Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สาปกณิการ์ :: งามชบา - บทที่ 18 vote ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12828868/W12828868.html

บทที่ 18

ในความมืดอันกว้างใหญ่โอบล้อมไว้ด้วยป่าวังเวงผืนลี้ลับ หมอกควันขาวอมเทาลอยเคว้งคว้าง มันอ้อยอิ่งคลอเคลียยอดไม้ยอดหญ้า

น้ำค้างกลั่นหยดเล็กร่วงจากปลายยอดหยดแล้วหยดเล่า เสียงติ๋งแผ่วๆ ดังเป็นระยะดั่งว่ามีหน้าที่ปลุกซาตานให้ตื่นขึ้นมาจากหลุมดินที่ปิดทับไว้ด้วยแผ่นเลือดแข็งตัว

เสียงคำรามที่ฟังออกว่าไม่ใช่เสียงคนแน่แล้วดังแว่วเป็นพักๆ แผ่นเลือดแข็งตัวปริร้าวทีละนิดคล้ายทะเลน้ำแข็งเตรียมตัวละลายเมื่อเจอไอร้อนจากเปลวแดด ผู้นำไสยเวทย์เฝ้ารอการตื่นของร่างอมตะ วันเพ็ญผ่านพ้นไปแล้ว คืนแรมก็ย่างกรายมา

บนฟ้าสว่างเรืองด้วยแสงสีเพลิงของดาวอาสภ มันโคจรมาหยุดนิ่งเหนือหลุมดิน ด้วยไสยเวทย์ลี้ลับทำให้ผู้นำร่างแคระมองเห็นลำแสงสีแดงจางทอดตัวลงมา ปลายลำแตกกระจายคล้ายแตรคว่ำ รัศมีของแสงกรีดพลิ้วโอบล้อมหลุมดำอย่างเฝ้ารอ

"มันจะตื่นไหมผู้นำ"

ชายแคระคนหนึ่งถามขึ้น ตาเล็กแต่วาวด้วยรังสีลี้ลับของมนตร์ดำจ้องเขม็งรอยปริร้าวบนแผ่นเลือดแข็งด้วยอาการลุ้นระทึก

"มันต้องตื่น พวกเจ้าไปเตรียมเลือดไว้ให้มันอาบและดื่มกินอย่างเพียงพอเถอะ เจ้าซาตานตนนี้คือความสำเร็จของข้า ไสยเวทย์ซาตานของข้าจะรุ่งเรืองและปกครองทุกผืนทุกซอกที่ปรากฏบนโลกใบนี้"

ผู้นำกล่าวอย่างโอหัง หัวเราะต่ำลึก มือหยาบกร้านประดับเล็บดำกุดกอบดินร่วนที่ตักมากองพูนบนใบตองสด ปากใหญ่แห้งจนขึ้นเกล็ดขยับร่ายมนตราซาตานพร้อมกับซัดผงดินลงสู่แผ่นเลือดแข็ง

ปรากฏควันสีแดงจางผุดลอยขึ้นเป็นริ้ว ด้วยพลังอำนาจของสายลมปีศาจในคืนเดือนแรม ร่างซาตานที่นอนนิ่งในหลุมก็เริ่มขยับหนักหน่วงพร้อมกับเปล่งคำรามด้วยวาจาพยาบาทอหังการว่า 'แม่นางกณิการ์'

"แรงพยาบาทของเจ้าช่างรุนแรงยิ่งเจ้าซาตาน" ผู้นำร่างแคระแสยะยิ้มแล้วกล่าวขึ้น

"ข้าจะฆ่ามัน จะย่ำยีศักดิ์ศรีอันสูงส่งเทียมฟ้าให้ย่อยยับเช่นเดียวกับที่มันพร่าชีวิตแม่นางแพร"

"ตามใจเจ้า ชีวิตอมตะเป็นของเจ้า รอจนร่างกายดูดไอชะตาจากดาวอาสภกระทั่งคืนเดือนแรมผ่านพ้น เจ้าก็จะตื่นอย่างสมบูรณ์"

