์ สถานการณ์ในตอนนี้ของพวกเขาก็เหมือนนิยายสยองขวัญสูตรสำเร็จที่พระเอก - นางเอกต้องประสบกับเหตุไม่คาดฝันต่างๆ นานาในดินแดนลี้ลับที่มนุษย์ไม่ควรย่างกรายเข้ามา
ลางร้ายต้องเริ่มจากให้พระเอก - นางเอกพบอุบัติเหตุอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วสัญญาณโทรศัพท์ก็ขาดหาย ไม่มีทางใดที่จะสามารถส่งข่าวหรือติดต่อกับโลกภายนอกได้เลย ถ้านี่เป็นในโลกของนิยาย มันก็เป็นเพิ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความสยองขวัญที่ไม่มีทางจบสิ้นได้ง่ายๆ

ธารายกมือเกาหัว เงยหน้ามองท้องฟ้า อีกมือหนึ่งยังคงถือโทรศัพท์ที่ยามนี้ไม่มีค่าอะไรนอกจากใช้เป็นเครื่องคิดเลข ก่อนจะได้ยินเสียงภรรยาถามว่า

“เอาไงดีล่ะ อีกไม่นานฝนตกแน่”

“เราต้องหาที่หลบฝน” ธาราตอบอย่างกำปั้นทุบดิน ดึงสายตาลงจากเมฆครึ้มบนท้องฟ้าจ้องมองวงหน้าของวีณา “ไม่รู้แถวนี้จะมีบ้านคนให้เราขอหลบฝนบ้างหรือเปล่า ผมว่าเราเข้าไปนั่งรอใต้ต้นไม้ข้างรถดีกว่าไหม เผื่ออาจจะมีรถชาวบ้านผ่านมาบ้าง?”

“จะบ้าหรอ ให้ไปนั่งรอข้างรถที่เพิ่งจะชนกับต้นไม้จนฝากระโปรงบู้บี้เนี่ยนะ เกิดรถระเบิดตูมตามขึ้นมาจะทำยังไง” หญิงสาวแหวใส่อย่างไม่เห็นด้วย “ฉันว่าเรากลับไปเอากระเป๋าเสื้อผ้าที่รถแล้วเดินไปตามทางข้างหน้านี่ดีกว่า เมื่อกี้มีคนข้ามถนนตัดหน้ารถเรา แสดงว่าแถวนี้ต้องมีบ้านคนอยู่แน่ๆ”

มีแน่ ถ้าไอ้คนเมื่อกี้มันเป็นคนจริงๆ น่ะนะ ธาราพูดในใจ ยกมือขยับแว่น แต่ยังอดพูดอ้อมแอ้มไม่ได้

“แต่ถ้าไปแล้วข้างหน้าไม่เจอใครเลย เราอาจจะเสียเวลาเปล่าก็ได้นา”
วีณายกมือท้าวเอวขึงตามองหน้าเขาอย่างออกคำสั่ง “พูดมาก ตกลงจะไปไม่ไปฮะ?”

“ง่ะ ไปคร้าบ ไปอยู่แล้ว” ธารารีบค้อมศีรษะเหมือนผู้รับใช้ที่ตอบรับคำบัญชาจากเจ้านาย ก่อนที่นักเขียนหนุ่มจะเดินกลับไปเปิดกระโปรงใส่ของท้ายรถและลากกระเป๋าเดินทางที่บรรจุเสื้อผ้าของเขากับภรรยาออกมา
ท้องฟ้าร้องครืน สายลมพัดพาใบไม้ที่ตกเกลื่อนพื้นลอยตัวกลิ้งไปบนผิวถนนเสียงดังแกรกกราก นาฬิกาข้อมือเพิ่งบอกเวลาว่าสี่โมงเย็นเท่านั้น แต่บรรยากาศรอบกายกลับมืดมะทึมราวใกล้ถึงช่วงพลบค่ำเต็มที แต่ขณะที่ธาราลากกระเป๋าขึ้นไปยืนเคียงคู่ภรรยาริมถนนนั้น เขาไม่ได้ใส่ใจกับสภาพดินฟ้าอากาศเลยสักนิด

