Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เวียงนาคินทร์ 32 vote ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ 32

เงื่อนรักลมหึง

 

         นาคเจ้าเสด็จกลับเข้าตำหนักโดยมิรู้ว่าคลื่นแห่งความร้อนบางประการ  กำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบงัน  ทรงดำเนินมาหยุดที่นางกำนัลซึ่งนั่งหาวนอนอยู่หน้าห้องบรรทม   เมื่อแลเห็นราชบุตรเขยเข้านางก็สะดุ้งขึ้นสุดตัวและรีบถวายความเคารพ

 

         "ง่วงก็ไปนอนเถิด"

         ภูวิษะเจ้าตรัสเบาๆ  กับนางกำนัลนั้น   ซึ่งนางได้แต่ยิ้มรับด้วยสีหน้าเจื่อนๆ และคลานเข่าผ่านหน้าพระพักตร์ไป  เมื่อเปิดบานทวารเข้ามาในห้องบรรทม  จึงค่อยทอดพระเนตรเห็นว่าแสงไฟนวลจากตะเกียงยังแจ่มจ้าอยู่  เคียงฟ้าซึ่งนั่งอยู่ในห้องเป็นเพื่อนพระเทวีมาหลายชั่วโมงแล้ว  แม้พระนางจะไม่ทอดพระเนตรเห็นหล่อนก็ตาม   ก็รีบผุดลุกขึ้นเดินเข้ามาหาวรกายสูงสง่าที่เพิ่งเสด็จกลับมาด้วยความร้อนใจทันที

 

         'ไปไหนมาน่ะ? ทำไมเพิ่งกลับ รู้ไหมมหิตาคอยตั้งนาน...แล้วเมื่อกี้ไปทำอะไรมากับพี่กุสุมาลย์ในสวน?' 

 

         หล่อนตั้งคำถามเสียยืดยาวเป็นชุด  แต่ถูกตัดบทด้วยสุรเสียงแข็งกร้าวของมหิตาเทวีเสียก่อน หญิงสาวจึงเงียบเสียงลงปล่อยให้ศรีภรรยาตัวจริงเป็นฝ่ายซักถามจะดีกว่า

 

         "เสด็จพี่เสด็จกลับเสียดึกดื่น"

 

ภูวิษะเจ้ามิได้รู้เรื่องราวอันใดด้วย  ก็นึกฉงนที่พระชายายังมิได้เข้าบรรทม   ดวงพักตร์อันงดงามนั้นปราศจากรอยแย้มสรวลคอยต้อนรับเหมือนเช่นเคย  

 

         "อืม...คราวหน้าเข้านอนไปก่อนก็ได้  มิต้องรอเราดอกมหิตา"

 

         "ทรงมีราชกิจมากหรือเพคะ? หมู่นี้เสด็จกลับมาค่อนราตรีแทบทุกวัน"

 

พระขนงโก่งงามนั้นขมวดเข้าหากัน   นาคเจ้าทอดพระเนตรเห็นเข้า   ก็ทรงเข้าพระทัยว่าชายาพระองค์กำลังน้อยหทัยเป็นอย่างยิ่ง

 

         "คิดถึงเรารึมหิตา?" รับสั่งถามพลางแย้มสรวลด้วยเสน่หา

 

         "....." มหิตาเทวีมิได้ตรัสตอบ  อีกทั้งยังเสด็จดำเนินไปประทับบนแท่นประทม

 

         "แล้วเสด็จพี่เล่าเพคะ? คิดถึงหม่อมฉันบ้างหรือไม่? หรือว่าทรงเพลิดเพลินกับราชกิจจนลืมน้อง"

 

         พระนางน้อยมิได้สบสายพระเนตรเจ้านาคราชเลย   ระหว่างที่ทรงตั้งปุจฉาย้อนถาม  ในพระทัยนั้นหาได้นึกถึงราชกิจอันมากมายของพระสวามีดังที่ตรัสถามแม้แต่น้อย  แต่ทรงนึกถึงภาพในอุทยานที่ทอดพระเนตรเห็นเมื่อครู่  

 

         ดวงศศีนั้นขึ้นครองไปครึ่งฟ้าแล้วแต่พระสวามียังมิเสด็จกลับมาให้เห็นพระพักตร์เลย จึงทรงผุดลุกผุดนั่งด้วยความกังวลพระทัยอยู่เป็นนาน  เมื่ออดรนทนมิได้ก็ทรงไปยืนประทับที่ข้างพระบัญชรคอยทอดพระเนตรหาพระสวามี  จึงพบเห็นภูวิษะเจ้ากับกุสุมาลย์โดยมิได้ตั้งพระทัย  ด้วยสองพระเนตรของพระองค์เอง  แม้มิได้สดับถ้อยคำใด ที่ทั้งคู่กำลังสนทนากันอยู่ในความมืดสลัวของอุทยานก็ตามที

แต่แสงจันทร์นั้นพอจะทำให้ทรงเห็นแม่หญิงคนงาม  ดึงหัตถ์สวามีของพระองค์ไปแนบนวลแก้มนาง  ส่วนภูวิษะเจ้านั้นเล่าก็ทรงประคองนางขึ้นมาด้วยกิริยาอันอ่อนโยนเท่าที่บุรุษจะพึงมีให้สตรี  เท่านั้นเองดวงฤทัยมหิตาเทวีนั้นเต้นถี่ระรัวราวเภรีหลายลูกกำลังถูกตีกระหน่ำขึ้นพร้อมกัน   ปุจฉามากมายผุดขึ้นมาในห้วงดำริ   กองเพลิงอันร้อนแรงถูกโหมโรงขึ้นมาพร้อมๆ กับเสียงเภรีเหล่านั้น  

