อราลีกำลังนึกกระหยิ่มยิ้มย่อง เมื่อเธอเดินลัดเลาะมาเรื่อยๆ จนน่าจะเป็นเขตชานเมืองของปางแก้ว มองจากจุดนี้ดูจะเป็นชุมชนเมืองในหุบเขาที่แลดูมีบ้านเรือนและผู้คน และสถานที่สำคัญต่างๆ อย่างพร้อมเพรียง
เธอแอบลอบมองเมืองเล็กๆ แห่งนี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว มองจากหน้าต่างเธอก็พอจะรู้ว่าที่พักเคมินอยู่บนเนินเขาห่างจากตัวเมืองแห่งนี้อยู่สักระยะ แต่ก็คำนวณแล้วเหมือนกันว่าเป็นระยะทางที่เธอเดินไหว ขอให้หลุดไปถึงตัวเมืองแล้วหาทางติดต่อใครสักคนได้เถอะ เธอยังพอมีเงินติดตัวบ้าง.. น่าจะพอไปรอด ถ้าออกไปได้แล้วเธอจะรีบไปให้ถึงด่านชายแดนแล้วกลับเมืองไทยแบบลาขาดกันไปเลยสำหรับแดนเถื่อนแห่งนี้
หญิงสาวเดินเลียบๆ ถนนเส้นนั้นแบบกลัวๆ กล้าๆ มันดูเปลี่ยวอยู่บ้างเพราะยังเช้าอยู่ และก็ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเมื่อมีรถกระบะคันหนึ่งแซงหน้าไป คนบนรถจะเหลียวมาทางเธอแล้วพูดกันว่า
เฮ้ย ผู้หญิงคนนั้นหน้าคุ้นๆ ว่ะ ใช่คนที่คุณทาช่ากำลังต้องการตัวรึเปล่าวะ ชายฉกรรจ์คนขับชะลอรถเมื่อวิ่งผ่านผู้หญิงร่างโปร่งที่ดูออกชัดว่าเธอไม่เหมือนคนท้องถิ่นแถบนี้
เออ ใช่ๆ ข้าก็จำได้ สาวๆสวยๆ อย่างนี้ล่ะชายอีกคนพยักหน้ารับ เอาตัวมาเลยดีมั้ย คุณหนูเธอยังบอกว่าถ้าเจอตัวจะทำอะไรกับนังนี่ก็ได้ให้มันไปไกลๆ จากแถวนี้
ทำอะไรก็ได้อย่างนี้ก็หวานสิวะ คนขับมองหน้าเพื่อนข้างๆ อย่างรู้ทันว่าควรจะทำอะไรกับผู้หญิงที่มาเดินเพียงลำพังแบบนี้ ทั้งสองคนเป็นบริวารของเปาเชิงหวาและเป็นกลุ่มคนเดียวกับที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนนายสาวจับตัวผู้หญิงไทยคนนี้ขึ้นมาบนรถพอดี จำได้ว่าวันนั้นที่ควานหาตัวแม่นี่ไม่เจอ พวกเขาโดนด่าทอครั้งใหญ่ พร้อมคำกำชับว่าหากเจอแม่นี่ที่ไหนจะต้อง จัดการ ให้คุณทาช่าให้ได้!
เมื่อได้ยินเสียงรถถอยหลังมา อราลีก็ชะงักอย่างหวาดหวั่น สัญชาตญาณบางอย่างของเธอทำให้รับรู้ได้ถึงรังสีมุ่งมาดทำร้ายในบรรยากาศ ไม่ได้การแล้ว! ต้องวิ่งหนีลงเขาอีกแล้วเหรอเรา!
อราลีกระตุกฝีเท้าทันทีเมื่อได้ยินเสียงจอดรถ เหลียวไปเธอก็เห็นชายวัยกระทงสองคนรีบเดินลงมาแล้วตามมาที่เธอเช่นกัน อราลีนึกสงสัยว่าพวกเขาเป็นคนของเคมินหรือไม่? จึงได้ตามเธอมาขนาดนี้?
มันเป็นการวิ่งที่กระชั้นชิดเพราะพวกเขาตามเธอมาในระยะใกล้ ประกอบกับร่างกายหญิงสาวเองก็ไม่สมบูรณ์นักเพราะยังไม่หายดีจากอุบัติเหตุครั้งก่อนทำให้เคลื่อนไหวลำบากกว่าปกติ อราลีแทบกรีดร้องเมื่อได้ยินเสียงสวบสาบของชายสองคนนั้นใกล้เข้ามา
กรี้ดดดด!!!!