นักเขียนหนุ่มจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่วีณาออกคำสั่งใส่เขาคือเมื่อไหร่ ในระยะหลังวีณามักทำเย็นชาใส่เขาตลอด เรียกได้ว่าหากไม่จำเป็นที่จะต้องพูด เธอก็จะไม่พูดกับเขาเลย ดังนั้น ในการที่เธอออกคำสั่งใส่เขาครั้งนี้ จึงนับเป็นสัญญาณที่ดีว่า ชีวิตคู่ของพวกเขาใกล้จะกลับคืนสู่สภาวะปกติแล้ว

แต่ธาราก็ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่เมื่อพากันเดินมาเงียบๆ และเขาโพล่งถามออกไปอย่างตั้งใจกระเซ้าเล่นว่า

“นี่วีจ๋า วียังไม่ได้บอกผมเลยนะว่าวีงอนผมเรื่องอะไร”

วีณาหยุดเท้า ชำเลืองหน้าเขาและพูดเสียงแข็ง “สรุปว่าถึงตอนนี้คุณก็ยังจำไม่ได้ใช่มั้ยว่าลืมอะไรไป?”

“จ้ะ”

“งั้นก็อย่ารู้เลย มันไม่สำคัญอะไรร๊อก” หญิงสาวจบประโยคด้วยเสียงสูงปรี๊ด ก่อนจะสะบัดหน้าจนผมหางม้าปลิวไสวและเดินย่ำเท้านำหน้าไปโดยไม่หันหลังกลับมามองเขาอีก

อากัปกิริยาของภรรยายิ่งตอกย้ำในใจให้ธาราสำนึกว่าเรื่องที่เขาหลงลืมไปย่อมเป็นเรื่องที่สำคัญมากแน่นอน

แต่มันคือเรื่องอะไรล่ะ?

ธาราเดินลากกระเป๋าตามหลังภรรยาพลางนึกทบทวนเรื่องสำคัญ ฉับพลันนั้นเขาก็ต้องเย็นวาบไปทั้งตัวเมื่อนึกได้ว่าเดือนนี้คือเดือนสิงหาคม สองเดือนก่อนเป็นเดือนที่มีทั้งวันครบรอบวันแต่งงานกับวันเกิดของเธอ แต่เขามัวแต่ยุ่งกับเดด ไลน์นิยายเรื่องก่อนจนลืมวันทั้งสองวันนั้นเสียสนิท

ธารายกมือเขกหัวตัวเองทันที มิน่าเล่าคนที่โกรธง่ายหายเร็วอย่างวีณาถึงโกรธเขาไม่ยอมหายสักที ก็เล่นลืมทั้งวันครอบรอบวันแต่งงานกับวันเกิดของเธออย่างนี้ เป็นใครก็ต้องโกรธทั้งนั้นแหละ

“วี รอผมก่อน ผมจำได้แล้วว่าผมลืมอะไรไป” นักเขียนหนุ่มตะโกน เร่งฝีเท้าไปให้ทันภรรยา แต่เขาก็ไม่ทันได้พูดเพราะท้องฟ้ามืดครึ้มเทสายฝนลงมาพอดี โชคร้ายที่ไม่ได้นำร่มติดตัวมาด้วย แต่ก็โชคดีที่จังหวะนั้นทั้งสองพบเห็นบ้านไม้สองชั้นหลังหนึ่งตั้งอยู่ริมทางข้างหน้าไม่ไกลนัก

ทว่าสภาพบ้านด้านนอกนั้นละม้ายคล้ายบ้านร้างมากกว่าบ้านที่มีคนอาศัยอยู่ บรรดาเถาวัลย์และพืชไม้เลื้อยพากันเกาะเกี่ยวพันผนังบ้านเอาไว้แทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน แถมรั้วบ้านที่เป็นไม้ก็ยังผุกร่อนจนธาราคิดว่าแค่เขาเดินเข้าไปหายใจรดแรงๆ ทีเดียว รั้วพวกนั้นก็คงพังลงไปทั้งแถบเป็นแน่

นักเขียนหนุ่มกับภรรยาเดินไปหยุดยืนหน้ารั้วบ้านที่มีโซ่สนิมเขรอะคล้องเอาไว้ ธารายกมือป้องสายฝนไม่ให้เปรอะเลนส์แว่นตาไปมากกว่าเก่าขณะหันมาที่วีณาและถาม “เข้าไปหลบฝนข้างในกันก่อนเถอะนะ บ้านร้างแบบนี้คงไม่มีใครอยู่หรอก”

