Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ลมหวนรัก ตอนที่ 2 + สปอยล์เนื้อเรื่องตอนที่ 3 10% vote ติดต่อทีมงาน

ก่ออื่นต้องขอบคุณคุณ  Psycho man มากๆค่ะ  ไม่เคยรู้มาก่อนเลย  สงสัยต้องกลับไปเสิดหาอีกที T^T

===============================



ตอนที่ 2



ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลา...พิสูจน์ ‘รัก’




เสียงเพลงดั่งดวงหฤทัยของสุทธิพงษ์ วัฒนจัง หรือชมพู ฟรุ๊ตตี้ ซึ่งโด่งดังเมื่อสมัยหญิงสาวยังเป็นเด็กและวัยรุ่นถูกเปิดคลอเบาๆบนหอประชุมห้าสิบปีของมหาวิทยาลัย นพรดาเดินผ่านซุ้มเข้างานด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะยกมือขึ้นทักทายเพื่อนเก่าที่รู้จักซึ่งไม่ได้เจอกันมานาน บางคนก็ตั้งแต่หลังเรียนจบ บางคนก็หลังงานแต่งงานของเธอ จนกระทั่งเจอกลุ่มเพื่อนสนิทที่เรียกได้ว่าซี้ปึกสุดๆของเธอยืนรวมตัวกันอยู่ หญิงสาวรีบเดินเข้าไปทักทาย ซึ่งพอทุกคนรู้ว่าผู้มาใหม่คือนพรดาต่างกรี๊ดวี๊ดว๊ายด้วยความดีใจเพราะไม่ได้เจอเพื่อนเสียนาน


“ไงยัยรดาดาวคณะ ไม่เจอกันตั้งนาน สบายดีไหมย่ะ” เจนภพเพื่อนในกลุ่มของหญิงสาวเอ่ยทักทายเป็นคนแรก นพรดายิ้มอย่างดีใจก่อนจะเดินเข้าไปกอดชายหนุ่มด้วยความคิดถึง อันที่จริงก็ไม่เชิงชายหนุ่มสักเท่าไหร่ เพราะเจนภพเป็นกระเทยเพียงคนเดียวในกลุ่ม และยังเป็นคนที่คอยส่งเสริมเธอเรื่องการประกวดดาวของคณะและมหาวิทยาลัยอีกด้วย


“แหมยัยเจน ดูหน้าตามันซิ อวบอิ่มสุขีปีนังขนาดนี้ คงทุกข์มั้งจ๊ะ ถามหาพระแสงหรือไง” พรหมพิศเพื่อนอีกคนเอ่ยแซวแกมประชดเจนภพจนชายหนุ่มอดหันมามองค้อนไม่ได้


“แกก็หุบปากไปเลยนังปากเป็นพิษ ฉันก็แค่ถามทักทายย่ะ ตกวิชามารยาทผู้ดีหรือไงจ๊ะ เจอเพื่อนเจอฝูงเจอคนรู้จักก็ต้องถามทักทายเป็นธรรมดา กลับไปเรียนอนุบาลหนึ่งใหม่ไป๊ ชิ้วๆ”


“อ้าว แล้วใครจะรู้ล่ะจ๊ะว่าถามเป็นมารยาทหรือถามจริงจังอ่ะห๊ะ” พรหมพิศทำหน้ากวนประสาทใส่เพื่อนสาวในร่างชายหนุ่ม นพรดาหัวเราะร่วนกับท่าทางของเพื่อนทั้งสอง ทั้งคู่เคยเป็นคู่หูคู่ฮาและคู่กัดประจำกลุ่ม และถึงแม้เวลาจะผ่านมาสิบห้าปีแล้วก็ตาม แต่ทั้งสองคนก็ยังคงเป็นเช่นเดิมเหมือนในวันวานเสมอ


“เอาล่ะพวกแกทั้งสองคนหยุดกัดเหมือนหมาไม่รู้จักโตกันได้แล้ว ในที่สุดสมาชิกกลุ่มก็มาครบเสียที อ้าว...แล้วยัยโป้งกับยัยหวานหายไปไหนเนี่ย” อัจฉราหันมองซ้ายขวาเมื่อรู้ว่าเพื่อนอีกสองคนได้หายไป


“จะไปรู้ไหมย่ะ พวกเราก็ยืนกับแกอยู่เนี่ยยัยเฉื่อยชา” เจนภพเอ่ยกัดเพื่อนสาวอีกคนในกลุ่ม ก่อนจะหันไปจับมือกับพรหมพิศอย่างรู้ใจกัน อัจฉราและนพรดามองทั้งคู่ก่อนจะส่ายหัวน้อยๆด้วยความเหนื่อยใจ ทั้งสองบทจะทะเลาะคล้ายไม่ถูกกันก็ทะเลาะกันจะเป็นจะตาย แต่พอบทจะดีก็เข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย เรียกว่าถ้าเป็นคู่รักกันก็คงแต่งแล้วหย่าอยู่หลายครั้งจนอำเภอคงจะงงเลยทีเดียว