หญิงสาวหวีดร้องเมื่อโดนหนึ่งในสองจับตัวได้ แรงกระชากทำให้ผู้หญิงร่างบางเซถลาและล้มลงกับพื้นดิน รู้สึกเจ็บแปล๊บที่เข่าอีกรอบเพราะผิวเนื้อครูดกับผิวดิน คนแรกจับตัวเธอได้ตามด้วยคนที่สองที่ตามมาติดๆ อราลีได้ยินเสียงชายหน้าตาทะมึนทั้งสองคุยกันด้วยภาษาที่ไม่เข้าใจ
พาไปตรงไหน หรือตรงนี้เลยดีมั้ย? คนแรกเอ่ยถาม
เฮ้ย.. ประเจิดประเจ้อไป เอาขึ้นรถไป จัดการ ที่อื่นดีกว่า แถวนี้ใกล้คุ้มปางแก้วด้วย เสี่ยงนะเอ็ง อีกคนว่า
งานนี้ถึงอราลีจะฟังภาษาพวกเขาไม่ออก แต่ท่าทีตะกรุมตะกรามอย่างนั้นก็ทำให้เธอไม่สามารถตีความหมายไปเป็นอย่างอื่นได้ แน่นอนว่าเธอพยายามดิ้นรนและกรีดร้องอีกรอบ แต่ก็ถูกตะปบปากไม่ให้ส่งเสียงทันควัน
ฤทธิ์มากจริงว่ะ ต้องใช้ไม้แข็งแล้ว ชายคนแรกเอ่ยแล้วออกแรงชกหมัดเข้าที่ท้องน้อยหญิงสาวเบาๆ แต่ด้วยเรี่ยวแรงของชายฉกรรจ์ก็ทำให้เหยื่อสาวสะดุ้งเฮือก.. ก่อนจะไร้ซึ่งเรี่ยวแรงต่อต้านอีกต่อไป..
อราลีถึงกับจุกที่ช่วงท้อง.. ไม่สามารถแม้จะส่งเสียง เหนื่อยหอบแทบตายแต่เธอก็หนีไม่ได้หรอกหรือนี่.. คนที่นี่เป็นอะไรไป..ทำไมถึงได้ป่าเถื่อนกันขนาดนี้ หรือเธอมันโง่เองที่ไม่ยอมอยู่อย่างสงบๆ ที่บ้านพักของเคมิน.. ที่ซึ่งแม้ไม่มีอิสรภาพ แต่เธอกลับมีความปลอดภัยกว่าการเสี่ยงมาข้างนอกเช่นนี้?
ร่างเธอถูกโยนเข้าสู่เบาะหลังในสภาพที่เรียกว่าดูไม่ได้ รู้สึกด้วยซ้ำว่ารองเท้าข้างหนึ่งร่วงลงไป ชายทั้งสองดูจะแน่ใจว่าเธอไม่มีแรงต่อสู้ จึงสตาร์ทรถแล้วเตรียมจะออกตัว
เอี้ยดดด!!!!
ชายฉกรรจ์ทั้งสองซึ่งเตรียมเคลื่อนรถออกถึงกับเบิกตาค้างกับภาพตรงหน้า รถออฟโรดสีดำที่พวกมันรู้ว่าใครเป็นเจ้าของแล่นมาด้วยความเร็วก่อนจะเบรกตรงหน้าห่างออกไปไม่กี่เมตร คนขับได้ตีวงเลี้ยวแล้วเบรกชนิดให้รถขวางลำกลางถนนแบบปิดทางไม่ยอมให้ไปไหน
พวกมันเจอเข้ากับคุณเคมินแห่งปางแก้วเข้าแล้ว!