“แต่ฉันว่าเราตะโกนเรียกดูก่อนดีกว่า เผื่อมีคนอยู่ข้างใน” วีณาว่า

ธาราเกือบหลุดหัวเราะ “วีจ้ะ สภาพยังกะบ้านผีสิงแบบนี้ ถ้ามีใครอยู่ก็คงเป็นผีบ้านผีเรือนแล้วแหละ”

แต่วีณาไม่สนใจ เธอเดินเข้าไปใกล้รั้วมากที่สุดและยกมือป้องปาก ส่งเสียงแข่งกับเสียงฟ้าร้องว่า

“ขอโทษค่ะ มีใครอยู่ข้างในบ้างไหมคะ?”

เงียบ ไม่มีเสียงใดตอบรับ

“ไม่มีใครอยู่หรอกน่า ผมบอกแล้ว” ธารากล่าว เดินลากกระเป๋ามายืนข้างภรรยา นักเขียนหนุ่มกำลังเอื้อมมือแตะโซ่ที่คล้องประตูพอดี ประตูของบ้านไม้ก็เปิดผางออก ตามมาด้วยเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น

“มีคนอยู่ค้า รอเดี่ยวนะคะ”

“เฮ่ย ไม่จริงน่ะ” ธาราพึมพำอย่างไม่อยากเชื่อว่าบ้านผีสิงจะมีมนุษย์อาศัยอยู่จริงๆ

“เห็นมะ ฉันบอกแล้วว่าข้างในต้องมีคนอยู่แน่ๆ” วีณาพูดอย่างโล่งใจ ด้วยคิดว่าหากแถวนี้มีบ้านคนจริงๆ ผู้ชายที่เดินตัดหน้ารถของพวกเขาก็ต้องเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ภูตผีวิญญาณอย่างที่เธอนึกกังวลแต่อย่างใด

ธาราและวีณายืนรออยู่ไม่ถึงหนึ่งนาที หญิงสาววัยกลางสามสิบผู้คาดผ้ากันเปื้อนทับชุดลำลองแบบแม่บ้านก็เดินถือร่มฝ่าสายฝนมาที่ประตูรั้ว หล่อนฉีกยิ้มอวดฟันขาววับให้สองอาคันตุกะก่อนจะถามเสียงเย็นยะเยียบ

“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ?”

“ค่ะ พอดีรถของพวกเราเกิดอุบัติเหตุชนกับต้นไม้ตรงโน้นอ่ะคะ ไม่ทราบว่าขออนุญาตเข้าไปพักหลบฝนหน่อยได้ไหมคะ?” วีณาพูดอย่างคล่องแคล่วตามประสาสาวนักประชาสัมพันธ์พลางชี้ไปยังทิศทางที่ตนเองเพิ่งเดินมา ในขณะที่ธาราทนมองภาพเบื้องหน้าผ่านเลนส์แว่นเปียกน้ำต่อไปไม่ไหว จึงถอดเก็บใส่กระเป๋าเสื้อและยืนฟังสองสาวพูดคุยกันเงียบๆ

“อ้อ ได้ค่ะ ยินดีค่ะ มาเลยค่ะ เชิญค่ะ” หญิงสาวเจ้าของบ้านที่ธาราลงความเห็นว่าหล่อนเหมาะกับบทผีดิบสาวอย่างที่สุดพูดเสียงเย็นยะเยียบดังเดิม หล่อนรีบเอื้อมมือลอดซี่รั้วมาด้านนอกและปลดสายโซ่ออกอย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้กุญแจไข

โซ่เส้นนั้นหลุดออกไปอยู่ในมือที่ขาวซีดขณะสายฟ้าแลบแปลบก่อนคำรามครืนครันสอดคล้องกับสายลมที่กรรโชกต้นไม้รายรอบไหวเอนเหมือนต้องการเร่งเร้าให้สองสามีภรรยาก้าวเข้าสู่บ้านริมทางหลังนี้ให้เร็วที่สุด