แต่ไม่นานเจนภพและพรหมพิศก็เห็นเพื่อนทั้งสองคนเดินมาแต่ไกล ก่อนจะยกมือขึ้นเรียกเพื่อนทั้งสอง ปิยนันท์และวาสนาเมื่อเห็นนพรดายืนอยู่ข้างกับเพื่อนทั้งสามคน ก็รีบกุลีกุจอเดินเข้ามารวมกลุ่มอย่างดีใจ


“ตายแล้วๆเจ้าแม่ดับเบิ้ลเอมาปรากฏตัวแล้วหรือย่ะ” วาสนาเอ่ยแซว นพรดายิ้มอย่างอายๆ ฉายานี้ได้มาจากความขยันหมั่นเพียรขยันเรียนของเธอสมัยเรียนมหาวิทยาลัย จนมีอาจารย์ท่านหนึ่งเอ่ยกล่าวชมเธอในวันคัดเลือกและประกาศผลนักศึกษาตัวอย่างบนหอประชุม ว่าเธอสมควรจะได้ตำแหน่งนี้เพราะขยันและมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ แค่เกรดเอเธอไม่สมควรได้ ต้องได้ดับเบิ้ลเอสองตัวไปเลยในหนึ่งวิชา


“สวัสดีโป้ง หวาน ไม่เจอกันตั้งนานแหนะ สบายดีเปล่า” นพรดาเอ่ยทักทายเพื่อนทั้งสอง


หลังจากงานเลี้ยงฉลองครบรอบวันคล้ายวันเกิดสามสิบปีของเจนภพเมื่อสามปีก่อน ทั้งหกคนก็ยังไม่มีโอกาสได้กลับมารวมกลุ่มกันอีกรอบ เพราะหลังจากนั้นปิยนันท์ก็ถูกส่งตัวไปทำงานที่ต่างประเทศสามปี อัจฉราและวาสนาต่างก็วุ่นอยู่กับงานแปลเอกสารของทั้งคู่ พรหมพิศได้แต่งงานและไปอยู่ที่เชียงใหม่กับแฟน เจนภพซึ่งเป็นดีไซเนอร์ชื่อดังของเมืองไทยก็มีงานแคทวอคเกือบทุกเดือนทั้งในและต่างประเทศ ส่วนตัวของนพรดาเองก็วุ่นวายอยู่กับงานและลูกสาวตัวน้อย และยังถือเป็นหลานคนเดียวของกลุ่ม ณ ตอนนี้


“สบายดีแก ช่วงนี้งานเริ่มทยอยส่งสำนักพิมพ์ไปบ้างแล้ว ค่อยรู้สึกยังชั่วหน่อย” วาสนาเอ่ยตอบก่อนจะตักเค้กสตรอเบอร์รี่ในมือขึ้นมากิน เจนภพเมื่อเห็นก็รีบเดินไปยืนข้างๆและตักขึ้นมากินบ้าง


“ฉันก็เพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นได้ไม่กี่วันเอง โชคดีมากที่ทันงานครั้งนี้ กลัวจะพลาดซะละ” ปิยนันท์พูดบ้าง ก่อนจะหันไปว่าเจนภพที่แอบข้ามมากินเค้กส้มของตนเอง หลังจากที่แย่งวาสนาทานเกือบหมดจาน “นี่ยัยเจน อยากกินก็ไปหยิบเอาเองซิยะ แหมทำเป็นขอส่วนบุญตลอดเลยนะ”


เจนภพที่ยังเคี้ยวเค้กส้มของปิยนันท์อยู่เต็มปากถลึงตามองเพื่อนกลืนเค้กลงคออย่างยากลำบาก “แหม แค่นี้นิดหน่อยเองนะยะ ฉันไม่ได้ไปขอใช้สามีคนเดียวกันกับหล่อนเสียหน่อยนิ”


“ต๊ายกล้าพูด” ปิยนันท์วางจานเค้กที่ว่างเปล่าลงบนโต๊ะกลมซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากข้างตัวเธอ ก่อนจะยกมือท้าวสะเอวเตรียมตัวปะฉะดะกับเจนภพ


“แกรู้มั้ยว่าเค้กก้อนนี้ฉันกับหวานไปเอามาจากมือของวินวินเลยนะยะ เมื่อกี้วินวินออกมาจากแจกเค้กเองเลย ฉันกับหวานต้องฝ่าฝูงเก้งกว้างชะนีและอีแอบกี่ร้อยคนแกรู้มั้ย” ปิยนันท์พูด วาสนาพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย แต่เพราะประโยคนี้ของปิยนันท์ ต่างทำให้เพื่อนทั้งสามตื่นเต้นขึ้นมาในทันที


“ว้ายจริงเหรอ งานนี้วินวินก็มาด้วยเหรอ” พรหมพิศพูดอย่างตื่นเต้น อัจฉราและเจนภพเองก็ไม่แพ้กัน ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากุมก่อนจะเพ้อฝันถึงบุคคลแปลกหน้าที่มาแต่นิรนามให้ได้ยิน