คนขับเตรียมจะถอยหนีไปด้านหลังแต่ก็ดูจะช้าไป เพราะอีกด้านหนึ่งเองก็มีรถกระบะอีกสองคันซึ่งมาจากคุ้มของผู้นำแห่งปางแก้วแล่นมาแล้วจอดตีคู่กันขวางถนน เสมือนหนึ่งว่าตอนนี้พวกมันอยู่ในวงล้อมของวายัณกลุ่มปางแก้วอย่างไม่อาจหนีได้
ภาพถัดไปยิ่งทำให้มันทั้งสองขนพองสยองเกล้า เพราะชายหนุ่มร่างสูงที่ลงมาจากรถสีดำนั้นคือเคมินตัวจริงเสียงจริง! แม้ชายทั้งสองจะไม่ค่อยได้พบหน้าค่าตาแบบใกล้ๆ นัก แต่ก็พอรู้กิติศัพท์ของชายหนุ่มผู้นี้ดี และยิ่งเมื่ออีกฝ่ายเดินลงมาด้วยดวงตาเย็นเยียบแต่มีร่องรอยจับผิดอย่างชัดแจ้ง บริวารเปาเชิงหวาทั้งสองคนก็ถึงกับลนลาน
เอาผ้าใบปิดนังนั่นไว้ อย่าให้เคมินเห็น! คนขับละล่ำละลัก และคนนั่งข้างก็รีบเหลียวเอาผ้าใบที่มีในรถคลุมร่างหญิงสาวเร็วรี่ โดยที่อราลียังคงไม่สามารถต่อต้านอะไรได้เลย และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้นเพราะนอนขดด้วยความเจ็บช่วงท้องอยู่
นายน้อยแห่งปางแก้วเดินลงมาอย่างเจ้าถิ่น คนสนิทอย่างต้าหมิงก็เดินมาตีคู่กัน ส่วนอีกฝั่งนั้นคนจากปางแก้วก็ทยอยลงมาจากรถกระบะทั้งสองคัน ผู้แปลกถิ่นกลืนน้ำลายเอื้อกเพราะรวมๆ แล้วเรียกได้ว่ามากันเกือบสิบ!
เมื่อเคมินเดินมาถึงรถ คนขับก็เลื่อนกระจกลงแต่เพียงครึ่งเดียว.. ด้วยกลัวคนข้างนอกจะมองเห็นภายในชัดเจน
เห็นฉันแล้วจะรีบไปไหนกัน? เคมินเอ่ยถามเสียงห้วนเมื่อมาถึงรถกระบะคันนั้น และเขาก็จำได้เช่นกันว่าเป็นรถของเปาเชิงหวา..เพราะคนในวายัณนี้ถ้าไม่ใช่คนค้าขายก็มีคนอีกไม่มากรายที่เป็นเจ้าของรถยนต์ได้ และเจ้าพ่อแต่ละรายก็มักมีสัญลักษณ์ติดรถบอกสังกัดเสมอ
เอ่อ.. พวกผมก็แค่ผ่านมาซื้อของที่ปางแก้วกันครับคุณเคมิน ไม่มีอะไรมากมาย คนขับพยายามทำใจดีสู้เสือ
เหรอ.. ชายหนุ่มผู้มีตำแหน่งสูงสุดในนั้นตอบรับอย่างไม่เชื่อ สายตาสำรวจตรวจตราของเขามองไปทั่วรถแล้วก็สะดุดกับอะไรบางอย่าง
รองเท้าของผู้หญิงข้างหนึ่งที่น่าจะเป็นของอราลีนอนนิ่งอยู่ไม่ห่างจากรถคันนั้น..
ดูเหมือนว่า.. เคมินเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเย็นเยียบถึงขั้วหัวใจ พวกนายกำลังจะก่อเรื่องไม่ดีในเขตปางแก้วนี้นะ
ปะ..เปล่านี่ครับ คุณเคมิน..พวกผมแค่ผ่านมา เจ้าคนขับยังยืนกราน
นายน้อยแห่งปางแก้วยิ้มเหยียด ก่อนจะหลุดปากเพียงสั้นๆ ค้นรถ!