“ขอบคุณมากค่ะ” วีณาค้อมศีรษะขอบคุณ ก่อนจะเคลื่อนกายผ่านประตูรั้วที่เจ้าของบ้านผลักเปิดอย่างยินดีต้อนรับ นักเขียนหนุ่มหยีตามองตามแผ่นหลังเบลอๆ ของภรรยาแล้วจึงก้าวเท้าตามเข้าไปอย่างเงอะงะ ล้อเลื่อนของกระเป๋าเดินทางจมลงไปในเนื้อดินของสนามหญ้าที่เปียกแฉะทำให้ลากจูงได้ยากลำบาก ธาราเปียกฝนชุ่มโชกไปทั้งตัวจนไม่สนใจอีกแล้วว่าเขาจะเปียกมากขนาดไหน นักเขียนหนุ่มกำลังจะก้มลงไปยกกระเป๋าเดินทางขึ้นมาถือแทนการลาก ฝนที่พร่างพรมราดรดศีรษะเขาอยู่ก็อันตรธานหายไปเพราะหญิงสาวเจ้าของบ้านเดินเข้ามายืนข้างเขาและใช้ร่มของเธอกันฝนให้อย่างใจดี

“ตากฝนมากๆ ระวังจะเป็นหวัดนะคะ” ใบหน้าของเจ้าของบ้านที่ขณะนี้เป็นภาพเบลอโผล่เข้ามาใกล้ชิดชนิดที่ธาราสะดุ้งโหยง

“เอ้อ – อ้า –  ขอบคุณครับ” มันเป็นคำพูดเดียวที่ธารานึกออกในตอนนี้ เขาก้มลงยกกระเป๋าเดินทางขึ้นจากพื้นและเดินเข้าสู่ใต้กันสาดหน้าบ้านพร้อมหญิงสาวเจ้าของสถานที่ วีณายืนรอเขาอยู่ที่ประตู นักเขียนหนุ่มวางกระเป๋าเดินทางลงบนที่พักเท้า ถึงแม้จะยังไม่ได้สวมแว่น แต่เขาก็รับรู้ถึงสายตาของภรรยาที่กำลังจ้องมองมาด้วยความขุ่นเคือง

“เชิญเข้าข้างในบ้านกันก่อนดีกว่าค่ะ ฉันกำลังทำอาหารเย็นอยู่พอดี ถ้าไม่รังเกียจอาบน้ำอาบท่าเสร็จเชิญรับประทานด้วยกันสิคะ” หญิงสาวเจ้าของบ้านพูดอย่างรวดเร็ว แต่ระดับเสียงของหล่อนยังคงดังเป็นระนาบเดียวไม่เปลี่ยนแปลง “แถวนี้พอพลบค่ำก็ไม่ค่อยมีรถราผ่านมาแล้ว เห็นทีคืนนี้พวกคุณคงต้องค้างที่นี่แล้วล่ะค่ะ”

สองสามีภรรยาปฏิเสธอย่างเกรงใจพอเป็นพิธี แต่ก็ทราบดีว่าตนเองไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากค้างคืนที่นี่ เจ้าของบ้านเองก็รู้หน้าที่ว่าต้องรบเร้าไม่ให้แขกทั้งสองรู้สึกกระดากใจนัก ดังนั้นในอีกไม่กี่นาทีต่อมา ธารากับวีณาจึงได้เข้ามานั่งใช้ผ้าขนหนูขยี้ศีรษะและมีผ้าห่มพันกายคลายความหนาวบนพื้นห้องนั่งเล่น พวกเขาไม่กล้านั่งบนโซฟาตัวเก่านั้นเพราะกลัวจะทำให้มันเปียกไปด้วยเสียเปล่าๆ

“วีจ๋า อย่าทำหน้างอเป็นตูดเด็กอย่างนั้นสิ วีไม่พอใจอะไรผมหรอ?” ธาราถามขณะภรรยาเปิดกระเป๋าเดินทางที่วางคั่นกลางระหว่างพวกเขา