ความมืดทะมึนในหลุมไม่อาจซ่อนใบหน้าของวจาโหดร้าย มันตายแล้ว ซากศพถูกหล่อหลอมให้กลายเป็นหนึ่งกับมนตราซาตาน

เนื้อหนังที่เคยแข็งเย็นค่อยฟื้นฟูอย่างช้าๆ หากแต่ตาใหญ่ดุร้ายยังซ่อนความโฉดชั่วไว้ใต้เปลือกตาหนา นิ้วขยับได้ทีละนิ้ว ก่อนจะกำเป็นหมัดสั่นเกร็ง

ในห้วงความแค้น มันเห็นเงาของศัตรูลอยไปลอยมา แม่นางชั่วน่าชัง แม่นางกณิการ์ผู้โอหัง มันจะฆ่าอย่างทรมานด้วยการย่ำยีพรหมจรรย์ให้ย่อยยับลงอย่างช้าๆ

ก่อนดับสูญและสิ้นบารมี แม่นางชั่วจะต้องทุรนทุราย เจ็บปวดทารุณแสนสาหัส มันจะไม่ให้ตายตราบเท่าที่ยังไม่สาแก่ใจอาฆาต

รัศมีสีแดงจางยุติการกรีดพลิ้วรายล้อมปากหลุม มันหดรวบเป็นหนึ่งกับลำแสงใหญ่แล้วค่อยเลือนหายไปในความมืดอย่างอ้อยอิ่ง ดาวอาสภเคลื่อนตัวจากไปพร้อมกับการหลับใหลของซาตานร้ายก็สิ้นสุดลง

บังเกิดแรงดันมหึมากระแทกแผ่นเลือดแข็งแตกกระจายกลายเป็นละอองเหม็นเน่าคละคลุ้งเหนือปากหลุม โพรงดำมืดค่อยปรากฏร่างซาตานลืมตาโพลง มันไร้สิ้นแววของคนมีชีวิต ผู้นำไสยเวทย์หัวเราะต่ำลึกด้วยความพอใจ ร่างแคระลุกยืนอวดรังสีลี้ลับ

หากใครพอที่จะมีเวทมนตร์แก่กล้าอยู่บ้าง ก็จะเห็นได้อย่างตระหนกว่ารังสีมนตราลี้ลับนั้นแปรเปลี่ยนรูปร่างได้ตลอดเวลา

และหนึ่งในรูปร่างนั้นก็ไม่ผิดเพี้ยนไปจากร่างของเสือสมิงที่ดับสูญไปพร้อมกับการแลกชีวิตของแม่นางอชินีเมื่อกาลก่อน มิหนำซ้ำ ขณะที่ผู้นำร่างแคระเดินมาหยุดเหนือปากหลุม รังสีเสือสมิงยังคายเสียงคำรามอย่างลำพอง

และทันทีที่ซาตานดีดซากทื่อขึ้นมานั่ง ผู้นำไสยเวทย์ก็พลันตะปบกระหม่อมแน่น พริ้มตาถ่ายเทรังสีมนตราซาตานซึมสู่ซากเปื้อนมวลดิน

กลุ่มควันขาวปนแดงทะลักลอยขึ้นมาจากใต้ฝ่ามือใหญ่หยาบสวนทางกับการไหลของรังสีอมตะ ตลอดร่างของซากซาตานสั่นเทิ้มดั่งเจ็บปวด มันอ้าปากพ่นลมหายใจแหบพร่ายาวนาน ก่อนจะกระชากเสียงเย็นเยียบดุร้ายถามไปว่า

"เจ้าทำอะไรกับตัวข้า"

"ข้ากำลังมอบชีวิตใหม่แก่เจ้า รังสีของสิ่งมีชีวิตที่ดับสูญมากมายจะทยอยเข้าไปก่อพลังอมตะแก่เจ้า"

"พลังอมตะ"