 

         'เหตุใดพระองค์จึงมีทีท่าสนิทสนมชิดเชื้อกับพี่กุสุมาลย์เพียงนั้น' ถ้อยดำรัสค้างคาอยู่ในพระทัยแต่มิกล้าตรัสถามขึ้นมาตรงๆ

 

         เมื่อเห็นว่าพระชายายังทรงนิ่งเงียบคล้ายกำลังโกรธขึ้นบึ้งงอน   จึงดำเนินไปประทับเคียงคู่แล้วใช้พระพาหาทั้งสองข้างกอดรัดวรกายอันแบบบางนั้นไว้แทบอุระ

 

         "คิดถึงสิ...หากไม่คิดถึงน้องพี่  แล้วจะคิดถึงผู้ใดกันเล่า" ภูวิษะเจ้าตรัสตอบด้วยสุรเสียงอ่อนโยนยิ่ง

 

         'แหวะ! ปากหวานจริง..จริ๊ง !!' เคียงฟ้าที่ยืนดูอยู่เกิดอาการครั่นเนื้อครั่นตัวขึ้นมาด้วยความหมั่นไส้

 

         "แล้วเหตุใดจึงเสด็จกลับมาป่านนี้   หรือทรงต้องอยู่สนทนากับผู้ใด ?"

 

         พระเทวีทรงเน้นสรุเสียงตรัสถามกระทบกระเทียบ  แต่ยามบุรุษจะมิทันเล่ห์สตรีนั้นก็มิเลือกว่าเป็นมนุษย์หรือนาคราชแต่อย่างใด   ภูวิษะเจ้าผู้ไม่เคยดำริว่าพระองค์กระทำสิ่งใด   อันเป็นตำหนิให้ติฉินได้ก็ย่อมมิรู้ความนัยของพระชายาฉันนั้น

 

         "ก็หลายผู้อยู่....ล้วนเป็นเรื่องการศึก"

 

         "ศึกสงครามนั้นสงบแล้วมิใช่หรือเพคะ? ยังต้องมาประชุมหารือเรื่องใดจนดึกดื่นอีก" สุรเสียงไม่พอพระทัยฉายออกมาเด่นชัด   ซึ่งแม้แต่เคียงฟ้าเองก็ไม่เชื่อถือคำของภูวิษะเจ้าเลยแม้แต่น้อย

 

         "ศึกภายนอกสงบแล้ว  แต่ภายในเพิ่งเริ่มเท่านั้น   การที่เราชนะศึกกันทรานคร...ผู้มีส่วนชิงชัยในการณ์นี้ก็ล้วนแล้วแต่ต้องการแบ่งผลประโยชน์ทั้งสิ้น    อีกทั้ง....เจ้าชายอนันตราชทรงเสนอให้เราบุกไปตีแสนภโวปุระ"

 

         "....? เราเพิ่งเสร็จศึกไฉนจึงเสนอให้ไปตีอีกนครเล่าเพคะ" คำบอกเล่าดึงความสนพระทัยจากมหิตาเทวีได้ชะงัก  ทรงลืมเลือนเรื่องส่วนพระองค์ไปชั่วขณะ

 

         "เพราะหลังจากเราตีกันทรานครได้แล้ว   จึงได้ทราบข่าวว่า....แสนภโวปุระก็กำลังซ่องสุมกำลังเตรียมการศึกเช่นกัน  เจ้าชายอนันตราชจึงเสนอให้เราชิงบุกตีแสนภโวปุระเสียก่อน  แต่พี่เห็นว่ากองทัพจุมภะเราเพิ่งเสร็จศึกยังเหนื่อยล้าอยู่มากมิควรจะมีการศึกในยามนี้   อีกทั้งสมควรจะเว้นช่วงให้ผ่านพ้นฤดูเก็บเกี่ยวไปเสียก่อน   จึงถกเถียงเรื่องนี้กันมาหลายเพลาแล้ว" 

 

         รับสั่งอันเคร่งเครียดนี้ทำให้มหิตาเทวีไม่กล้าตรัสเอ่ยซักถามสิ่งที่ค้างคาในพระทัย   แม้เคียงฟ้าจะพยายามกระซิบให้พระนางตรัสถามให้สิ้นสงสัยก็ตาม  แต่หากพระชายามิได้เอ่ยเอื้อนสิ่งใดออกมา  ยังคงแสร้งปฏิบัติองค์เหมือนเช่นปรกติทุกเมื่อเชื่อวัน   ภูวิษะเจ้าเองก็มิได้เคลือบแคลงสงสัยว่าพระนางร้อนพระทัยด้วยเรื่องใด   เว้นแต่แง่งอนที่ทรงวุ่นวายกับราชกิจจนทรงมิได้มาเคล้าคลอด้วยเหมือนเช่นเคย 

 

         "เพลานี้จุมภะปุระวุ่นวายนัก   รออีกไม่นานนักดอกทุกอย่างคงสงบเรียบร้อย  มิต้องกลับมืดค่ำเช่นทุกวันนี้  เจ้าอย่าได้แง่งอนพี่เลย" ตรัสพลางตระกองกอดพระเทวีไว้แนบอุระ 

 

 

 

 

แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 55 09:21:49

จากคุณ : แก้วกังไส
เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 07:39:55




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com