วีณาทำหน้านิ่งเหมือนไม่ได้ยินเสียงของสามี เธอคัดเลือกเสื้อผ้ากับชุดชั้นในที่กำลังจะนำไปผลัดเปลี่ยนวางพับไว้ข้างตัว ก่อนจะลุกขึ้นยืนทั้งที่มีผ้าห่มคลุมไหล่และมีผ้าขนหนูคลุมศีรษะ ธาราเงยหน้ามองภรรยา จังหวะนั้นหญิงสาวเจ้าของบ้านก็เดินออกมาจากห้องครัวพอดี วีณาหันไปกล่าวกับหล่อนโดยไม่สนใจสายตาเว้าวอนขอคืนดีหลังเลนส์แว่นที่ถูกเช็ดอย่างสะอาดเอี่ยมของธาราเลย

“ขออนุญาตเข้าห้องน้ำหน่อยนะคะ”

“อ๋อ ตามสบายค่ะ”

แล้วหญิงสาวเจ้าของบ้านที่ยังไม่มีใครรู้จักชื่อก็รับอาสาพาวีณาไปที่ห้องน้ำซึ่งอยู่ข้างห้องนั่งเล่นและตั้งอยู่ตรงข้ามห้องเก็บของใต้บันไดพอดี  

ธาราใช้เวลาสั้นๆ ที่อยู่คนเดียวถอดเสื้อที่เปียกน้ำออกและหยิบเสื้อกล้ามในกระเป๋าเดินทางออกมาสวมใส่แก้หนาวไปหนึ่งเปลาะ ส่วนกางเกงทนใส่เปียกๆ ไปก่อนรอให้วีณาอาบน้ำเสร็จเขาจะเข้าไปอาบน้ำต่อและผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าในนั้น

นักเขียนหนุ่มไม่มีอะไรทำอีกจึงลุกขึ้นยืนและกวาดสายตาสำรวจมองรอบห้องนั่งเล่น สายตาเขากระหวัดพบรูปถ่ายที่ใส่กรอบวิทยาศาสตร์อย่างดีแขวนเรียงอยู่บนผนังแทบทุกด้าน มันเป็นภาพของหญิงสาวเจ้าของบ้านกับชายคนหนึ่งที่หน้าโหดดุเหมือนพวกคนขับรถสิบล้อเมายาบ้าไม่มีผิด

ธารารู้สึกคุ้นหน้าชายคนนี้อย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่เขาก็เลิกสนใจเมื่อเลื่อนสายตามาพิจารณารูปภาพของหญิงสาวเจ้าของบ้าน เขาคิดไม่ผิดจริงๆ ที่อยากมอบบทผีดิบให้เธอแสดงในนิยายของเขา ร่างกายของเธอผ่ายผอมหนังติดกระดูก โครงหน้าตอบซูบน่าจะสวยอย่างที่ควรจะเป็นหากร่างกายมีน้ำมีนวลเพิ่มเติมอีกสักหน่อย

แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดบนใบหน้าของหล่อนทั้งในรูปภาพและตัวจริงก็คือดวงตา

ดวงตาลึกโหลเหม่อลอยเหมือนคนที่กำลังล่องลอยอยู่ในโลกของความฝันขณะลืมตาตื่นอยู่บนโลกแห่งความจริง

ดวงตาแบบนี้แหละที่ธาราใส่ให้ฆาตกรโรคจิตในนิยายของเขามานักต่อนัก

“คิดอะไรอยู่หรือคะ?” เสียงเย็นเยือกดังขึ้นด้านหลังพร้อมลมเย็นเยียบราดรดบนต้นคอของเขา

นักเขียนหนุ่มหมุนตัวกลับไป พบเจ้าของบ้านยืนอยู่ในระยะประชิด หล่อนมายืนอยู่ด้านหลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ ฝีเท้าของหล่อนเบาเหลือเกิน หากหล่อนเป็นฆาตกรโรคจิต เขาก็คงถูกหล่อนเฉาะศีรษะไปแล้วอย่างง่ายดายกว่าเหยื่อรายใดทั้งสิ้น

แต่คนปกติที่ไหนกันมาสร้างบ้านอยู่ในที่แบบนี้?