"ใช่ และพลังที่แข็งกร้าวที่สุด ทำให้เจ้าแข็งแกร่งดั่งเนื้อหิน อาวุธใดๆ จะไม่ระคายผิวเจ้า พิษร้ายไม่อาจกัดกร่อน ก็คือพลังกลืนวิญญาณของสมิงพรายไพร"

"สมิงพรายไพร"

ซาตานหรี่ตาไร้แวว มันเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แต่ก็นานมาแล้ว ไม่แน่ใจว่าจะเป็นเสือสมิงที่ออกอาละวาดเข่นฆ่าคนมากมายผ่านคามแล้วคามเล่า กระทั่งไปจบชีวิตเก่งกล้าที่หมู่บ้านของแม่นางอชินีหรือเปล่า

"แม่นางอชินี" มันพลันอุทานคำราม ตาใหญ่ไร้แสงเบิกโพลง ลำตัวแข็งทื่อโงนเงนพลุ่งพล่าน "ข้าคิดไม่ผิดใช่ไหมไอ้ชายแคระ" มันตวาดกร้าวใส่ผู้นำที่ช่วยแปรเปลี่ยนชะตาอย่างไม่สำนึกบุญคุณ "สมิงพรายไพรคือเสือสมิงที่ดับสูญด้วยพลังอำนาจของแม่นางอชินีเมื่อกาลก่อนใช่ไหม"

"ใช่ เจ้าเข้าใจถูกแล้ว ดังนั้น เจ้าจงหยิ่งผยองในชีวิตอมตะของเจ้า สุดเขตแดนบนโลกใบนี้จะไม่มีใครทำลายความเป็นอมตะของเจ้าลง เว้นเสียแต่.. "

"อะไร ยังมีใครทำลายข้าได้อีกหรือ"

"เว้นเสียแต่แม่นางอชินีจะฟื้นคืนชีพ"

"ไม่ เป็นไปไม่ได้"

"ใช่ มันไม่มีวันเป็นไปได้ เข้าใจแล้วใช่ไหมเจ้าซาตานวจาของข้า"

ซาตานวจาคำรามพลุ่งพล่านในลำคอหนา มันเหลือบไปดูผู้นำไสยเวทย์ร่างแคระแหงนหน้าหัวเราะอหังการดังก้อง

ในห้วงพยาบาท มันได้แต่กระหยิ่มว่าร่างกายของมันเป็นอมตะแล้ว แม่นางกณิการ์ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่น่ากลัวอีกต่อไป ตรงกันข้าม ยามนี้ มันกลับมองแม่นางชั่วน่าชังเป็นเพียงเหยื่อสวะไร้พิษสง

ชีวิตของศัตรูผู้เกรียงไกรถูกกำหนดให้หดสั้นลงบนมือใหญ่หยาบที่ยกขึ้นกางเกร็งสั่นระริกเสมออก จะไม่มีใครแปรเปลี่ยนชะตาอับเฉาของแม่นางสารเลวได้อีก เว้นเสียแต่ว่าแม่นางอชินีจะฟื้นคืนชีพ

ไม่หรอก มันไม่มีวันเป็นไปได้ แม่นางอชินีจะไม่ย้อนคืน แต่แม่นางกณิการ์นี่สิ 'กำลังจะตามไปสมทบ'




เจ้าฟ้าธุวชินสง่างามด้วยรูปร่างสูงกำยำ อาภรณ์สีเทาอมฟ้าประดับด้วยโลหะผิวเรียบที่สลักลวดลายอย่างประณีต สลับแนวราบแนวโค้งด้วยหมู่รัตนชาติล้ำค่า เน้นสีแดงม่วงอันบ่งบอกถึงอุปนิสัยห้าวหาญ แข็งกร้าว และกระหายในอำนาจของผู้สวมใส่

รอยยิ้มที่อ่อนหวานเจือกรุ้มกริ่มกลายเป็นเสน่ห์ดึงดูดความประทับใจของประชาชนที่มาร่วมพิธีออกเหย้ากันอย่างพร้อมเพรียง

