ตอนที่ 4 นี้เป็นฉบับยังไม่รีไรท์แก้ไขใดๆทั้งสิ้น อาจจะประหลาดบ้างเล็กน้อยตามประสาคนเขียนเพี้ยนๆนะคะ (เป็นพวกชอบพูดคำนิยมนิยามเน่าๆ จนเพื่อนๆทั้งไทยจีนเกาหลีอินโดรัสเซียพากันส่ายหน้าเวลาเราพร่ำเพ้อว่าอยากมีแฟน ฮ่าๆๆ)
ตอนที่ 4
จงเชื่อมั่นในตนเอง...และจงเชื่อมั่นในรักแท้
แน่ใจนะครับว่าไม่ให้ผมขับไปส่งที่บ้านเลย
วินธรเอ่ยถามหญิงสาวเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง นพรดาพยักหน้าเบาๆ เธอไม่ต้องการรบกวนชายหนุ่มไปมากกว่านี้
หลังจากชายหนุ่มทำเธอประหลาดใจด้วยการไปรับเธอที่บริษัท เขายังอาสาขับรถไปรับลูกสาวของเธอที่โรงเรียนอีกด้วย แถมยังชวนเธอและนิดาวรรณไปทานเค้กที่ร้านโดยไม่คิดสตางค์เป็นรอบที่สอง แม้เธอจะคะยั้นคะยอขอจ่ายเงินเท่าไหร่ วินธรก็เอาแต่ปฏิเสธท่าเดียว
ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ รถก็จอดอยู่แค่ด้านในเอง ดาขับพายัยนิดกลับบ้านเองได้...ไม่มีปัญหาค่ะ
หญิงสาวชี้มือเข้าไปในตึก ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสองทุ่มแล้ว ถึงแม้จะเลยเวลาพระอาทิตย์ตกดินมานานนับชั่วโมงแล้วก็ตาม แต่สำหรับหญิงสาวสมัยใหม่มันก็ไม่ได้ดึกดื่นอะไรมากมาย แถมยังเป็นสถานที่ที่คุ้นเคย การจะเดินเข้าไปเอารถเพื่อขับกลับบ้านนั้นไม่ใช่เรื่องยากเย็นของนพรดาเลยซักนิด
อย่างนั้นก็ได้ครับ วินธรทำหน้าเสียดายจำเอ่ยเข้าใจ กลับบ้านดีๆนะครับ
นพรดาหยักหน้าโบกมือลาชายหนุ่ม โดยมีนิดาวรรณยืนอยู่ข้างๆยกมือแกว่งลาคุณอาหนุ่มผู้ใจดี
บ้ายบายค่ะคุณอาวิน!
บ้ายบายครับหนูนิด
บีเอ็มดับเบิลยูคันงามแล่นผ่านหน้าหญิงสาวไปประตูทางออกของบริษัท นพรดามองชายหนุ่มขับรถออกไปจนลับสายตาก่อนจะหันมาหาลูกสาวตัวน้อยที่ยืนหงอยทำหน้าเศร้าเพราะเพื่อนคนใหม่กลับไป
เราก็กลับบ้านกันบ้างเนอะหนูนิด
ค่ะ
นิดาวรรณพยักหน้า นพรดาจูงมือลูกสาวตัวน้อยเดินเข้าไปในตึกตรงไปยังลิฟต์ ทั้งสองขึ้นไปยังชั้นจอดรถของบริษัทซึ่งมีรถฮอนด้าแจ๊สไฮบริดสีขาวของหญิงสาวจอดอยู่ ก่อนจะปลดล็อคอัตโนมัติเปิดประตูก้าวขึ้นรถ จุดหมายปลายทางก็คือบ้านของเธอและลูกสาวตัวน้อย
ฟ้าหลังฝนงดงามเสมอ
แสงสีทองส่องสว่างลงกระทบผืนดินชุ่มฉ่ำ หยดน้ำบนผืนไม้ใบหญ้าเปล่งประกายระยิบระยับน่าดูชม สายรุ้งโค้งผ่านทอดยาวดั่งสะพานสู่สรวงสรรค์ หญิงสาวเงยหน้าสูดรับไอดินกลิ่นหญ้าเต็มปอดสดชื่นหัวใจยิ่งนัก
เธอยืนมองต้นไม้ใหญ่ที่ยังคงตั้งตระหง่านอยู่ที่เดิมไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานกี่สิบปี ก่อนจะทาบมือลงสัมผัส แล้วนึกถึงใครบางคน