ว่าแล้วประตูด้านหลังก็ถูกเปิดผลั้วะ ตามด้วยเสียงเปิดผ้าใบดังพรึ่บ และร่างของผู้หญิงที่เคมินกำลังตามหาให้ควั่กก็ปรากฏแก่สายตาเจ้าถิ่นในสภาพที่มองออกว่าคลุกดินคลุกฝุ่นมาพอดู
อ้าว! คุณอราลีนี่นา ต้าหมิงที่เป็นคนเปิดประตูด้านหลังให้เคมินถึงกับอุทานเมื่อเห็นว่าหญิงสาวเกือบกลายมาเป็นเหยื่อของชายทั้งสองคนนี้
นายสองคน..ลงมาจากรถ! เคมินสั่งห้วน แต่ก็ยังผลให้ทั้งสองบริวารของเปาเชิงหวาคอตกแล้วค่อยๆ เดินออกมาจากรถกระบะ ท่ามกลางคนจากคุ้มปางแก้วที่ยืนคุมเชิงแบบไม่ให้หลุดไปไหนได้ง่ายๆ
เคมินมองภาพหญิงสาวที่นอนคดงอแล้วได้แต่ถอนใจ.. ใจที่นึกโกรธอราลีเมื่อครู่ได้เลือนหายไปบ้างเมื่อเห็นว่าเธอคนนี้ไม่แคล้วต้องได้เจ็บตัวเรื่อยไปเมื่ออยู่ในเขตวายัณ ทั้งที่ตัวก็เล็กแค่นี้..แต่บาดแผลเธอไม่เคยลดลงเลย
พวกแกทำอะไรเธอ? เสียงถามเหี้ยมเกรียม โดยที่สายตาไม่ละไปจากร่างบางนั้นสักนิด
มะ..ไม่ได้ทำครับ คะ..แค่ชกท้องไป.. นิดเดียว คนตอบเริ่มลนลาน
แต่คำตอบนั้นก็ทำให้ดวงตาเคมินวาวโรจน์ ใครสั่งให้แกทำร้ายเธอ? ทาช่าใช่ไหม?
เอ้อ... ชายทั้งสองไม่กล้าตอบ.. เพราะอย่างไรเสียนายเหนือหัวมันก็ต้องห้ามพาดพิงห้ามพูดถึง
งั้นก็ไม่ต้องอธิบายฉันตรงนี้ แต่แกสองคนต้องเข้าไปที่ว่าการของปางแก้วเสียก่อน พุมมากับยูเจียง..พาทั้งสองคนนี้ไปที ถ้าพบคุณตาฉันก็อธิบายเรื่องทั้งหมดให้ท่านฟังด้วย แล้วฉันจะตามไป เคมินสั่งการ ก่อนจะปล่อยให้คนของเขาจัดการทุกสิ่งต่อไป
อราลีไม่ได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายนอกนักเพราะพวกเขาพูดกันเป็นภาษาที่เธอไม่เข้าใจ..และเธอเองก็ยังไม่สามารถขยับตัวได้อย่างอิสระนักด้วยความเจ็บช่วงท้องและรู้สึกมีเลือดซิบๆ ที่เข่าและแขน แต่อย่างน้อย..การที่ได้เห็นว่าคนที่โผล่เข้ามาและกระชากแผ่นผ้าใบออกจากตัวเธอเป็นต้าหมิงและเคมินก็ทำให้เธอรับรู้ได้ว่ารอดตายแล้ว
คนตัวสูงแถมตอนนี้สีหน้าเคร่งเครียดตรงมายืนตระหง่านที่ประตูหลังของรถกระบะ นัยน์ตายาวเรียวทอดมองร่างบางที่คดงออย่างระอาใจ
บอกแล้วใช่มั้ย.. อย่าออกมาเพ่นพ่าน ดูเอาเถอะ แม้แต่คำแรกของเขาก็ยังตำหนิเธอจนได้
แต่วินาทีนั้นที่รู้แก่ใจว่าเขาออกตามหาเธอได้ทันเวลาวิกฤติ ก็ทำให้อราลียอมรับความผิดโดยไม่เกี่ยงงอน
ฉัน..ขอโทษ...