องครักษ์ศมะวางสีหน้าเรียบเฉยด้วยความทรมานใจ หลายครั้งที่บิดาสะกิดให้รู้สึกตัวเพราะจับได้ว่าใจลอยจนภารกิจบกพร่อง เขากระแอมเบาๆ แทนคำขอโทษ แต่แววตาปวดร้าวเสียจนบิดาสะทกสะท้อนยิ่ง

พิธีออกเหย้าเริ่มต้นขึ้นเมื่อยามสาย ปรากฏการณ์ที่บอกถึงบารมีหน่อเนื้อก็คือแสงแดดที่ส่องสะท้อนให้เห็นละอองหลากสีของมวลดอกไม้ มันโปรยปรายคล้ายฝนเข็ม

ประชาชนร้องฮือฮาสะท้านใจ บ้างก็น้ำตาซึมว่าได้เห็นเป็นมงคลครั้งหนึ่งในชีวิต ซ้ำละอองงดงามนั้นก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะจางหายตราบจนกว่าพิธีจะสิ้นสุด

"ท่านศมะ ได้เวลาบูชาบรรพบุรุษแล้ว" พระครูลาพุชถอนใจขณะสะกิดสีข้าง หน่อเนื้อใจลอยอีกแล้ว

"ลูกได้ยินแล้ว กำลังจะออกไปเดี๋ยวนี้แล้วไง เร่งอยู่ได้ ตื่นเต้นหรือท่านพ่อ ประหนึ่งออกเหย้าเสียเอง"

พระครูชราหัวเราะเคืองในลำคอ เข้าใจว่าเจ็บปวด เห็นใจว่าต่ำต้อยวาสนากว่าหน่อเนื้อต่างคาม และตื้นตันใจว่าใฝ่ดีไม่บกพร่อง ควบคุมหักห้ามความผิดหวังได้ ไม่ฮึกเหิมทำในสิ่งที่สวนทางจารีต

แต่ความรู้สึกทั้งหมดนี้ก็แทบจะถูกโยนทิ้งด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ที่เพิ่งผุดขึ้นภายหลังเพราะฤทธิ์พยศขององครักษ์ผู้กล้านั่นล่ะ

เจ้าฟ้าธุวชินยื่นมือขาวสะอาดรับถาดทองที่พูนด้วยเครื่องบูชาพลางสบตาขรึมขององครักษ์หนุ่มแวบหนึ่ง องครักษ์คู่ใจที่ส่งเข้ามาดูแลความเรียบร้อย มักจะกลับไปรายงานให้ฟังเสมอว่า

"ที่เข้านอกออกในได้อย่างมีอภิสิทธิ์ ก็เห็นจะมีแต่พระครูลาพุชและหน่อเนื้อเจ้าข้า แม่นางเจ้าฟ้าโปรดปรานนัก"

"พระครูลาพุชเป็นผู้รอบรู้ด้านโหราศาสตร์ หรือแม้แต่ไสยศาสตร์บางส่วนก็ศึกษาเพิ่มเติมจนกระทั่งแตกฉานด้วย อีกทั้งยังเป็นโหรคู่บุญของเจ้าฟ้าจ่างสมัยที่ยังปกครองคามดารกะ"

"ใช่แล้วเจ้าข้า"

"ส่วนหน่อเนื้อก็คงหมายถึงองครักษ์หนุ่มท่วงท่าองอาจที่เราเจอในลานฝึกอาวุธเมื่อคราวไปส่งของหมั้นกระมัง"

"เจ้าข้า ประชาชนทั่วไปต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหากองครักษ์ศมะเป็นหน่อเนื้อเจ้าฟ้า ก็คงมีวาสนาได้ออกเหย้ากับแม่นางกณิการ์ เพราะเติบโตมาด้วยกัน ร่วมปกป้องเขตคามเคียงบ่าเคียงไหล่ไม่เคยห่าง"

"ก็เคยได้ยินมาบ้าง แต่ก็ไม่นึกว่าแม่นางเจ้าฟ้าจะโปรดปรานถึงกับอนุญาตให้เข้านอกออกในใกล้ชิด"