สิบหกปีที่ผ่านมา...ไม่เคยมีวันไหนที่เธอไม่คิดถึงเขา...ทุกครั้งหัวใจยังคงร้องเรียกโหยหาอยากให้เขากลับมาส่งยิ้มให้เธอเหมือนเคย
แต่ในความเป็นจริงนั้น...เธอรู้ดี รู้ดีว่าสิ่งที่เธอขอร้องนั้นเป็นเพียงสิ่งที่เพ้อฝัน...เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
หญิงสาวก้าวเดินออกไปยังทุ่งหญ้าเขียวขจีกว้างใหญ่ ทันใดนั้นสายลมพัดพลิ้วผ่านข้างกายคล้ายโอบกอดให้คลายเหงา ราวกับใครอีกคนที่แสนไกลจะรู้ว่าหัวใจของเธอตอนนี้ร้องไห้ระทมชอกช้ำขนาดไหน
ไม้กางเกงตั้งตรงชี้ฟ้า หลุมศพสี่เหลี่ยมขนาดกว้างกว่าสระรีมนุษย์เล็กน้อยถูกกลบดินไว้อย่างดี แผ่นป้ายหินอ่อนสีขาวเหลืองสะอาดสะอ้านเป็นการบ่งบอกว่าเมื่อไม่นานนี้เพิ่งจะถูกเช็ดถูทำความสะอาด หญิงสาวเหลียวมองซ้ายขวาอย่างสงสัย...สงสัยจะเป็นแม่บ้านกระมัง
อุ่นไอจากแสงแดดส่องให้ความอบอุ่นแก่กายเนื้อ หญิงสาวย่อตัวนั่งลงหน้าหลุมศพ ก่อนวางช่อดอกทานตะวันที่ถูกจัดแต่งมาอย่างดี
เธอยังจำได้ดี...เขาเคยบอกเธอว่าดอกไม้ที่เขาชอบที่สุดก็คือดอกทานตะวัน
สวัสดีกร หญิงสาวเว้นจังหวะการพูดเมื่อรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบรัดเน้น น้ำใสคลอหน่วยบนนัยน์ตาโศก เหมือนกับเพิ่งเมื่อวานนี้เองที่เธอและเขายังหัวเราะพูดคุยด้วยกัน
กรอยู่ที่นั่น...สบายดีมั้ย?...ส่วนเราสบายดีนะ
สายลมพัดผ่านคล้ายรับรู้ หญิงสาวเงยหน้ายิ้มด้วยหัวใจเป็นสุข หยดน้ำใสร่วงหล่นแก้มนวลขาวใสสะอาดคล้ายเพชรเม็ดงาม
เราคิดถึงกรนะ...รู้มั้ยคิดถึงทุกวันเลย...ไม่มีวันไหนที่เราไม่เคยไม่คิดถึงกร...
กรละ?...คิดถึงเราบ้างมั้ย?...
สายลมพัดแรงขึ้นคล้ายอยากจะบอกกล่าวคำตอบ หัวใจดวงน้อยเต้นแรง ยิ้มให้กับตนเอง เธอไม่รู้ว่านี่เป็นความบังเอิญหรือใครบนฟ้านั้นจงใจ แต่เธอก็พอใจและชื่นใจ...
กร...สักวันนึง...บนนั้น...เราจะตามไปอยู่กับกรนะ...
...กรรอเราหน่อยนะ...
มากกว่าคำพูด หญิงสาวใช้หัวใจเป็นคำมั่นสัญญา
สายลมสงบลงราวกับรับรู้ หญิงสาวลุกยืนอ้าแขนรับแสงแดดอบอุ่น หัวใจดวงน้อยเปี่ยมสุขล้น สัญญาจากใจไม่มีวันเสื่อมคลาย...
คำว่า รัก นั้นไม่มีความหมาย หากผู้พูด...ไม่ได้พูดออกมาจากหัวใจ
ติดตามตอนต่อไปค่ะ....^^
แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 55 20:44:36
แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 55 20:37:57
แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 55 20:33:33
จากคุณ |
:
mollaly
|
เขียนเมื่อ |
:
4 พ.ย. 55 20:30:40
|
|
|
|