นพรดายืนมองเพื่อนทั้งห้าคนพูดถึงบุคคลที่ชื่อวินวินกันอย่างออกรสออกชาติอย่างงงๆ ก่อนจะสะกิดอัจฉราซึ่งยืนอยู่ข้างๆถามขึ้นด้วยความสงสัย “ใครอ่ะวินวิน ดาราเหรอ”


“ตายล่ะยัยดา นี่แกไม่รู้จักเหรอ” เพื่อนสาวเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ นพรดามองหน้าอัจฉราด้วยความสงสัย สงสัยช่วงนี้เธอจะดูการ์ตูนกับนิดาวรรณมากไปหน่อย จึงไม่ค่อยได้ดูละครมากเท่าไรนัก


เจนภพซึ่งเลิกทำท่าทางเพ้อฝันหันมาเอ่ยแซวกระแนะกระแหนหญิงสาว “แหมยัยชา ก็สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ยัยดามันเคยสนใจอะไรมั่งล่ะ เห็นวันๆมีแต่นายวรรณุกับเรียนๆๆ”


“แต่ฉันก็สนใจพวกแกด้วยนะ” นพรดาพูดเสริม


“อันนั้นมันแน่นอนย่ะ ถ้าแกไม่สนใจใส่ใจพวกฉัน ป่านนี้แกหัวเดียวกระเทียมลีบไปนานแล้ว”


นพรดาส่งยิ้มให้กับเจนภพและเพื่อนทุกคน คนอื่นๆต่างก็ส่งยิ้มกลับให้หญิงสาวเช่นกัน มิตรภาพที่แม้จะผ่านเวลามากว่าสิบห้าปีแล้วแต่ก็ยังคงเหนียวแน่นเหมือนเดิมไม่เคยเสื่อมคลาย และจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป


“สรุปวินวินคือใครเหรอ” นพรดาเอ่ยถามซ้ำ ถ้าใครก็ตามที่ชื่อวินวินดังมากจนที่ทำให้เพื่อนๆของเธอเพ้อได้ขนาดนี้ เธอเองก็น่าจะเคยคุ้นหูคุ้นตาได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมาสักหน่อยไม่ใช่เหรอ


“ก็วินวินหรือวิน เดือนคณะคหกรรมฯไง ทั้งหล่อทั้งรวยเรียนก็เก่งแถมทำอาหารเก่งสุดๆ เริ่ดๆๆ” วาสนาเอ่ยตอบพลางทำท่าทางเพ้อฝันไปไกลกู่ไม่กลับ นพรดาพยายามนึกว่าวินนี่คือใครกัน ถ้าเป็นเดือนคณะเธอก็อาจจะเคยคุ้นหน้าคุ้นตามาบ้างจากเวทีประกวดเดือนมหาวิทยาลัย


“แถมโสดด้วยนะ ตอนนี้ก็ยังโสดอยู่เลยแก” ปิยนันท์เสริม เจนภพ พรหมพิศและอัจฉราหันมองเพื่อนสาวตาลุกวาว


“ตายแล้วแก นี่มันก็สิบห้าปีแล้วไม่ใช่เหรอ หล่อเพอร์เฟคขนาดนั้นไม่น่าพลาด” พรหมพิศเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย


“เหรอว่าจะเป็นแบบฉัน ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันจะได้ลองไปจีบดูสักหน่อย เผื่อได้แอ้ม”


อัฉจรามองเพื่อนสาวในร่างชายหนุ่มพลางทำหน้าแหยเกรับไม่ได้ ก่อนจะดึงความสนใจโดยการเล่าเรื่องซึ่งเธอได้รู้มาเมื่อไม่นานมานี้ให้เพื่อนๆทุกคนได้รู้


“นี่! แต่เมื่อสองสามเดือนก่อนนิตยสารเอ็มดับบิวแม็กกาซีนได้ไปสัมภาษณ์วินวินที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศนะฉันจำได้ แล้วก็ถามเรื่องคนรักด้วย วินวินตอบมาว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว แล้วก็ชอบมานานแล้วด้วย”


“ตายแล้วแก หรือว่าจะเป็นฉัน” เจนภพเอ่ย พรหมพิศมองหน้าเพื่อนสาวอย่างเหยียดๆ


“ถ้าวินวินชอบแก ฉันว่าฟ้าคงถล่มแล้วล่ะ หน้าอย่างกับกิ้งก่าไม่ได้กินข้าวมาเป็นสิบปีแบบนี้”


“ตายแล้วนังพิษ! หล่อนว่าใครย่ะ”


“ก็ว่าแกไงนังเจนไร้ภพ!”