"และบางค่ำคืนก็ยังเฝ้าอารักขาในห้องอีกด้วยเจ้าข้า"

เมื่อความคิดเคลื่อนมากระทบกับรายงานระคายหูเข้า ประกายตาเจ้าฟ้าธุวชินก็พลันแปรแสงจากอ่อนโยนเป็นกระด้างแวบหนึ่ง ด้วยว่าตนนั้นคุ้นเคยกับการโอบอุ้มอำนาจมาแต่วัยเยาว์ ผู้น้อยต่างยอมสยบยำเกรง

หากออกเหย้ามาร่วมปกครองคามดารกะตามความเห็นชอบของเจ้าฟ้าบิดา แล้วต้องมาอ่อนข้อยอมความแก่องครักษ์ต่ำต้อย ก็ออกจะขัดข้องและไม่ชอบใจนัก ยิ่งตระหนักรู้ถึงความผูกพันใกล้ชิดซึ่งก็ไม่รู้ว่าลึกซึ้งในกันและกันแค่ไหนอีก ก็ยิ่งขุ่นข้องนัก

"เจ้าจงออกไปคุ้มครองพิธีชั้นนอก เพราะในนี้มีองครักษ์แห่งเราทำหน้าที่แข็งขันอยู่แล้ว" เจ้าฟ้าเขยต่างคามบัญชาเสียงวางอำนาจ

"ไม่ได้" แม่นางกณิการ์ขัดทันควันเช่นกัน

"แม่นางกณิการ์ เราเชื่อในพิธีอันเป็นมงคลของเรา บรรพบุรุษจะคุ้มครองให้พิธีออกเหย้าผ่านไปอย่างปลอดภัยราบรื่น องครักษ์แห่งคามธุมาธารก็หาได้ด้อยฝีมือ แม่นางอย่าได้กังวลไป"

"น้องไม่ได้กังวลเจ้าข้า แต่ท่านศมะเป็นองครักษ์เคียงข้างแม่นางเจ้าฟ้า ถ้าไม่มีบัญชาจากน้อง เขาจะอยู่ห่างน้องไม่ได้ เจ้าพี่จงเข้าใจด้วย"

"แม่นางไม่ไว้ใจองครักษ์ของเจ้าพี่ใช่ไหม" เจ้าฟ้าสามีเริ่มเสียงกระด้างใส่

"เช่นเดียวกับที่เจ้าพี่หยามฝีมือองครักษ์เคียงบ่าเคียงไหล่ของน้องนั่นละเจ้าข้า"

"แม่นาง"

"ทำหน้าที่ของท่านต่อไป" แม่นางเจ้าฟ้าตัดบทกับองครักษ์ศมะด้วยเสียงเฉียบมั่นคง "คามดารกะปกครองโดยแม่นางกณิการ์ บัญชาของแม่นางเท่านั้นจึงนับเป็นเด็ดขาด"

เจ้าฟ้าธุวชินลอบกลืนความอับอายไว้ใต้ผิวแก้มที่ร้อนซู่ ยังไม่ทันได้ร่วมเตียงเคียงหอ แม่นางผู้เกรียงไกรก็อวดเบ่งวางอำนาจฉีกหน้าย่อยยับ หญิงกระด้างกระเดื่องเช่นนี้หรือที่เจ้าฟ้าบิดารบเร้าให้ออกเหย้าหวังผูกมิตรเชื่อมเขตคามให้เป็นหนึ่ง

แต่ก็เอาเถอะ ยอมความให้ไปก่อนก็ได้ รอให้เสร็จสิ้นพิธี รอให้ร่วมเตียงเคียงหอ การพิสูจน์ฝีมือขององครักษ์นักรบต้องอุบัติขึ้นแน่ๆ

ก็ให้รู้กันไปว่าองครักษ์ศมะผู้แบกหน้าเย่อหยิ่งข้างแม่นางเจ้าฟ้า จะมีราศีอันใดเทียบเคียงได้กับองครักษ์คู่ใจแห่ง 'คามธุมาธาร' นาม 'ประเด'