“อ่า ปะ...เปล่าครับ” ธาราปฏิเสธพร้อมกับรีบขยับตัวถอยห่างออกมาเพราะไม่อยากให้วีณาออกมาเห็นและพาลทำให้เข้าใจผิดมากขึ้นกว่าเดิม

“ฉันมาบอกว่าฉันขึ้นไปเตรียมห้องนอนให้คุณสองคนแล้วนะคะ อยู่ชั้นบนห้องขวามือ หาไม่ยากหรอกค่ะเพราะบ้านนี้มีห้องนอนแค่สองห้องเท่านั้นเอง” หญิงสาวเจ้าของบ้านกล่าว จ้องมองนักเขียนหนุ่มพลางสยายยิ้มกว้าง “ฉันขอตัวไปจัดการอาหารให้เรียบร้อยก่อนนะคะ”

“ขะ...ครับ เชิญครับ” ธาราผายมือให้อย่างลืมตัวว่านี่เป็นบ้านของหล่อน หญิงสาวเจ้าของบ้านผงกศีรษะให้เขาแล้วก้าวเดินเข้าสู่ประตูห้องครัวทางซ้ายมือ หล่อนหายไปไม่ถึงหนึ่งนาที วีณาก็ก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่นจากประตูด้านตรงข้าม

“ไปอาบน้ำสิคุณ เดี๋ยวก็เป็นหวัดตายหรอก” เธอพูดกับเขา ถึงน้ำเสียงจะกระด้างอยู่บ้าง แต่สีหน้าก็ดีขึ้นมากแล้ว

“เจ้าของบ้านเค้าจัดห้องนอนไว้ให้เราแล้ว คุณรู้หรือยัง?” ธาราถามขณะภรรยาในชุดเสื้อยืดสีชมพูกับกางเกงขาสามส่วนสีฟ้าอ่อนก้มกายลงและหยิบเสื้อกับกางเกงจากกระเป๋าเดินทางยื่นส่งให้เขา

“รู้แล้ว” เธอตอบสั้นๆ

“แล้วคุณหายโกรธผมหรือยัง?” ธารากล่าว เขาคิดว่าควรพูดเรื่องนี้กับภรรยาตอนที่เธออารมณ์ดีมากที่สุด “ผมรู้แล้วนะว่าผมลืมเรื่องอะไร – ”

“ - เงียบไปเลย ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้น” วีณาขึงตาลุกขึ้นยืน ยัดเสื้อผ้าใส่มือเขาและกล่าวต่อ “ฉันจะเข้าไปขอบคุณเจ้าของบ้านเค้าก่อนแล้วจะขึ้นไปดูห้องนอนข้างบน อาบน้ำเสร็จก็ยกกระเป๋าตามขึ้นไปด้วย คืนนี้เราสองคนจะทำเหมือนคืนแรกที่ออกไปเที่ยวค้างคืนด้วยกัน คุณจำตอนนั้นได้หรือเปล่า?”

ธาราตาลุกโพลง คำพูดของภรรยาก้องในสองหู

คืนนี้เราสองคนจะนอนกันเหมือนคืนแรกที่ออกไปเที่ยวค้างคืนด้วยกัน ...อย่างนั้นหรือ?

นักเขียนหนุ่มแทบไม่สามารถห้ามรอยยิ้มด้วยความดีใจของตัวเองได้ เขาจำไม่ได้หรอกว่าคืนแรกที่เขากับภรรยาออกไปเที่ยวและต้องค้างคืนด้วยกันคือเมื่อไหร่ มันนานแล้ว อาจจะสักหกเจ็ดปีเห็นจะได้ แต่ใจความสำคัญก็คือ เมื่อหนุ่มสาวอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ก็คงไม่พ้นต้องมีเรื่องอีโรติกวาบหวามใจเข้ามาเกี่ยวข้องแน่ๆ

ธาราหัวเราะคิกคักด้วยความกระหยิ่มอยู่ในใจโดยไม่ได้รู้เลยว่าเมื่อตนเองออกจากห้องน้ำเดินลากกระเป๋าเดินทางขึ้นบันไดสู่ห้องนอนที่ชั้นสอง เขาจะพบกับภาพที่วีณากำลังปูผ้าขนหนูผืนบางลงบนพื้นกระดานข้างเตียงสี่เสาและเมื่อเห็นเขายืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ที่ประตูห้อง วีณาก็เหลียวหน้ามาบอกว่า

“นี่ไงที่นอนของคุณ”

“ไอย๊ะ ผมต้องนอนพื้นหรอวี? ไหนบอกว่าเราจะทำเหมือนคืนแรกที่ออกไปเที่ยวค้างคืนด้วยกันไง?”