“ต้าย! อย่างนี้ต้องปะฉะดะกันสักตั้ง”


นพรดายืนมองจนภพและพรหมพิศทะเลาะกัน โดยมีอัจฉราคอยเป็นผู้ห้ามทัพเช่นเดิม ปิยนันท์และวาสนาต่างก็เป็นคนคอยเชียร์คนโน้นทีคนนี้ที หญิงสาวหัวเราะน้อยๆเมื่อรู้สึกได้ถึงบรรยากาศวันวานย้อนหวนกลับมา มิตรภาพและความผูกพันยังคงอยู่ไม่จากไปไหน
เพียงแต่เมื่อถึงเวลาอาจจะมีบางสิ่งบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปเท่านั้นเอง






“อุ้ย! ขอโทษค่ะ”


นพรดาเอ่ยขอโทษชายหนุ่มเมื่อรู้ตัวว่าเดินชนถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจ สาเหตุที่เธอซุ่มซ่ามจนเดินชนในครั้งนี้ก็คือเจนภพและพรหมพิศที่ยังทะเลาะกันไม่ยอมหยุดเสียที จนเธอต้องเข้าไปห้ามทัพโดยบอกว่าจะไปยกเค้กมาให้ทาน ทั้งสองคนจึงกลับมาเข้าขากันเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว อันที่จริงเธอเดินมาเหยิบเค้กกับอัจฉรา แต่ดูท่าเพื่อนสาวจะเดินนำหน้าไปก่อนแล้ว บวกกับฝูงคนที่เริ่มจะเยอะเพราะงานเริ่มมาได้กว่าสองชั่วโมงแล้ว จึงจำให้ต้องเดินลดเลี้ยวคดเคี้ยวบ้าง


“ไม่เป็นไรครับ...อ้าว คุณดา!”


นพรดาเงยหน้าขึ้นเมื่อถูกเรียกด้วยชื่อตนเอง ก่อนจะแปลกใจเพราะคนที่เธอเดินชนนั้นคือวินธร เชฟหนุ่มร้านขนมเค้กที่นิดาวรรณลูกสาวของเธอร้องเรียกอยากจะกินเมื่อหลายวันก่อน


“อ้าวคุณวิน มาได้ยังไงค่ะเนี่ย” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างแปลกใจ


“แหมคุณดาครับ งานเลี้ยงรุ่นสี่ห้ามิตรภาพไม่จางหาย ผมเองก็เป็นศิษย์เก่ารุ่นที่สี่สิบห้าของมหาวิทยาลัยนี้เหมือนกันนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยตอบ นพรดาเขินด้วยความอายที่ตนเองปล่อยไก่ไปตัวเบ้อเร่อให้ชายหนุ่มเห็น คราวก่อนก็ทำตัวเอ๋อเหรอเหมือนเด็กๆ มีสักครั้งไหมที่เธอจะไม่ทำตัวประหลาดหรือดูดีให้ชายหนุ่มเห็น


“จริงด้วย...ดาลืมไป...ขอโทษค่ะ”


“ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มยิ้มตอบ “แล้วนี่ถือเค้กมาตั้งเยอะตั้งแยะ ทานได้เหรอครับ เห็นคุณเคยบอกว่าไม่ค่อยสบาย”


“อ้อ เปล่าค่ะๆ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ของดาเลยสักกะชิ้น แต่เป็นของเพื่อนๆดาหมดเลย” หญิงสาวรีบปฏิเสธเพราะกลัวชายหนุ่มจะเข้าใจผิดว่าครั้งที่แล้วที่เธอทานเค้กไปแค่นิดเดียวเป็นเพราะเค้กของชายหนุ่มไม่อร่อย “เพื่อนๆเค้ารีเควสกันมาน่ะค่ะว่าต้องเป็นเค้กของวินวินเท่านั้น”


“วินวิน”


“ค่ะ เห็นว่าเป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัย แล้วก็เป็นช่างทำขนมเค้กด้วย...อ๊ะ!” วินธรส่งยิ้มให้หญิงสาวอย่างรู้ทัน ก่อนที่นพรดาจะรู้สึกตัวว่าเธอได้ปล่อยไก่ไปเป็นตัวที่สามแล้ว






อัจฉราชะเง้อคอคอยมองหาเพื่อนด้วยความเป็นห่วงหลังจากที่พลัดหลงกันในหมู่ฝูงคนไปเมื่อสักครู่ เธอสามารถฝ่าฝูงชนกลับมายังจุดเดิมได้ แต่เพื่อนอีกคนจนป่านฉะนี้ก็ยังคงไม่ปรากฏกลายกลับมาเลยแม้แต่น้อย


“ชาแกอย่าเป็นห่วงดามันมากนักเลย เดี๋ยวมันก็กลับมา” ปิยนันท์พูดพลางจะตักเค้กส้มที่อัจฉราเป็นคนถือกลับมาขึ้นทานอย่างอร่อย ร่วมด้วยเจนภพ พรหมพิศและวาสนา


“ใช่ๆ ยัยดามันโตจนมีลูกมีเต้าแล้ว แกก็ทำเหมือนมันเป็นเด็กอยู่เรื่อยเล...ย...กรี๊ด!” เจนภพเงยหน้าขึ้นมาพูดเสริมปิยนันท์ ก่อนจะกรี๊ดเสียงดัง จนเพื่อนๆที่เหลืออดที่จะเงยหน้ามองเพื่อนสาวไม่ได้