องครักษ์ประเดปรากฏกายออกมาจากเงามืด ท่วงท่าองอาจเผยกิริยาผยองแกมถือดีทันทีที่ประจันหน้ากับองครักษ์ศมะผู้ห้าวหาญ

เขาได้รับบัญชาจากเจ้าฟ้าธุวชินให้มาจับตาดูฝ่ายตรงข้าม เจ้าฟ้าหน่อเนื้อไม่โปรดปรานองครักษ์คนนี้ เพราะยโสอวดดีและเป็นต้นเหตุทำให้โดนฉีกหน้ากลางพิธีออกเหย้า

"เราทำตามหน้าที่ของเรา ไม่มีเจตนาสร้างความอับอายให้ใคร ท่านปรักปรำเราผิดแล้ว หลีกทาง"

องครักษ์ศมะไม่ยำเกรงสักนิดกับแววตาดุร้ายคู่นั้น เขายังยืนเฉยๆ ไร้ท่าทีตื่นตัวหรือพร้อมที่จะใช้กำลัง แม้แต่ปลอกมืดทั้งเอวทั้งขา เขาก็ยังไม่คิดจะแตะ

สายตาแหลมคมมองผู้มาเยือนอย่างไม่เป็นมิตรปราดเดียวก็ได้คำตอบว่าองครักษ์ประเดคนนี้ ถนัดอาวุธมากกว่าหมัดมวย สังเกตจากแขนขาและมือซึ่งดูว่าบอบบางเกินไป ดีไม่ดี แม้แต่แส้ก็อาจจะยังไม่เคยได้ฝึกฝน เพราะอาวุธชนิดนั้นมันคมเกินไป

ดูแต่แม่นางกณิการ์สิ เป็นหญิงแท้ๆ แต่แผลจากแส้บาดยังเกลื่อนเต็มแขนขา ดูว่าสมบุกสมบันกว่าองครักษ์คนนี้เสียอีก

"ได้ยินประชาชนกล่าวชื่นชมท่านศมะว่าเก่งกล้าสามารถ รอบรู้และเชี่ยวชาญอาวุธทุกชนิด ม้าศึกทุกตัวก็มักจะผ่านการฝึกฝนจากท่านก่อน หวังว่าประชาชนคงไม่กล่าวเกินเลยไปด้วยว่าเข้าใจอะไรผิดๆ หรอกนะ"

"ประชาชนมีความสุขในการพูดคุยก็ดีแล้วนี่ พวกเขามีเสรีภาพในการพูด คนรักก็ต้องกล่าวถึงอย่างยกย่องชื่นชม คนชังก็ค่อนขอดด้วยเสียงดูแคลน มันเป็นเรื่องปกติทั่วไป ท่านก็อย่าได้เก็บมาครุ่นคิดให้เสียการเลย กรุณาหลีกทาง"

เป็นหนสองแล้วที่องครักษ์แห่งแม่นางเจ้าฟ้าต้องเอ่ยขอปลีกตัวด้วยน้ำเสียงออมชอม ประกายแข็งกร้าวในตาดุร้ายคู่นั้นคอยบอกอยู่เรื่อยว่าเจ้าของมุ่งมาดอยากประลองฝีมือ เขาไม่กลัวหรอก แต่ต้องไม่ใช่เวลานี้

เขากำลังปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองอารักขาแม่นาง ในฐานะที่เป็นองครักษ์เหมือนกัน ฝ่ายตรงข้ามน่าจะเข้าใจไม่ใช่หรือ ทำไมดึงดันตั้งท่าขวางไม่จบ

"เรานอนไม่หลับ" องครักษ์ประเดโกหกแล้วยักไหล่ ทำทีลูบปลอกดาบที่ฝังรัตนชาติสีเขียวปนคราม "อาจจะแปลกคามก็เป็นได้ ข่มตายังไงก็ไม่หลับเสียที ถ้าได้ออกกำลังให้สิ้นเหงื่อบ้าง ไม่แน่ว่า.. "