“ก็ใช่ไง คืนนั้นคุณเป็นสุภาพบุรุษดีมาก คุณให้ฉันนอนบนเตียงส่วนตัวเองลงไปปูผ้านอนบนพื้น ทำไมคะ อย่าบอกนะว่าเรื่องนี้ก็จำไม่ได้เหมือนกัน?” วีณาพูดพลางยิ้มกว้างอย่างสะใจในชัยชนะ

“แหม จำได้จ้ะ ผมจำได้ ไม่เคยลืมหรอก” ธาราตอบตะกุกตะกัก นึกหงุดหงิดตัวเองในอดีตที่นิสัยดีเกินเหตุ เขาก้าวเท้าลากกระเป๋าเดินทางมาตั้งไว้ปลายเตียงอย่างซังกะตาย เมื่อเหลือบมองผ้าห่มที่ภรรยากำลังพับวางไว้ให้บนหมอนเหนือผ้าขนหนูซึ่งเป็นที่นอนของเขาในคืนนี้ ธาราก็อดพึมพำออกมาไม่ได้ “เวรกรรมแท้น่อเรา”

“ว่าอะไรนะคะ?” วีณาแสร้งถามหน้าตาใสซื่อ

“อ๊ะ เปล่าจ้ะ คือผมพูดว่า...ว่า...อ้า...ว่าดีจังเลยเนาะ ที่เราได้มารำลึกอดีตกันแบบนี้” นักเขียนหนุ่มหัวเราะแหะๆ ที่เอาตัวรอดได้อย่างหวุดหวิด

“ฉันดีใจที่ได้ยินคุณพูดอย่างนั้นค่ะ” วีณาลุกขึ้นหลังจัดการที่หลับที่นอนให้เขาเรียบร้อย “งั้นฉันขอลงไปคุยกับคุณเบลล่าเธอก่อนนะคะ”

“เบลล่าไหนจ้ะ?” ธาราถามอย่างงุนงง

“ก็คุณเจ้าของบ้านไงคะ เธอชื่อเบลล่า คุณไม่รู้หรอ? แหม นึกว่าจะแนะนำตัวกันเสร็จแล้วเสียอีก เห็นเดินถือร่มประคองกันเสียขนาดนั้น” วีณาพูดต่อ คราวนี้ธารารู้สึกได้ว่าเธอไม่ได้พูดออกมาเพราะหึงหวงเขา แต่เธอพูดออกมาเพื่อต้องการยวนอารมณ์เขา เธออยากให้เขาแก้ตัว เธออยากให้เขาพูดออกไปว่าเขารักเธอเพียงคนเดียว ไม่เคยชายตาแลมองหญิงสาวคนไหนอีกเลย

ธารายกมือขยับแว่น สงสัยว่าใครกันนะที่บอกว่าการแต่งงานเป็นเรื่องของคนสองคนที่ต้องปรับตัวเข้าหากัน ทั้งที่ความจริงแล้ว มันเป็นเรื่องของคนๆ หนึ่งที่ต้องตามใจคนอีกคนหนึ่งไปตลอดชีวิตต่างหาก แต่เขาก็รู้ข้อนี้ดีและเต็มใจทำมันตั้งแต่ชีวิตคู่เริ่มต้น ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่จะมาโอดครวญให้เสียเวลา

“เค้าก็แค่หวังดีมาช่วยผมเท่านั้นนะวี แล้วเค้าก็มีคนรักอยู่แล้วด้วย ผมเห็นรูปถ่ายของพวกเค้าแขวนอยู่ในห้องนั่งเล่นเต็มไปหมด แล้วอีกอย่างนะ ในหัวใจของผมไม่มีพื้นที่หลงเหลือให้ผู้หญิงคนไหนอีกแล้วนอกจากคุณ”

ถึงจะเขียนนิยายสยองขวัญเลือดท่วมกระดาษเป็นอาชีพ แต่ผลของการเคยเขียนนิยายรักประเภทยุงชุมช่วงเงินขาดมือ มันก็ทำให้ธารามีประโยคหวานจนถึงขั้นเลี่ยนและพะอืดพะอมไว้ออดอ้อนเอาใจภรรยาในเวลาที่ถูกที่ควรเสมอ