พรหมพิศมองหน้าเจนภพอย่างงงันก่อนจะเอ่ยประชดเพื่อนสาว “แกเป็นอะไรยัยเจน ตกใจยมทูตมารับแกไปลงนรกหรือไงห๊ะ”


“พวกแก...ดูนั่น...นั่นๆ...” เจนภพชี้นิ้วไปด้านหน้าด้วยความตื่นเต้น


“’นั่น’ไรของแกว่ะ” วาสนาเอ่ยอย่างงงๆ หันไปมองตามมือของเจนภพ อัจฉรา ปิยนันท์และพรหมพิลาศเองก็เช่นกัน ทั้งสามคนหันไปมองตามเจนภพด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก่อนที่ทั้งสี่จะตาโตด้วยความตกใจปนตื่นเต้น โดยเฉพาะเจนภพที่ตาค้างปากค้างไปนานแล้ว


สิ่งที่ทั้งห้าคนเห็นก็คือนพรดากำลังเดินมากับชายหนุ่มที่เมื่อสักครู่พวกเขาทั้งห้าคนเพ้อฝันถึง ทั้งคู่เดินคู่กันเมื่อมองดูแล้วช่างงดงามราวกับภาพวาด อีกคนนั้นสวยเป็นถึงอดีตดาวคณะ ส่วนอีกคนนั้นก็หล่อแถมยังเป็นอดีตเดือนมหาวิทยาลัย ความแปลกใจระคนตื่นเต้นผุดขึ้นมาในใจของทั้งห้าสาว จนอยากจะตะโกนเอ่ยถามให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยแต่ก็ห้ามปากไว้ทัน


เสียงหัวเราะคิกคักของนพรดาและเสียงพูดคล้ายเล่าเรื่องตลกทำให้เพื่อนสาวทุกคนตื่นจากความคิดความสงสัย ก่อนที่เจนภพจะเป็นสาวไทยใจกล้าเอ่ยถามข้อสงสัยอย่างมีมารยาทที่สุด


“สวัสดีค่ะวิน แหม...มาได้ยังไงค่ะเนี่ย”


“สวัสดีครับทุกคน” ชายหนุ่มเอ่ยทักทายเพื่อนสาวของนพรดาทุกคนอย่างมีมารยาท เสียงนุ่มทุ้มลึกกับใบหน้าหล่อเหลา ทำให้ทุกคนหัวใจเต้นแรงและอยากจะโผเข้าไปกอด นพรดามองหน้าเพื่อนทุกคนก่อนจะขำเล็กน้อยเพราะรู้ว่าเพื่อนๆทั้งห้ากำลังคิดอะไรอยู่ ถ้าไม่หักห้ามใจอยู่ก็คงคิดเตลิดไปไหนถึงไหนแล้ว


“คุณวินธรนะ นี่เพื่อนในกลุ่มของดาสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเองค่ะ” หญิงสาวเริ่มเอ่ยแนะนำ “นี่ปิยนันท์ วาสนา อัจฉรา พรหมพิศ ส่วนคนที่สวยที่สุดชื่อเจนภพค่ะ” ทุกคนยกมือขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงทักทาย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเกร็งที่ต้องหักห้ามใจหรือเขินอายกันแน่จึงดูคล้ายประหม่าเล็กน้อย “แล้วนี่ก็...”


ครั้นหญิงสาวจะแนะนำชายหนุ่ม เจนภพกลับยกมือขึ้นเป็นเชิงห้าม ทำท่าสูดหายใจเข้าลึกๆและพูดออกมา “ไม่ต้องเลยแก...ไม่ต้อง ฉันรู้ประวัติดีละเอียดยิบเรียกว่านับเม็ดทรายได้เลยทีเดียว”


หญิงสาวทุกคนหัวเราะครืนเมื่อชายหนุ่มในร่างหญิงสาวพูดจบ รวมทั้งชายหนุ่มแท้ทั้งแท่งเองก็ไม่วายร่วมวงหัวเราะไปกับเขาด้วย


“ว้าว ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าผมจะมีแฟนคลับกับเขาด้วย” วินธรเอ่ยอย่างขำขันปนแปลกใจ อัจฉราและวาสนายกมือขึ้นเสริมเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเป็นคนขี้เล่นและเริ่มผ่อนคลายจากอาการเกร็งเมื่อจนคนหล่อได้แล้ว


“ฉันด้วยค่ะๆ”


“ฉันด้วย”