"องครักษ์แห่งคามธุมาธารไม่ต้องทำหน้าที่คุ้มครองอารักขาเจ้าฟ้าในยามค่ำหรอกหรือ"

โดนย้อนกลับเรียบร้อยแต่คมคายยิ่งเช่นนั้น องครักษ์ต่างคามก็ถึงกับหายใจสะดุด หน้าแดงขึ้น แววตากระด้างก็ยิ่งกร้าวร้อน หากแต่ก็อำพรางความอับอายวูบหนึ่งไม่มิดชิด

"ตามข้อตกลงที่เราสองฝ่ายรู้กันดี" องครักษ์ศมะไม่อยากตอกย้ำ แต่ก็จำเป็นต้องให้อีกฝ่ายระลึกได้เสียบ้าง "เจ้าฟ้าหน่อเนื้อแห่งคามธุมาธารเดินทางมาเข้าพิธีออกเหย้าสู่แม่นางกณิการ์แห่งคามดารกะ เพื่อเป็นเจ้าฟ้าเขยเต็มตัวไม่ใช่หรือท่าน"

"ท่าน.. "

"ดังนั้น เราสองคนก็คงต้องอยู่ร่วมคามกันไปอีกนาน น่าจะเรียกว่าชั่วชีวิตก็ได้ ตราบเท่าที่แม่นางกณิการ์ยังคงปกครองคามดารกะโดยมีเจ้าฟ้าสามีเคียงบ่าเคียงไหล่"

"เคียงคู่ต่างหาก"

"สำหรับแม่นางแห่งเรา ไม่เคยมีคำนั้นหรอกท่านประเด" องครักษ์ศมะย้อนกลับเร็ว "แต่เราก็จะไม่อธิบาย ท่านอยู่ที่นี่ต่อไปอีกสักพัก ก็คงจะเข้าใจคำพูดของเราไปเอง"

"ท่านนี่.. "

"หลีกทางให้เราท่านประเด อย่าให้ท่านต้องแปดเปื้อนความผิดขัดขวางการทำหน้าที่คุ้มครองอารักขาแม่นางเลยนะท่าน การรับโทษเฉียบขาดจากแม่นางเจ้าฟ้าในวันพรุ่ง มันดูว่าจะเร็วเกินไปสำหรับองครักษ์ต่างคามอย่างท่าน หลีก"

องครักษ์ต่างคามพลุ่งพล่านในทรวงแค้น โดนยอกย้อน โดนเหน็บแนม ซ้ำยังโดนรัศมีน่าเกรงขามของอีกฝ่ายกลบแสงเจิดจ้าแห่งตนเสียแทบสิ้น ขณะถอยร่างห่างวิถีฝีเท้าคู่อริ สายตาที่เลื่อนตามร่างสูงใหญ่ก็ผ่าวร้อนไปด้วยกระแสชิงชังแกมอาฆาต

เอาเถอะ ยอมลงให้ไปก่อน เจ้าฟ้าธุวชินบัญชามาแล้วว่าในเร็ววันนี้ จะหาเรื่องจัดประลองฝีมือ ถึงตอนนั้น ค่อยฉีกหน้าหักเกียรติท่ามกลางประชาชนทั่วคามดารกะก็ยังไม่สาย ซ้ำยังจะสาแก่ใจกว่าอีกด้วย

ดาวอาสภเคลื่อนประกายสีแดงเพลิงมาลอยอ้อยอิ่งเหนือห้องนอนของแม่นางกณิการ์อีกแล้ว องครักษ์ศมะมาหยุดกลางลานฝึกอาวุธด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม

แม้จะได้ยินเสียงฝีเท้าขององครักษ์ต่างคาม แต่ก็ไม่ได้สนใจมากไปกว่าเพ่งเขม็งท้องฟ้ามืดที่ถูกรบกวนด้วยปรากฏการณ์ดาวร่วงดั่งพลุแตกกระจาย