“ไอเดียดีนะคุณไรเตอร์ แต่มุกเก่าไปหน่อย กรุณาปรับปรุงด้วยค่ะ” วีณาพูดด้วยน้ำเสียงประมาณว่า ‘คำหวานแค่นี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอกย่ะ’ แล้วเธอก็หมุนตัวเดินไปที่ประตู ธาราแลบลิ้นใส่ภรรยาด้วยความเก็บกด แต่บังเอิญว่าเป็นช่วงที่วีณาเหลียวหน้ากลับมาเพื่อพูดอะไรบางอย่างพอดี เธอจึงเห็นว่าสามีกำลังแอบแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกใส่เธอเหมือนเด็กๆ เข้าเต็มตา

ธาราชะงักกึก สมองขบคิดหาคำแก้ตัว แล้วเขาก็นึกออก นักเขียนหนุ่มหันหน้าไปด้านข้าง พยายามทำท่าเหมือนกำลังถ่มอะไรบางอย่างออกจากปาก ทำอยู่สองสามทีก็เงยหน้าขึ้นและหันมาพูดกับภรรยาว่า “ยุงเยอะเนอะ เมื่อกี้มีตัวนึงบินเข้าปากผมเฉยเลย”

“เหรอคะ?” วีณาตอบด้วยสีหน้าที่บอกชัดว่าไม่เชื่อที่เขาบอกแม้แต่น้อย

“จ้ะ” ธาราผงกศีรษะอย่างแข็งขัน นึกสงสารตัวเองที่ในโลกของนิยายเขาคือผู้สร้างและผู้ควบคุมทุกอย่าง แต่ในโลกของความจริง เขาไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลยเมื่ออยู่ต่อหน้าภรรยา “ว่าแต่วีหันมา มีอะไรจะพูดหรอจ้ะ?”

“หมายความว่าถ้าไม่มีก็หันมาไม่ได้งั้นหรอคะ?” วีณาพูดอย่างนึกสนุกที่ได้แกล้งเขา

“แอ๊ เปล่าจ้ะ โปรดอย่าเข้าใจผิด” ธารารีบบอกอย่างละล่ำละลัก

“คือฉันจะถามคุณว่าตอนที่คุณเข้าห้องน้ำ คุณได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ จากห้องใต้บันไดบ้างมั้ย?” วีณาเปลี่ยนเรื่องพูดอย่างฉับพลัน เล่นเอาสามีถึงกับยืนตั้งรับไม่ถูก “อย่างเสียงกุกกัก เสียงเหมือนอะไรบางอย่างส่งเสียงครางหรือว่าพวกเสียงตะกุยฝาผนัง อะไรแบบนี้น่ะ?”

ธาราทำท่านึกครู่หนึ่ง “ไม่เห็นได้ยินอะไรนะจ้ะ วีได้ยินเสียงพวกนั้นหรอ? บางทีมันอาจจะเป็นเสียงพวกหนูพวกแมลงสาบก็ได้นะ บ้านเก่าแบบนี้ เผลอๆ อาจจะมีตุ๊กแกด้วย แฮ่ๆ” นักเขียนหนุ่มยกสองมือทำเป็นกรงเล็บพร้อมกับแยกเขี้ยวขู่ แต่ก็รีบเลิกทำเมื่อเห็นสายตาดุของภรรยา

“ไม่ตลกนะคะ แต่ไม่ได้ยินอะไรก็ดีแล้วล่ะ ฉันอาจคิดมากไปเอง” พูดจบวีณาก็หันกลับไปหมุนลูกบิดเปิดประตู เธอก้าวออกไปด้านนอก กำลังจะงับประตูปิดก็เหลียวหน้ากลับมาพูดกับเขาอีกครั้ง “อ้อ มุกยุงเข้าปากก็ไอเดียดีนะ แต่ว่าเชยมากๆ ปรับปรุงหน่อยก็ดีนะคะ คุณไรเตอร์”

แล้ววีณาก็แลบลิ้นใส่เขาหนึ่งทีก่อนดึงประตูปิดตามหลัง

ธาราพบว่าตนเองกำลังยืนฉีกยิ้มให้กับประตูห้องเหมือนคนบ้าโดยไม่รู้ตัว

++++++++

จากคุณ : ทะเลเดือดพันธุ์ร็อค
เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 18:23:41




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com