คราวนี้เสียงหัวเราะดังมากกว่าเดิม นพรดามองเพื่อนทุกคนที่ต่างแย่งกันยกมือชิงความดีความชอบการเป็นแฟนคลับชายหนุ่มด้วยความสนุกสนาน จนกระทั่งไฟทั่วทั้งหอประชุมดับลงพร้อมกันโดยมีการนัดหมาย แสงสว่างจากสปอร์ตไลท์ส่งสว่างลงไปยังบนเวที โดยมีชายหนุ่มที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี ซึ่งเมื่อสิบกว่าปีก่อนเขาคือพิธีกรเจ้าเสน่ห์และอารมณ์ขันประจำมหาวิทยาลัย ชายหนุ่มเอ่ยเชื้อเชิญอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นมากล่าวเปิดงานเลี้ยงรุ่นอย่างเป็นทางการ หลังจากอาจารย์พูดจบ แสงสว่างทั่วทั้งหอประชุมสว่างขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะมีกลุ่มรุ่นน้องมหาวิทยาลัยสลับกันขึ้นเวทีแสดงความสามารถและให้ความเพลิดเพลินแก่รุ่นพี่เป็นที่ชื่นชม






งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา...นพรดายืนโบกมือลาเพื่อนๆซึ่งต่างเดินแยกย้ายขึ้นรถประจำตัวของตนเองกันไปทีละคนทีละคัน


“แกกลับบ้านดีๆนะ หนูนิดเป็นห่วง” ปิยนันท์เอ่ย นพรดายืนอยู่หน้ารถเพื่อนสาวยิ้มกว้างแทนคำขอบใจความมีน้ำใจและความห่วงใยที่ไม่เคยจางหายจากมิตรภาพอันแสนดี ก่อนจะเอ่ย


“แกก็เหมือนกันนะ ขับดีๆอย่าประมาทล่ะ”


“ค่ะคุณแม่ดา...ไปก่อนนะ...บ้ายบาย” ปิยนันท์เปิดประตูรถนั่งลงบนที่นั่งคนขับสตาร์ทรถเตรียมตัวกลับบ้านทันที นพรดาหยักหน้าเป็นสัญญาณให้แก่คนบนรถ ก่อนจะเดินตรงไปยังรถของตนเองบ้าง


ฮอนด้าแจ๊สไฮบริดสีขาวถูกปลดล็อคด้วยกุญแจอัตโนมัติทันทีเมื่อหญิงสาวเดินมาถึง นพรดาเปิดประตูเตรียมตัวก้าวขึ้นรถขับกลับบ้านเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ เธอกังวลว่าป่านนี้แล้วนิดาวรรณอาจจะกำลังร้องงอแงอยู่กับพี่เลี้ยงสาวข้างบ้านที่เธอวานให้มาดูแลลูกสาวตัวน้อยก่อนจะเธอจะกลับไป
แต่ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้เข้าไปนั่ง ของแหลมคมอันตรายกลับถูกจ่อเข้าตรงที่ลำคอระหงส์ พร้อมกับเสียงพูดยานๆที่ไม่คุ้นหู


“เงียบๆเอาไว้ถ้ายังไม่อยากตาย!”


นพรดาตัวสั่นเทาด้วยความกลัว เมื่อมองผ่านกระจกหน้าต่างรถจึงชายหนุ่มวัยกลางคนที่หน้าตาคล้ายเมายาแต่แฝงไปด้วยความโหดเหี้ยมจ้องมองมายังเธอ ในมือของเขามีมีดสั้นขนาดพกพากำลังจู่คอของเธออยู่ มีดโลหะวาววับสะท้อนเข้ากับแสงไฟ ใจของเธอเต้นแรงด้วยความกลัว เมื่อรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังโดนปล้นและอาจอันตรายถึงชีวิต!


“นาย...ต้องการอะไร?” นพรดาเอ่ยถาม ถึงแม้ภายในใจจะรู้ดีว่าบุคคลแปลกหน้านี้มีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ถ้าไม่ใช่เงินก็ชีวิตของเธอ!


“มีเงินเท่าไหร่ส่งมาให้หมด!” โจรห้าร้อยพูดก่อนจะยื่นมีดเข้าใกล้ลำคอของหญิงสาวกว่าเดิม แสงโลหะสะท้อนวาววับเข้านัยต์ดวงตา นพรดาคว้ากระเป๋าสะพายสีขาวนวลใบจิ๋วเปิดออกอย่างรีบร้อนด้วยความกลัว หยิบกระเป๋าสตางค์สีชมพูออกมาก่อนจะเปิดคว้าเงินสดที่มีอยู่ในนั้นออกมาจนหมด หันหน้ายื่นมือส่งเงินอย่างรวดเร็ว


ชายเมายาตาโตดีใจรีบคว้าเห็นเงินสดในมือหญิงสาวมาเป็นของตัวเอง ก่อนจะหันมายิ้มอย่างโหดเหี้ยมเมื่อเห็นหญิงสาวตัวสั่นเทาด้วยความกลัว


“เอ๋...แต่จะว่าไปน้องสาวก็สวยดีนะ...ขาว...หมวย...อึ๋ม...สเป็คเลย” โจรห้าร้อยพูดด้วยเสียงหื่นกามจ้องมองมาที่หญิงสาวด้วยใบหน้าแฝงความต้องการอย่างไม่ปิดบัง


นพรดามองใบหน้าชายแปลกหน้าอย่างขยะแขยง เธออยากจะตะโกนเรียกขอความช่วยเหลือแต่ติดตรงมีดที่โจรห้าร้อยถืออยู่ หญิงสาวหันมองไปรอบๆด้วยใจที่เต้นรัว ความรู้สึกกลัวทวีคูณยิ่งขึ้นเมื่อชายเมายาย่างก้าวเข้ามาที่ตัวเธอทีละนิด ภาวนาขอให้สวรรค์เห็นใจและส่งใครก็ได้มาช่วยเธอที


“เอ๋...หรือว่าเราจะสนุกกันสักทีสองที...แล้วค่อยบอกลากลับบ้านกันจ๊ะ...”