"ช่างเป็นคู่ฟ้าที่ฟ้ากำหนดยิ่ง ดูเถอะ แม้แต่ดาวเดือนยังร่วมอวยชัยอวยพร เปล่งแสงระยิบระยับประหนึ่งเกร็ดรัตนชาติโปรยปราย เหมือนเช่นตอนทำพิธีออกเหย้านั่นยังไง ละอองมงคลอันงดงามโปรยปรายให้เป็นที่ปลาบปลื้มนัก"

องครักษ์แห่งคามดารกะลดตาลงพลางส่ายหน้ารำคาญนิดๆ เพิ่งจะมาพักพิงในเขตคามคนอื่น แต่กลับไม่รู้จักสำรวมวาจา เก่งแต่พล่ามในสิ่งที่ยังไม่เคยรู้จริง

วูบหนึ่ง ในใจก็อดสงสัยไม่ได้ว่าองครักษ์แห่งคามธุมาธารจะมีนิสัยไม่เข้าท่าเช่นองครักษ์ประเดคนนี้เหมือนกันทุกคนหรือเปล่า

ถ้าไม่เหมือนก็ดีไป ขอโล่งอกด้วย แต่ถ้าเหมือนขึ้นมา ก็ให้แสนเวทนาว่าคามใหญ่แห่งนั้นช่างอาภัพนัก ด้วยว่าผู้มีฝีมือจริงๆ หาได้ยากยิ่งเสียกว่าผู้มีฝีปากพล่ามได้น้ำลายแตกฟองโข

"เอ๊ะ ทำไมสีหน้าท่านศมะดูกลัดกลุ้มปนโศกลึกๆ เช่นนั้นเล่า" ความคิดที่ไหลไปสะดุดอีกแล้วด้วยวาจาถากถางเยาะเย้ยในที "กำลังผิดหวังกับวาสนาที่พุ่งทะยานไปไม่ถึงดาวอันเจิดจ้าดวงนั้นละสิท่าน โถ.. "

"ไม่ใช่หรอกท่าน" องครักษ์ศมะขยับผ้าคาดเอวให้เข้าที่ แล้วเริ่มตอกหน้าจริงจัง "หน้าตาเราศมะก็เป็นแบบนี้แหละ ท่านพ่อนิยามว่าหน้าไม่รับแขก เราก็เห็นดีด้วย แม่นางเจ้าฟ้าก็ชอบใจเหมือนกัน"

"เอ้อ อะไรนะท่าน" คนหาเรื่องกวนประสาทก่อนก็เลยเริ่มงง

"แล้วเราก็เชื่อว่ารอให้ท่านอยู่ที่นี่นานไปอีกหน่อย เราก็คงคุ้นเคยกับหน้าระรื่นผิวบางและช่างพูดของท่านได้แน่ๆ วางใจเถอะท่านองครักษ์แห่งธุมาธาร"

โดนอีกแล้ว ตอกตำเหน็บแนมได้นิ่มนุ่มจนอ้าปากไม่ออก ซ้ำยังตบบ่าเบาๆ ดั่งให้กำลังใจว่าคำที่กล่าวนั้นจะเป็นจริงในไม่ช้า เสร็จสรรพก็เดินจากไปด้วยมาดนิ่ง สองมือไพล่หลังอวดอิริยาบถสุขุมแต่ก็ตื่นตัวในที

องครักษ์ประเดรุ่มร้อนด้วยไฟอาฆาต เส้นขนลุกเกรียวตอบสนองประกายเข่นฆ่าในดวงตาริษยา แรงแค้นจากการเสียหน้าเสียเปรียบในค่ำคืนนี้ จะไม่ผ่านเลยไปโดยไม่มีการชำระสะสางแน่

รอให้ถึงวันประลองเถอะ เขาจะป้อนเลือดสกปรกของไอ้องครักษ์จองหองคนนี้ให้ดาบอันคมกริบคู่กายดื่มกินเสียให้อิ่มหนำ 'ขอสาบานด้วยเกียรติขององครักษ์แห่งธุมาธาร'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 16:00:21




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com