พูดไม่ไหวก็ยังไม่ต้องพูดหรอก เคมินกำชับมาอีก แต่ทั้งเสียงและแววตาดูอ่อนลง บาดแผลเดิมก็ยังไม่หายดี ยังหนีออกมาให้คนอื่นเค้าทำร้ายซ้ำอีก กลับไปบ้านรอบนี้อาจต้องให้หมอดูอาการอีกทีละมั้ง
อราลีหน้าเสีย.. อาการเจ็บปวดทางกายอาจเป็นข้ออ้างที่ทำให้เธอต้องอยู่ที่นี่นานขึ้น แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อชะตากรรมเธอในตอนนี้คล้ายอยู่ในอาณัติของเขาแล้ว แต่ก็เป็นภาวะเบี้ยล่างที่แปลกอยู่อย่างตรงที่.. หญิงสาวเริ่มไม่รู้สึกอึดอัดกับมันอีกต่อไป
หญิงสาวค่อยๆ ยันกายตัวเองขึ้นมาหลังความเจ็บจุกที่ช่วงท้องเริ่มคลายไปบ้าง แต่ความเชื่องช้านั้นดูจะไม่เป็นที่พอใจของเคมินสักเท่าไหร่ เพราะเผลอแป้บเดียวที่เธอไม่ทันตั้งตัวเขาก็เข้ามาดึงตัวเธอออกมาแล้วช้อนร่างรวบขึ้นทันที
อราลีถึงกับเกร็งเมื่อถูกอีกฝ่ายช้อนร่างเหมือนเด็กๆ ไม่แน่ใจว่าเธอเคยเห็นเขาในระยะใกล้ขนาดนี้ไหม.. ใกล้ขนาดเห็นรอยเขียวครึ้มของช่วงคางมน แต่พอเคมินเหลียวลงมาสบตา..เธอก็เบือนหน้าไปอีกทางหนึ่ง..
ต้าหมิง ไปเปิดประตูที เคมินว่าขณะสาวเท้ากลับไปที่รถทรงออฟโรดของตัวเอง คนสนิทเขาเองก็ดูจะรู้จังหวะเพราะรีบวิ่งมาเปิดประตูหลังให้ได้ทันท่วงที
ขากลับรอบนี้ ต้าหมิงค่อยโล่งใจไปบ้างเพราะคราวนี้เขาได้นั่งตรงที่คนขับสักที ไม่อย่างนั้นถ้าปล่อยให้คุณเคมินขับกลับอีกรอบมีหวังช่วงล่างรถคงพังเป็นแถบ.. ดูอารมณ์ท่านพุ่งสูงขนาดนั้น..
บรรยากาศด้านหลังรถดูอึมครึมเมื่อนายน้อยแห่งปางแก้วดูจะไม่พูดไม่จา มีแววว่าไม่พอใจที่อาคันตุกะหนีออกมาขัดคำสั่ง แต่ต้าหมิงว่าที่ทำให้นายเขาเครียดกว่าคือสภาพอราลีที่ถูกทำร้าย.. นั่นน่าจะทำให้คุณเคมินเคืองใจกว่าเยอะ
ต้าหมิง อย่าลืมให้คนติดต่อทางเปาเชิงหวา บอกให้มารับลูกน้องที่ทำตัวเกะกะระรานแถวนี้ด้วยล่ะ
นั่นปะไร อย่างที่เขาคิดไว้เป๊ะ งานนี้ถึงอีกฝ่ายจะเป็นเปาเชิงหวาหรือธิดาสุดรัก แต่ถ้าเรื่องราวที่เกิดรุนแรงขนาดนี้ ต้าหมิงก็คิดว่าคงจะต้องมีการ ตักเตือน อะไรกันบ้างตามระบอบของวายัณ
ระหว่างนั้น อราลีเองก็นั่งนิ่งๆ เงียบๆ พร้อมเอนศีรษะไปด้านหลังและกุมช่วงท้องน้อยเหมือนต้องการให้ความเจ็บคลายไป แต่กระนั้นเธอก็ไม่กล้ามองหน้าคนข้างๆ ได้แต่หลับตาเป็นการพักผ่อนจากความเหนื่อยล้า.. หลับตาเพราะรู้ว่าเธอจะปลอดภัยเมื่ออยู่กับเขา..
ยังเจ็บอยู่มั้ย? เสียงถามด้านข้างฟังดูยากว่าห่วงใยหรือแค่ถามไถ่ เพราะหญิงสาวยังคงไม่กล้าเปิดตา
ดีขึ้น..เยอะค่ะ แต่..เหนื่อย
เธอไม่ได้ยินเขาตอบรับอะไรในทันที มีเพียงความเงียบไปอีกอึดใจ ก่อนเขาจะเอ่ยปากด้วยประโยคสั้นๆ แต่ทรงความหมายในตัวเองว่า
คุณยังต้องการหนีผมไปอีกมั้ย?
ฉันขอโทษ.. หญิงสาวรีบตอบกลับทันที ฉันจะไม่หนีคุณอีกแล้ว เคมิน..
จากคุณ |
:
ณ พิชา
|
เขียนเมื่อ |
:
2 พ.ย. 55 18:48:48
|
|
|
|