น้ำในดวงตาเริ่มเอ่อล้น ความหวังเริ่มค่อยๆเลือนหายไป หรือว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของชีวิตเธอ


“ไม่นะ...ออกไป๊!” หญิงสาวตะโกนด้วยความกลัว


‘ปั๊ก’ ทันใดนั้นเสียงคล้ายถูกของแข็งทุบก็ดังมาจากด้านหลัง โจรห้าร้อยสลบเหมือดลงไปนอนกองกับพื้นไม่รู้ตัว โลหะวาววับซึ่งถ้าถูกแทงทะลุผิวหนังแล้วเธอนึกไม่ออกแล้วว่าจะเจ็บปวดมากขนาดไหนตกลงบนพื้นไม่ไกลไม่ใกล้ ก่อนจะถูกชายหนุ่มผู้มาใหม่เตะกระเด็นออกไปอีกทิศทาง


ชายหนุ่มใจหายวาบเมื่อเห็นดวงหน้าของหญิงสาวที่เขาเฝ้าวนเวียนคิดถึงมาหลายวันจากครั้งแรกที่พบเจอมีน้ำตา น้ำใสๆค่อยๆไหลหล่นมาจากดวงตาแสนสวย เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความกลัวระคนตกใจ หัวใจของเขาบีบรัดแน่นเมื่อเห็นท่าทีหวาดกลัวของเธอ


“คุณดา...ไม่เป็นไรแล้วครับ”


“คุณ...คุณวิน...”


วินธรหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อออก บรรจงเช็ดน้ำตาหญิงสาวที่ไหลรินอย่างเบามือ นพรดาเงยหน้ามองชายหนุ่มด้วยอย่างแปลกใจ หญิงสาวอ้าปากเตรียมถาม แต่ยังไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยอะไรออกไป ก็ถูกชายหนุ่มพูดดัก


“ผมว่าเรารีบโทรแจ้งตำรวจจับไอ้โจรนี่ดีกว่า”


นพรดาพยักหน้าหงึกๆอย่างเห็นด้วย วินธรเก็บผ้าเช็ดหน้าของตนลงกระเป๋าเสื้อตามเดิมแล้วหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดหมายเลขโทรศัพท์สามตัวโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยถึงเหตุการณ์ที่ผ่านไปเมื่อสักครู่และวางสายเมื่ออีกฝ่ายรับทราบเรื่องราวทั้งหมด


หลังจากนั้นไม่ถึงสิบนาทีก็มีเสียงไซเรนรถตำรวจวิ่งเข้ามาในโรงจอดรถของมหาวิทยาลัยให้ได้ยินกันอย่างทั่วถึง นพรดาเล่าเรื่องราวอย่างงงๆเพราะสติสัมปะชัญญะยังกลับมาไม่ครบถ้วน อาการตกใจจากเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงยังไม่หายไป ชายหนุ่มจึงรับอาสาเล่าเรื่องราวทั้งหมดเพราะบังเอิญเดินผ่านทางนี้เพื่อจะกลับไปยังรถยนต์ของตนเองพอดี


“ถ้ายังไงผมก็ฝากคุณตำรวจด้วยนะครับ...ขอบคุณมากๆครับ” วินธรเอ่ยขอบคุณผู้พิทักษ์สันติราชของเมืองไทยพลางยกมือขึ้นไหว้ อีกฝ่ายรับไหว้ด้วยท่าวันทยาหัตก่อนที่จะหันกลับไปจับโจรที่ยังมึนงงเพราะเพิ่งตื่นจากท่าทุบหลังสลบเหมือดของชายหนุ่มขึ้นรถกับตำรวจอีกนาย


นพรดายืนมองรถตำรวจวิ่งออกไปด้วยความโล่งอก เธอหันกลับไปไหว้ขอบคุณชายหนุ่มข้างๆที่เข้ามาช่วยเธอได้เหมาะเจาะทันเวลาพอดี “ต้องขอบคุณคุณวินมากๆเลยนะคะ ถ้าไม่ได้คุณดาต้องแย่แน่ๆ”


หญิงสาวคิดไม่ออกเลยว่าถ้าไม่มีเขาป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไร เมื่อนึกย้อนกลับไปในเสี้ยววินาทีนั้นใบหน้าของโจรห้าร้อยแถมยังเมายาทำให้เธอรู้สึกกลัวและขยะแขยง เธอรู้สึกว่าคำร้องขอความเมตตาของเธอได้ผล และเขาคือคนๆนั้นที่สวรรค์ส่งมาช่วยเธอ


“ไม่เป็นไรครับ” วินธรพูด สายตาจับจ้องมองใบหน้าหญิงสาว นพรดาเขินอายเมื่อรู้สึกว่าถูกจ้องมองด้วยสายตาหวานซึ้ง หญิงสาวเธอปฏิเสธไม่ได้ว่าถึงแม้จะเพิ่งพบเจอรู้จักชายหนุ่ม แต่สายตาของเขาที่ส่งทอดมาให้เธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน มันดูคิดถึง ห่วงใยและหวงหาปะปนอยู่เป็นนัยๆ


“คือ...ถ้าอย่างนั้นดาของตัวกลับบ้านก่อนนะคะ ดึกป่านนี้แล้วเป็นห่วงยัยนิด”


“ครับ...ป่านนี้ร้องไห้หาคุณแม่ใหญ่แล้วแน่เลย มีคุณแม่สวยน่ารักขนาดนี้” วินธรพูดยิ้ม


คำพูดทีเล่นทีจริงของชายหนุ่มทำให้นพรดารู้สึกร้อนผ่าวที่แก้มราวกับจะระเบิด หญิงสาวมองค้อนชายหนุ่ม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อกี้หรือเปล่าชายหนุ่มถึงแกล้งแซวเธอ แต่รู้แค่เพียงว่าหัวใจของเธอเต้นแรงเร็วรัวกับคำชมของเขา แรงเสียจนเธออยากให้มันหลุดออกมาจากตัวเธอเสียให้รู้แล้วรู้รอดไป


วินธรเมื่อเห็นหญิงสาวส่งสายตาค้อนมาให้ แทนทีเขาจะรู้สึกแย่หรือผิด เขากลับยิ้มร่าอย่างมีความสุข ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าสะพายข้างใบจิ๋วของหญิงสาวอย่างถือวิสาสะ นพรดาตกใจร้องท้วงเสียงดัง


“ว้าย...คุณทำอะไรคะ!”


ชายหนุ่มไม่ตอบอะไร แต่มือยังคงค้นหาของสิ่งที่ตนต้องการ จนกระทั่งคลำเจอเข้ากับของสี่เหลี่ยมขนาดพอดีมือรูปทรงแบนยาวเล็กน้อย เขาหยิบออกมาจากกระเป๋าหญิงสาวเลื่อนปลดล็อคอัตโนมัติก่อนจะกดคล้ายๆกับเบอร์โทรศัพท์แล้วกดโทรออก


นพรดามองการกระทำของชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ ทันใดนั้นเสียงเพลงโทรศัพท์ของชายหนุ่มก็ดังขึ้น วินธรวางสายแล้วยื่นโทรศัพท์มือถือยี่ห้อดังคืนเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม


“เบอร์ผมเองเซฟไว้ด้วยนะครับ คราวหน้าถ้ามีเรื่องเดือดร้อนอะไรโทรหาผมได้ทุกเมื่อเลย...เรื่องหนูนิดก็ด้วยนะ”


“ค...ค่ะ” นพรดารับโทรศัพท์มือถือคืนมาอย่างงงๆ เธอไม่แน่ใจว่านี่เป็นมุขจีบสาวที่แต่ก่อนวรรณุเองก็เคยใช้กับเธอหรือว่าชายหนุ่มตรงหน้าเป็นห่วงเธอจริงๆกันแน่ แต่ท่าทางสบายๆดูไม่คิดอะไรของชายหนุ่มทำให้เธอไม่สงสัยอะไรมากนัก ชายหนุ่มเองอาจจะเห็นแก่เพื่อนๆของเธอซึ่งเป็นแฟนคลับของเขาก็เป็นได้


“คุณขับรถกลับบ้านมองทางดีๆนะ ดึกแล้วอันตราย” วินธรพูด นพรดาเอ่ยขอบคุณชายหนุ่มอีกครั้งก่อนจะเปิดประตูก้าวขึ้นรถเตรียมขับกลับบ้าน


วินธรโบกมือลาเมื่อหญิงสาวถอยรถเสร็จแล้วเรียบร้อย นพรดาหันมาพยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณอีกครั้งก่อนจะขับรถออกไป


ชายหนุ่มมองรถหญิงสาวขับออกไปจนลับสายตา เขาหลับตานึกถึงดวงหน้าหวานทั้งยามส่งยิ้มและทำหน้าค้อนส่งมาให้เขา หัวใจก็พองโตมีความสุขอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ก่อนจะคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เขาควรจะตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง...ก่อนที่จะสายไปอีกครั้ง...เพื่อทั้งคนที่ยังอยู่และคนที่จากไป...

แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 55 19:24:06

จากคุณ : mollaly
เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 17:44:09




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com